ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 299 ข้าบอกแล้วว่า ไม่ได้
ใบหน้าอันเคร่งขรึมของรองแม่ทัพอวี๋เต็มไปด้วยความเร่งรีบ เขาวิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว กู้โม่หานสวมชุดคลุมสีดำเปิดหน้าอกเล็กน้อย เผยให้เห็นผ้าพันแผลสีขาวขนาดใหญ่
“ท่านอ๋อง……”
กู้โม่หานครั้นเห็นสีหน้าเคร่งเครียด จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างโผงผาง “รองแม่ทัพอวี๋ ท่านมาได้อย่างไร?”
เดิมทีรองแม่ทัพอวี๋ร้อนรนใจมาก แต่พอเห็นสภาพของกู้โม่หานเข้า ก็พลันตาแดงก่ำทันใด
เขารีบก้าวเข้ามา แล้วคุกเข่าลงข้างๆ กู้โม่หาน “ท่านอ๋อง!เหตุใดท่านจึงเป็นเช่นนี้ขอรับ?”
“พี่น้องในค่ายเสินเชื่อต่างพากันคิดถึงท่านขอรับ หากท่านต้องการเรียกใช้พวกเรา พวกเรายินดีพลีชีพและเลือดเนื้ออย่างไม่ลังเลเลยขอรับ!”
กู้โม่หานยังไม่เอ่ยอันใด เสิ่นอี่ว์ก็รีบประคองรองแม่ทัพอวี๋ขึ้นมา “รองแม่ทัพอวี๋ ท่านอ๋องดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังขยับเขยื้อนไม่ค่อยสะดวกนัก มีเรื่องอันใดเจ้าลุกขึ้นมาก่อนค่อยพูด”
กู้โม่หานระงับอารมณ์ ใบหน้าหล่อเหลาแลดูไร้ซึ่งความไม่พอใจอย่างหมดจด
“มีหนานหว่านเยียนอยู่ ข้าฟื้นตัวได้ดีมาก เจ้ากับพี่น้องในค่ายเสินเชื่อไม่ต้องกังวลไป”
“ข้าเห็นสีหน้าเจ้าดูร้อนใจ ค่ายเสินเชื่อเกิดเรื่องอันใดงั้นหรือ?”
ในเมื่อเหล่าอวี๋ถึงกับมาด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็แปลว่าเรื่องราวคงใหญ่โตไม่เบา ถึงขั้นที่เขาไม่สามารถควบคุมได้
เหล่าอวี๋ปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้น วิชาแพทย์ของหนานหว่านเยียนเขาก็เคยเห็นมาเองกับตา ล้ำเลิศยิ่งนัก คิดว่าท่านอ๋องก็คงดีขึ้นมากแล้ว
พอพูดถึงเรื่องดังกล่าว สีหน้าเขาก็พลันอึมครึม แฝงไปด้วยความโกรธ “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องยังคงจำเฉินเคอได้หรือไม่ขอรับ?”
กู้โม่หานเลิกคิ้ว “จอหงวนบู๊ของปีนี้งั้นหรือ? ทำไมกัน?”
เขาจำได้ว่าเฉินเคอเป็นจอหงวนบู๊ ถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าวังหลวงโดยตรง ตอนนี้อยู่ในวังหลวงกำลังปฏิบัติหน้าที่ในทหารรักษาพระราชวัง
รองแม่ทัพอวี๋เอ่ยตอบอย่างโกรธเคือง “ถูกต้องขอรับ เขานั่นแหละ ท่านอ๋องท่านรู้หรือไม่ พอท่านรักษาตัวเสร็จ ฮ่องเต้ก็จะส่งตัวเฉินเคอผู้นี้มาเป็นแม่ทัพรับมอบอำนาจทำการแทนที่ค่ายทหารทันที บอกว่าจะมาฝึกทหารกับอ๋องเฉิงแทนท่าน!”
กู้โม่หานแววตาเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลาแฝงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ให้เฉินเคอมาแทนข้า?”
เสิ่นอี่ว์ขมวดคิ้วแน่นทันใด “จอหงวนบู๊ผู้นั้นมีความสามารถอยู่บ้างก็จริง แต่การมาเป็นแม่ทัพก็ใช่ว่าจะเอาคนบ้าบิ่นที่ไหนมาเป็นก็ได้ หลักการฝึกทหารเขาจะไปเข้าใจดีกว่าท่านอ๋องได้อย่างไร?”
“ตอนนี้ฝ่าบาทให้จอหงวนบู๊คนหนึ่งมาแทนที่ท่านอ๋อง ทั้งยังเป็นช่วงเวลาไม่ปกติอีกด้วย……นี่ค่อนข้างเป็นความตั้งใจ”
รองแม่ทัพอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเคืองอันชอบธรรม เขาทุบฝ่ามือลงบนโต๊ะ
“เจ้ากล่าวได้แม่นยำเสียจริง วันนั้นที่เฉินเคอเข้ามาที่ค่ายเสินเชื่อ เฟิ่งกงกงได้มาส่งข้อความ บังเอิญอ๋องเฉิงก็อยู่ด้วย เขาจึงได้เอ่ยเตือนอ๋องเฉิงกับแม่ทัพคนใหม่คนนี้ว่าตั้งใจทำงานดีๆ กระหม่อมเห็นว่า เขาคงอยากจะมาแทนที่ท่านอ๋องเป็นแน่!”
สีหน้าหล่อเหลาของกู้โม่หานยากจะคาดเดาได้และแฝงไปด้วยความลึกซึ้ง นิ้วมือเรียวยาวชี้ไปที่โต๊ะ น้ำเสียงเย็นชาทำคนเกรงกลัว
“กล่าวเสียงดงามว่าให้ฝึกทหารแทนข้า แต่ที่จริงนั้นคือกำลังเตือนข้าเป็นนัยๆ ต่างหาก”
ดูเหมือนว่าการจลาจลของเหล่าพลเรือนก่อนหน้านี้ จะทำให้เสด็จพ่อทรงระแวดระวังเข้าแล้วสิ
เสิ่นอี่ว์ขมวดคิ้วครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากังวลใจอย่างหนัก “แต่ว่าท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจจะไปค่ายเสินเชื่อได้……เรื่องนี้จะจัดการอย่างไรดีขอรับ?”
ยังไม่ทันรอให้กู้โม่หานตอบกลับ รองแม่ทัพอวี๋ก็ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ด้วยสีหน้าอันจริงจัง
“ที่จริงกระหม่อมยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้เล่า การบัญชาของเฉินเคอในค่ายเสินเชื่อ เขาปฏิบัติกับเหล่าพี่น้องอย่างรุนแรง เหล่าทหารที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้สองวัน ก็ถูกเขาฝึกซ้อมเสียจนลุกจากเตียงไม่ไหว น่ากลัวเสียกว่าอ๋องเฉิงอีก”
“กระหม่อมเกรงว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เหล่าพลทหารจะต้องตื่นตระหนกคับแค้นใจเป็นแน่ ส่วนท่าน……ก็จะถูกแทนที่นะขอรับ”
ไม่ใช่เฉพาะพลทหารใหม่ แต่ยังมีเหล่าผู้ใต้บัญชาคนเก่าๆ ของกู้โม่หานจำนวนมาก ก็ล้วนถูกเฉินเคอกดขี่ทรมาน เห็นได้ชัดว่าเป็นการพุ่งเป้า
เสิ่นอีว์ครั้นได้ยินดังนั้นก็ไม่สบอารมณ์ โกรธเกรี้ยวขึ้นทันที “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!ท่านอ๋อง พวกไม่อาจนั่งรอความตายนะขอรับ!”
กู้โม่หานขบเม้มริมฝีปากบาง ๆ ของเขาเบา ๆ สีหน้าของเขาค่อนข้างเย็นชาเสียดกระดูก
“เสด็จพ่อทำเช่นนี้ ก็เพราะจอยากจะกำจัดคนสนิทในค่ายเสินเชื่อของข้า นำเฉินเคอมาแทนที่ข้าอย่างสมบูรณ์ เช่นนี้ กำลังของเสด็จพ่อถึงจะแทรกแซงเข้ามาในค่ายเสินเชื่อได้ และปลดข้าออกในที่สุด”
แต่ว่าหากต้องการยึดอำนาจจริงๆ ก็ไม่ควรยึดเช่นนี้!
กลุ่มโจรที่ชายแดนยังคงเคลื่อนไหวอยู่ตลอด พี่น้องในค่ายเสินเชื่อไม่อาจเกิดเรื่องเป็นอันขาด แต่ควรจะฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อเตรียมพร้อมในยามฉุกเฉิน
หรือว่าเพื่อยึดอำนาจ เสด็จพ่อจะไม่ต้องการสิ่งใดเลยงั้นหรือ ไม่ต้องการทายาท ใต้หล้าจะรุ่งโรจน์หรือพังพินาศก็ไม่ได้สนใจแล้ว?
กู้โม่หานทนไม่ได้จนต้องกำหมัด
รองแม่ทัพอวี๋เห็นการตอบสนองของกู้โม่หานแล้ว ก็เข้าอกเข้าใจและสงสารยิ่งนัก
อย่างไรเสียฮ่องเต้ก็เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดท่านอ๋อง ผู้เป็นบิดากลับใช้โอกาสในยามที่ลูกบาดเจ็บสาหัส มาคิดว่าจะยึดอำนาจจากมือเขาอย่างไร ใครจะไปทนรับไหวกัน
รองแม่ทัพอวี๋คุกเข่าลงอย่างแรงทันใด ครานี้ กลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่ง
“ท่านอ๋องก่อนที่กระหม่อมจะมาที่จวนอ๋อง กระหม่อมได้หารือกับเหล่าพี่น้องมาแล้ว พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่า มีวิธีการหนึ่งที่สามารถแก้ไขวิกฤติตรงหน้าได้ขอรับ!”
กู้โม่หานมองไปที่เขา “เจ้าลองว่ามาสิ”
รองแม่ทัพอวี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ “พลทหารพร้อมเสียสละ!หากว่าเกิดมีนายทหารสักสามสี่คนเสียชีวิตด้วยฝีมือของเฉินเคอ ฝ่าบาทคงไม่มีทางเพิกเฉยแน่ ถึงครานั้นพวกเราก็ก่อเรื่องขึ้น จะต้องสามารถบีบให้ฮ่องเต้กำจัดเฉินเคอได้อย่างแน่นอนขอรับ”
“และพวกเราก็ใช้โอกาสนี้ในการเรียกร้อง ขอเพียงท่านยินดีเป็นแม่ทัพของพวกเรา วิกฤตก็จะคลี่คลายโดยปริยาย!”
“ไม่ได้เด็ดขาด!” กู้โม่หานเข้มงวดและจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาเรียวยาวเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “ข้าจะไม่มีทางเอาชีวิตของพี่น้องคนใดมาเป็นเครื่องต่อรองเด็ดขาด!หากพวกเจ้าจะทำเรื่องนี้ขึ้นจริง เช่นนั้นอำนาจทหารของข้า ไม่เอาก็ได้!”
เขาขุ่นเคือง
โกรธที่คนพวกนี้โง่เขลาถึงขนาดสละชีวิตเพื่อเขา
ยิ่งโกรธมาก ที่เหล่าทหารในค่ายเสินเชื่อผู้ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายใดๆ กับเขา แต่กลับยอมทำถึงขนาดนี้ แต่คนในวังหลวงท่านนั้น กลับทำได้ทุกอย่างเพื่อให้เขาไม่ได้อยู่เป็นสุข
เสิ่นอี่ว์ก็ตะลึงมากเช่นกัน นึกไม่ถึงว่ารองแม่ทัพอวี๋กับเหล่าพี่น้องในค่ายเสินเชื่อจะพากันใจเด็ดถึงเพียงนี้
แต่ว่า ท่านอ๋องรักเหล่าทหารดุจลูกหลาน เขาจะต้องห่วงใยเอาใจใส่พลทหารทุกนายในค่ายเสินเชื่ออยู่แล้ว มีพลทหารมากมายที่จงรักภักดีและยินดีติดตามเขาเช่นนี้ เขาไม่แปลกใจเลย
รองแม่ทัพอวี๋สีหน้าลำบากใจ “แต่ว่าท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านบาดเจ็บสาหัสกลับไปค่ายทหารไม่ได้ ตราบใดที่เฉินเคอยังไม่ออกไป เขาก็จะข่มเหงรังแกพลทหารตามคำสั่งและยึดอำนาจของท่านนะขอรับ……”
กู้โม่หานสีหน้าเย็นชา “ข้าบอกแล้วว่า ไม่ได้!”
“อีกอย่างเจ้าต้องเข้าใจ ยอดจอมยุทธเฉินเคอเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง หากไม่มีเขา เสด็จพ่อก็ต้องหา ‘เขา’ คนต่อไปมาแทนแน่นอน พวกเจ้าสละชีวิตโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ พวกเจ้าอยากให้ข้ารู้สึกผิดไปชั่วชีวิตหรือไง? !”
เสิ่นอี่ว์ก็รีบประคองรองแม่ทัพอวี๋ขึ้น
“รีบลุกขึ้น เจ้ากับข้าติดตามท่านอ๋องมาตั้งหลายปี นิสัยใจคอของท่านอ๋อง เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?”
รองแม่ทัพฝืนใจอย่างไม่สบอารมณ์
เหล่าพลทหารทั้งหมดในค่ายเสินเชื่อ ก็ไม่อยากจะเห็นกู้โม่หานถูกกำจัดออกไป ยิ่งไม่อยากเห็นกู้โม่หานกล้ำกลืนความโกรธแค้นแทนพวกเขา
“เช่นนั้นทำอย่างไรดี!ตอนนี้พวกเราไม่อาจนั่งนิ่งรอความตายนะขอรับ……”