ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ – บทที่ 413

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 413

หลังจากทักทายกันไม่กี่คำแล้วนั้น หวงไท่โฮ่วจึงได้เข้าหัวข้อสำคัญ นางเอ่ยถามมู่หรงเจี๋ย “ถึงแม้ว่าข้าจะรู้ถึงความต้องการของเจ้า อาศัยโอกาสที่วันนี้มารดาเจ้าเองก็อยู่ที่นี้ ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งหนึ่ง…”

คำพูดของหวงไท่โฮ่วยังไม่ทันได้เอ่ยจบ กุ้ยไท่เฟยก็ได้เอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา “หม่อมฉันไม่เห็นด้วย!”

หวงไท่โฮ่วถอนหายใจออกมา มองมายังนาง “ดูท่าแล้ว เมื่อครู่คำพูดที่ข้าเอ่ยกับเจ้านั้นคงจะเสียแรงเปล่า”

กุ้ยไท่เฟยยิ้มเย็น “เสด็จพี่ให้หม่อมฉันเข้าวังมา ไม่ใช่เพื่อสอบถามความเห็นของหม่อมฉันเช่นนั้นหรือ? หากว่าหม่อมฉันสามารถออกความเห็นเรื่องนี้ได้ ตอนนี้หม่อมฉันแสดงออกมามีอะไรที่ไม่ได้กัน? หากว่าหม่อมฉันไม่สามารถออกความคิดเห็นได้แล้ว เสด็จพี่วันนี้ไม่ควรที่จะเรียกหม่อมฉันเข้ามา”

ป้าซือจูยกน้ำชาเข้ามา ได้ฟังคำพูดของกุ้ยไท่เฟยแล้ว สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กลับมิอาจส่งเสียงออกมาได้ ทำได้เพียงยกน้ำชาเข้ามา

มู่หรงเจี๋ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางดูสบาย ใบหน้าหล่อเหลาแสดงถึงความไม่สบอารมณ์ เขานั่งเล่นแหวนหยกในมือ แววตาค่อย ๆ ปรากฏความเย็นชา

หวงไท่โฮ่วอดทนอดกลั้นเอ่ยกับกุ้ยไท่เฟย “เมื่อครู่พวกเราคุยกันแล้ว เจ้าเองก็เอ่ยออกมาว่าไม่มีความเห็นใดต่อเรื่องนี้”

กุ้ยไท่เฟยเงยหน้าขึ้น “ทุกอย่างทำตามพระประของเสด็จพี่ก็พอเพคะ คำพูดนี้หมายถึงไม่มีความคิดเห็นหรือ? มิได้ หมายถึงว่าไม่อาจแสดงความคิดเห็นได้ อีกทั้งความเห็นของหม่อมฉันสำคัญด้วยหรือ? ถึงแม้ว่าวันนี้หม่อมฉันจะคัดค้าน งานอภิเษกครั้งนี้ก็ยังคงจะเกิดขึ้นเป็นแน่”

นางน้ำเสียงเอ่ยเย็นชา “หากว่าเหตุผลที่เสด็จพี่ต้องการให้หม่อมฉันเข้าวังมานั้น คือหวังจะให้หม่อมฉันเอ่ยกับพวกเขาด้วยตนเองว่า หม่อมฉันไม่มีข้อโต้แย้งแล้วล่ะก็ เช่นนั้นในเมื่อเป็นพระประสงค์ของเสด็จพี่แล้ว หม่อมฉันเอ่ยออกมาก็ได้เพคะ”

นางมองมายังมู่หรงเจี๋ย “งานมงคลของพวกเจ้า ข้าไม่มีความคิดเห็นใด”

มู่หรงเจี๋ยเงยหน้าขึ้น สายตาเหมือนราวกับดาบทิ่มแทงไปยังนาง มุมปากค่อยเบ้ขึ้น “ขอบพระทัยเสด็จแม่ส่งเสริมความปรารถนาของหม่อมฉันพ่ะย่ะคะ”

“หม่อมฉันสามารถไปได้แล้วหรือยังเพคะ?” กุ้ยไท่เฟยเอ่ยถาม

“ออกไป!” หวงไท่โฮ่วโมโหเข้าจริง ๆ แล้ว เอ่ยออกมาเสียงเข้ม

กุ้ยไท่เฟยยิ้มเย็น “ช่างเป็นเรื่องน่าตลกเสียจริง!”

