ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง – ตอนที่ 529

ตอนที่ 529

ตอนที่ 529 จะไม่ให้พวกเจ้าสามีภรรยาต้องแยกจากกัน

 

 

เมื่อเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว และเขาก็พาเหลียงอู๋เย่ว์กลับมาด้วย จึงเรียกคนให้มาช่วยทำความสะอาดลานบ้านเป็นที่พักชั่วคราวให้เขาอยู่ ออกจากประตูไปจ้องมองเฉาเต๋อหลุนด้วยสายตาเย็นชาแล้วกำชับว่า “เรื่องของข้าเจ้าก็รู้อยู่ไม่น้อย ระวังปากของตัวเองให้ดี หากเรื่องนี้รั่วไหลออกไปเพียงนิดเดียว ข้าจะถลกหนังเจ้า”

 

 

เฉาเต๋อหลุนสัญญาว่ามิกล้า “ชีวิตของข้าน้อยนี้เป็นของท่านอ๋อง ยากนักที่ข้าน้อยจะกลับเข้าวังได้ นอกจากใจจงรักภักดีที่ข้าน้อยมีให้กับท่านอ๋องแล้ว ก็ไม่กล้าทำสิ่งที่เขาคิด ท่านวางใจได้ มีข้าน้อยอยู่ ข่าวแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถรั่วไหลออกไปได้”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋พยักหน้า เมื่อสั่งกำชับเสร็จ กำลังจะเดินจากไป เหลียงอู๋เย่ว์ก็ตามออกมาพอดี “อย่าเพิ่งไป เว่ยหมิ่นเล่า เว่ยหมิ่นอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไรแล้วบ้าง ลูกยังอยู่ดีไหม ข้านับวันดู ตอนนี้ลูกน่าจะประมาณสี่ห้าเดือนแล้ว ถ้าเช่นนั้นท้องก็น่าจะชัดเจนแล้ว ไม่รู้ว่าได้กินอาหารดีๆ ไหม ตอนกลางคืนนางไม่ค่อยยอมนอน คนข้างกายนางก็ไม่รู้ว่าดูแลนางดีหรือไม่ ข้าต้องไปดูนาง เจ้าจะพาข้ามาบ้านเจ้าทำไม”

 

 

“เจ้าพักอยู่นี่ก่อน หลังจากนี้โอกาสที่พวกเจ้าสองสามีภรรยาจะได้พบกันยังมีอีกมาก” เขาเป็นผู้ชาย เรื่องเช่นนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอ้อมอย่างไร พูดตรงๆ ไปเลยก็กลัวเขาจะรับไม่ได้ อารมณ์ความรู้สึกเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากปิดบังต่อไป ใจก็รู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องรู้ แต่ทว่าปากมันก็พูดไม่ออก

 

 

เหลียงอู๋เย่ว์ไม่ได้เจอเว่ยหมิ่นมาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว คิดถึงทั้งกลางวันกลางคืน ตอนที่โดนขังอยู่ในจวนท่านหญิงออกมาไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ตอนนี้เขาออกมาแล้วจึงนั่งไม่ติดแม้แต่วินาทีเดียว คิดแต่เพียงอยากพบเว่ยหมิ่นให้เร็วที่สุด หากไม่เจอนางเดี๋ยวนี้ จิตใจเขาก็ไม่อาจสงบลงได้

 

 

“นางยังอยู่ในวังใช่หรือไม่ วันนี้เป็นวันเกิดของนาง เดิมที่ข้าต้องอยู่ฉลองกับนาง พี่เฝิง เจ้าช่วยข้าสักครั้ง เจ้าให้เราสองคนพบกันได้หรือไม่ พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันหรือ อยากขอร้องเจ้าสักครั้งให้ข้าได้เจอนางได้หรือไม่”

 

 

อย่างช้าสุดพรุ่งนี้เช้า ข่าวจะต้องกระจายไปทั่วเมืองหลวงเป็นแน่ ถึงเวลานั้นอยากปิดบังก็ปิดบังเขาไม่ได้ เขาคนนี้ถึงแม้ยามปกติเขาจะดูเอ้อระเหยลอยชายใช้ไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนจิตใจละเอียดอ่อนให้ความสำคัญกับความรัก หากรู้ว่าลูกของตนไม่อยู่แล้ว เกรงว่าเขาจะใจสลายตามไปด้วย

 

 

“เจ้าใจเย็นหน่อย” เฝิงเยี่ยไป๋พาเขาเข้าห้อง “เจ้าโดนขังไว้ในจวนท่านหญิงนานเกินไป ข่าวคราวบางอย่างข้างนอกเจ้ายังไม่รู้… มีบางเรื่องข้าต้องบอกเจ้า แต่ว่าเจ้าต้องรับปากข้าก่อนว่าเมื่อฟังแล้วอย่าเพิ่งวู่วาม”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดคุยกับเขาน้อยมาก ปกติถ้าพูดเช่นนี้นั้นหมายความว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว เขานั้นไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ข่าวอะไรเลย เว่ยหมิ่นพักอยู่ที่ตำหนักอวี้ชิ่ง ตำหนักอวี้ชิ่งสำคัญอย่างไร คือสถานที่สำหรับพระชายาของฮ่องเต้ นางสนมล้วนแต่ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปอยู่ได้ ตำแหน่งสนมขึ้นไปต้องได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ถึงจะสามารถเข้าไปอยู่ได้

 

 

แต่ว่าเว่ยหมิ่นเป็นผู้หญิงของเขา เป็นภรรยาเขาแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเว่ยหมิ่นถึงเข้าไปอยู่ในตำหนักอวี้ชิ่งเช่นนี้ อยู่ๆ ก็กลายเป็นคนของฮ่องเต้ไปแล้วหรือ ใจเขาเดาไปเรื่อยแล้วพูดด้วยท่าทีที่มั่นคงว่า “ฮ่องเต้เก็บเว่ยหมิ่นไว้ใช่หรือไม่ ข้ารู้เรื่องที่นางอยู่ตำหนักอวี้ชิ่ง ฮ่องเต้อยากจะฆ่าข้าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ให้ข้าเจอเว่ยหมิ่นถูกหรือไม่”

 

 

อย่างน้อยเขาก็เดาถูกส่วนหนึ่ง เฝิงเยี่ยไป๋พยักหน้า กดไหล่ของเขาไว้มั่น “เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน ข้ากำลังคิดหาวิธีอยู่ จะต้องช่วยเว่ยหมิ่นออกมาให้ได้ มีข้าอยู่ทั้งคนจะไม่ให้พวกเจ้าสองสามีภรรยาต้องแยกจากกันอีก”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋นับว่าเป็นพี่ชายของภรรยาเขา แล้วทั้งสองก็เป็นพี่น้องที่โตมาด้วยกัน เขาเชื่อคำพูดของเฝิงเยี่ยไป๋ แต่เรื่องพวกนั้นที่ปิดบังเขาไว้ ทำให้จิตใจของเหลียงอู๋เย่ว์รู้สึกไม่สงบ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 530 ข้าไม่ได้เป็นลูกผู้ชายเลย

 

 

ก็เพราะว่าพวกเขาโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก รู้จักกันดีเกินไป รู้ใจซี่งกันและกัน ความจริงที่เฝิงเยี่ยไป๋ปิดบังเขานั้นถึงเป็นเรื่องที่ทำให้เหลียงอู๋เย่ว์รู้สึกกระวนกระวาย

 

 

“ความหวังดีของเจ้า ข้ารู้และรับเอาไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลถึงความรู้สึกของข้าพูดเพียงส่วนเดียว พวกเราเป็นพี่น้องมานานหลายปี ข้ารู้ใจเจ้าดีเกินไป หากเจ้าไม่ได้มีอะไรปิดบังอยู่ในใจก็น่าจะชี้จมูกข้าด่าเสียแล้ว เพียงแต่เจ้านอกจากจะไม่ด่าข้าแล้วยังพยายามปลอบข้า พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่มีอะไรที่พูดกันไม่ได้ เจ้ามีอะไรก็พูดมาเสีย ข้ารับไหว”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋โกหก คนทั่วไปดูไม่ออก ยามที่เขาโกหกนั้นหน้าไม่แดงใจไม่กระตุก ความสามารถในการพูดโกหกอย่างหน้าด้านนั้นเรียกได้ว่าหาที่เปรียบไม่ได้ หากไม่ใช่เหลียงอู๋เย่ว์รู้จักเขา เกรงว่าคงถูกเขาหลอกแล้วเช่นกัน

 

 

เขาไม่จำเป็นต้องโกหกเหลียงอู๋เย่ว์ นี่เป็นครั้งแรก แถมยังถูกเขาจับได้อีก เขาจึงนิ่งเงียบทันที คิดว่าจะพูดอย่างไรถึงจะทำให้เขาไม่รู้สึกแย่

 

 

เป็นลูกผู้ชาย ลังเลเช่นนี้ นอกจากภรรยาของเขาแล้ว กับผู้ชายนี่ยังเป็นครั้งแรก ตอนนี้เขารู้จักคิดแทนคนอื่นแล้ว หากเป็นตัวเอง ก็ใช่ว่าจะทนไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหลียงอู๋เย่ว์ คนที่เปราะบางยิ่งนัก ช่างทำเอารู้สึกไม่อยากทำร้ายเสีย

 

 

เขาไม่ลังเลยังดี พอลังเลแล้ว ความร้ายแรงของเรื่องนี้ที่อยู่ในใจของเหลียงอู๋เย่ว์ก็เห็นได้เลย แม้แต่เขายังยากที่จะพูด เช่นนั้นเว่ยหมิ่นต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ เขาอดทนจนขอบตาแดงก่ำ เส้นเลือดปูดขึ้นหน้าผาก สุดท้ายก็ทนไม่ไหว “เฝิงเยี่ยไป๋ เจ้าปิดบังข้าจะปิดบังได้นานเพียงใดเชียว ไม่สู้รีบบอกข้าเสีย จะได้ไม่ต้องทำให้ข้าคิดเพ้อไปไกล”

 

 

เรื่องมาถึงเช่นนี้ ปิดบังต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว ในใจเฝิงเยี่ยไป๋ปล่อยวาง จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ตั้งแต่เว่ยหมิ่นแท้งลูก มาถึงวันเกิดครั้งนี้ที่ไปทะเลสาบเป้เอ่อร์ลอบสังหารฮ่องเต้ พูดจบเขาก็มองดาวบนฟ้าที่อย่นอกหน้าต่าง “ข้าส่งคนไปรับนางที่นั่น เพียงแต่จะเข้าไปใกล้มากก็ไม่ได้ หากประมือกับกององครักษ์ขึ้นมาจนเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตมีแต่จะทำให้นางหนีไม่สะดวก”

 

 

“เช่นนั้นแล้วตอนนี้ล่ะ รออยู่เช่นนี้หรือ”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เหลือบมองเขา “ตอนนี้ไม่มีข่าวก็คือข่าวที่ดีที่สุด หากเว่ยหมิ่นเกิดอะไรขึ้น ข้าย่อมไม่นั่งอยู่เฉยๆ ต่อให้นางไม่ได้เป็นผู้หญิงของเจ้า ก็ยังเป็นน้องสาวของข้า ข้าไม่ปล่อยเอาไว้แน่ สำหรับนาง ข้าใส่ใจยิ่งกว่าเจ้า ตอนนี้เจ้ายังโผล่หน้าไปไม่ได้ พรุ่งนี้ข่าวการตายของเจ้าก็จะกระจายทั่วเมืองหลวง สิ่งเดียวที่เจ้าทำได้ตอนนี้ก็คือรออยู่ที่นี่ซะ อย่าได้ทำให้เว่ยหมิ่นกลับมาแล้ว เจ้ากลับออกไปเอาชีวิตไปทิ้ง!”

 

 

เป็นครั้งแรกที่เหลียงอู๋เย่ว์รู้สึกว่าตัวเองใช้ไม่ได้ เขานั่งท้อแท้อยู่ที่พื้น หัวเราะได้น่าเศร้ายิ่งนัก “ข้าเป็นผู้ชาย ข้าสิควรจะเป็นผู้ชายที่ขวางลมกันฝนอยู่ข้างหน้านาง นางเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ข้าก็ไม่รู้ ถึงขั้นถูกคนทำร้ายจนแท้งข้าก็ยังไม่อาจอยู่ข้างกายนาง ตอนนี้ยังต้องให้นางที่เป็นผู้หญิงไปเสี่ยงชีวิต แต่ข้ากลับทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ใช่เพียงแค่ทำอะไรไม่ได้ แถมยังเห็นนางไปเสี่ยงตายเอาดื้อๆ ข้านี่เป็นผู้ชายประสาอะไร มีผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เช่นข้าหรือ ให้ผู้หญิงของตัวเองยืนอยู่ข้างหน้าปกป้องตัวเอง ข้านี่ไม่ได้เป็นลูกผู้ชายเอาเสียเลย!”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋คิดคำที่จะปลอบเขาไม่ออก ผู้ชายระบายอารมณ์ไม่เหมือนผู้หญิง ผู้หญิงเสียใจสามารถขดอยู่ในผ้าห่มหรือพิงใครสักคนแล้วร้องไห้ แต่ผู้ชายไม่ได้ ไม่เคยเห็นผู้ชายคนใดกอดใครร้องไห้ ล้วนกอดไหเหล้า ความเมาแก้ทุกความเศร้า เมาตายไปเลยก็พอแล้ว

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

Status: Ongoing

ตอนที่ 1-200 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยเพราะบุญคุณที่บิดาอีกฝ่ายเคยช่วยชีวิตบิดาตนไว้ เป็นเหตุให้คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเฝิงอย่าง เฝิงเยี่ยไป๋ จำต้องแต่งกับ เว่ยเฉินยาง เด็กสาวผู้มีสติปัญญาเทียบเท่าเด็กสามขวบจนกลายเป็นที่ตลกขบขันไปทั่วทั้งเมือง หนำซ้ำบิดาที่ล่วงลับไปแล้วของเขายังสั่งเสียไว้ด้วยว่า เขาจะแต่งภรรยาอีกกี่คนก็ได้ ทว่าตำแหน่งภรรยาหลวงนั้นจะต้องเป็นของเฉินยางเพียงผู้เดียว

ชีวิตของคุณชายเจ้าสำราญรูปงามที่สตรีน้อยใหญ่ทั่วเมืองหมายปองเช่นเขาจึงเปลี่ยนไปขนานใหญ่ นับตั้งแต่สตรีโง่งมผู้นั้นมาอยู่ข้างกาย ประเดี๋ยวนางก็ร่ำๆ จะหาบิดานาง ประเดี๋ยวก็ขอให้เขาเล่านิทานกล่อมนอน อีกทั้งเรื่องที่ ‘สามีภรรยาพึงกระทำกัน’ นางยังมิรู้ประสีประสาสักนิด ทำให้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่า สรุปแล้วเขาแต่งภรรยาหรือรับลูกสาวมาเลี้ยงกันแน่!  

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท