สุดยอดชาวประมง – บทที่ 33 ความร่วมมือ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 33 ความร่วมมือ[รีไรท์]

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสจางพูด สายตาของทุกคนก็พากันมองเข้าไปด้านในและพบว่ามีเจ้าหน้าที่ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยุ่งอยู่ แม้ว่าเหล่าผู้นำจะอยู่ที่นี่แต่ดูเหมือนว่าในสายตาของทั้งคนสองคนจะมีก็แต่งานตรงหน้าเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ พวกเขาทั้งสองคนกลับเลือกที่จะไม่สนใจ

“เด็กทั้งสองคนนี้ไม่เลวเลย ฉันว่าพวกเขาเหมาะที่จะเป็นผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการมากกว่าคนพวกนั้นซะอีก!” ผู้อาวุโสจางมองคนหนุ่มสาวทั้งสองด้วยความชื่นชม ก่อนที่จะหันกลับไปมองข้างนอกอีกครั้ง ซานซานและเฉิงเฟิงทั้งสองคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมทิ้งงานในครั้งนี้ จะทำให้อาชีพการงานของพวกเขารุ่งเรืองสดใสในอนาคต

ขณะที่ฉู่เหินกำลังจะกลับ ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการที่อยู่ตรงนั้นก็รีบส่งนามบัตรของพวกเขาให้แก่ฉู่เหิน อย่าล้อเล่นน่า นี่คือคนที่เรียกพี่เรียกน้องกับผู้อาวุโสจาง อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ควรจะทำดีกับคนคนนี้! ไม่เพียงแต่ผู้อำนวยการและรองทั้งสองคน แม้แต่จางหยู่เอง ตัวเขาก็ยังแลกเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวกับฉู่เหิน

ผู้อาวุโสจางและผู้อาวุโสหวงเห็นว่า ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วที่จะกลับยังบ้านของฉู่เหิน ดังนั้นพวกเขาจึงชวนฉู่เหินให้ไปเป็นแขกที่บ้าน เดิมทีฉู่เหินต้องการจะปฏิเสธ อแต่ด้วยความที่เขาไม่สามารถต้านทานความกระตือรือร้นของผู้อาวุโสจางได้ เขาและเสี่ยวชิงจึงได้แต่พยักหน้ารับ อย่างไรก็ตามขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปในรถ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที

“อาเหิน ฉันคือพี่รอง ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? ไม่ต้องห่วงนะ คนในหมู่บ้านของเรากำลังจะไปยื่นคำร้องให้นาย มั่นใจได้เลยว่าคนทั้งหมู่บ้านจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!” หลังจากฉู่เหินได้ยินคำพูดที่พี่รองพูดมาทางโทรศัพท์ เขาก็อดน้ำตาคลออย่างซาบซึ้งใจไม่ได้

ตอนนี้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่พุ่งเข้าในหัวใจ เขารู้ว่าเหล่ามิตรสหายที่บ้านเกิดต่างพากันวางมือจากการทำงานเพื่อมาช่วยเหลือตัวเอง ความรู้สึกในครั้งนี้เขาจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในอนาคตเขาจะกลับไปทดแทนทุกคนอย่างแน่นอน

“พี่รอง ผมขอบคุณพี่และพี่น้องทุกคนจริง ๆ ตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรแล้วกำลังจะไปพักที่บ้านพี่ชายที่อยู่ในเมือง เดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว ฝากคุณช่วยดูแลบ้านให้ผมด้วยนะครับ” หลายปีมานี้ มีแค่ครั้งนี้ที่เขารู้สึกถึงความจริงใจของพี่รอง เนื่องจากแต่ไหนแต่ไรมา ทุกครั้งที่พี่รองพบกับเขานอกจากโอ้อวดเกี่ยวกับตัวเองแล้วก็ไม่เคยมีธุระอื่น ๆ อีก แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ พี่รองจะเป็นคนที่ออกหน้าช่วยเหลือเขา สำหรับน้ำใจในครั้งนี้เขาได้จดจำใส่ใจไว้เรียบร้อยแล้ว

ชาวบ้านในหมู่บ้านชาวประมงไหก่างต่างมีความสุขมากที่ได้ยินว่าฉู่เหินไม่เป็นอะไร และเขากำลังจะกลับบ้าน! เพียงแต่เขาได้พบกับพี่ชายคนหนึ่งที่อยู่ในเมือง พวกชาวบ้านต่างพากันทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ฉู่เหินน่าทึ่งจริง ๆ ทั้งที่อายุยังน้อยแต่กลับสามารถเรียกพี่เรียกน้องกับผู้อาวุโสจาง ยังไม่ทันที่คนในหมู่บ้านจะรวมตัวกันเพื่อยื่นคำร้องให้เขา ทุกอย่างก็จบเสียก่อนแล้ว แค่มองก็รู้ได้ว่าฉู่เหินคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ครอบครัวของผู้อาวุโสจางอาศัยอยู่ในบ้านพักเล็ก ๆ ในเขตจิงหัวเมืองเหลียวโจว กว่าพวกฉู่เหินจะไปถึงก็ใช้เวลาเดินทางถึงสองชั่วโมงกว่า ระหว่างนั้นเสี่ยวชิงได้โทรกลับไปหาพ่อแม่ครั้งหนึ่งเพื่อแจ้งว่าวันนี้จะไม่กลับบ้าน การโทรศัพท์ครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกให้ทั่วทั้งตระกูลหลิว

เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่ ๆ จะไปค้างคืนนอกบ้าน มันจะไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ? ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่า เสี่ยวชิงเข้าใจในสิ่งที่ครอบครัวของเธอคิดได้ดี ดังนั้นหลังจากวางสายแล้วหญิงสาวก็กดปิดโทรศัพท์ทันที หลังจากปิดโทรศัพท์แล้วเธอยังรู้สึกวิตกกังวลอยู่เล็กน้อย

เมื่อพ่อแม่ของเสี่ยวชิงโทรหาเธออีกครั้ง พวกเขาก็พบว่าโทรศัพท์ของอีกฝ่ายถูกปิดไปแล้ว ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกรับไม่ได้! พวกเขานั่งไม่ติด ได้แต่เดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่งด้วยความอึดอัดใจ เมื่อเสี่ยวเฟิงกลับมาถึง หลังจากเธอรับรู้เรื่องราวแล้ว เธอก็ให้ความมั่นใจแก่พ่อแม่ของเธอว่าเธอจะจัดการกับเรื่องนี้เอง พูดจบเสี่ยวเฟิงก็เดินกลับห้องด้วยใบหน้าปั้นยาก เสี่ยวเฟิงคิดว่าเสี่ยวชิงน่าจะอยู่กับฉู่เหิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอกล้าให้ความมั่นใจกับพ่อแม่

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงเรื่องโทรศัพท์แล้ว เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ต้องรู้ว่าหมู่บ้านชาวประมงไหก่างและหมู่บ้านต้าหวังจวงนั้นอยู่ห่างกันไม่กี่กิโล ด้วยเหตุนี้เธอจึงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉู่เหินเป็นอย่างดี แต่เธอคิดว่าน้องสาวของเธอกลับบ้านแล้วจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก ดังนั้นเมื่อได้ฟังคำพูดของพ่อแม่เธอจึงตกใจมาก

หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเธอก็ยังโทรไปหาฉู่เหินเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากไม่ใช่ฉู่เหินตามที่เธอเดาไว้ล่ะก็ นี่ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ

“สวัสดีครับ นั่นใครครับ?” ฉู่เหินที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านของผู้อาวุโสจาง จู่ ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขากดรับสายแล้วก็ได้ยินเสียงดังขึ้นแทบจะทันที

“ฉู่เหิน ฉันเสี่ยวเฟิง ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?” เมื่อฉู่เหินได้ยินก็นิ่งไปสักครู่ ทำไมพี่สาวเสี่ยวเฟิงไม่ตามหาพี่รอง แต่กลับโทรหาเขาแทนล่ะ?

“พี่สาวเฟิง! ผมอยู่ในเมือง! ผมอยู่ในเมืองเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจเกี่ยวกับบ่อปลาของผม พี่เฟิงมีธุระด่วนอะไรรึเปล่าครับ?” ฉู่เหินรู้สึกว่าเสี่ยวเฟิงมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทำไมเธอถึงได้ถามเขาแบบนี้

“อาเหิน ฉันไม่เคยปฏิบัติต่อนายในฐานะคนนอก ดังนั้นฉันมีอะไรบางอย่างที่อยากจะถามนาย นายต้องบอกความจริงกับฉัน” เมื่อได้ฟังคำพูดที่จริงจังของเสี่ยวเฟิง ฉู่เหินก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

“พี่เฟิง คุณมีอะไรจะถามผมเหรอครับ ถ้าผมรู้ต้องไม่ปิดบังพี่แน่!”

“อาเหิน ตอนนี้เสี่ยวชิงไม่อยู่ เธอบอกว่าเธออยู่ในเมือง แต่ฉันไม่วางใจให้เธออยู่คนเดียว นายช่วยฉันตามหาเธอหน่อยได้ไหม?” เมื่อได้ยินเรื่องนี้ตาของฉู่เหินก็เบิกกว้างอย่างแปลกใจ แล้วมองไปที่เสี่ยวชิงที่นั่งอยู่บนโซฟา

“พี่เฟิง เสี่ยวชิงอยู่กับผม เธอมาที่นี่เพื่อช่วยผมเจรจาธุรกิจครับ!” หลังจากได้ยินฉู่เหินก็ไม่ลังเลที่จะบอกออกไป เมื่อเสี่ยวเฟิงได้ยินคำตอบของฉู่เหิน เธอก็โกรธไม่ลง ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง

รอจนฉู่เหินวางโทรศัพท์ เสี่ยวชิงที่หน้าแดงเล็กน้อยก็เดินมานั่งด้านข้างของฉู่เหิน หลังจากพูดกันสองสามประโยคฉู่เหินก็เดินไปหาผู้อาวุโสจางด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง!

