จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 608 จุดที่นางทำให้ข้ารักที่สุด
“กราบทูลฝ่าบาท ร่างกายไทเฮามิเป็นอะไร ตอนกลางวันหม่อมฉันไปถวายพระพรไทเฮา ไทเฮาปกติทุกอย่าง!” เหมยเฟยอธิบาย
ไอ้สังหารของหลิ่วเฟยถึงคลายลง ถือว่าเหมยเฟยพูดอย่างเป็นธรรมออกมา
สีหน้าฮ่องเต้ดูบูดบึ้งยิ่งนัก แค่เพียงคำพูดขององครักษ์ลับและมามาไม่เพียงพอที่จะอธิบายอะไร ทันใดนั้นด้านนอกมีขันทีคนหนึ่งเข้ามารายงาน
“ฝ่าบาท สาวใช้คนสนิทของหลิ่วเฟยเหนียงเหนียงขอเข้าเฝ้า!”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “ให้นางเข้ามา!”
สีหน้าหลิ่วเฟยบูดบึ้งทันที นางมาทำอะไร ในใจพลันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเอามากๆ
สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาคุกเข่าลงถวายบังคม “ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาท หลิ่วเฟยเหนียงเหนียง!”
“เจ้ามาทำอะไร?” หลิ่วเฟยถลึงตาใส่อย่างโกรธขึ้ง
“เหนียงเหนียงท่านวางมือเถอะ อย่าทำผิดอีกเลย ข้าน้อยไม่อยากเห็นท่านเดินทางผิด—“
“หุบปาก ข้าทำอะไร ต้องให้เจ้ามาสอดเมื่อใดกัน!” หลิ่วเฟยแค่นเสียงเย็น
สาวใช้รีบหันไปมองฮ่องเต้บนบัลลังก์ทันที “ฝ่าบาท ข้าน้อยชื่อลู๋เอ๋อร์ เป็นสาวใช้คนสนิทข้างกายหลิ่วเฟยเหนียงเหนียง ข้าน้อยสามารถยืนยันได้ว่า หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงบงการมามาคนนี้ไปวางยาพิษคุณหนูซูจริงๆ เพราะยาพิษนั้นข้าน้อยเป็นคนให้มามาเอง
ข้าน้อยยังมีจดหมาย ก็คือจดหมายที่องครักษ์ลับฝังไว้ใต้ต้นไม้หลังตำหนักหลิ่วเฟยเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงให้ข้าน้อยไปขุดออกมาเปลี่ยนเป็นหุ่นไม้สาปแช่งแทน
จดหมายอยู่ที่นี่ ขอฝ่าบาททอดพระเนตร ข้าน้อยรู้ดีว่าสมควรตายนัก ขอฝ่าบาทละเว้นเหนียงเหนียง ข้าน้อยยินดีรับโทษแทนเหนียงเหนียง!”
สาวใช้พูดอย่างจงรักภักดี และควักจดหมายออกมาปึกหนึ่งจากในอกเสื้อ
ซูกงกงรับมาและถวายให้ฝ่าบาท
ฮ่องเต้เปิดจดหมายออกดู ลายมือในนั้นเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นลายมือของหลิ่วเฟยและใต้เท้าหลิ่ว เนื้อหาในแต่ละจดหมายล้วนเป็นการกำจัดศัตรู ให้ร้ายวังหลังทั้งนั้น—-
ฮ่องเต้เดือดดาลทะลุฟ้า โยนจดหมายเหล่านั้นใส่หน้าหลิ่วเฟย “หลิ่วเฟย ตอนนี้เจ้ายังจะพูดอะไรอีก?”
ใบหน้าหลิ่วเฟยโดนจดหมายกระแทกจนเจ็บ ขมวดคิ้วเล็กน้อย รีบหยิบจดหมายเหล่านั้น พอเห็นลายมือคุ้นเคย นางอึ้งกิมกี่ไปเลย
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เคยเขียนจดหมายเหล่านี้ ขอฝ่าบาท—“
หลิ่วเฟยยังพูดไม่ทันจบ ฮ่องเต้ก็แทรกขึ้นว่า “หุบปาก หลักฐานวางอยู่ตรงหน้าอย่างทนโท่เยี่ยงนี้เจ้ายังกล้าโกหก หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าจะเลอะเลือนถึงขั้นจำลายมือของเจ้าและพ่อเจ้ามิได้รึ
หลิ่วเฟยทำวังหลังปั่นป่วน ให้ร้ายสายเลือดราชวงศ์ ทำร้ายสนมนางใน ยังร่วมมือกับใต้เท้าหลิ่วกำจัดศัตรู วางยาพิษซูชิงโยว ความผิดใหญ่หลวงนัก ปลดฐานะพระสนมของหลิ่วเฟย ปลดเป็นสามัญชน คุมตัวเข้าคุกหลวง รอการลงอาญา
ใต้เท้าหลิ่วเป็นขุนนางราชสำนัก กลับช่วยนางกระทำการชั่วร้าย ทำร้ายขุนนางด้วยกัน ฆ่าคนพรากชีวิต ปลดตำแหน่งซ่างซูลิ่ง ยึดทรัพย์ตระกูลหลิ่ว ยึดทรัพย์สินทั้งหมดเข้าท้องพระคลัง เนรเทศคนของตระกูลหลิ่วทั้งหมดไปชายแดน ห้ามกลับเมืองหลวงตลอดชีวิต!”
คำพูดแต่ละคำบาดลึกลงในใจ
หลิ่วเฟยอึ้งไปเลย เข่าอ่อนทรุดลงพื้นทันที “ไม่ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำผิด หม่อมฉันโดนใส่ร้าย!”
“จะตายแล้วยังไม่สำนึก ทหารคุมตัวหลิ่วเฟยออกไป!” ฮ่องเต้พูดอย่างเดือดดาล
องครักษ์สองคนเข้ามาจากด้านนอก จะมาหามตัวหลิ่วเฟย แต่โดนหลิ่วเฟยสะบัดออกอย่างรังเกียจ
“ข้าไปเองได้!” หลิ่วเฟยตะคอกดัง ยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
นางรู้ดีว่า ไม่ว่าตนพูดอย่างไร ฝ่าบาทก็ไม่เชื่ออีกแล้ว ครั้งนี้ตระกูลหลิ่วจบสิ้นกันแล้ว
แต่หลิ่วเฟยไม่อยากยอมแพ้ นางไม่อยากเชื่อว่าตนจะจบสิ้นแบบนี้ และยิ่งไม่อยากยอมรับให้หยุนไห่เทียนแต่งงานกับซูชิงโยว
เดิมหลิ่วเฟยไม่ได้รักฮ่องเต้อยู่แล้ว ตอนนี้นางมองหยุนไห่เทียนอย่างเย็นชา “ข้าแค่อยากถามแม่ทัพหยุนหนึ่งคำถาม เหตุใดท่านถึงเลือกซูชิงโยว?”
หยุนไห่เทียนมองหลิ่วเฟยด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “เพราะชิงโยวจิตใจดี กตัญญู เรียบร้อยรอบรู้ เอาใจใส่เข้าใจคน ที่สำคัญที่สุดคือ ข้าเคยปฏิเสธนาง นางกลับมิได้เคียดแค้นหรือไม่ยอมแพ้และแก้แค้น แต่กลับอวยพรข้าอย่างเงียบๆ การรักใครสักคนมิใช่การครอบครอง นี่เป็นจุดที่นางทำให้ข้ารักที่สุด”
หลิ่วเฟยมีสีหน้าตกตะลึงและอึ้ง จากนั้นก็เยาะหยัน
“นี่มันคืออะไร ฮะฮะ—“ หลิ่วเฟยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เพียงแต่น้ำเสียงนั้นเย้ยหยันยิ่งนัก
ฮ่องเต้เห็นทั้งหมดนี้ สีหน้าเย็นเยียบยิ่งนัก หากจะว่าก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ยังสงสัยถึงความรู้สึกของหลิ่วเฟยที่มีต่อหยุนไห่เทียน บัดนี้เขาเห็นมันชัดเจนแล้ว
คนที่นอนอยู่ข้างกายเขา ในใจกลับมีแต่ขุนนางของเขา มันทำให้ฮ่องเต้รู้สึกโดนเหยียดหยามยิ่งนัก ฮ่องเต้ถลึงมองหยุนไห่เทียนอย่างดุดัน
