ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 53 หนานหว่านเยียน เจ้าเกินไปแล้ว
เกี๊ยวน้อยระบายความโมโหแล้ว รู้สึกว่ายังไม่สาสม ก็หยิบน้ำพริกที่เตรียมไว้แต่แรกแล้ว กัดฟันพูดอย่างโมโห “ใครให้พวกเจ้ารังแกท่านแม่! ใครให้เจ้าไม่ยอมรับข้ากับซาลาเปา! เฮ้อ! สมน้ำหน้า! เผ็ดให้ตาย!”
เห็นมือขาวๆกำลังจะยื่นออกไปแล้ว จากนั้นก็มีเสียงลมเคลื่อนผ่าน อวี๋เฟิงพลิกตัวขึ้นหลังคาอย่างว่องไว สาวเท้าพุ่งปราดไปขวางเกี๊ยวน้อยไว้ ดึงคอเสื้อของสองพี่น้องก็โดดออกจากสวน
วิชาตัวเบาของเขาถือว่าใช้ได้ เหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้สร้างความเคลื่อนไหวอะไร พาสองพี่น้องจากไปโดยไม่ถูกสังเกต
อวี๋เฟิงปาดเหงื่ออย่างเงียบๆ เจ้านายน้อยทั้งสองคนนี้ช่างกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว! เมื่อครู่เขาหลบไปที่มืดรู้สึกผิดปกติ จึงบินขึ้นต้นไม้ รอพระชายาถูกทำโทษคุกเข่าอย่างเงียบๆ กลับคิดไม่ถึงว่าจะเห็นร่างสองคนบนหลังคา จ้องมองไป ถึงเห็นชัดว่าเป็นลูกสาวสองคนของพระชายา!
เขาห้ามเจ้าตัวเล็กสองคนเทน้ำเศษข้าวลงไปไม่ทัน แต่ว่าเขาห้ามเกี๊ยวน้อยเทน้ำพริกลงไปได้ทันเวลา
ยายเด็กสองคนนี้ ช่างความสัมพันธ์แม่ลูกลึกซึ้งต่อพระชายาเหลือเกิน! แต่หากถูกจับ ท่านอ๋องต้องโมโหโกรธาแน่นอน……
นอกห้องหอ หนานหว่านเยียนที่มองเห็นทุกอย่างในห้องหอห้ามตัวเองไว้ไม่ได้ หัวเราะจนทุบพื้น “มันช่าง ฮาฮาฮาฮา…….ฮาฮาฮาฮา!”
นางมองเห็นสองคนที่เตรียมดื่มเหล้าถูกสาดน้ำเต็มหัวอย่างชัดเจน กลายเป็นลูกหมาตกน้ำไปทันที ภาพเหตุการณ์นั้น ช่างตลกเหลือเกิน!
แน่นอน หญิงชั่วชายโฉดต้องมีเทพเทวดาจัดการ ก็ไม่รู้ว่าเทพเทวดาที่ไหนตามีแววขนาดนี้ ช่วยจัดการสองคนนี้แทนนางอย่างสาสม!
เสียงโมโหโกทาของกู้โม่หานดังขึ้นมาจากห้อง “เป็นใครที่กล้าขนาดนี้! กล้าทำเรื่องเช่นนี้ในตำหนักของข้า! ไสหัวออกมา!”
ขณะนี้ความโกรธของผู้ชายบีบคน เขาโยนแก้วเหล้าในมือจนแตกอย่างโมโห แล้วสะบัดเศษอาหารบนตัวลงพื้น ร่วงลงมากระจัดกระจาย เขายิ่งขยับ กลิ่นนั้นก็ยิ่งเหม็น แม้แต่เขาก็อดคลื่นไส้ไม่ได้
ในที่สุดหยุนอี่ว์โหรวก็ตอบสนองทัน โมโหจนตาแดง มือที่ถือแก้วเหล้าสั่นไม่หยุด มืออ่อน เหล้ามงคล “รักชั่วนิรันดร์” นั้นก็หกอยู่บนพื้นทั้งหมด
พ่อบ้านกาวก็ตกใจจนอึ้ง “เร็วๆ ใครลอบทำร้ายท่านอ๋องและชายารองหยุน!”
พูดจบ เขาก็มองไปที่หนานหว่านเยียนที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง หัวเราะจนหัวจะร่วงแล้ว ในใจรู้สึกกลัว
แม่ทูนหัว อย่าหัวเราะอีกเลย!
