ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 41 เจ้ามันเป็นผู้หญิงที่อัปลักษณ์ตลอดไป
คนขับรถม้าไม่รู้สถานการณ์ สะบัดแส้ยาวตีไปบนบั้นท้ายม้า วิ่งตรงไปทางจวนอ๋อง
รถม้าโคลงเคลงไปมา และหนานหว่านเยียนก็ถูกกู้โม่หานบีบคออย่างไม่ทันตั้งตัว คิ้วที่เรียวสวยขมวดกันเป็นก้อนในชั่วพริบตา
ชายหนุ่มจ้องมองด้วยความโกรธ ในดวงตาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยไอสังหาร หนานหว่านเยียนถามกลับไปอย่างโกรธแค้น “กู้โม่หาน นี่ท่านกำลังจะทำอะไร?”
กู้โม่หานยิ้มเย้ยหยัน แสดงความโกรธในใจออกมาทางสีหน้า “เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีก? หนานหว่านเยียน เจ้าดูสิว่าวันนี้เจ้าทำอะไรลงไปบ้าง! ถึงกับกดขี่คำนวณโหรวเอ๋อร์สารพัด เจ้ามันผู้หญิงสติฟั่นเฟือน พูดจากลับกลอก ข้าไม่บีบคอเจ้าให้ตาย เจ้าก็ยังไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเส้นความเหมาะสม!”
น้ำเสียงของหนานหว่านเยียนโมโหอย่างมาก “กู้โม่หาน ท่านเป็นถึงอ๋องอี้ผู้สง่างามทำไมถึงชอบโกหกหน้าด้านๆขนาดนี้? ท่านบอกว่าข้าวางอุบายโหรวเอ๋อร์ของท่าน ทำไมท่านไม่บอกว่านางเป็นคนหาเรื่องก่อนล่ะ?”
“นางทำอะไรก็ต้องพาข้าไปด้วย อยากจะให้ข้าขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล ข้าจะทนนางอย่างไร อีกอย่าง ข้ากับท่านทำข้อตกลงกันไว้ก่อนแล้วก็จริง แต่ข้าแค่รับปากว่าจะไม่ขัดขวางท่านแต่งงานกับนางเท่านั้น แต่ไม่เคยพูดว่าจะไม่ทำอะไรอย่างอื่น”
ได้ยินคำพูด กู้โม่หานก็โกรธมากยิ่งขึ้น แรงในมือก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น กัดฟันคำรามด้วยเสียงดุดัน: “หนานหว่านเยียน! เจ้ากล้าวางอุบายข้า!”
นางไม่เคยคิดจะปล่อยอี่ว์โหรวไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว! จอมหลอกลวงคนนี้!
หนานหว่านเยียนส่งเสียงอู้อี้ ใบหน้าที่งดงามถูกบีบจนแดงก่ำ แทบจะพูดอะไรไม่ออกแล้ว
“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปเอง ผู้หญิงเช่นเจ้าไม่เพียงแผนการลึกล้ำเท่านั้น ถูกขังอยู่ในลานเย็นแล้วยังสามารถไปมาหาสู่กับเฉิงเซี่ยงหนานได้อีก วิธีการไม่เลวเลยนี่นา! พวกเจ้าสองคนพ่อลูก ทำร้ายพระมารดาของข้ายังไม่พอ วันนี้ยังร่วมมือกันกลั่นแกล้งข้า ทำให้ทั่วทั้งจวนอ๋องอยู่ไม่เป็นสุข ทำไมพวกเจ้าถึงได้โหดเหี้ยมเช่นนี้? !”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเกลียดเข้ากระดูกดำ เสียงก็ดังขึ้นมาไม่น้อย คนขับรถม้าที่ขับรถม้าอยู่ด้านนอกก็ยังรู้สึกประหลาดใจ!
ท่านอ๋องไม่เคยโกรธมากขนาดนี้มาก่อนเลย พระชายาคนนี้ต้องไร้มโนธรรมมากขนาดไหน ถึงได้บีบคั้นท่านอ๋องจนกลายเป็นเช่นนี้ได้!
ในรถม้า หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว ดวงตาคู่สวยเคร่งขรึมลง
“กู้โม่หาน บุญคุณความแค้นในอดีตล้วนเป็นความขัดแย้งระหว่างรุ่นพ่อทั้งนั้น เรื่องที่พ่อข้าทำเอาไว้ ท่านถือสิทธิอะไรลากข้าไปเกี่ยวข้องด้วย?”
