ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 507 เสียใจ
กู้โม่หานบันดาลโทสะขนาดนี้ บรรดาผู้คนตัวสั่นเทา ล้วนไม่กล้าหายใจเสียงดังในพริบตา
สีหน้าของหยุนอี่ว์โหรวก็ซีดขาว มองดูกู้โม่หานด้วยความเหลือเชื่อ
ร่างกายทั้งตัวของนางสั่นสะท้านท่ามกลางสายลมอันเย็นยะเยือก แต่นางไม่กล้าขัดขืน จึงร้องไห้และโค้งตัวทำความเคารพ “เพคะ โหรวเอ๋อร์ โหรวเอ๋อร์จะกลับไปเดี๋ยวนี้”
พูดพลาง นางก็หมุนตัวจากไปราวกับหลบหนีไปเช่นนั้น
ในดวงตาของหยุนอี่ว์โหรวเต็มไปด้วยความแค้นเคืองและไม่ยินยอม ทีแรกนางคิดว่าวันนี้จะได้เห็นเรื่องน่าอายของหนานหว่านเยียน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ ตัวนางเองที่ได้กลายเป็นเรื่องน่าขันไปแล้วโดยแท้จริง
นางโกรธมากโมโหมาก!
หากรู้มาก่อนว่าหนานหว่านเยียนเสียตัวให้กู้โม่หาน นางก็ควรจะให้พ่อบ้านกาวแอบรับซื้อตงเสวี่ยผู้นี้ไว้ก่อน ดูซิว่าหนานหว่านเยียนยังจะพลิกตัวให้ชนะได้อย่างไรอีก!
เซียงอวี้อดที่จะแสดงสีหน้าความปลื้มปริ่มใจออกมาไม่ได้ รู้สึกว่าลืมตาอ้าปากได้แล้ว
ใครใช้ให้พระชายารองหยุนอวดดีขนาดนั้น เลื่อยขาเก้าอี้พระชายาอยู่ตลอด แทบอยากจะทำให้พระชายาไม่สามารถจะพลิกตัวได้อีก
ตอนนี้ถูกท่านอ๋องตำหนิเช่นนี้ สมควรแล้ว!
หนานหว่านเยียนมองดูเงาหลังที่หนีเตลิดจากไปของหยุนอี่ว์โหรว สีหน้าไร้ความรู้สึก ลำแสงประกายในดวงตา กลับปรากฏแววความเย็นชาออกมาเล็กน้อย “เซียงอวี้ กลับห้อง”
หนานหว่านเยียนหมุนตัวกลับห้อง ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้มองกู้โม่หานแม้สักแวบเดียว
วันนี้ตอนที่ตงเสวี่ยบอกความจริงออกมานางก็เพิ่งจะได้รู้ ที่แท้ครั้งแรกของเจ้าของร่างเดิมก็คือกับกู้โม่หาน ที่น่าหัวเราะก็คือ กู้โม่หานกลับเอาเรื่องนี้มาทำร้ายนางโดยตลอด
ความแค้นทั้งเก่าและใหม่พรั่งพรูขึ้นมาอย่างฉับพลัน นางรู้สึกหงุดหงิด โดยเฉพาะที่กู้โม่หานเข้าหอกับหยุนอี่ว์โหรว นางก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้น อดกลั้นไฟโทสะก้อนหนึ่งไว้ อยากจะระบายออกมาก็ระบายออกมาไม่ได้อีก
“เพคะ พระชายา” ในจิตใจของเซียงอวี้ไม่เข้าใจ ตอนนี้ความเข้าใจผิดของท่านอ๋องและพระชายาก็ได้คลี่คลายแล้ว พระชายาก็ควรจะดีใจไม่ใช่หรือไง?
ทำไมดูเหมือนพระชายาไม่ได้ดีใจเลยล่ะ?
เพิ่งจะไตร่ตรองเสร็จ นางก็เห็นกู้โม่หานอ้อมผ่านนาง ไล่ตามหนานหว่านเยียนไป ตามหนานหว่านเยียนเข้าไปในห้องเงียบๆ
ฝีเท้าของเซียงอวี้ชะงัก มองไปทางพ่อบ้านกาว
พ่อบ้านกาวมองดูเซียงอวี้แวบหนึ่ง กระแอมเสียงหนึ่ง “เจ้าจัดหาที่อยู่ให้ตงเสวี่ยก่อนละกัน รอพระชายาจัดการลงโทษด้วยตัวเอง”
เซียงอวี้รับคำสั่ง “เจ้าค่ะ”
ในห้อง หนานหว่านเยียนยังตระหนักไม่ได้ว่าที่ตามนางเข้ามาคือกู้โม่หาน นางหันหลังให้กู้โม่หานอยู่ตลอด สนใจแต่จะจัดการเก็บสัมภาระบนเตียงโดยตัวเอง
“เซียงอวี้ เครื่องประดับเหล่านั้น ช่วยข้าหยิบมาหน่อยสิ”
กู้โม่หานเม้มริมฝีปากแน่น ตั้งแต่เข้าห้องเขาก็มองดูหนานหว่านเยียนเก็บสัมภาระเงียบๆ
แม้จะยากที่ซ่อนความตื่นเต้นดีใจในจิตใจไว้ได้หลังจากที่เขารู้ความจริง แต่ชั่วขณะนั้นเขากลับไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับหนานหว่านเยียนอย่างไร คำพูดเสียดสีทุกอย่างในวันวานที่ผ่านมา เวลานี้ล้วนกลายเป็นมีดแหลมคมที่เล็งตรงไปในจิตใจของเขา ทิ่มแทงเขาจนบาดเจ็บยับเยินไปทั้งร่าง
เขาเสียใจแล้ว เสียใจที่เคยทำกับนางเช่นนั้น ดูหมิ่นที่นางไม่บริสุทธิ์
ทั้งๆที่ นางเป็นแค่ของเขาคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
ทั้งๆที่เด็กผู้หญิงตัวน้อยทั้งสองคนนั้น ก็คือลูกของเขา แต่เขากลับสงสัย
เขามีความผิดจริงๆ
เท้าของกู้โม่หานเหมือนหนักอึ้งถึงห้าร้อยกิโลกรัมเช่นนั้น หยิบกล่องเครื่องประดับขึ้นมา ก็รู้สึกว่าหนักอึ้ง
เขายื่นกล่องเครื่องประดับไปในมือของหนานหว่านเยียน ปลายนิ้วของทั้งสองคนสัมผัสกันเบาๆ กู้โม่หานจึงคว้าจับข้อมือของนางไว้ด้วยสัญชาตญาณ เสียงสั่นเครือเล็กน้อย “หนานหว่านเยียน อย่าไป”
ได้ยินดังนั้น จิตใจของหนานหว่านเยียนก็เต้นระรัว หันหน้ามองไปทางกู้โม่หานที่อยู่ด้านข้าง “ทำไมท่านถึงอยู่ตรงนี้? ท่านเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เมื่อเห็นว่าเซียงอวี้ไม่อยู่ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่คนที่ตามนางเข้ามา ก็เป็นเขามาโดยตลอด!
ความหงุดหงิดในใจของหนานหว่านเยียนกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สะบัดมือของกู้โม่หานออกไปทันที
“ข้าบอกแล้ว อย่ามาแตะต้องข้า”
จิตใจของกู้โม่หานกระวนกระวาย รีบยื่นมือไปกอดเอวของหนานหว่านเยียนไว้แน่น ล็อกแผ่นหลังของนางเข้าอ้อมอกของตัวเองไว้อย่างแนบแน่น
ที่ผ่านมาเขาไม่เชี่ยวชาญกับการจัดการความรู้สึกของชายหญิง เผชิญหน้ากับหนานหว่านเยียน เขามีความละอายใจ แต่เขาไม่รู้ว่าจะปลอบใจคนอย่างไรดี จึงทำได้เพียงกักตัวนางไว้ข้างกายอย่างโง่ๆ ไม่อยากให้นางจากไป
เขาตัดใจไม่ลง ก่อนที่จะรู้ความจริงก็ตัดใจไม่ได้ หลังจากที่ได้รู้ความจริง ก็ยิ่งไม่มีทางที่จะปล่อยมือไปได้
“หว่านเยียน ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าเกลียดข้ามาก ก่อนหน้านี้เป็นข้าที่เข้าใจเจ้าผิดไป ข้าขอโทษ”
“ขอโทษจริงๆ เป็นข้าที่ไม่ดี ทำให้เจ้าเสียใจ…….”
หนานหว่านเยียนแนบชิดติดกับหน้าอกอุ่นๆและแข็งแกร่งของผู้ชาย นิ้วมือแกะมือของเขาที่โอบเอวนางไว้ น้ำเสียงเฉยชา
“กู้โม่หาน ข้าไม่สนใจว่าเมื่อก่อนท่านจะคิดยังไงกับข้า ท่านขอโทษข้า ข้าได้ยินแล้ว แต่ตอนนี้พวกเรามีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกันเท่านั้น จะให้อภัยหรือไม่ข้ายังไม่ได้คิดให้ดี แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้ข้าอยู่หรือไป ปล่อยมือ!”
ใบหน้าของกู้โม่หานค่อยๆฉาบด้วยความดุดันชั้นหนึ่ง แต่กลับกอดนางไว้แน่น “หว่านเยียน เจ้าเป็นภรรยาของข้า ชีวิตนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป”
อะไร? !
เขาจะไม่ปล่อยนางไป? !
หนานหว่านเยียนรู้สึกตกตะลึงกับคำพูดนี้ของกู้โม่หาน ในจิตใจเกิดความรู้สึกกระวนกระวายและโกรธเคืองขึ้นมาอย่างฉับพลัน บังเอิญท่าทางเช่นนี้ก็ยากที่จะต่อสู้ดิ้นรนได้
“กู้โม่หาน ท่านจะต้องคิดถึงผลในการผิดคำมั่นสัญญาให้ดี! ท่านบอกว่าท่านละอายใจต่อข้า ก็คือการดันทุรังรบเร้า ผิดสัญญาทำลายความน่าเชื่อถืออย่างเช่นในตอนนี้หรือ?”
“และท่านก็แปลกมาก ครั้งแรกของข้าจะเป็นท่านหรือไม่ มีผลกระทบกับท่านมากนักหรือไง ทำไมท่านถึงเปลี่ยนไปได้ในทันทีเช่นนี้?”
“หว่านเยียน……” แขนของกู้โม่หานที่โอบรอบเอวของนางไว้ใช้แรงมากเป็นที่สุด ราวกับว่าต้องการทำให้หนานหว่านเยียนหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของตัวเองเช่นนั้น
ภายใต้สถานการณ์ที่ตัวเองได้เข้าหอกับหยุนอี่ว์โหรวแล้ว เขาควรอธิบายกับหนานหว่านเยียนอย่างไร ว่าเขาชอบนางมาตั้งนานแล้ว
ไม่ว่าวันนี้จะเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาหรือไม่ เขาก็จะไม่ปล่อยนางไป
ทันใดนั้น กู้โม่หานก็ปล่อยมือ หันร่างกายของนางเข้ามา หนานหว่านเยียนยังไม่ทันได้ตอบสนอง เงามืดด้านหน้าก็กดดันเข้ามา ริมฝีปากถูกเขาจูบไว้
แรงมาก ออกแรงเหมือนอยากจะฉีกกินเข้าไปถึงกระดูก
ดวงตาของหนานหว่านเยียนตะลึงตาค้าง ในดวงตาวาดเต็มไปด้วยความตะลึงงัน
นางพึมพำอยากผลักและปฏิเสธเขา แต่กลับถูกกู้โม่หานบังคับกอดไว้ จูบไปพลางดันให้นางถอยหลังไปพลาง สุดท้ายถูกเขากดทับเข้ากับข้างโต๊ะ
ราวกับว่ามีอะไรสูญเสียการควบคุมเช่นนั้น กู้โม่หานยับยั้งตัวไว้ไม่ได้ และเขาก็ไม่อยากเอายับยั้งไว้อีก
เขาอยากจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อชดเชยให้หนานหว่านเยียน คิดต้องการจะจัดการความสัมพันธ์ของเขาและหยุนอี่ว์โหรวให้ดี อยากจะครอบครองหนานหว่านเยียน และต้องการอยากจะได้ใจของหนานหว่านเยียนยิ่งกว่า
ใช่ เขาไม่เคยมีความปรารถนามาก่อน ตัวของนางและหัวใจของนาง เขาต้องการทั้งหมด…….