ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 147 ท่านอ๋องปลอบลูกสาว
ไม่รู้ว่ากู้โม่หานปรากฏตัวในหน้าห้องของเสิ่นอี่ว์แต่เมื่อไหร่
คำพูดที่แน่วแน่มากของพี่น้องสองคน ล้วนเข้าหูของเขา
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาล้วนตกใจไปหมด พอหันหน้ามาก็เห็นสีหน้าที่มืดทึบของกู้โม่หาน แต่ยังมีความอ่อนโยนปรากฏในสายตา
เสิ่นอี่ว์รีบลุกขึ้นมา แต่ไปโดยที่บาดแผล เจ็บปวดจนกระตุกตา”ท่าน ท่านอ๋อง ท่านมาแล้วหรือ”
เซียงเหลียนเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างจนปัญญา รีบทำความเคารพต่อกู้โม่หานและพูดว่า”ท่านอ๋อง”
กู้โม่หานพยักหน้าเดินเข้าห้อง เห็นใบหน้าเล็กๆสองใบที่กำลังโกรธขรึมอยู่ คิ้วที่เดิมขมวดอยู่ก็คลายออก
“พวกเจ้าว่ามาสิ ผู้ชายที่ดีกว่าข้า ต้องไปหาที่ไหน?”
พูดมั่วซั่วจริงๆเลย!
เด็กสองคนนี้ ดูถูกเขาเหมือนกับแม่ของพวกนางหรือ?
หากไม่ใช่ว่าเขากลับเรือนซีเฟิงแล้วคิดจะมาเยี่ยมเสิ่นอี่ว์ ยังไม่รู้ว่าพวกนางสองพี่น้องมีความคิดแบบนี้เลย!
เกี๊ยวน้อยทำปากมุ้ย แล้วจ้องไปที่กู้โม่หานด้วยความโกรธ
“ไม่สน เจ้ารังแกแม่อยู่ตลอด เจ้าคือคนชั่วร้าย!แม่ล่ะ?เจ้าทรมานแม่อีกแล้วหรือ?”
เสิ่นอี่ว์กระตุกปาก รีบช่วยพูดให้
“ท่านอ๋อง คำพูดของเด็กถือสาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ท่านอย่าไว้ในใจนะ”
คุณหนูทั้งสองเอ๋ย พูดไม่ได้อีกแล้วนะ พวกเจ้านี้เสมือนลูกวัวเพิ่งเกิดไม่กลัวเสือจริงๆเลย ท้าทายลิมิตของท่านอ๋องตลอด!
ซาลาเปาเดินขึ้นมา นิ้วมือม้วนมุมเสื้อ ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเสิ่นอี่ว์”พี่เสิ่นอี่ว์พูดไม่ถูกนะเจ้าค่ะ อาจารย์หลินเคยพูดว่า ถึงแม้’คำพูดของเด็กถือสาไม่ได้ แต่คำพูดของเด็กล้วนพูดจากใจทุกอย่าง!สิ่งที่พี่สาวพูดเป็นความจริงทั้งสิ้นเจ้าค่ะ!”
ในสายตาของพวกนาง กู้โม่หานมักจะดีต่อคนอื่น หนานหว่านเยียนต้องถูกรังแกแล้วแน่ๆ!
เสิ่นอี่ว์รู้สึกจนคำพูด
คิดไม่ถึงว่า หลังจากท่านอ๋องเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือให้คุณหนูสองคนแล้ว ยิ่งพูดเก่งเข้าไปใหญ่
เขามองไปทางกู้โม่หาน ส่ายหน้าอย่างไร้ความสามารถ
กู้โม่หานเห็นว่าในใจของเด็กสองคนมีแต่หนานหว่านเยียน สำหรับเขามีแต่ความเฝ้าระวัง ทันใดนั้นก็รู้สึกโมโห
แต่ไม่ว่ายังไง เมื่อเผชิญกับพวกเด็กๆ เขามักจะมีความอดทน
มือของเขาเท้าเอวแล้วมองพวกนางสองคนเหมือนอยู่เหนือกว่า มุมปากยิ้มขึ้นมา
“พูดเก่งจริงๆเลยนะ ไม่ต้องห่วง แม่ของพวกเจ้ามีความสามารถยิ่งนัก ตอนนี้กลับไปพักผ่อนที่เรือนเซียงหลินแล้ว”
เขารังแกหนานหว่านเยียนได้หรือ?
นางนั่นแหละที่มาแกล้งเขาต่างหาก!
กู้โม่หานละเรื่องนี้ไป ไม่พูดถึงเรื่องที่แย่เหล่านั้น ไม่งั้นเดี๋ยวเด็กสองคนนี้มีอคติกับเขาอีก
เรื่องที่รุนแรงแบบนี้ห้ามให้เด็กๆรู้
จากนั้น เขานั่งยอง อยู่ระดับเดียวกับเด็กสองคน”ข้ายังไม่ได้ถามพวกเจ้าเลย มาเรือนซีเฟิงของข้าทำไมอีก?”
