จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 220 จวินซื่อจื่อหึงหวงผลที่ตามมาร้ายแรงมาก

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 220 จวินซื่อจื่อหึงหวงผลที่ตามมาร้ายแรงมาก

“โจ๊กสมุนไพร วันนี้ซื่อจื่อเพิ่งกระอักเลือดการบำบัดด้วยอาหารได้ผลดีที่สุด ซวนอ๋องจะลองชิมหน่อยไหม กินสิ่งนี้ในระยะยาวสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงได้?” หยุนถิงถาม

“เช่นนั้นก็ลองดูสักถ้วยหนึ่งเถอะ” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวตอบ

เขาเกลียดกลิ่นของยาสมุนไพรมากที่สุดมาโดยตลอด แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้พูดออกมาเช่นนี้

“ตกลง” หยุนถิงรอต้มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ตักให้โม่เหลิ่งเหยียนหนึ่งถ้วย ถึงได้ยกหม้อนั่นไปหาจวินหย่วนโยว

จวินหย่วนโยวที่อยู่ในเรือนกำลังนอนพักผ่อนอยู่ เห็นหยุนถิงยกหม้อเดินเข้ามา “ทำไมถึงไปนานเช่นนี้?”

“ข้าไปดูฮูหยิน นางกับท่านแม่ทัพให้ข้าตั้งชื่อให้กับเจ้าหนูน้อย ข้าเลยบอกว่าให้ชื่อโหวอี้หมิง พวกเขาชอบมาก จากนั้นข้ากำลังจะไปต้มโจ๊กสมุนไพรที่ห้องครัว แต่แล้วระหว่างทางก็พบกับหลีอ๋อง ทำให้ล่าช้าไปเล็กน้อย” หยุนถิงกล่าวพอเป็นสังเขป

“โม่ฉือหานที่สมควรตายคนนี้ เขาได้ทำร้ายเจ้าหรือไม่?” จวินหย่วนโยวมองมาด้วยความเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไร โชคดีที่ได้ซวนอ๋องให้ความช่วยเหลือ ยังมีหลงยีหลงเอ้อ เขาถูกข้าทำให้โกรธ และจากไปอย่างลนลาน”

จวินหย่วนโยวถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ต่อไปจะไปที่ไหนก็ให้หลงเอ้อหลงยีติดตามไปด้วยทุกย่างก้าว”

“รู้แล้ว ซื่อจื่ออย่าเป็นกังวลไปเลย รีบดื่มโจ๊กหน่อยเถอะ เมื่อครู่นี้ข้าก็เพิ่งตักให้ซวนอ๋องไปหนึ่งถ้วย”

สีหน้าของจวินหย่วนโยวที่เดิมทีผ่อนคลายไปแล้ว ดำมืดลงมาทันที “เจ้าตักให้โม่เหลิ่งเหยียนหนึ่งถ้วย?”

“ใช่แล้ว เมื่อครู่ดีที่เขาให้ความช่วยเหลือ เขาถามข้าว่าอร่อยไหม ข้าก็บอกว่าอร่อย จากนั้นก็ตักให้เขาหนึ่งถ้วย” หยุนถิงกล่าวอธิบาย

กำปั้นของจวินหย่วนโยวต่อยลงไปบนเตียง “โม่เหลิ่งเหยียนที่สมควรตายนี่ถึงกับกล้าชิงตัดหน้ากินโจ๊กสมุนไพรของข้า น่าชิงชังนัก”

สีหน้าของหยุนถิงตึงเครียด ทำไมนางถึงได้พูดไม่คิดเช่นนี้ หยุนถิงรีบตักโจ๊กยื่นไปอย่างรวดเร็ว “ซื่อจื่อ ท่านลองชิมดู”

จวินหย่วนโยวเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเย่อหยิง “ไม่กิน”

“เพราะอะไร?”

“เจ้าให้โม่เหลิ่งเหยียนก่อน” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างเย็นชา

หยุนถิงทำหน้าหมดคำพูด “ซื่อจื่ออย่าใจแคบนักสิ คนอื่นเขาเพิ่งช่วยข้าไปเมื่อครู่ ขอโจ๊กกับข้าหนึ่งถ้วย ข้าคงปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหม”

“เรื่องนั้นข้าไม่สนใจ”

“ซื่อจื่อ ท่านเป็นเด็กดี เชื่อฟังที่สุดแล้ว ต้องไม่ทำให้ข้าลำบากใจเช่นนี้หรอกใช่ไหม” หยุนถิงกล่าวเกลี้ยกล่อม

“ข้าไม่ใช่เด็กสามขวบสักหน่อย อย่ามาใช้ไม้นี้”

“เช่นนั้นซื่อจื่อท่านต้องไม่หวังให้ข้าได้รับบาดเจ็บใช่ไหม คนอื่นเขาช่วยข้าเอาไว้นะ”

“เช่นนั้นจะเก็บหลงยีหลงเอ้อเอาไว้ทำไม ข้าจะไปลงโทษพวกเขาสองคนเดี๋ยวนี้ แม้แต่เจ้าก็ปกป้องเอาไว้ไม่ได้ มีพวกเขาไว้จะมีประโยชน์อะไร” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความโกรธ

“อย่า ซื่อจื่อข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ตักโจ๊กให้ซวนอ๋องอีกแล้ว ท่านอย่าไประบายความโกรธกับหลงยีหลงเอ้อเลย พวกเขาก็ลงมือเช่นกัน มิเช่นนั้นหลีอ๋องจะจากไปด้วยความหดหู่และพ่ายแพ้เช่นนี้ได้อย่างไร”

จวินหย่วนโยวไม่พูดอะไรอีก มือใหญ่คว้าตัวหยุนถิงเข้ามาในอ้อมแขน ก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากของนาง

“ซื่อจื่อ โจ๊ก—–” หยุนถิงตกตะลึง

จวินหย่วนโยวรับถ้วยโจ๊กมาจากมือของนาง วางเอาไว้บนโต๊ะด้านข้างเตียง จากนั้นก็จูบอย่างเผด็จการไม่อนุญาตให้หยุนถิงขัดขืน

มันไม่เหมือนการจูบ แต่เป็นการลงโทษมากกว่า

จวินหย่วนโยวจูบอย่างใช้แรงเล็กน้อย มองดูหยุนถิงขมวดคิ้ว เขากลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย จงใจเพิ่มแรงกำลัง ต้องการจะลงโทษนางนั่นแหละ หยุนถิงจะได้รู้จักหลาบจำ

นางต้มโจ๊กสมุนไพรให้ตัวเอง ยังจะตักให้โม่เหลิ่งเหยียนก่อนหนึ่งถ้วย ไม่แน่ว่าเวลานี้โม่เหลิ่งเหยียนอาจกำลังได้ใจอยู่ก็ได้

หยุนถิงเจ็บจนใบหน้าเล็กขมวดกันเป็นก้อน สบตาเข้ากับนัยน์ตาสีดำที่เย็นชาและโกรธจัดคู่นั้นของจวินหย่วนโยว นาทีนี้นางเสียใจภายหลังแล้วจริงๆ

ทำไมต้องไปตักโจ๊กถ้วยนั้นให้ซวนอ๋องด้วย ตักแล้วก็ตักไปสิ ทำไมยังต้องพูดออกมาต่อหน้าซื่อจื่อด้วย นี่ไม่ใช่การยกก้อนหินทุบเท้าตัวเองหรอกหรือ

ทำไมนางถึงได้โง่ขนาดนี้เนี่ย

ไหนเลยที่หยุนถิงจะทนรับการลงโทษของจวินหย่วนโยวไหว สุดท้ายคนทั้งคนก็อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“ซื่อจื่อ ข้าผิดไปแล้ว” หยุนถิงกล่าวด้วยความน้อยใจ

มองดูปากเล็กที่บวมแดงเล็กน้อยของนาง ท่าทางที่บวมขึ้นมา ทั้งน้อยใจและน่าสงสาร อย่าให้พูดเลยว่าน่าหลงใหลแค่ไหน

จวินหย่วนโยวมองอย่างยากที่จะหักห้ามความปรารถนาในใจ แล้วก็โน้มตัวลงไปจูบหยุนถิงอีกครั้ง

“ซื่อจื่ออย่า ข้าไม่อยากลงจากเตียงไม่ได้แล้ว” หยุนถิงร้องขอความเมตตา

“ครั้งหน้ายังจะตักโจ๊กให้โม่เหลิ่งเหยียนอีกไหม?”

“ไม่ตักแล้ว ให้ตายอย่างไรข้าก็ไม่ตักแล้ว” หยุนถิงให้คำมั่น จู่ๆก็พบว่าซื่อจื่อหึงหวงขึ้นมาผลที่ตามมาร้ายแรงมาก คนที่โชคร้ายขึ้นมาก็คือตัวนางเอง

มุมปากของจวินหย่วนโยวยกขึ้นมาเป็นมุมโค้งที่พึงพอใจเล็กน้อย “ข้าหิวแล้ว”

“ดีเลย รีบดื่มโจ๊กเถอะ” หยุนถิงรีบออกมาจากอ้อมแขนของเขาทันที ยกถ้วยโจ๊กที่อยู่ด้านข้าง หยิบช้อนขึ้นมาตักหนึ่งช้อน ส่งมาถึงข้างปากของจวินหย่วนโยว

จวินหย่วนโยวถึงได้อ้าปากกินอย่างพึงพอใจ โจ๊กหนึ่งถ้วยหยุนถิงป้อนให้เขากินจนหมดถ้วย

ทางด้านนี้ โม่เหลิ่งเหยียนยกถ้วยโจ๊กขึ้นมาดม มีกลิ่นยาจางๆ แต่ว่าไม่มีกลิ่นฉุน ดูเหมือนยังมีกลิ่นหอมจรุงใจเล็กน้อย โม่เหลิ่งเหยียนลองชิมไปหนึ่งคำ

รสชาติแตกต่างจากโจ๊กปกติ แต่รสชาติไม่เลว เปรี้ยวๆหวานๆ อร่อยดี แต่ว่าเขาไม่ได้ดื่มอีก แต่ยกถ้วยตรงไปยังเรือนของหลีอ๋อง

โม่ฉือหานกลับไปแล้วโกรธจนทุบทำลายของประดับตกแต่งในเรือนจนหมด เวลานี้กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ยังมีเศษชิ้นส่วนอีกมากมาย อย่าให้พูดเลยว่าเละเทะแค่ไหน

มองดูคนที่เดินเข้ามา โม่ฉือหานกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ามาทำไม?”

โม่เหลิ่งเหยียนเหลือบมองสิ่งของที่แตกกระจายอยู่บนพื้นครู่หนึ่ง “หลีอ๋องอารมณ์รุนแรงจังเลยนะ ทำของเสียหายต้องชดใช้ตามราคา”

“ข้าไม่ขาดแคลนเงิน!”

“ดี เช่นนั้นหลีอ๋องเชิญทำลายได้ตามสบาย ของเก่าไม่ไปของใหม่ไม่มาพอดี” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวพร้อมเดินเข้ามา

“เจ้ามาเพื่อคิดบัญชีกับข้าหรือ?” โม่ฉือหานโมโหอย่างมาก

ไม่ว่าอย่างไรเขากับโม่เหลิ่งเหยียนก็ล้วนแซ่โม่ คนตระกูลเดียวกัน ตามระดับอาวุโสแล้ว โม่ฉือหานยังต้องเรียกโม่เหลิ่งเหยียนว่าพี่ชายด้วยซ้ำ แต่แล้วเขากลับเข้าข้างคนนอก ทำให้โม่ฉือหานรู้สึกโกรธแค้นจริงๆ

“เปล่า ข้ามาที่นี่เพื่อดื่มโจ๊ก” โม่เหลิ่งเหยียนเดินตรงไปนั่งลงที่โต๊ะ

“สมองเจ้ามีปัญหาใช่ไหม ที่นี่ไม่มีโจ๊ก?”

“ข้าเอามาเอง นี่คือโจ๊กที่หยุนถิงเพิ่งต้มเสร็จ ถ้วยแรกก็ตักให้ข้าเลย จวินหย่วนโยวยังได้เป็นถ้วยที่สองด้วยซ้ำ” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวโอ้อวด

โม่ฉือหานโกรธจนมือที่อยู่ด้านข้างกำหมัดเอาไว้แน่น “โจ๊กที่ผู้หญิงบ้าคนนั้นต้ม ให้ข้าเปล่าๆ ข้าก็ไม่ดื่ม”

โม่เหลิ่งเหยียนมองดูเขาอย่างจนใจครู่หนึ่ง “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะให้เจ้าดื่ม แต่ข้าแนะนำเจ้าคำหนึ่ง หากเจ้าอยากให้นางรักษาให้ ก็เลิกนิสัยแย่ๆของเจ้าซะ อย่างไรเสียเจ้าก็ผิดต่อนาง เจ้าควรจะคิดดูว่าแท้จริงแล้วนางต้องการอะไรกันแน่”

โม่เหลิ่งเหยียนจงใจดื่มโจ๊กถ้วยนั้นจนหมดต่อหน้าโม่ฉือหาน ถึงได้จากไป

เห็นแก่ที่ทุกคนล้วนเป็นคนของคนของตระกูลโม่ สิ่งที่ควรพูดเขาก็พูดได้เท่านี้ ส่วนเรื่องที่ว่าโม่ฉือหานจะทำอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว

มองดูโม่เหลิ่งเหยียนจากไป นัยน์ตาสีดำที่ดุร้ายของโม่ฉือหานหรี่ลงเล็กน้อย ผู้หญิงบ้าคนนั้นต้องการอะไร เขาจะรู้ได้อย่างไร

หลายวันต่อจากนั้น หยุนถิงไปตรวจสุขภาพให้ฮูหยินทุกวัน จนกระทั่งวันที่หก ฮูหยินไม่ต้องให้ยาทางเส้นเลือดแล้ว หยุนถิงกำชับเรื่องต่างๆที่ต้องระวังกับซูมามาแล้ว ถึงได้ติดตามจวินหย่วนโยวออกไปจากจวนแม่ทัพภักดี ซวนอ๋องกับหลีอ๋องก็จากไปในเวลาเดียวกัน

ระหว่างทาง หลิงเฟิงกำลังขับรถม้าอยู่ ก็เห็นข้างทางด้านหน้ามีผู้หญิงคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่ “ซื่อจื่อ ข้างทางมีผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเหมือนจะหมดสติไป”

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท