ห้าทุ่มเวลากลางคืน หลังจากเฟิงจิงเหยาส่งมู่เฉาเกอกลับห้องแล้ว ก็ออกจากบ้านใหญ่กลับมายังบ้านใหม่
เดิมทีเขาก็คิดว่ากู้ฉางฉิงนอนไปแล้ว เข้าไปด้วยการกระทำที่เบาลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
ใครจะรู้ว่าพอเข้าห้อง เขาก็เห็นคนที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะทำงาน
แสงไฟสีขาวส่องไปบนเรือนร่างของเธอ ชัดเจนว่ารูปร่างของเธอเล็กและบอบบางมาก
เขาเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง เห็นใบหน้าเธอที่หลับราวกับเด็กทารก ในสายตาก็รู้สึกทะนุถนอม
เพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่ากู้ฉางฉิงรอเขาอยู่ แต่เผลอหลับไป
คิดแบบนี้แล้ว เขาก็ค่อยๆก้มลงไปอุ้มคนขึ้นมา
แต่ไม่ว่าเขาจะระวังอย่างไร กู้ฉางฉิงก็ยังถูกปลุกให้ตื่น
เธอลืมตาอย่างสลึมสลือ มองใบหน้าอันหล่อเหลาใกล้ๆ ในสมองก็สับสนวุ่นวาย กล่าวถามด้วยจิตสำนึกว่า: “กลับมาแล้วหรอ?”
“อื้ม กลับมาแล้ว คุณนอนต่อเถอะ”
เฟิงจิงเหยาพูดเบาๆกับเธอ
กู้ฉางฉิงพยักหน้าอย่างสลึมสลือ แล้วคล้องคอของเขาพิงที่หน้าอกเขา ถูๆอย่างใกล้ชิดแล้วก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
เฟิงจิงเหยาเห็นเธอขดอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างน่าเอ็นดู ในใจเขาก็อ่อนลงแล้ว
เขาวางกู้ฉางฉิงลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นตนเองก็เปลี่ยนชุดนอนแล้วขึ้นบนเตียง กอดกู้ฉางฉิงแล้วหลับไปอย่างเป็นปกติมาก
แสงในยามราตรีส่องลงมา รูปร่างของคนทั้งสองคือเหมาะสมกันมาก
……
เช้าตรู่วันต่อมา กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นมา มองไปที่ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติตรงหน้า แม้ว่าจะเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
รู้ว่าขนตาเฟิงจิงเหยาขยับเล็กน้อย เธอจึงลุกขึ้นนั่งอย่างขัดเคือง
ทำไมเธอมองผู้ชายคนนี้อย่างหลงใหลอีกแล้ว!
กำลังคิดพลาง เสียงแหบแห้งของเฟิงจิงเหยาที่เพิ่งตื่นก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง: “ตื่นแล้วหรอ? ทีหลังถ้าฉันยังไม่กลับมา ก็ไม่ต้องฝืนรอฉันนะ คุณพักผ่อนไปก่อนได้เลย”
เขาพูดจบ ก็มุ่งลงจากเตียงไปล้างหน้า
กู้ฉางฉิงมองทิศทางที่เขาจากไป ก็มึนงง
ใครรอเขา?
เดี๋ยวนะ…..
ในสมองของเธอกลับไปคิดถึงภาพเมื่อคืนวาน
ผู้ชายคนนี้คงไม่ได้คิดว่าเมื่อคืนวานฉันกำลังรอเขาใช่ไหม?
เธออ้าปาก ในที่สุดก็ไม่ได้พูดคำอธิบายออกมา
ถึงอย่างไรหัวข้อสนทนานี้ที้พูดออกมา ก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะคิดเพ้อเจ้อ
เธอรับปากด้วยสีหน้าเรียบๆถือว่าเป็นการตอบรับคำพูดเมื่อกี้ของเฟิงจิงเหยา หลังจากนั้นก็ไม่พูดอีก เริ่มล้างหน้าแปรงฟัน
ในช่วงเวลานั้น เฟิงจิงเหยาก็แต่งตัวเสร็จแล้ว
เขามองภาพเงาของกู้ฉางฉิงในห้องน้ำ กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า: ฉันลงไปก่อนนะ อาหารเช้าวันนี้ต้องไปที่บ้านใหญ่ อีกสักครู่คุณเสร็จแล้วก็เข้าไปนะ”
กู้ฉางฉิงได้ยินแล้ว ก็หยุดการกระทำไปชั่วขณะ ไม่ได้พูดอะไร แสดงให้เห็นว่ารับรู้แล้ว
ห้องอาหารบ้านใหญ่ ไม่มีความแตกต่างระหว่างมื้อค่ำกับเมื่อคืนวาน
คุณนายเฟิงไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบทุกอย่างกับมู่เฉาเกอ ไม่เหลือช่องว่างให้คนทั้งสองได้สร้างโอกาส
“จิงเหยา เฉาเกอกำลังจะเข้ามาบริหารบริษัทที่นี่ พอดีเลยคุณลองพาเธอไปเยี่ยมชมบริษัทคุณสิ พาเธอไปให้คุ้นเคยกับขั้นตอนของบริษัทสักหน่อย”
มู่เฉาเกอฟังคำพูดนี้ บนใบหน้าก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มจางๆ
“คุณน้าเตือนสติฉันอีกแล้วจริงๆ เดิมทีฉันก็คิดที่จะไปเยี่ยมชมทางด้านบริษัทของจิงเหยาอยู่ สุดท้ายเมื่อวานคุยกันมากมาย เลยลืมพูดไป”
พูดจบ เธอก็หันสายตาที่งดงาม มองไปยังเฟิงจิงเหยา กล่าวถามว่า: “จิงเหยา คุณคงไม่ถือที่ฉันจะไปเยี่ยมชมบริษัทกับคุณใช่ไหม?”
เฟิงจิงเหยาได้ยิน ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “คุณอยากไป ก็ยินดีต้อนรับ”
คุณนายเฟิงเห็นลูกชายของตนเองไม่ปฏิเสธ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
“งั้นอีกสักครู่ทานอาหารเสร็จ เฉาเกอคุณก็เดินทางไปบริษัทกับจิงเหยานะ”
มู่เฉาเกอพยักหน้า
กู้ฉางฉิงนั่งอยู่ข้างเฟิงจิงเหยา ฟังบทสนทนาของพวกเขา ในใจก็ไม่สบอารมณ์อย่างมาก
โดยเฉพาะเมื่อเฟิงจิงเหยาไม่ปฏิเสธมู่เฉาคง ทำให้ความหึงเมื่อคืนวานของเธอที่ยากจะระงับปรากฎออกมาอีกครั้ง
เพื่อไม่ให้ตนเองยิ่งนานยิ่งเปลี่ยนเป็นไม่ใช่ตนเอง เธอจึงรีบรับประทานอาหาร อ้างว่าบริษัทยังมีงาน จึงออกไปก่อน
เดิมทีที่เฟิงจิฝเหยาอยากจะบอกว่าไปส่งเธอ แต่คำพูดยังไม่ทันได้ออกจากปาก กู้ฉางฉิงก็วิ่งออกไปไม่เห็นเงาแล้ว
และสำหรับคุณนายเฟิงกับการออกไปของกู้ฉางฉิง สายตาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง
และสิ่งเหล่านี้กู้ฉางฉิงล้วนไม่รับรู้
เธอนั่งรถมาถึงที่ทำงาน ก็ถูกชีเสี่ยวจิ่วแจ้งว่าซูตี้กลับมาแล้ว
อย่างไรก็ตามกู้ฉางฉิงรู้สึกไม่พอใจในเวลานี้ และไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย
“กลับมาก็กลับมาสิ”
เธอพูดพลาง เข้าไปในห้องทำงาน เหลือไว้เพียงชีเสี่ยวจิ่วที่ใบหน้างุนงง
ทำไมผ่านไปตลอดทั้งวัน รู้สึกว่าทัศนคติของบรรณาธิการใหญ่ที่มีต่อนักออกแบบซูนั้นเย็นชาไม่น้อยเลย?
แต่ไม่รู้ว่า นี่กู้ฉางฉิงไม่ได้เย็นชา และความคิดของเธอล้วนกำลังคิดถึงทางด้านของเฟิงจิงเหยา
เธออดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าตอนนี้คนทั้งสองจะถึงบริษัทแล้วหรือยัง กำลังทำอะไรอยู่
ก็ด้วยเหตุนี้ การทำงานตลอดทั้งวัน เธอล้วนใจลอย
กระทั่งตอนปรึกษาหารือการออกแบบกับซูตี้ ก็ใจลอย
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ซูตี้โมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“กู้ฉางซิน ตกลงคุณเป็นอะไร? ไม่อยากทำก็พูดมาตรงๆ ทำชุ่ยๆแบบนี้จะให้ใครดู!”
กู้ฉางฉิงดึงสติกลับมา เห็นใบหน้าซูตี้ที่โมโห ก็เข้าใจว่าเป็นปัญหาของเธอ รีบกล่าวขอโทษ
“ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้ว?”
ซูตี้มองเธอด้วยท่าทีที่ไม่ดีนัก บ่นพึมพำว่า: “ไม่รู้เลยจริงๆว่าคุณมีนิสัยแบบนี้ ตกลงมู่จิ่นชื่นชมอะไรเกี่ยวกับคุณ!”
กู้ฉางฉิงคลึงๆจมูกหน้าเหยเก
เวลานี้เธอรู้แล้วว่าที่ซูตี้สามารถกลับมาได้ คือมู่จิ่นเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย
ซูตี้เห็นเช่นนี้ ก็มองค้อนทีนึง ชี้ไปที่ต้นฉบับการออกแบบบนโต๊ะ อดกลั้นความหวุดหงิดแล้วพูดใหม่อีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้ที่คุณให้ผู้ช่วยนำแผนโครงการมาให้ฉัน ฉันดูแล้ว จริงๆ ต่างประเทศและในประเทศมีความนิยมไม่เหมือนกัน เนื่องจากส่วนประกอบแบบคลาสสิคโบราณในประเทศได้เริ่มเฟื่องฟูเมื่อไม่กี่ปีมานี้ อย่างนั้นก็สามารถอนุรักษ์ไว้ได้ เพียงแต่กับส่วนประกอบชิ้นนี้จำเป็นที่จะต้องฟังฉัน”
เธอได้นำความรู้ระดับมืออาชีพและประสบการณ์อันยาวนานมาให้กู้ฉางฉิงเกี่ยวกับการวางตำแหน่งของการออกแบบในภายหลัง
และกู้ฉางฉิงก็บังคับให้ตนเองล้มเลิกความคิดต่างๆนาๆและกลับมาทุ่มเทในงานอีกครั้ง
……
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านลู่ซือหยี่ ก็ได้รับข่าวที่มู่เฉาเกอเข้ามาที่ตระกูลเฟิง
“ความหมายของคุณคือ คุณน้าหมิงเชื้อเชิญคนแซ่มู่ไปที่ตระกูลเฟิงเองเลยหรอ?”
เธอมองผู้ช่วยตรงหน้าอย่างยากที่จะเชื่อ จึงซักถามอีกครั้ง
“ใช่ครับ คุณหนู”
คำพูดของเขาจบลง ลู่ซือหยี่ก็ระงับความโกรธในสายตาไว้ไม่อยู่
“เห๊อะ ดีมาก นี่คงคิดว่าค่อยใช้ฉันเป็นตัวสำรองสินะ?”
เธอพูดอย่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความโกรธภายในใจไม่สามารถเก็บไว้ได้เลยด้วยซ้ำไป
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงทางด้านของคุณนายเฟิง ตัวสำรองไม่ใช่เธอเพียงคนเดียว!
“หญิงแก่นี่สมควรตาย อดไม่ได้ที่จะใช้ผู้หญิงคนนี้เป็นเครื่องมือ ยังคิดที่จะหาตัวสำรองไว้ให้ลูกชายของเธออีก!”
เธอพูดถึงตรงนี้แล้ว ภายในอกก็ปรากฎความอัปยศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
คิดถึงว่าเธอเป็นคุณหนูที่สง่าผ่าเผยของตระกูลลู่ ทำไมเวลานี้ถึงถูกคนคิดร้ายได้ขนาดนี้
หญิงแก่คนนี้ ให้สีเธอเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปิดโรงย้อมผ้าได้จริงๆ
เธอปฏิญาณว่า ถ้าหญิงแก่คนนั้นกล้าที่จะกบฏ หนีไปจับคู่ให้มู่เฉาเกอและพี่จิงเหยา เธอจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเด็ดขาด!
เธอคิดด้วยใบหน้าอันโหดร้าย ในเวลาเดียวกันก็นึกถึงทางด้านของกู้ฉางฉิง อดกลั้นความโกรธแล้วกล่าวถามว่า: “ทางด้านกู้ฉางฉิงล่ะ?”
“ทางด้านตระกูลกู้ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร”
ลู่ซือหยี่ฟังคำพูดนี้แล้ว ก็ขมวดคิ้วแน่น
“จับตาดูต่อไป”
ถึงแม้ว่าเธอจะขุ่นเคืองกับการเปลี่ยนใจของคุณนายเฟิงก็ตาม แต่การมีกู้ฉางฉิงอยู่ก็เหมือนกับมีหนาม ขวางอยู่ในใจของเธอ ทำให้เธอจำเป็นต้องดึงมันออก!