ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง – ตอนที่ 677 เลี้ยงดูภรรยา มิใช่เลี้ยงดูองครักษ์ / ตอนที่ 678 โอบอุ้มเท้าเหม็นของขันที

ตอนที่ 677 เลี้ยงดูภรรยา มิใช่เลี้ยงดูองครักษ์ / ตอนที่ 678 โอบอุ้มเท้าเหม็นของขันที

ตอนที่ 677 เลี้ยงดูภรรยา มิใช่เลี้ยงดูองครักษ์

เดิมทีเจตนาของเฝิงเยี่ยไป๋นั้น หากไม่ให้บทเรียนภรรยาตัวน้อยเสียหน่อย ให้นางลิ้มรสความเจ็บปวดเสียบ้าง คืนนี้รับรองว่าไม่จบไม่สิ้นแน่นอน หากแต่พอจะทำขึ้นมาจริงๆ เมื่อหมอบอยู่ตรงไหล่นางเห็นว่าบนร่างนางมีรอยจ้ำสีม่วงก็ทำไม่ลง สุดท้ายก็ช่วยนางใส่ชุดกลับ หากทำให้นางเจ็บบ่อยๆ อีกหน่อยเจอเขาก็คงกลัวไปหมด เขากำลังเลี้ยงดูภรรยามิได้กำลังเลี้ยงทหารองครักษ์เสียหน่อย จะมากลัวเขาไม่ได้ หากกลัวเขาแล้วอีกหน่อยจะลงโทษอย่างไร วันๆ หากต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวนก็หาใช่เรื่องไม่ อย่างไรก็ตามใจเหมือนแต่ก่อนไว้ดีกว่า

เฉินยางคิดไปแล้วว่าเขาจะสั่งสอนนาง นางที่วันนี้ทานข้าวเผื่อไว้สองชามเป็นพิเศษเตรียมตัวยกเท้าไว้แล้วว่าหากเขาเข้ามาใกล้จะยันออกไปทันที ไม่เพียงแค่วันนี้ อีกหน่อยก็ตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะทานเยอะหน่อย ทานอิ่มแล้วร่างกายจะได้มีเนื้อเยอะหน่อย คราวหน้าพอมีเรื่องต้องออกแรงกับเขาจะได้มีแรงมากหน่อย ไม่เหมือนเช่นวันนี้ พอเอ่ยอันใดก็ถูกเขาหยุดไว้หมด แม้แต่โอกาสจะตอบโต้ยังไม่มีเลย เยี่ยงนี้มันออกจะดูเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่บ้าง อีกหน่อยนานวันเข้า คงไม่สามารถถูกเขาลากจมูกเดินได้ อีกหน่อยทะเลาะกันก็อาจจะไร้เรี่ยวแรงได้

“ช่างเถอะ วันนี้ข้าจะยกโทษให้เจ้า ภายหลังเจ้าต้องเชื่อฟังข้าให้มาก เจ้ายิ่งไม่มีทางตอบโต้อยู่ อย่าเอาแต่พูดว่าข้าคอยแต่จะหาโอกาสจัดการเจ้า นิสัยข้า เจ้ารู้แก่ใจดี หากโกรธจริงแล้ว เจ้าเองก็ไม่มีทางมีวันคืนที่ดีแน่นอน”

ก็ใช่อย่างไรเล่า เขาถือว่าตนนั้นแรงเยอะกว่ามิใช่หรือ หากลองเอาแรงกำยำของเขานั้นมาแลกกับนางดู ใครจะแพ้หรือชนะก็ยังไม่แน่หรอก

เฉินยางปัดบั้นท้ายสองสามทีแล้วลุกขึ้นยืน “ท่านนอนที่นี่แหละ ข้าจะไปนอนที่อื่น”

เฝิงเยี่ยไป๋จับข้อมือนางไว้ทัน “จะไปไหน”

“ท่านเป็นลูกผู้ชายนี่นา หน้าตาศักดิ์ศรีสำคัญนัก ท่านเกรงว่าออกไปนอนข้างนอกแล้วจะถูกผู้อื่นติฉินเอาได้ แต่ข้าไม่กลัว ท่านนอนคนเดียวไปเถอะ” นางสะบัดมือเขาออกพลางถอนหายใจ “อวี่เหวินลู่บอกข้าแล้ว น่าอวี้ไม่ยอมช่วยเรื่องตามหาเสี่ยวจินอวี๋ในวังหลวงนั่น”

“เจ้าก็ไม่ควรหวังในตัวนางตั้งแต่แรก” เฝิงเยี่ยไป๋หนุนศีรษะด้วยแขนข้างหนึ่งพลางเอนกายนอนตะแคง “ในเมื่อนางเองถูกฮ่องเต้ขังไว้ในวังหลวง อย่างนั้นชะตาชีวิตน้องชายแน่นอนว่าก็ต้องอยู่ในกำมือฮ่องเต้เป็นแน่ หากนางช่วยเจ้า นางก็ตาย สำหรับนางแล้วชีวิตลูกชายเจ้าสำคัญหรือว่าชีวิตนางสำคัญเล่า ลองชั่งน้ำหนัความสำคัญดูก็รู้ นางมิใช่คนที่จะมองว่าความจงรักภักดีสำคัญกว่าสิ่งใด ต่อให้ไม่ช่วยเจ้าในใจก็ไม่รู้สึกผิดอันใด อีกประการหนึ่ง เรื่องที่อวี่เหวินลู่อยู่ที่บ้านเรานางก็รู้ ตอนนี้อวี่เหวินลู่ยังอยู่ดีมีสุข แสดงว่านางเองก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องอันใดเกี่ยวกับครอบครัวเรา นี่ก็ยากสำหรับนางมากแล้ว เจ้ายังหวังจะให้นางช่วยเจ้า จะแปลกไปหน่อยกระมัง”

“อย่างนั้นที่เซวียฮูหยินพูดถึงเรื่องที่ฮ่องเต้ปลงพระชนม์เพื่อแย่งชิงบัลลังก์เล่า ขอแค่กระจายข้อมูลนี้ออกไป ข้าไม่เชื่อหรอกว่าฮ่องเต้จะนิ่งเฉยได้”

“ในมือฮ่องเต้มีจุดอ่อนของพวกเราอยู่ หากเขาอยู่ไม่สุขแล้วต้องระบายกับเสี่ยวจินอวี๋เป็นแน่ หากถึงตอนนั้นคนที่จะอยู่ไม่สุขคงต้องเป็นพวกเราเป็นแน่ จะวู่วามไม่ได้ พวกเรายังต้องคิดวิธีที่ปลอดภัยทั้งสองด้าน ไม่อย่างนั้นหากมีเงื่อนไขมากขึ้น ถึงตอนนั้นจะควบคุมได้ไม่ดี

เฉินยางมองเขานิ่งไป “ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าเสี่ยวจินอวี๋อยู่ที่ใด ช่วยเขาได้หรือไม่ คนพวกนั้นจะต้องไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีแน่ ไม่รู้เลยว่าระหว่างนี้มีคนป้อนอาหารเขาบ้างหรือยัง”

คนเป็นแม่เมื่อกังวลขึ้นมาแล้วคำพูดก็เริ่มไม่จบไม่สิ้น ช่วงนี้นางเองก็นอนผวาตลอด พอหลับตาลงก็คือลูก เสี่ยวจินอวี๋ยังไม่กลับถึงอ้อมอกนางสักที ใจนางก็สงบไม่ได้สักวัน

เฝิงเยี่ยไป๋ดึงนางลงมานอนด้วยกัน “อย่าคิดอีกเลย หัวสมองอย่างเจ้านี้ อย่าทำให้ตนเองลำบากเลย เรื่องที่เหลือให้ข้าจัดการเถอะ ถึงตอนนั้นหากลูกเรามีแม้แต่รอยขีดข่วน ข้าก็จะทำให้เกิดแผลในตำแหน่งเดียวกันบนร่างของฮ่องเต้ เจ้าก็ทำใจให้สบายเถิด”

ตอนที่ 678 โอบอุ้มเท้าเหม็นของขันที

เสี่ยวจินอวี๋เป็นตัวต่อรองที่ฮ่องเต้ใช้ต่อกรกับเฝิงเยี่ยไป๋ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ตัวประกันที่สำคัญเพียงนี้ เขาต้องไม่นำไปไว้นอกวังเป็นแน่ ในเมืองหลวงนั้นถือว่าปลอดภัยที่สุดสำหรับฮ่องเต้ เป็นความลับที่สุด แต่ไม่มีทางที่ข้อมูลจะเล็ดลอดออกไปได้ และที่ที่จะไม่มีใครบุกเข้ามาได้ง่ายๆ ก็คือวังใน ดังนั้นเสี่ยวจินอวี๋จะต้องยังอยู่ในวังเป็นแน่ ในเมื่อเข้าทางน่าอวี้ไม่ได้ อย่างนั้นก็ต้องคิดหาหนทางอื่น ในมือเขายังมีจุดอ่อนของเซวียอิ๋นอยู่ จึงให้เซวียอิ๋นไปบอกบุตรีของเขา นั่นก็คือเซวียไท่เฟยที่ตอนนี้ยังมีประโยชน์อยู่ให้นางช่วยเป็นหูเป็นตาในวัง วังหลวงใหญ่โตนัก แต่สถานที่ที่ฮ่องเต้เสด็จไปมีไม่กี่แห่ง ฮ่องเต้ต้องจัดให้อยู่ในที่ที่สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลาแน่นอน ไม่อย่างนั้นพระองค์จะไม่วางพระทัย ส่วนเซวียไท่เฟย อย่างไรเสียก็ยังเป็นคนที่สามารถเข้าออกวังได้อย่างอิสระ ให้นางยื่นมือช่วยเหลือน่าจะง่ายดายกว่าเข้าทางน่าอวี้อยู่มาก

เฝิงเยี่ยไป๋ไม่สามารถอยู่ในวังได้นาน ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหาบุตรชายด้วยตนเองได้ เซวียไท่เฟยแม้ว่าจะเป็นพระสนม แต่ในมือนั้นยังพอมีอำนาจอยู่บ้าง สามารถโยกย้ายกำลังคนได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะยังถูกผู้อื่นกดขี่อยู่ทุกที่ไป ในมือแม้ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้ เมื่อออกจากตำหนักตนไปที่อื่นก็ถูกผู้คนมองอย่างดูแคลน ทั้งยังถูกใส่ร้ายให้ลำบากใจก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

ฮ่องเต้พระองค์ก่อนตอนยังมีพระชนม์ชีพ ไทเฮาและเซวียไท่เฟยมิใคร่ปรองดองนัก เซวียไท่เฟยขณะนั้นได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมาก ในที่ลับและที่แจ้งก็ต่อกรกับไทเฮาไปไม่น้อย หากมิใช่เพราะว่าบิดาของนางเมื่ออยู่ในท้องพระโรงสามารถทำงานได้ดี ไทเฮาคงไม่เก็บนางไว้ เดาว่าคงเหมือนพระสนมคนอื่นที่ถูกส่งไปเฝ้าสุสานจักรพรรดิตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะมีวันนี้ได้ ดังนั้นใครต่อใครล้วนโจมตีนางแล้วรี่ไปขอรางวัลที่ไทเฮา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่มีผู้ให้ท้าย ขันทีที่ถูกใส่ร้ายในวัง เรื่องเลวร้ายเต็มหัวสมอง เรื่องชั่วร้ายคิดออกมาได้ไม่หยุด เมื่อประสงค์ร้ายแล้วนั่นถึงจะเรียกว่าส่งคนไปประตูผีได้เลย

เซวียไท่เฟยนั้นไม่ใคร่ยินยอมช่วยนัก ประการหนึ่งคือหยิ่งยโส นางเองอยู่ในวังมาหลายปี เป็นเจ้านายเสียจนเคยตัว คราวนี้ให้นางไปอวยบรรดาขันทีเท้าเหม็น และยังต้องเทเบี้ยของตนให้พวกมันทำงาน นางทำใจได้ยากเหลือเกิน อีกประการหนึ่งคือ ไทเฮาแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ต้อนรับนาง หากตอนนี้นางออกหน้าเกินไป นั่นจะไม่เป็นการหาเรื่องตายให้ตนหรือ ครั้งก่อนวันรวมญาติมารดาและบุตรี นางเองก็ขายหน้าเสียจนสิ้นในงานนั้น ตอนนี้หากต้องไปเสนอตัวในวังอย่างเปิดเผย เกรงแค่ไม่ต้องรอถึงวันออกวังหรอกนางเองคงสิ้นชีวิตไปก่อนแล้ว

แต่หากไม่ยอมช่วย เฝิงเยี่ยไป๋ก็มิรู้ว่าไปได้ข้อมูลจากที่ใด ในมือนั้นบีบชะตาชีวิตของท่านพ่อเอาไว้ ไม่รับปากก็มิได้ หากเขาเอาเรื่องนี้ไปเปิดโปงกับฮ่องเต้ละก็ พวกเขาทั้งตระกูลก็คงจบสิ้นเป็นแน่แท้

ที่นี่คือวังหลวง มิใช่สวนหลังบ้านของผู้ใด ต้องการคนสักคนหรือ อย่าว่าแต่เด็กเลย ใครบอกว่าจะง่ายอย่างปากว่า อีกอย่างเขายังกำหนดวันมาแล้วอีกด้วย ภายในสิบวัน หากหาเด็กนั่นไม่เจอ เขาจะทูลเรื่องนี้กับฮ่องเต้ เรื่องนี้มันใหญ่โตกว่าเรื่องใดในใต้หล้าสำหรับพระองค์ บัลลังก์มังกรจะสามารถรักษาไว้ได้หรือไม่ ใช้เรื่องนี้มาแลกกับเด็กคนนึง ได้เปรียบยิ่งกว่าอะไร

เฝิงเยี่ยไป๋ก็คงจะเกลียดชังฮ่องเต้พอดู ไม่อย่างนั้นคงเอาเรื่องนี้ไปต่อรองกับฮ่องเต้นานแล้ว คงไม่ต้องลำบากมาหาท่านพ่อให้ช่วยหรอก

หากจะเอ่ยถึงเรื่องยุทธวิธีและแผนการ เฝิงเยี่ยไป๋นั้นอย่างไรก็คือนิ้วโป้ง ฮ่องเต้เองเรียนเรื่องการเมืองจากไทเฮามาไม่น้อย แต่ก็เยาว์วัยนัก เรื่องต่างๆ มักไม่รอบคอบ มักเกิดเรื่องผิดพลาดเสมอ หนนี้เฝิงเยี่ยไป๋กำลังคิดหาวิธีการปลีกตัวจากฮ่องเต้ ฮ่องเต้เองก็กำลังหาวิธีการล้มเฝิงเยี่ยไป๋ พระราชโองการของฮ่องเต้พระองค์เดิมพระองค์ไม่เคยเห็น หากแต่ฟังจากพั่งไห่แล้ว เป็นพระราชโองการที่ไม่สมบูรณ์ ซู่อ๋องกับเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ว่าใครก็ล้วนมีโอกาสที่จะสะเทือนบัลลังก์มังกรของพระองค์ได้ทั้งนั้น

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

Status: Ongoing

ตอนที่ 1-200 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยเพราะบุญคุณที่บิดาอีกฝ่ายเคยช่วยชีวิตบิดาตนไว้ เป็นเหตุให้คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเฝิงอย่าง เฝิงเยี่ยไป๋ จำต้องแต่งกับ เว่ยเฉินยาง เด็กสาวผู้มีสติปัญญาเทียบเท่าเด็กสามขวบจนกลายเป็นที่ตลกขบขันไปทั่วทั้งเมือง หนำซ้ำบิดาที่ล่วงลับไปแล้วของเขายังสั่งเสียไว้ด้วยว่า เขาจะแต่งภรรยาอีกกี่คนก็ได้ ทว่าตำแหน่งภรรยาหลวงนั้นจะต้องเป็นของเฉินยางเพียงผู้เดียว

ชีวิตของคุณชายเจ้าสำราญรูปงามที่สตรีน้อยใหญ่ทั่วเมืองหมายปองเช่นเขาจึงเปลี่ยนไปขนานใหญ่ นับตั้งแต่สตรีโง่งมผู้นั้นมาอยู่ข้างกาย ประเดี๋ยวนางก็ร่ำๆ จะหาบิดานาง ประเดี๋ยวก็ขอให้เขาเล่านิทานกล่อมนอน อีกทั้งเรื่องที่ ‘สามีภรรยาพึงกระทำกัน’ นางยังมิรู้ประสีประสาสักนิด ทำให้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่า สรุปแล้วเขาแต่งภรรยาหรือรับลูกสาวมาเลี้ยงกันแน่!  

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท