อาจกล่าวได้ว่าเมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นภาพที่เกิดขึ้นในห้องพักรับรองอย่างชัดเจนแล้ว ความกดอากาศรอบตัวเขาก็ลดลงถึงขีดสุด
“พวกคุณกําลังทําอะไรอยู่?”
สายตาของเขามองพุ่งตรงไปยังกู้ฉางฉิงราวกับดาบคม ความเย็นยะเยือกในดวงตาคู่นั้นยิ่งทําให้กู้ฉางฉิงอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
“ฉัน……”
เธอตื่นตระหนกอยากจะยืนขึ้นและอธิบาย แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ส่วนฉินเป่ยหานที่อยู่ข้างหลังเธอ เห็นว่าเธอจะละออกไป จึงพยายามจับตัวเธอไว้
ด้วยเหตุนี้กู้ฉางฉิงจึงไม่สามารถเอาตัวหลุดออก จึงยังอยู่ในท่าที่กอดกัน
เฟิงจิ่งเหยาจ้องมองด้วยใบหน้าที่มืดมนราวกับจะหลั่งเลือดได้
“ฉินเป่ยหาน ปล่อยฉันนะ!”
กู้ฉางฉิงเองเมื่อเห็นเขาแล้ว เธอพยายามดิ้นรนอีกครั้ง
แต่ก่อนที่เธอจะออกมาจากอ้อมแขนของฉินเป่ยหาน ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกประตู
“จิ่งเหยา ทำไมยืนอยู่ที่หน้าประตูล่ะ? กู้ฉางซิน นี่เธอกำลังทำอะไร!”
คุณนายเฟิงที่กำลังเดินมาถึงก็เห็นลูกชายของตัวเองยืนอยู่ที่หน้าประตู ในขณะที่กำลังถามว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาก็กวาดเข้าไปในห้องรับรอง ใบหน้าของเธอมืดมนลงทันใด และถามอย่างรวดเร็ว
“พระเจ้า หลานสะใภ้ นี่เธอ……เธอ……”
เฟิงจิ้งหยวนก็แสร้งทำเป็นประหลาดใจ เธอชี้ไปที่กู้ฉางฉิงแต่พูดอะไรไม่ออก
หากมีใครสังเกตดี ๆ ล่ะก็ จะต้องเห็นความยินดีในแววตาของเธอแน่นอน
เธอคิดไม่ถึงว่าฉินเป่ยหานจะช่วยได้มากขนาดนี้
เดิมทีเธอตั้งใจใช้ข้ออ้างว่ากู้ฉางซินไม่สบาย เพื่อให้ทุกคนมาพบเข้ากับกู้ฉางซินที่กำลังลักลอบมีความสัมพันธ์กับคนอื่น และเมื่อยุแยงเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็จะสามารถยัดความผิดฐานคบชู้ให้กับกู้ฉางซินได้
เมื่อถึงเวลานั้น เธอก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงได้อีกต่อไป
และจิ่งเหยาก็ไม่มีทางช่วยผู้หญิงที่สำส่อนไร้ยางอายเช่นนี้
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
กู้ฉางฉิงไม่รู้เลยว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่เธอวางไว้
เมื่อเห็นว่าทุกคนปรากฎตัวอยู่ที่ประตู โดยเฉพาะเมื่อเห็นสีหน้าที่มืดมนอย่างมากของคุณนายเฟิง เธอก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
ฉินเป่ยหานเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนมากมายขนาดนี้ เขาจึงรีบคลายกู้ฉางฉิง
ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงอยากจะอธิบาย
“คุณนายเฟิง เรื่องไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิด……”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ คุณนายเฟิงก็ขัดจังหวะขึ้นอย่างดุดัน
“ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด แล้วมันคืออะไร?”
เมื่อเธอตําหนิจบ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก็จ้องเขม็งไปทางกู้ฉางฉิง “ธรรมชาติยังเปลี่ยนแปลงง่ายแต่นิสัยคนนั้นเปลี่ยนยาก กู้ฉางซิน เมื่อก่อนเธอจะเป็นคนอย่างไร ฉันไม่ถือสา แต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้จักกลับตัวกลับใจ ยังทําเรื่องน่าบัดสีเช่นนี้ เกรงว่าตระกูลเฟิงของฉันคงไม่สามารถทนต่อผู้หญิงง่าย ๆ อย่างเธอได้อีกแล้ว!”
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินเช่นนี้ ก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ตรงหน้าว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ จึงรีบเดินขึ้นหน้าเพื่ออธิบายทันที
“คุณแม่คะ เรื่องมันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ……”
“เธอยังจะแก้ตัวอีกเหรอ?”
คุณนายเฟิงจะให้โอกาสเธอแก้ต่างได้อย่างไร รีบตําหนิตัดบททันที
“คุณกู้คะ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันคิดว่าการแต่งงานของทั้งสองตระกูลไม่จําเป็นต้องรักษาไว้อีกต่อไป ตระกูลเฟิงของเราไม่สามารถจะขายหน้าได้อีก!”
เธอมองไปที่กู้หงเซินที่มีสีหน้าแย่พอ ๆ กัน และพูดอย่างเคร่งขรึมขึ้นว่า “จิ่งเหยา ให้คนไปเตรียมเอกสารการหย่าไว้ ฉันจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนี้ทำลายชื่อเสียงของตระกูลเฟิงและอนาคตของลูกได้ ส่วนคุณปู่ของลูก ฉันจะอธิบายให้ท่านเอง”
เมื่อกู้หงเซินที่ใบหน้ามืดมนอยู่แล้วได้ยินเช่นนี้ เขาก็เริ่มวิตกกังวลขึ้นมาทันที
“แม่สามี ต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดแน่ ๆ ฉางซินไม่ใช่เด็กพรรค์นั้น!”
เขาไม่อยากสูญเสียที่พึ่งอย่างตระกูลเฟิงไป ดังนั้นจึงทําได้เพียงอดทนต่อความโกรธในใจและช่วยพูดให้กับกู้ฉางซิน
“หึ กู้ฉางซินเป็นลูกสาวของคุณ คุณก็ต้องช่วยเธอพูดอยู่แล้ว แต่นี่เราจับได้คาหนังคาเขา คุณคิดว่าเราตาบอดหรือไร้สมองหรือไง เรื่องนี้ยังไงก็ไม่มีที่ว่างสำหรับการแก้ตัว พวกเขาต้องหย่า!”
แน่นอนว่าคุณนายเฟิงไม่มีทางปล่อยโอกาสดี ๆ เช่นนี้ให้หลุดไปได้ เธอยืนกรานอย่างหนักแน่น
กู้หงเซินรู้สึกกระวนกระวายใจ เขามองเฟิงจิ่งเหยาที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ มานาน ตั้งใจจะใช้เขาเป็นตัวเริ่ม
“ประธานเฟิง คุณต้องเชื่อใจฉางซิน เธอไม่ทําอะไรที่เป็นเรื่องผิดต่อคุณแน่”
เมื่อเห็นว่าเขาพยายามพูดกล่อมลูกชายของเธอ คุณนายเฟิงก็ยิ่งโกรธมาก
“เหลวไหลสิ้นดี จิ่งเหยา ลูก……”
เธอไม่อยากให้ลูกชายเข้ามายุ่งเรื่องนี้ แต่เสียดายที่ยังไม่ทันพูดจบ เฟิงจิ่งเหยาก็พูดดักขึ้นมาไว้ก่อน
“แม่ครับ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผม แม่ให้ผมจัดการเองเถอะ”
เมื่อพูดจบ ก็ไม่สนใจว่าสีหน้าของคุณนายเฟิงจะดูแย่แค่ไหน เขาคว้ากู้ฉางฉิงที่ยังตื่นตระหนกอยู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมแล้วเดินจากออกไป
ทุกคนมองไปที่ด้านหลังของพวกเขาที่จากไป ด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน
คุณนายเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวนก็เดือดดาลอย่างมาก
แม้ว่าเฟิงจิ่งเหยาจะจากไปด้วยสีหน้าที่แย่มาก แต่เขาก็ไม่ได้ทำตามความปรารถนาของพวกเธอที่จะตัดสัมพันธ์กับกู้ฉางฉิง
ในสายตาของพวกเธอนี่ก็คือการปกป้อง ทำให้แผนการที่พวกเธอวางไว้นั้นพังไม่เป็นท่า
ความเป็นจริงมันไม่ใช่เช่นนั้น
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้คิดจะปกป้องกู้ฉางฉิง
เพียงแต่เขาไม่อยากหย่ากับกู้ฉางฉิงตามที่คุณนายเฟิงบอก
เพราะเมื่อเขาคิดว่าทันทีที่ผู้หญิงคนนี้ไปจากเขา เธอก็คงจะกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของชายอื่นทันที นี่ทำให้เขามีจิตใจที่มุ่งร้าย
ใบหน้าของเขาตึงเครียดและตัวก็เย็นยะเยือกราวกับคืนที่หนาวเหน็บในฤดูเหมันต์
กู้ฉางฉิงนั่งอยู่ที่เบาะหลังรถ มองดูใบหน้าเย็นชาของเขา ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
“เฟิงจิ่งเหยา ฉัน……”
เธออยากที่จะอธิบาย แต่เธอเพิ่งพูดไปได้ไม่กี่คํา รถก็พุ่งออกตัวราวกับสายฟ้า ทําให้เธอไม่สามารถพูดต่อให้จบได้ แม้แต่ร่างกายของเธอก็ไม่สามารถที่จะยึดเกาะได้อย่างมั่นคง
กว่าเธอจะทรงตัวได้ รถก็หยุดนิ่งอยู่ที่ประตูใหญ่บ้านตระกูลเฟิงแล้ว
เธอยังไม่ทันได้สติ เฟิงจิ่งเหยาก็ลงจากรถ อ้อมไปข้างหน้าเปิดประตูรถให้เธอ จากนั้นก็กระชากเธอลงมา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก โดยกู้ฉางฉิงไม่มีแม้โอกาสจะขัดขืน
จากนั้นทั้งสองก็กลับถึงห้อง เฟิงจิ่งเหยาจับกู้ฉางฉิงโยนลงบนเตียงไม้โดยไม่รู้สึกสงสาร
กู้ฉางฉิงล้มลงบนเตียงไม้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่การกระแทกเข้าอย่างจังก็ทำให้เธอเวียนหัวไปชั่วขณะ
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ผ่อนคลายลง คำพูดถากถางดูถูกของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังที่ข้างหู
“กู้ฉางซิน คุณนี่มันไม่รู้จักกลับตัวจริง ๆ เห็นว่าเป็นผู้ชายก็จะเข้าไปยั่วสินะ?”
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินคําพูดที่ไม่น่าฟังเหล่านี้ สีหน้าก็ซีดเผือดลงในทันที…… รู้สึกคับข้องใจ
“ฉันเปล่าทำนะ!”
“เปล่าทำ? แล้วคุณกับฉินเป่ยหานทำอะไรกันอยู่ในห้องรับรอง? ผมเคยเตือนคุณไว้ว่าอย่างไร?”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาคิดถึงภาพที่ทั้งสองอยู่กันตามลำพัง ภายในอกของเขาก็ปั่นป่วนไปด้วยความโกรธ
“เฟิงจิ่งเหยา คุณฟังฉันอธิบายก่อน!”
เธอผลักคนที่อยู่บนตัวเธอด้วยความตื่นตระหนก พยายามทำให้เขาสงบลง
ท่าทางต่อต้านของเธอกลับยิ่งทําให้เฟิงจิ่งเหยาเข้าใจผิด
“โอ้ ปล่อยคุณไปงั้นเหรอ? ให้คุณไปหาผู้ชายคนอื่น? อย่าฝันไปเลย!”
เมื่อพูดจบ เขาก็กดทับบนร่างของคนตรงหน้า โดยไม่มีการเล้าโลมใด ๆ ……
“……ไปให้พ้น อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
กู้ฉางฉิงเจ็บปวดจนน้ำตาไหล เธอพยายามดิ้นรน
เสียงสะอื้นของเธอทำให้เฟิงจิ่งเหยาสงบสติอารมณ์และการกระทำลง