“พี่ใหญ่จาง วันนี้ตอนกลับมาคุณบอกผมในรถว่าคุณสามารถช่วยผมติดต่อกับผู้ซื้อระยะยาวได้ เรื่องนี้เป็นความจริงรึเปล่าครับ?” ระหว่างเดินทางกลับจากเขตผู้อาวุโสจางต้องการช่วยเหลือฉู่เหินและบอกว่า “หากในอนาคตปลาเกล็ดขาวโตเต็มที่แล้ว มีเท่าไหร่เขาก็จะรับซื้อทั้งหมด” โดยเขาจะติดต่อกับผู้ซื้อให้แก่ฉู่เหินเอง!

“ฉันพูดตามตรงนะน้องชาย เธอเคยคิดบ้างไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าปลาสีขาวตัวนี้วางขายในตลาดอย่างเป็นทางการ? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเธอจะสามารถรักษามันไว้ได้ไหม แม้ว่าเธอจะสามารถรักษามันไว้ได้ แต่หลังจากนั้นเธอจะไม่สามารถมีชีวิตที่สงบสุขได้อีก” หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสจาง ฉู่เหินก็เริ่มหวั่นไหว

ใช่แล้ว! พี่ใหญ่จางพูดถูกจริง ๆ! ต้องรู้ว่าหลังจากที่ปลาตัวนี้วางตลาดอย่างเป็นทางการแล้ว เขากลัวว่าวงการแพทย์ทั้งหมดจะเกิดความโกลาหล ถ้าเวลานั้นมาถึงจริง ๆ ทุกประเทศคงจะพากันตามหาปลาสายพันธุ์นี้มาเป็นของตัวเอง ขืนเป็นแบบนั้นเขาคงจะไม่มีวันได้พักผ่อนอีกเลยแน่ ๆ

หลังจากเข้าใจแล้ว ฉู่เหินก็รู้สึกหมดหนทาง จะให้เขาวางมือเลิกขายของวิเศษชิ้นนี้น่ะหรือ แน่นอนว่าไม่มีทาง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นหนทางสู่ความร่ำรวยเขาจะไม่ทำได้ยังไง

“พี่ใหญ่ ตามความคิดของผม เราน่าจะร่วมมือกัน! เราสามารถไปหาสถานที่อื่นเพื่อขยายบ่อปลาและหากำลังคนเพื่อปกป้องมัน นอกจากนี้ปลาเกล็ดขาวที่เลี้ยงในบ่อปลาก็จะต้องขายให้คุณทั้งหมด” พูดจบฉู่เหินก็พุ่งความสนใจไปที่พี่ใหญ่จางที่กำลังครุ่นคิด

“พี่ใหญ่จาง ต่อหน้าคนจริงไม่พูดอ้อมค้อม เราสามารถร่วมมือกันได้ แต่ผมต้องรู้ว่าผมทำงานกับใคร กับคุณหรือกับคนอื่น?” มองฉู่เหินที่ดวงตาเป็นประกาย พี่ใหญ่จางก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่

“เธอกำลังร่วมมือกับกองทัพ ต่อจากนี้ปลาเกล็ดขาวที่เธอเลี้ยงไว้จะเป็นของกองทัพทั้งหมด แน่นอนว่ากองทัพจะไม่ทำให้เธอต้องขาดทุนอย่างแน่นอน เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้!”

Next

สุดยอดชาวประมง

สุดยอดชาวประมง

Status: Ongoing
ฉู่เหิน เด็กหนุ่มธรรมดาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมง ทุกวันเขาจะออกไปหาปลาที่ทะเลกับพี่ชาย แต่วันนั้นก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มีพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งสองพยายามหนีจากพายุลูกนั้นอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่ทัน…ในขณะนั้นเองฉู่เหินรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มีเสียงดังขึ้นในหัวของเขาทันใดนั้นก็มีแหปรากฎออกมาตรงหน้าเขาหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หมดสติไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยายาบาลและโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่กลับกันกับพี่ชายของเขาที่อยู่ในห้องผู้ป่วยข้างๆ มีสภาพที่ขาหัก หรืออาจจะต้องเสียขาและพิการไปตลอดชีวิต ซึ่งค่ารักษาพยายาบาลของพี่ชายเขาไม่ใช่เงินน้อยๆ แล้วอย่างนี้ฉู่เหินจะทำยังไงต่อไป….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท