ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 152 สิ่งที่ท่านอ๋องได้มาโดยไม่คาดคิด
เขาไม่สามารถซ่อนความสุขในดวงตาของเขาไว้ได้ นิ้วมือเรียวยาวถือกระดาษไว้ ยกขึ้นมามองซ้ายขวาผ่านแสงแดด
หนานหว่านเยียนใช้สิ่งนี้ตามหาลูกชายเหล่าเสิ่นจริงๆหรือ?
โลกนี้กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ
กู้โม่หานรีบหากล่องผ้ามาหนึ่งอัน เอากระดาษทดสอบเก็บไว้อย่างระมัดระวัง พร้อมถามขึ้นว่า “ไม่ได้ถูกจับได้ใช่ไหม?”
เขาลดสายตาลงอย่างไม่กะพริบตา กลัวจะทำให้สิ่งเล็กน้อยเบาบางเหมือนปีกจักจั่นนี้แตกหัก
เซียงเหลียนโค้งคำนับ ลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พูดตอบว่า “เรียนท่านอ๋อง พระชายาน่าจะไม่รู้ แต่ว่า….บ่าวไม่เข้าใจว่าทำไมท่านอ๋องถึงดีใจขนาดนี้? สิ่งของนี้ อัศจรรย์ขนาดนั้นจริงๆหรือ?”
นางติดตามหนานหว่านเยียนมาสักพักหนึ่งแล้ว สิ่งของแปลกประหลาดของหนานหว่านเยียนพวกนั้น นางเห็นมาแล้วไม่น้อย กระดาษอันนี้ ค่อนข้างธรรมดามาก
แต่ไม่ว่ายังไง เซียงเหลียนก็หวังว่า กระดาษเล็กๆนี้จะสามารถสร้างความมหัศจรรย์ได้
สามารถทดสอบรู้ว่า คุณหนูสองคนเป็นลูกสาวของท่านอ๋องจะดีที่สุด
กู้โม่หานพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “มีประโยชน์แน่นอน จะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร?”
เพียงแค่เขาไม่รู้ว่าจะใช้ยังไงเท่านั้นเอง
เขาต้องไปยังค่ายทหารสักหน่อย ไปถามพวกเหล่าเสิ่น จะได้ไปเยี่ยมอาการบาดเจ็บของเหล่าเสิ่นด้วย
เซียงเหลียนยืนอยู่อย่างเคารพ พร้อมถามขึ้นด้วยท่าทีซับซ้อนว่า
“บ่าวขอละลาบละล้วงถามว่า หากคุณหนูทั้งสองเป็นลูกสาวของ ท่านอ๋องจริงๆ ท่าน…จะจัดการพระชายายังไง?”
ต่างพูดว่าแม่จะได้รับเกียรติจากการมีลูก แต่นี่เป็นแคว้นซีเหย่ ลูกสาวสำคัญที่สุด
พระชายามีลูกสาวให้ท่านอ๋องสองคน หากเป็นที่ร่ำลือออกไป ถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญไปทั่วใต้หล้า
แต่ท่านอ๋องกับพระชายา….ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์จะดีขึ้นมาไหม
กู้โม่หานกลับไม่คิดถึงเรื่องนี้ กระทั่งพูดออกมาอย่างไม่ครุ่นคิดเลยว่า “หนานหว่านเยียนอยากทำยังไงข้าไม่สนใจ แต่ว่าลูก จะแตะต้องไม่ได้”
ลูกสาวเป็นของเขา ไม่ว่ายังไงหนานหว่านเยียนก็อย่าคิดพรากจากไป
เซียงเหลียนได้คำตอบแล้ว หัวใจกลับแขวนขึ้นมา
เพราะพระชายารักลูกสาวยิ่งกว่าชีวิตใครๆก็รู้ หากท่านอ๋องคิดจะแย้ง ถึงตอนนั้นมีแต่จะเสียเปรียบทั้งสองฝ่าย…..
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พวกคุณหนู เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบเขา
กู้โม่หานไม่รู้สิ่งที่นางคิดในใจ มุมปากเขากระตุกเล็กน้อย นิ้วมือเคาะโต๊ะอยู่อย่างเหม่อลอย
“เจ้าไปแจ้งที่เรือนเซียงหลิน คืนนี้ข้าจะไปทานข้าวด้วย ให้หนานหว่านเยียนพาลูกสองคนมาด้วย”
เซียงเหลียนใจเต้นกระตุก….
ท่านอ๋องจะลงมือไวขนาดนี้เลยหรือ?
“เพคะ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” เซียงเหลียนโค้งคำนับรับคำสั่งอย่างเคารพ พร้อมรีบออกมาจากเรือนซีเฟิง
กู้โม่หานเก็บกล่องผ้าใบแนบอก ก้าวเดินออกจากจวนอ๋อง ให้พ่อบ้านกาวเตรียมม้า มุ่งหน้าไปยังค่ายเสินเชื่อ
พวกเหล่าทหารค่ายเสินเชื่อเห็นกู้โม่หานมา ต่างก็ยิ้มหน้าบาน สายตาเป็นประกายแห่งความยินดี ราวกับมองเห็นแสงส่องสว่าง
รองแม่ทัพกวนวิ่งมารับแต่ไกล คนสองคนขี่ม้าอยู่ทางซ้ายขวา มาถึงตรงหน้าเต็นท์ของเสิ่นจวิน
รองแม่ทัพกวนแทบพูดขึ้นทั้งน้ำตาว่า “ท่านอ๋อง ในที่สุดท่านก็มาแล้ว เหล่าเสิ่นบ่นหาท่านอยู่ตลอดเวลา”
นับจากครั้งที่แล้ว หลังจากกู้โม่หานลงโทษพวกกู้โม่เฟิงในค่ายทหารแล้ว พวกทหารในค่ายทหารต่างรอคอยวันที่เทพสงครามในตอนนั้นหวนกลับมา
กู้โม่หานเลิกคิ้วอย่างลังเล
เขายังคิดไม่ออกว่าจะตอบแทนความตั้งหน้าตั้งตารอของพวกพี่น้องยังไงดี
แต่ความเย่อหยิ่งอวดดีของกู้โม่เฟิง ทำให้เขาก็ไม่อยากอดทนอีกต่อไป
บางที รอหลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งของบางอย่าง เขาต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
คิดแบบนี้แล้ว เขารวบสายตาเย็นชา เปิดม่านเต็นท์แล้วเดินเข้าไป พร้อมพูดขึ้นว่า “เหล่าเสิ่น ข้ามาเยี่ยมเจ้าแล้ว”
เวลานี้ สีหน้าเสิ่นจวินดีขึ้นไม่น้อยแล้ว สภาพจิตใจก็ดีขึ้นอย่างมาก
ถึงแม้แขนขาของเขายังขยับไปได้ แต่โชคดีที่หมอนสูงที่หนานหว่านเยียนสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ทำให้เขาได้นอนอย่างสบาย
เมื่อเสิ่นจวินมองเห็นเงาร่างสูงของกู้โม่หาน ก็รีบร้องเรียกพูดกับมู่ฮวนว่า “ฮวนเอ๋อร์ ท่านอ๋องมาแล้ว รีบมาถวายความเคารพ”
มู่ฮวนกำลังยกถ้วยน้ำชายื่นไปให้เสิ่นจวินดื่มอย่างเอาใจใส่ ตอนนี้ก็ได้หยุดมือ รีบโค้งคำนับ พร้อมพูดขึ้นว่า “ถวายบังคมท่านอ๋อง”
กู้โม่หานให้เขาลุกขึ้นมา จากนั้นก็หันไปมองเสิ่นจวินด้วยสายตาอ่อนโยน
“เห็นได้ชัดว่าหลายวันนี้ลูกชายของเจ้าดูแลเจ้าได้เป็นอย่างดี สีหน้าเจ้าดูดีขึ้นมาไม่น้อยแล้ว ข้าเองก็วางใจ”
รองแม่ทัพกวนรีบขยับมาข้างหน้า พูดชมต่อหน้ากู้โม่หานว่า “ท่านอ๋อง ท่านยังไม่รู้ เจ้ามู่ดูตัวผอมอ่อนแรง แต่ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วมาก”
กู้โม่หานมองดูมู่ฮวนที่ยกมือลูบท้ายทอยอย่างเขินอายแล้วก็หัวเราะ
“นี่ข้าก็คิดไม่ถึง แต่ว่า ลูกของเหล่าเสิ่น ควรที่จะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว”
ดูท่าทางสองพ่อลูกที่พ่อก็ใจดีลูกก็กตัญญูแบบนี้ กู้โม่หานค่อยวางใจไม่น้อย
เขาคิดถึงเรื่องสำคัญขึ้นมา จึงพูดขึ้นด้วยสายตามุ่งมั่นว่า “มีอย่างหนึ่งเหล่าเสิ่น ที่ข้ามาให้วันนี้ ยังมีเรื่องหนึ่งที่อยากถามเจ้า”
เสิ่นจวินรีบพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ท่านอ๋อง ท่านว่ามา หากเป็นสิ่งที่ข้าน้อยรู้ ก็จะบอกทุกอย่าง”
กู้โม่หานลูบจับกล่องผ้าในอ้อมอก แล้วพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “วันนั้น พระชายาทำอะไรกับกระดาษนั่น เพื่อพิสูจน์ระหว่างเจ้ากับมู่ฮวน เจ้ายังจำได้ไหม?”
เสิ่นจวินดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะถามเรื่องนี้ จึงอึ้งไปสักพัก พยายามนึกภาพเหตุการณ์ในวันนั้น
“ข้าน้อยจำได้….ขั้นตอนแรกพระชายาใช้ไม้ขนาดเล็กกับสำลี ล้วงในปากของข้าน้อย จากนั้นก็ทาบนกระดาษ”
มู่ฮวนผงกหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ ข้าน้อยก็จำได้ ตอนนั้นพระชายาก็ให้วิธีเดียวกันล้วงเอาสิ่งของในปากของข้าน้อย ยังแทงไปถึงให้ลำคอ”
ก้านไม้สำลีวางในปาก?
ท่าทีกู้โม่หานตกตะลึง
ในหัวสมองของเขาเริ่มปรากฏภาพที่ตนเองถือไม้ แล้วแทงเข้าไปในปากของพวกเด็ก….
หากทำแบบนี้จริงๆ จะไม่เป็นการทำให้พวกนางหลบหน้าไม่เจอตนเองอีกหรือ?
กู้โม่หานหนักใจ ไม่รู้จะเอายังไง
ไม่มีทางเลือกแล้ว…..ยังไงก็ต้องลองพยายามดู
แต่เวลานี้กู้โม่หานยังไม่รู้ เขาได้สิ่งหนึ่งมาโดยไม่คาดคิด….