นางรู้ว่าพระมารดาของกู้โม่หานกับหนานฉีซานมีบุญคุณความแค้นกัน และก็รู้ว่าตอนนี้พระมารดาของเขายังจะตายมิตายแหล่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้มันเกี่ยวอะไรกับร่างเดิมด้วย?
กู้โม่หานไม่มีสิทธิ มาใส่ความโกรธแค้นที่วิกลจริตเช่นนี้ให้กับร่างเดิมรวมไปถึงนางด้วย ร่างเดิมก็แค่คนที่บริสุทธิ์คนหนึ่ง นางก็ยิ่งเป็นคนที่ปรากฏตัวขึ้นกลางทางเท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องบ้าๆพวกนี้เลย!
กู้โม่หานได้ยินคำพูดก็ยิ้มเย้ยหยัน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก “หนานหว่านเยียน เจ้ากับพ่อเจ้าล้วนเป็นพวกเดียวกันทั้งนั้น ล้วนชั่วร้ายขนาดนี้ ทำไมข้าต้องปล่อยเจ้าไปด้วย!”
หญิงสาวยิ้มเย้ยหยัน ถลึงตามองด้วยความโกรธ “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าท่านจะเป็นคนต่ำช้าที่กลับผิดเป็นถูกได้ขนาดนี้ เหตุการณ์ในงานเลี้ยงวันเกิดวันนี้ทุกคนต่างก็เห็นเหมือนกันว่า ดอกบัวขาวของท่านจงใจหาเรื่องข้า ข้าตอบแทนกลับไปทำไมถึงกลายเป็นชั่วร้าย? !”
ชายหนุ่มโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โยนหญิงสาวออกไปในทันที
หนานหว่านเยียนล้มไปบนรถม้าอย่างแรง นางยังไม่เวลาสนใจจะรู้สึกเจ็บ ก็ได้ยินเสียงที่รุนแรงของชายหนุ่มดังตามขึ้นมา
“เจ้าให้โหรวเอ๋อร์แต่งเข้าจวนอ๋องอย่างเร่งรีบ ไม่ใช่เพราะเกิดความอิจฉา ต้องการให้นางได้รับความอัปยศอดสูหรือ? ! เจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของไทเฮา แต่แล้วก็มอบของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้ ไม่เพียงทำให้ไทเฮาชอบใจเท่านั้น ยังทำให้เสด็จพ่อเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อเจ้า ไม่ใช่ว่ามีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่หรือ? !”
หนานหว่านเยียนคิดไม่ถึงเลยว่า ความโกรธแค้นและความสงสัยที่กู้โม่หานมีต่อนางจะถึงขั้นนี้แล้ว ตอนนี้เขาเหมือนกับเครื่องจักรสังหารเลือดเย็น ที่สามารถฉีกนางเป็นหมื่นๆชิ้นได้ทุกเมื่อ!
จู่ๆนางก็รู้สึกถึงความหนาวเหน็บที่ไร้ขอบเขต ทั้งกลัวทั้งโกรธกู้โม่หาน
รถม้าวิ่งด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ชั่วขณะหนึ่ง เสียงลมพัดหวีดหวิวดังเข้ามาในม่านรถม้า เสียงเอะอะดังก้องอยู่ข้างหูของหนานหว่านเยียน
กู้โม่หานจับข้อมือของนางเอาไว้อย่างแรง ดวงตาสีแดงเลือดเต็มไปด้วยความแค้นและความโกรธสุดขีด
“หนานหว่านเยียน อย่าคิดว่าข้าฟี้นคืนฐานะของเจ้า และตอนนี้เจ้าก็ฟื้นคืนรูปลักษณ์แล้ว ข้าก็จะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเจ้า! ข้าแตกต่างกับขุนนางที่โอนเอียงไปตามทิศทางลมพวกนั้น ไม่ว่าเจ้าจะมีหน้าตางดงามแค่ไหน ในใจของข้า เจ้าก็อัปลักษณ์ตลอดไป ต้อยต่ำราวกับมด เป็นผู้หญิงชั่วร้ายที่ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงเท่านั้น!”
“วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้าให้สาสม!”
ขณะที่พูดไป เขายกมือก็จะไปหยิบกระบี่……
“อ๋องโฉด!” ภายในรถม้า หนานหว่านเยียนตะโกนขึ้นมาอย่างสุดกำลัง นางยื่นมือไปกดมือของกู้โม่หานเอาไว้ ระงับการกระทำที่กำลังชักกระบี่ของเขาเอาไว้อย่างแรง ดุร้ายมากกว่าเขา “ท่านกล้าลงมือกับข้าก็ลองดู!”
นอกรถม้า คนขับรถม้าตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูก
พระชายาอี้ถึงกับกล้าด่าท่านอ๋องว่าโฉด ใจกล้ามากเกินไปแล้วจริงๆ!
ภายในรถม้า กู้โม่หานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใด ถึงถูกนางข่มขู่ได้ หลังจากที่ตอบสนองกลับมาได้ก็ยิ่งโกรธจนยับยั้งอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ น้ำเสียงดุร้ายอยากจะสะบัดมือออก “หนานหว่านเยียน หากเจ้ากล้าด่าข้าอีกคำเดียว ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าไปให้หมากิน!”
หนานหว่านเยียนยิ้มเย้ยหยัน “กู้โม่หาน วันนี้หากไม่ใช่ข้า ท่านกับโหรวเอ๋อร์ของท่านอย่าว่าแต่จะได้แต่งงานกันเลย เกรงว่าวันหน้าแม้แต่โอกาสจะพบกันอีกก็ไม่มีแล้ว ท่านไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกขอบคุณ ยังใช้ความรุนแรงกับข้าครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ก็คือสิ่งที่ท่านพูด ข้าชั่วร้าย และท่านมีคุณธรรม? !”
“ขอบคุณ? !” ดวงตาของกู้โม่หานเบิกกว้างด้วยความโกรธ “เหตุใดข้าต้องรู้สึกขอบคุณเจ้าด้วย? เจ้าก่อกรรมทำเข็ญมากมาย ยังคิดเพ้อเจ้อลมๆแล้งๆว่าข้าจะให้เกียรติเจ้าอีกหรือ? ฝันไปเถอะ!”
“กู้โม่หาน วันนี้หากไม่ใช่ข้าออกหน้าเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิด ไทเฮาจะให้ท่านแต่งงานกับหยุนอี่ว์โหรวหรือ? งานแต่งงานของท่านกับหยุนอี่ว์โหรวสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่ใช่เพราะข้ายินยอมหรือ? อาศัยเพียงสถานการณ์ในตอนนั้น หากว่าข้าไม่รับปาก ข้าจะเลื่อนการแต่งงานของพวกท่านออกไป นั่นก็เป็นแค่เรื่องที่แค่พูดออกมาก็พอไม่ใช่หรือ ท่านในฐานะที่เป็นเทพสงครามดูไม่ออกหรือว่าวันนี้ข้าได้รับความโปรดปรานมากแค่ไหน! ถึงแม้ดอกไม้ย่อมมีวันร่วงโรย แต่วันนี้ข้าเบ่งบานมากพอก็มีอำนาจในการพูด ข้าไม่ได้หาเรื่องท่านก็ต้องขอบคุณข้าแล้ว!”
หนานหว่านเยียนพูดด้วยเสียงอันดัง “อีกอย่าง เสิ่นอี่ว์ที่อยู่ในลานของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส พิษร้ายแรงเข้าสู่ร่างกาย ไม่มีข้า ตอนนี้เขาจะสามารถปรากฏตัวต่อหน้าท่านอย่างปลอดภัยได้หรือ? เกรงว่าเขาคงตายไปนานแล้ว! เรื่องราวต่างๆนานาล้วนได้รับความช่วยเหลือของข้า แต่ท่านกลับปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณของท่านเช่นนี้ ยังคิดจะให้กระบี่ฟันข้าอีก!”
“ได้ ในเมื่อท่านไม่มีศีลธรรมเช่นนี้ งั้นข้าก็จะไปคุยเหตุผลกับไทเฮา อย่างไรเสียนางก็พูดแล้วว่า หากมีใครกล้ารังแกข้า ก็ให้บอกนางอย่างเปิดเผยได้เลย นางจะระบายความโกรธแทนข้าเอง!”
สีหน้าของกู้โม่หานเขียวปั้ดในทันที
เขาตบไปที่ด้ามกระบี่ทันที “หนานหว่านเยียน เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก! ถึงกับกล้าข่มขู่ข้า? !”