ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 233 ข้าได้ยินแล้ว
กู้โม่ห่านมาแล้วหรือ?!
สิ้นเสียง สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ประตู ยกเว้นหนานหว่านเยียน
กู้โม่หานสวมเสื้อคลุมสีดำ คาดเข็มขัดหยกทอง ร่างสูงใหญ่ยืนสง่าน่าเกรงขามอยู่หน้าประตู
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเย็นชาและแข็งกร้าว ดูไม่พอใจเอามากๆ
การที่กู้โม่หานมาได้ ต้องเป็นหนานหว่านเยียนเชิญเขามาเท่านั้น โฉมหน้าที่แท้จริงที่สุดของหยุนอี่ว์โหรว จะขาดผู้ชมอย่างกู้โม่หานไปได้อย่างไร!
หัวใจของเสิ่นอี่ว์เหมือนถูกจับแขวนไว้บนที่สูง
เขารู้ว่าตอนนี้กู้โม่หานต้องไม่สบอารมณ์แน่ๆ
หยีเฟยกลายเป็นคนผัก ฝ่าบาทไม่ได้มีความรักความผูกพันต่อนางมากมายนัก พระชายาไม่รัก ลูกไม่โปรด ตอนนี้ยังต้องมาเป็นประจักษ์พยานในการทรยศของคนที่เขาเคยไว้ใจที่สุด…
ทันทีที่หยุนอี่ว์โหรวเห็นกู้โม่หาน สีหน้าก็ซีดเผือดยืนแทบไม่อยู่ รู้สึกตื่นตระหนกหวาดกลัวราวกับถูกคนทุบหัวใจให้แตกสลาย
นางไม่รู้ว่ากู้โม่หานได้ยินมากน้อยแค่ไหน ไม่รู้ว่าการแสดงออกของเขาในตอนนี้หมายความว่าอย่างไร ได้แต่กัดริมฝีปากทั้งน้ำตา “ท่านอ๋อง…”
กู้โม่หานไม่มองนางแม้แต่นิด ใบหน้าที่ได้ขอบมุมชัดเจนเต็มไปด้วยความเย็นชาและแข็งกร้าว
เขาก้าวเข้าไปในเรือนด้วยสีหน้าเย็นชา มองหนานหว่านเยียนแววตาซับซ้อน “ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว เจ้าพูดต่อไป”
เชี่ยนปี้เอามือปิดหน้า ตัวสั่นงันงก ถอยกลับไปอยู่ข้างกายหยุนอี่ว์โหรว นางกลัวแทบแย่ หลบสายตาไม่กล้ามองกู้โม่หาน
เสิ่นอี่ว์ยืนอยู่ทางด้านหนึ่ง พ่อบ้านกาวและเซียงอวี้ยืนรออยู่ข้างๆ ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
หนานหว่านเยียนเผยอปากยิ้มบางๆ
“ในเมื่อเจ้าได้ยินแล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก เจ้าควรจะไปถามโหรวเอ๋อร์ที่รักของเจ้า”
กู้โม่หานคิ้วขมวด กวาดสายตามองหยุนอี่ว์โหรวสองนายบ่าวอย่างดุดัน จากนั้นจึงหยุดอยู่ที่พ่อบ้านกาว “ข้าให้เจ้าช่วยพระชายารองทำงาน เจ้าทำเช่นนี้หรือ?”
“เงินห้าแสนนี้ พระชายารองไม่ได้บอกเจ้าว่าจะเอาไปทำอะไร เจ้าก็ให้นางงั้นหรือ?”
พ่อบ้านกาวคุกเข่าลงทัน ละล่ำละลักกล่าวว่า
“ท่านอ๋อง! กระหม่อมช่วยพระชายารองอย่างขยันขันแข็ง แต่พระชายารองบอกว่าจะจัดการกับเงินห้าแสนตำลึงนี้เอง! ตอนนั้นพระชายารองมีสิทธิ์ดูแลจวน กระหม่อม กระหม่อมก็พูดอะไรไม่ได้!”
เขาจะไม่ยอมเป็นแพะรับบาป เรื่องนี้เดิมทีเป็นคำมั่นสัญญาของหยุนอี่ว์โหรว อีกอย่างที่ผ่านมาท่าทีที่กู้โม่หานปฏิบัติต่อหยุนอี่ว์โหรวคือการตามใจปล่อยให้กระทำผิดโดยไม่ห้ามปรามมิใช่หรือ แล้วใครในจวนอ๋องจะกล้าพูดอะไรอีก?
หยุนอี่ว์โหรวสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง นางก้าวไปข้างหน้าคว้าแขนเสื้อของกู้โม่หานไว้ น้ำตาไหลพรากลงมา
“ท่านอ๋อง โหรวเอ๋อร์แตะต้องเงินห้าแสนตำลึงนี้จริงๆ แต่ไม่เกี่ยวกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องแน่นอน! โหรวเอ๋อร์มีความขัดสน ต่อไปจะชดใช้คืนให้อย่างแน่นอน ท่านอ๋องได้โปรดวางใจโหรวเอ๋อร์!”
“โหรวเอ๋อร์และพี่ชายลูกพี่ลูกน้องมีความโปร่งใส ไม่มีทางส่งเงินให้เขาโดยไม่มีเหตุผล โหรวเอ๋อร์รอท่านมาห้าปี ท่านคิดว่าโหรวเอ๋อร์จะทรยศท่านได้งั้นหรือ?”
กู้โม่หานยังไม่ทันเอ่ยปาก หนานหว่านเยียนก็ยิ้มเยาะ แล้วเดินเข้าไปหาหยุนอี่ว์โหรวอย่างบีบคั้น “ขัดสน? ยังไง ความขัดสนของเจ้าก็คือการให้พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเจ้าไปจ้างคนลอบสังหารหรือเปล่า? เมื่อข้าตาย เจ้าก็จะได้เป็นพระชายาแทนใช่ไหม?”
อะไรนะ!
พระชายารองจ้างคนลอบสังหาร?!
แล้วเป้าหมายยังเป็นพระชายาอีกด้วย! นี่มัน…
ทุกคนแอบสะดุ้งตกใจ มองหยุนอี่ว์โหรวอย่างไม่เชื่อสายตา
สีหน้าของเสิ่นอี่ว์หนักอึ้ง
เขารู้สึกอยู่เสมอว่า หนานหว่านเยียนเก่งกาจมาก ดูเหมือนนางจะมีไพ่ตายมากมายอยู่ในมือ มากพอที่จะทำให้หยุนอี่ว์โหรวไร้กำลังโต้แย้ง
แต่นางไม่รีบร้อน จะลงมีดเฉือนเนื้อของหยุนอี่ว์โหรวอย่างช้าๆ นี่คือวิธีที่น่ากลัวและเจ็บปวดที่สุด
หยุนอี่ว์โหรวตกใจมาก มักจะรู้สึกว่าถูกหนานหว่านเยียนมองทะลุอยู่เสมอ แต่นางก็เชื่อมั่นว่าหนานหว่านเยียนไม่มีหลักฐาน ทำอะไรนางไม่ได้
นางกัดฟัน น้ำตาไหลอาบแก้ม พลางกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าเปล่านะ!”
“ท่านอ๋อง พระชายาเอาแต่พร่ำพูดว่าโหรวเอ๋อร์ต้องการฆ่านาง แต่โหรวเอ๋อร์จะทำได้อย่างไร? แม้แต่มดโหรวเอ๋อร์ยังไม่กล้าเหยียบให้ตายเลย แล้วจะฆ่าคนได้ยังไง!”
แต่แทนที่กู้โม่หานจะสงสารน้ำตาของนาง เขากลับขมวดคิ้วหน้าบึ้งตึง มองไปทางหนานหว่านเยียน “เจ้าพูดให้ชัดเจนทีซิ”
หรือว่าหยุนอี่ว์โหรวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารในวันนั้นจริงๆ?
ไม่มีทาง โหรวเอ๋อร์ไม่มีทางทำเรื่องโหดเหี้ยมอำมหิตแบบนั้นได้
หนานหว่านเยียนเชยตาขึ้นมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็พลิกมือหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา ตบมันลงบนโต๊ะอย่างแรง
“โหรวเอ๋อร์ที่รักของเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของนางลอบสังหารข้า ต้องการฆ่าข้า เงินห้าแสนตำลึงคือหลักฐาน!”
“ยิ่งไปกว่านั้น โหรวเอ๋อร์ที่รักของเจ้าไม่เพียงให้เงินห้าแสนตำลึงเท่านั้น แต่ยังมอบสัญญาร้านค้าแห่งหนึ่งในจวนอ๋องให้เขาด้วย ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว หยุนโม่หรานต้องการชำระหนี้การพนัน จึงยกร้านนี้ให้ไป กระดาษแผ่นนี้คือหลักฐาน!”
ทุกอย่างถูกหนานหว่านเยียนสาวไส้ออกมาแสดง
กู้โม่หานเหลือบมองกระดาษในมือของหนานหว่านเยียน ยิ่งอ่านไปทีละตัวอักษร จิตใจก็ยิ่งเย็นชาลง
เขากำหมัดแน่น มองไปยังหยุนอี่ว์โหรว ดวงตาอันลุ่มลึกเต็มไปด้วยความโกรธและสงสัย ยังมีร่องรอยของความเหลือเชื่ออยู่
“โหรวเอ๋อร์ เจ้าจะอธิบายยังไง!”
บรรยากาศภายในเรือนกดดัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
หยุนอี่ว์โหรวรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหนานหว่านเยียนล้วงออกมาจนหมดตัว เหมือนมีหนามทิ่มแทงหลัง อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เมื่อนางสบสายตาอันเยือกเย็นของกู้โม่หาน ก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว ราวกับถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปจนหมด
นางคาดเดาไม่ได้แล้วว่าหนานหว่านเยียนรู้เรื่องของนางมากแค่ไหน ในใจรู้สึกหวาดกลัวเหลือเกิน ถูกบีบจนถึงทางตัน จำต้องวัดดวงเอา
“ท่านอ๋อง โหรวเอ๋อร์ยอมรับว่า โหรวเอ๋อร์ยืมเงินไปให้พี่ชายลูกพี่ลูกน้องจริงๆ แต่พี่ชายบอกว่าอีกไม่นานจะคืนให้โหรวเอ๋อร์ หากรู้ว่าเขาเอาไปทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ ข้าจะไม่ให้เขายืมเงินเด็ดขาด!”
“โหรวเอ๋อร์ไม่กล้าพูด เพราะเขาคอยตามรังควานโหรวเอ๋อร์ แต่เรื่องการจ้างนักฆ่า โหรวเอ๋อร์ไม่รู้เรื่องเลย! แล้วก็ไม่กล้าด้วย!”
เชี่ยนปี้เหงื่อตก รีบกระโจนเข้าไปตรงหน้ากู้โม่หานเพื่อแก้ต่างให้หยุนอี่ว์โหรว “เพคะท่านอ๋อง! หยุนโม่หรานใช้อำนาจบีบบังคับ เจ้านายสุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว อยู่ในจวนอ๋องก็เป็นกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ บางครั้งจึงอาจเลอะเลือนไปบ้าง”
“ท่านอ๋องได้โปรดเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา อย่าตำหนิพระชายารองเลย!”
หนานหว่านเยียนกอดอก จัดการปัญหาได้อย่างสบายมือ “ยังไงก็ต้องพูด หยุนอี่ว์โหรว เจ้าและสาวใช้ของเจ้าสวมบทบาทเป็นคนดีเก่งมาก น่าจะได้ตุ๊กตาทองหลายตัวแล้ว”
“แต่ว่า เจ้าคิดจริงๆ เหรอว่าครั้งนี้แค่พูดส่งๆ ไม่กี่คำก็รอดแล้ว?! ฝันไปเถอะ ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
ทันใดนั้นแววตาของหนานหว่านเยียนก็เฉียบคมขึ้นในทันใด แฝงไว้ด้วยท่าทางอาฆาตและมุ่งมั่นจะทำให้ได้ “อวี๋เฟิง พาเขาเข้ามา!”
สีหน้าของกู้โม่หานยิ่งอึมครึม กำนิ้วมืออันเรียวยาวไว้แน่น ไม่พูดจาใดๆ
ทุกคนต่างอยากรู้ว่าในมือของหนานหว่านเยียนยังมีหลักฐานอะไรอีก
หยุนอี่ว์โหรวและเชี่ยนปี้สบตากัน ในดวงตาของสองนายบ่าวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ยิ่งกังวลว่าหนานหว่านเยียนจะมีไพ่ตายซ่อนอยู่
อวี๋เฟิงรออยู่ในความมืดเป็นเวลานานแล้ว เมื่อได้ยินคำสั่งของหนานหว่านเยียนก็เดินเข้ามาพร้อมกับหยุนโม่หรานที่ถูกเขาจับมัดแขนไพล่หลังและปิดตาไว้
เป้ากางเกงของหยุนโม่หรานมีกลิ่นเหม็นโชยแตะจมูก แต่น้ำเสียงของเขากลับเย่อหยิ่งและวางอำนาจ
“เจ้าเป็นใครกันแน่? ข้าจะบอกเจ้าให้ เบื้องหลังของข้าคือกู้โม่หาน! ข้าเป็นพี่เขยของเขา เขารักน้องสาวของข้ามากที่สุด ข้าจะบอกเจ้าให้ หากมายุ่งกับข้า เจ้าจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“ยังไม่รีบแก้มัดให้ข้าอีก! ข้าจะบอกเจ้าให้ แม้แต่พระชายาอี้ข้ายังกล้าลงมือ ถ้าไม่อยากตายก็ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้…”