ท่านอ๋องเกิดเรื่อง พระชายาหัวเราะดีใจขนาดนี้เหมาะสมไหม?!
องครักษ์รับคำสั่ง สุดท้ายพบว่ากระเบื้องบนหลังคาถูกเปิดออก แล้วก็ถังที่ยังมีน้ำเศษข้าวหยดอยู่ในขณะนี้บนหลังคา
องครักษ์ขมวดคิ้ว อดยื่นมือปิดจมูกไม่ได้ จากนั้นก็กระโดดตัวลงพื้นพูดรายงานต่อพ่อบ้านกาว “บนหลังคามีคนเปิดกระเบื้องออก แต่ข้าน้อยไม่เห็นคน รอบด้านก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ”
พ่อบ้านกาวรายงานตามจริง เสียงอันโมโหของผู้ชายดังขึ้นอีกครั้ง “ไปสืบให้ข้า! ข้าจะให้คนนี้ตายไร้ศพ!”
ทางด้านหนานหว่านเยียนยังคงห่วงแต่หัวเราะเอง หัวเราะจนเจ็บท้องเป็นตะคริว แต่กลับไม่รู้เลย ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของลูกสาวนางเอง……
หยุนอี่ว์โหรวโมโหจนจะตายแล้ว คืนห้องหอดีๆ กลับถูกน้ำเศษข้าวหนึ่งถังทำลายหมดแล้ว! เรื่องที่ยิ่งเกลียดไปกว่านั้น คนนี้กลับสามารถหนีออกไปได้!
นางยกแขนดมกลิ่นของตัวเอง กลิ่นเหม็นเน่าและเหม็นเปรี้ยวนั้นพุ่งเข้าสู่จมูก นางอดคลื่นไส้ไม่ได้
หยุนอี่ว์โหรวตาแดงทันที น้ำตาคลอหมุนอยู่ในตาไม่หยุด ความน่าอดสูน่าอับอายที่พูดไม่ออก “ท่านอ๋อง……”
คิ้วของกู้โม่หานขมวดกันเป็นเกลียว พยายามกลั้นไว้ไม่ให้อ้วก พูดปลอบว่า “รอข้าจับตัวคนนั้นได้ ต้องฉีกเนื้อของเขาตัวเป็นๆ! คืนนี้ลำบากเจ้าแล้ว ข้ากับเจ้าไปอาบน้ำ หือ?”
สภาพของหยุนอี่ว์โหรวที่อ่อนแอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ “โหรวเอ๋อร์ล้วนฟังท่านอ๋อง”
ทั้งสองคนเพิ่งเตรียมตัวออกไปอาบน้ำ ก็ได้กลิ่นหอมจากปิ้งย่างพุ่งเข้าจมูก
ทันใดนั้น ตรงบันไดก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของน้ำเศษข้าว ด้านข้างบันได แท่นปิ้งย่างตรงหน้าหนานหว่านเยียน เนื้อย่างที่มันเยิ้มยังร้อนฉ่าไม่หยุด
ภาพช่างแปลกประหลาดอย่างมาก พ่อบ้านกาวมองอยู่ด้านข้าง ช่างหวาดกลัวและตื่นเต้น!
กู้โม่หานได้กลิ่นที่ทำให้อยากอาเจียนบนตัวเขาและหยุนอี่ว์โหรว แล้วมองดูหนานหว่านเยียนที่เดิมทีควรคุกเข่าสารภาพผิด ตอนนี้กลับย่างเนื้ออย่างสบายใจเฉิบ ตอนแรกก็โมโหดุเดือด วินาทีนี้ก็ระเบิดความโกรธทันที
ผู้ชายก้าวเดินไปตรงหน้าหนานหว่านเยียน มองนางจากที่สูง พูดอย่างดุร้าย “หนานหว่านเยียน! ข้าให้เจ้ามาคุกเข่าสารภาพผิด! ใครให้เจ้าย่างเนื้อในตำหนักของข้าอย่างโจ่งแจ้ง! เจ้าช่างกำเริบเสิบสาน!”
หนานหว่านเยียนปิดจมูกไว้ พูดอย่างรังเกียจ “ท่านอ๋องพูดแค่ว่าสารภาพผิด ไม่ได้พูดว่าห้ามกินข้าว ข้าช่วยพวกท่านจัดการงานแต่งยุ่งจนเวียนหัวแล้ว ยังไม่ได้กินข้าว ทำกินเองยังไม่ได้หรือ? อี๋…….ท่านอ๋องถอยหลังสักนิดได้หรือไม่ ตัวท่านเหม็นจะตายแล้ว อบอวลเนื้อหอมๆ ของข้าแล้ว”
“เจ้า!” กู้โม่หานโมโหจนตัวสั่น เหลือแค่ไม่ได้กระอักเลือดออกมาแล้ว
“อ้าก! นั่น นั่นคือกระต่ายใช่หรือไม่!” หยุนอี่ว์โหรวสีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน หน้าซีดจนตกใจ เข่าอ่อนไปทันที จะล้มลงไปที่พื้น
กู้โม่หานมือเร็วตาไวรับตัวนางไว้ แล้วมองไปตามทิศทางที่หยุนอี่ว์โหรวมอง บนแท่นปิ้งย่างของหนานหว่านเยียน กำลังย่างกระต่ายอยู่สองตัวพอดี
“ใช่แล้ว กระต่าย” หนานหว่านเยียนมองดูหยุนอี่ว์โหรวสภาพป่วยออดแอดล้มอยู่ในอ้อมกอดของกู้โม่หาน สะบดเสียงเย็นชาในใจ “ทำไม เจ้าอยากลองชิม? ข้าไม่ให้เจ้ากิน อยากกินก็ไปย่างเอง!”
หยุนอี่ว์โหรวคลื่นไส้ขึ้นมาทันที สีหน้าทรมาน นางน้ำตาเต็มหน้าทันที ร้องไห้น้ำตาไหลฟูมฟายพูดกับผู้ชาย “ท่านอ๋อง พระชายากินกระต่ายอยู่หน้าห้องหอของพวกเรา ท่านว่า นางอยาก อยากจะกินข้าใช่หรือไม่?”
นางแสดงสีหน้าตกใจหวาดกลัว ช่างเหมือนกระต่ายที่ตกใจกลัวตัวหนึ่ง หลบอยู่ในอ้อมกอดของกู้โม่หานตัวสั่น
กู้โม่หานสีหน้ามืดครึ้ม น้ำเสียงเย็นชา “หนานหว่านเยียน! เจ้าไม่รู้ว่าโหรวเอ๋อร์เกิดปีเถาะดูการฆ่าสัตว์ไม่ได้หรือ! เจ้ากลับกล้ากินกระต่ายต่อหน้านาง! เจ้าคิดอยากทำอะไร?”
หา? ยังมีคนไร้เหตุผลขนาดนี้หรือ!
หนานหว่านเยียนพูดออกไปว่า “ข้าชอบกินเนื้อกระต่าย ท่านอ๋องคงไม่กล่าวโทษข้าเพราะเหตุนี้หรอกกระมัง? เช่นนั้นคนที่กินเนื้อกระต่ายทั้งแผ่นดิน ไม่ต้องกลายเป็นคนผิดหมดหรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้ กู้โม่หานปกป้องหยุนอี่ว์โหรวไว้แน่น พูดอย่างดุดัน “เจ้า หนานหว่านเยียนไม่ได้! ข้าออกคำสั่ง จากนี้ไปตัดเนื้อกระต่ายออกจากจวนอ๋องทั้งหมด! ขอแค่โหรวเอ๋อร์ไม่ชอบ คนทั้งหมดห้ามกิน!”
หนานหว่านเยียน “……”
หนานหว่านเยียนไม่ค่อยพอใจ แต่พอเห็นซากผักรุงรังบนตัวกู้โม่หาน ได้กลิ่นเหม็นเน่าบนผมของหยุนอี่ว์โหรว นางก็รู้สึกสะใจแล้ว!
สมน้ำหน้า!
“ตอนนี้ข้ากับโหรวเอ๋อร์จะไปอาบน้ำ เจ้าก็ไม่ต้องคุกเข่าตรงนี้แล้ว” กู้โม่หานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ดีเลย!” หนานหว่านเยียนรู้สึกดีใจทันที นางลุกขึ้นก็อยากวิ่ง ด้านหลังมีเสียงอันดุร้ายของผู้ชายค่อยๆดังขึ้น——
“เจ้าให้ข้าไสหัวไปที่สระอาบน้ำ! ปรนนิบัติข้าและโหรวเอ๋อร์อาบน้ำ! ไปตักน้ำสี่สิบถังมาที่สระอาบน้ำ!”