เกี๊ยวน้อยหันหน้าไปข้างๆ ทำปากมุ้ย
“เชอะ!แม่ให้พวกข้ามาทายาและพันแผลให้พี่เสิ่นอี่ว์ ตอนนี้เรื่องจบสิ้น เราก็ควรกลับแล้ว”
“ซาลาเปา ไป!”
พูดจบ นางก็หยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา ลักษณะเหมือนผู้ใหญ่น้อยคนหนึ่ง จับมือเล็กๆของซาลาเปาแล้ววิ่งออกไปข้างนอก
ในเมื่อแม่กลับไปแล้ว พวกนางก็ไม่อยากสนใจไอ้ชั่วนี้แล้ว
หลังจากเชียงเหลียนทำความเคารพให้กู้โม่หานแล้ว ก็ออกจากห้องพร้อมกับพี่น้องสองคน
“รอก่อน!”กู้โม่หานเอียงตัว และขวางทางทั้งสามคน
เห็นได้ชัดว่าเด็กสองคนนี้ไม่พอใจเขา
เขาพยายามระงับความโกรธลง และค่อยๆปรากฏรอยยิ้มขึ้น”โกรธข้าแล้วหรือ?”
เสิ่นอี่ว์ฟังจนขนลุก
เขามีดีอะไร ถึงสามารถได้ยินท่านอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขนาดนี้?
อ้อ เขาลืมแล้วว่าท่านอ๋องรักใคร่โปรดปรานเด็กสองคนนี้มากขนาดนี้
เซียงเหลียนก็อึ้งไปเลย มองลักษณะที่เป็นพ่อดีเด่นของกู้โม่หานด้วยความเหลือเชื่อ
เกี๊ยวน้อยยังโกรธอยู่ หันหน้าไปและเอ่ยเสียงเย็นชาออกมา
ซาลาเปาดึงมุมเสื้อของนาง จากนั้นมองกู้โม่หานด้วยสีหน้าที่จริงจัง”พี่สาวโมโห ผลรุนแรงมาก!เป็นแบบที่ปลอบไม่ได้!”
กู้โม่หานขยับลูกกระเดือก อยู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้น
เขามองไปที่เสิ่นอี่ว์ที่กำลังดูสนุกอยู่ ไอออกมาเสียงหนึ่ง”ข้าเห็นว่าเจ้าก็มีสติแล้ว อยู่นิ่งไม่ได้ ออกไปเดินเล่นสักรอบหนึ่งสิ เซียงเหลียน เจ้าไปกับเสิ่นอี่ว์สิ”
เสิ่นอี่ว์ยังรู้สึกขนลุกกับเสียงที่อ่อนโยนของกู้โม่หาน อยู่ๆก็ออกคำสั่งไล่ เบิกตากว้างและชี้ที่ตัวเองอย่างเหลือเชื่อ”ท่านอ๋อง ข้าน้อยยัง……”
กู้โม่หานจ้องเขาอย่างแรงทีหนึ่ง”ยังไม่รีบไปอีก!”
เสิ่นอี่ว์เหมือนคนใบ้กินอึ่งโน้ย ขมแต่พูดไม่ออก
นี่เป็นห้องของเขานะเนี่ย!
แต่เขาก็มีแต่ต้องลงเตียง และเดินออกไปภายใต้สายตาที่สงสารที่เซียงเหลียน
ท่านอ๋องมีคำสั่ง ก็ต้องทำตาม!
กู้โม่หานพาเด็กๆที่ไม่ยินยอมออกจากห้อง หลังจากโผล่หัวและยืนยันว่าข้างนอกไม่มีคนแล้ว ถึงจะปิดประตู
กู้โม่หานถอนหายใจออกมา จากนั้นมองเด็กสองคนอย่างจนปัญญา”ว่ามา ต้องทำยังไงพวกเจ้าถึงไม่โกรธข้า?”
นอกประตู เสิ่นอี่ว์และเซียงเหลียนที่เดินอ้อมกลับมาแอบฟังอยู่หนเาประตู คำพูดนี้ของกู้โม่หานทำให้เสิ่นอี่ว์ขนลุก
น่ากลัว น่ากลัวเหลือเกิน!ท่านอ๋องที่โปรดปรานลูกสาวเกินการคาดเดาของเขาจริงๆ!
เกี๊ยวน้อยหมุนลูกตา ในที่สุดก็เกิดความคิดขึ้นมา
“อย่างนี้ละกัน พวกเราก็ไม่ใช่คนที่ขี้งก หากเจ้าสามารถร้องเพลงสำหรับเด็กให้ฟังหรือเต้นเพลงหนึ่งให้ดู พวกเราก็ไม่โกรธเจ้าแล้ว!”
ร้องเพลงเด็ก?เต้น?
เป็นความอัปยศอดสูจริงๆ!
กู้โม่หานเถียงทันที”ข้าจะทำแบบนี้ได้อย่างไรล่ะ!”
ซาลาเปาน้ำตาคลอจ้องไปที่กู้โม่หาน”พูดว่าตัวเองไม่ร้าย แต่เรื่องเล็กๆขนาดนี้ก็ไม่ยอมทำ ฮือๆ”
กู้โม่หานเห็นนางร้องไห้ไม่ได้ รีบเช็ดน้ำตาให้นาง
“เจ้า เจ้าอย่าร้องไห้สิ ข้าร้อง!ข้าร้องให้ฟังได้ไหม!”
เกี๊ยวน้อยกลับเสียใจภายหลังในเวลานี้ นางกะพริบตาอย่างฉลาด และชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว”ร้องเพลงหนึ่งเพลงกับเต้นหนึ่งเพลง!ตกลงนะ!”
กู้โม่หานขมวดคิ้ว”เต้นอีกเพลงหนึ่งเพิ่มแต่เมื่อไหร่?”
เกี๊ยวน้อยถอยหายให้ออกมา ทำเป็นว่าเสียดาย”ใครให้เจ้าไปยั่วจนซาลาเปาร้องไห้ล่ะ เจ้าไม่รับผิดชอบหรือ?”
กู้โม่หานรู้สึกว่าตัวเองถูกเด็กสองคนนี้แกล้งชัดๆ แต่ไม่มีวิธีอะไรทั้งสิ้น
เขากัดฟัน”ได้!หนึ่งคำหลุดจากปาก สี่ม้ายากตามกลับ!”
ตลกแล้ว เขาเป็นตั้งเทพสงครามของแคว้นซีเหย่ เรื่องร้องเพลงเต้นรำแบบนี้ เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเขา!”
คิดอยู่แบบนี้ อยู่ๆกู้โม่หานก็รู้สึกลำบากใจ”แต่ข้าไม่เคยสัมผัสกับเพลงของเด็ก……”
เกี๊ยวน้อยส่ายหน้า พูดว่า”เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ข้าให้ข้อเลือกละกัน!”
นางเอามือไว้ข้างหลัง และเดินอยู่ในห้อง”เพลงต้นหญ้าตีกัน เพลงลูกไก่ขึ้นต้นไม้ เพลงลั่วเสินฟู่ และเพลงเป็ดว่ายน้ำ!”
กู้โม่หานรู้สึกว่า การกระทำในตอนนี้ของตัวเองมันบ้าบอคอแตกมาก
ถ้าคนอื่นดห็นว่า เขาร้องเพลงและเล่นกับเด็กสองคนในห้องๆหนึ่ง เขาก็ต้องกลายเป็นเรื่องตลกของแคว้นซีเหย่แน่นอน
แต่เขาไม่อยากให้พี่น้องสองคนนี้ผิดใจกับเขา ความรู้สึกแบบนี้อึดอัดมาก
เขาเลยต้องหันหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างหน้าด้าน”เป็ด เป็ดว่ายน้ำละกัน ข้าเคยได้ยินเด็กเหล่านั้นร้อง”
เสิ่นอี่ว์ที่แอบฟังอยู่นั้น ตกใจจนเกือบจะระเบิดในที่เดิมแล้ว กั้นหายใจและตั้งใจฟังอยู่ ส่วนเซียงเหลียนก็แปลกใจจนเขย่งเท้า
กู้โม่หานร้องเพลงและเต้นเพลงเป็ดว่ายน้ำ สถานการณ์จะตลกขนาดไหน!
ซาลาเปาและเกี๊ยวน้อยได้ยินเช่นนี้ ล้วนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้อย่างมีความสุข มองไปกู้โม่หานพร้อมกัน”มาเถอะ เริ่มการแสดงของเจ้าเลย!”
กู้โม่หานหายใจเข้าลึกๆ แต่กลับพูดไปทางหน้าประตูว่า”เสิ่นอี่ว์ ข้าว่าบาดเจ็บของเจ้าหายไวเกินไปใช่ไหม?”
เสิ่นอี่ว์กลัวจนรีบถอยลงไป จับมือเซียงเหลียนวิ่งไปด้วยพร้อมตะโกนว่า”ไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!ท่านอ๋องสู้ต่อ!สู้ๆนะ”
พลาดฉากที่สนุกที่สุด แต่ชีวิตสำคัญกว่า!
จนกว่าเสียงของทั้งสองคนไกลไปเรื่อยๆ กู้โม่หานถึงหลับตา เม้มปาก
ทุ่มสุดตัวไปเลย!
เห็นแต่เขาก้าวออกไปอย่างตลก มือทั้งสองชูเหนือศีรษะ และอ้าปากอย่างลำบาก
“ก๊าบๆ เป็ดน้อย ออกมาว่ายน้ำแล้ว!”
……
เขาเดินรอบวงอย่างไม่กระฉับกระเฉง สีหน้าแปลกประหลาด ยิ้มและปรบมือ”ก๊าบๆ ล้วนเป็นเป็ด!ฝ่ามือตบผิวน้ำเย็นสบาย!”
หลายนาทีสั้นๆ แต่กู้โม่หานกลับรู้สึกเหมือนผ่านไปหนึ่งชีวิต……