สีหน้าเขาเย็นชาเรียบเฉย ดวงตามุ่งมั่น และมิได้มองหลิ่วเฟย ทำให้ความโกรธของฮ่องเต้คลายไป
“ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย!” มามารีบขอร้องทันที
“ทหาร คุมตัวพวกมันสามคนออกไป ห้าม้าแยกร่าง เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง!” ฮ่องเต้บอกอย่างรำคาญ
องครักษ์หลายคนพุ่งเข้ามา คุมตัวนางกำนัล มามา องครักษ์ลับออกไป ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนของทั้งสามคนลอยมา
ข่าวเรื่องหลิ่วเฟยพลันถูกขังคุกกระจายไปทั่วทั้งวัง ไทเฮาเองก็ได้ยินเรื่องนี้ ตกตะลึงยิ่งนัก รีบรุดมาถามฮ่องเต้กลางดึก
“ฮ่องเต้ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ หลิ่วเฟยทำความผิดอะไรกันแน่?” ไทเฮาถามอย่างตกตะลึง
ฮ่องเต้ถึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา ไทเฮาอึ้งไปเลย “เป็นไปได้อย่างไรกัน มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือไม่ หลิ่วเฟยไม่แย่งไม่แข่งมาตลอด ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้หรอก”
ซูกงกงยื่นจดหมายเข้ามาให้ พอไทเฮาเห็นลายมือเหล่านั้นสีหน้าบูดบึ้งขั้นสุด “บางทีอาจจะมีคนปลอมแปลงลายมือก็ได้?”
“ไทเฮา คำพูดนี้ท่านเชื่อด้วยรึ หลายปีมานี้ตระกูลหลิ่วกร่างเหิมเกริม ทำร้ายคนดี กำจัดศัตรู ทุจริตคบคิดติดสินบน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังทำร้ายสายเลือดราชวงศ์ แถมทำเสียหลายคน คนจิตใจชั่วร้ายอำมหิตเยี่ยงนี้ข้าไม่มีทางปล่อยเอาไว้แน่ หรือท่านอยากให้วังหลังของข้าไร้ซึ่งลูกหลาน?” ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าทะมึน
พอพูดถึงลูกหลาน ไทเฮาหรือจะกล้าคัดค้านอีก ถึงตระกูลหลิ่วจะเป็นบ้านเดิมของนาง แต่พวกเขาล้ำเส้นมากเกินไป กล้าทำร้ายสายเลือดราชวงศ์ นี่เป็นสิ่งที่ไทเฮามิอาจยอมรับได้มากที่สุด
“หากเป็นเช่นนี้ แล้วแต่ฮ่องเต้เถอะ” ไทเฮาลุกขึ้นจากไป
ระหว่างทางกลับไป มามาคนสนิทบอก “ไทเฮา คุณหนูซูถูกพิษ ท่านเองก็สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เหตุใดมิเป็นไร อุบ ปากไม่ดีจริงข้าน้อยนี่ พูดเหลวไหลอะไรกัน ข้าเพียงเป็นห่วงร่างกายท่าน ให้หมอหลวงหลิวมาตรวจดูหน่อยดีหรือไม่?”
“ร่างกายข้าดีมาก ไม่ต้องตามหมอหลวงหรอก” ไทเฮาเองก็สงสัยเหตุใดตนมิโดนพิษ
ระหว่างที่พูดกันก็มาถึงห้องบรรทม ไทเฮาเข้าไปในห้องแล้วเหล่เห็นไผ่กวนอิมถาดนั้นบนตู้ หลิ่วเฟยส่งมาให้ก่อนหน้านี้ คิดๆวันดูแล้วเป็นช่วงไม่กี่วันก่อนที่ซูชิงโยวจะเข้าวังมา
ดูท่าการที่ตนไม่โดนพิษเพราะไผ่กวนอิมถาดนี้กระมัง
ไทเฮาถอนหายใจ “หลิ่วเฟยผู้นี้ ข้าจะทำอย่างไรกับนางดีนะ”
…………………..
จวนซื่อจื่อ
องครักษ์ลับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวังกับจวินหย่วนโยวและหยุนถิง พอได้ยินว่าฮ่องเต้ลงโทษหลิ่วเฟยและตระกูลหลิ่วอย่างหนัก หยุนถิงไม่ได้สาแก่ใจอะไร
“ซื่อจื่อ จดหมายพวกนั้นท่านจัดการกระมัง?”