พูดจบ ก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ป้าซือจู่ส่งเสียงเฮ้อออกมา เหลือบมองยังมู่หรงเจี๋ยอย่างรีบร้อน แล้วจึงได้เร่งตามนางออกไป

หวงไท่โฮ่วโมโหจนเจ็บไปทั้งทรวงอก แต่กลับยิ้มออกมาแล้วเอ่ยกลับมู่หรงเจี๋ย “เสด็จแม่ของเจ้ายังคิดไม่ได้ เจ้าอย่าได้กล่าวโทษนางเลย”

“นางยังคงคิดไม่ได้มาหลายปีแล้ว หม่อมฉันเองก็ไม่ได้ใส่ใจ” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยเสียงเบา

หวงไท่โฮ่วมองยังเขาด้วยความตะลึงงัน เด็กคนนี้แบกรับภาระไว้มากเกินไป แม้แต่นางก็ยังพลอยปวดใจไปด้วย แล้วทำไมผู้ที่เป็นมารดาเยี่ยงนางถึงได้ไม่แยแสและช่างโหดร้ายนัก?

นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา มองมายังจื่ออัน นางหวังอย่างจริงใจว่าสตรีนางนี้จะสามารถทำทุกอย่างที่สามารถจะช่วยเหลือเขาได้ แต่ว่านางยังคงสงสัยอยู่จริง ๆ เซี่ยจื่ออันเดิมเป็นคนที่ดื้อรั้นและทำตัววุ่นวาย นางจะสามารถคอยช่วยเหลืออาเจี๋ยได้จริง ๆ หรือ?

“อาเจี๋ย เจ้าไปวังซีเหวยเยี่ยมเสด็จพี่ของเจ้าเถอะ ข้าอยากจะพูดคุยกับจื่ออันเสียหน่อย” หวงไท่โฮ่วจู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา

มู่หรงเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมา ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน “พบกับเสด็จพี่ เป็นพระประสงค์ของเสด็จแม่หรือพ่ะย่ะคะ ลูกสามารถเข้าไปเยี่ยมเสด็จพี่ได้?”

“ถูกแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าคิดถึงเขาเป็นอย่างมากแล้ว ไปเถอะ” หวงไท่โฮ่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“พ่ะย่ะคะ!” มู่หรงเจี๋ยลุกขึ้นยืน จื่ออันมองเห็นแววตาของเขามีประกายของความยินดีอย่างชัดเจน

เขาเคยเอ่ยกับนางมาก่อน สงสัยว่าฝ่าบาทได้ทรงสวรรคตไปแล้ว แต่ว่ามาตอนนี้หวงไท่โฮ่วได้เอ่ยว่าสามารถพบกับฝ่าบาทได้ หมายความว่าการคาดเดาในครั้งนั้นตรงกันข้าม ฝ่าบาทยังคงมีชีวิตอยู่ คนผู้นั้นที่ใจเขาถวิลหา ยังคงมีชีวิตอยู่

จื่ออันดีใจไปกับเขาด้วยจริง ๆ

มู่หรงเจี๋ยพุ่งออกไปราวกับลมพายุ หวงไท่โฮ่วได้สั่งให้คนปิดประตูลง เหลือไว้เพียงนางและจื่ออันสองคน

บรรยากาศจู่ ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะว่าหวงไท่โฮ่วไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ทำเพียงจ้องมองมายังนาง

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

Status: Ongoing
แพทย์ทหารสายลับกลับกลายเป็นลูกสาวคนแรกของเสนาบดีที่ต้องทนรับการถูกข่มเหงรังแกจากพ่อและแม่เลี้ยง และต้องแต่งงานกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เผชิญกับหลุมพรางและแผนการร้ายมากมายด้วยทักษะการแพทย์ของเธอทำให้เธอสามารถต่อสู้ผ่านศึกสังหารระหว่างวัง แก้ปัญหาระหว่างรัฐได้ด้วยดี ลงโทษองค์รัชทายาทที่กระทำความผิด ช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเหลียง และกำจัดโรคระบาดที่รุนแรงจากบุตรสาวเสนาบดีที่ขี้ขลาดแปรเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่จิตใจแน่วแน่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักรพรรดิได้ “ถ้าเจ้าแอบหนีออกมาอีก ข้าจะตามไปขัดขวางเจ้า มีที่ไหนพระชายาที่กำลังตั้งครรภ์แล้วยังวิ่งไปทั่ว?”“เจียงตงเกิดโรคระบาด ข้าในฐานะหมอหลวงต้องรีบไปช่วยเป็นธรรมดา ถ้าท่านขัดขวางข้าโรคจะระบาดจะไปถึงเมืองหลวง” อ้อมแขนอันแข็งแกร่งโอบกอดพระชายาที่พูดไม่หยุด ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สเด็จกลับมาและกราบทูลว่า “ฮึ่ม หมอหลวงมีจำนวนมากพอแล้ว” ถ้าคุณตั้งครรภ์อยู่จะออกไปไหม? จิตใจดั่งพระโพธิสัตว์หรือไม่? หรือยืนหยัดต่อสู้กับโรคระบาดที่ร้ายแรงตอนนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท