หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 55 จะจีบคุณจริงๆนะ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

ตอนที่เจี่ยนอี๋นั่วจัดการเรื่องพ่อของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็โทรหาคุณนายเหลิ่ง แจ้งให้ตระกูลเหลิ่งทราบสักคำ ขณะที่ขึ้นเครื่องบินไป เจี่ยนอี๋นั่วพึ่งจะได้นั่ง ฉู่หมิงเซวียนก็มาที่ข้างๆเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วนั่งลงข้างเธอ

“ไม่คิดว่าประธานเจี่ยนจะยอมไปทำงานกับผมนอกสถานที่” ฉู่หมิงเซวียนยิ้มเยาะแล้วหันไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว

เจี่ยนอี๋นั่วพลิกดูนิตยสารในมือสักพัก แล้วพูดเสียงเย็นชา:“ไม่ต้องพูดกับหวัง ถึงแม้ว่าพวกเราจะนั่งเครื่องเที่ยวบินเดียวกัน แต่งานที่ไปทำไม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องงาน”

“เห้อ……ประธานเจี่ยนนับวันยิ่งเด็ดขาดขึ้นทุกวันนะ” ฉู่หมิงเซวียนหรี่ตามอง ยิ้มแล้วพูด:“ผมยังจำตอนแรกได้ที่คุณมักจะปรับตารางการเดินทาง เพื่อจะได้ไปทำงานด้วยกันกับผม”

เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้าไปมองทางแอร์โฮสเตส ถามเสียงเบา:“ขอโทษนะคะ ขอถามหน่อย มีใครยอมเปลี่ยนที่นั่งกับฉันไหม? ฉันสามารถเปลี่ยนไปชั้นประหยัดได้”

แอร์โฮสเตสเผยรอยยิ้มออกมา:“ของคุณเป็นชั้นเฟิร์สคลาส ถ้าต้องการเปลี่ยนที่นั่ง ทางเราไม่สามารถคืนเงินค่าเสียหายให้คุณได้นะคะ”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า:“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่อยากนั่งที่นี่ ช่วยหาที่นั่งให้ฉันด่วนเลยค่ะ”

แอร์โฮสเตสพยักหน้าแล้วยิ้มออกมา:“งั้นโอเคค่ะ”

ฉู่หมิงเซวียนขมวดคิ้วมองแอร์โฮสเตสที่เดินจากไป ถามน้ำเสียงเย็นชา:“เจี่ยนอี๋นั่ว ตอนนี้แม้แต่การจะนั่งด้วยกันกับผม คุณก็ไม่ยอมนั่งแล้วเหรอ? ตอนแรกพวกเรา……”

เจี่ยนอี๋นั่วชำเลืองมองฉู่หมิงเซวียน:“ตอนแรกเป็นเพราะคุณที่ทำร้ายพ่อฉันจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทำร้ายพ่อฉันจนตอนนี้จิตฟุ้งซ่านไปหมดแล้ว แค่ฉันต้องมานั่งเครื่องลำเดียวกับคุณฉันก็รู้สึกน่าสะอิดสะเอียนเต็มที แล้วฉันจะอยากนั่งกับคุณไปทำไม?”

เวลานี้แอร์โฮสเตสเดินมาพอดี ยิ้มแล้วพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“คุณผู้หญิงคะ เปลี่ยนที่นั่งให้คุณเรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญตามฉันมาค่ะ”

เจี่ยนอี๋นั่วรีบหมุนร่างเดินตามแอร์โฮสเตสไปที่ชั้นประหยัด นั่งลงตรงที่นั่งที่จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่นั่งลง เจี่ยนอี๋นั่วก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตาลง ชั้นประหยัดเสียงดังกว่าชั้นเฟิร์สคลาสเล็กน้อย แต่กลับทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกจิตใจสงบ เธอสวมผ้าปิดตาหลับสักงีบ พอช่วงที่เธอลืมตาขึ้นมา เครื่องก็กำลังร่อนลงพอดี

เจี่ยนอี๋นั่วเดินออกมจากสนามบิน ก็รีบหารถที่บริษัทย่อยจัดการไว้แล้ว หลังจากที่หาเจอแล้วขึ้นมานั่งบนรถ เจี่ยนอี๋นั่วก็สั่งกับคนขับรถว่า:“ไปบริษัทก่อนค่ะ”

ตอนที่รถขับออกจากสนามบิน เจี่ยนอี๋นั่วก็เปิดหน้าต่างรถ มองไปยังนอกรถ เปลี่ยนทั้งเมืองทั้งสภาพแวดล้อม ความวุ่นวายและเรื่องกลัดกลุ้มใจที่เคยเกิดขึ้นอย่างกับว่าเป็นแค่ความฝันที่เจี่ยนอี๋นั่วฝันเท่านั้น

จุดประสงค์หลักที่เจี่ยนอี๋นั่วออกมาทำงานนอกสถานที่ คือมาทำเรื่องธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับที่นี่ ถึงแม้ว่าบริษัทเสริมสวยอี๋เหม่ยจะมีชื่อเสียงในประเทศไม่มาก แต่ถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนำเข้าล่ะก็ความแตกต่างยังคงไกลอยู่พอสมควร ก่อนหน้านี้ตอนที่เจี่ยนฉางรุ่นเป็นประธานบริหารของบริษัทอี๋เหม่ย วิธีการค่อนข้างเก่าแก่ ให้ความสำคัญในเรื่องเคาท์เตอร์จำหน่ายสินค้าหน้างานซะมากกว่า ไม่ค่อยให้ความสำคัญเกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์ หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วกลายเป็นประธานบริหาร ตอนนี้เธอให้ความสนใจกับการขายสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะการขายสินค้าออนไลน์ของเส้นทางสายสามและสายสี่ในเมือง

เจี่ยนอี๋นั่วเตรียมเอกสารที่บริษัทเสร็จแล้ว ก็รีบไปปรึกษาเรื่องสัญญากับประธานบริษัทธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สัญญาส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่ใหญ่มาก ในส่วนปัญหาที่ถกเถียงกันนั้น ฝ่ายตรงข้ามก็ยอมถอยให้เจี่ยนอี๋นั่ว หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วคิดอย่างรอบคอบอีกครั้งก็เซ็นสัญญากับผู้จัดการของบริษัทธุรกิจนั้น

เซ็นสัญญาเสร็จแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปจับมือกับประธานที่อยู่ตรงข้าม:“การร่วมงานครั้งนี้ราบรื่นจริงๆค่ะ ได้ร่วมงานกับคุณนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก”

ประธานแซ่หวัง เรียกชื่อว่าหวังเหมี่ยน อายุประมาณสามสิบปี กำลังมองสัญญาที่พึ่งเซ็นไป หวังเหมี่ยนยิ้มให้เจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ:“ประธานเจี่ยนยังมีธุระอื่นอีกไหม?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า:“ตอนนี้ยังไม่มีธุระอะไรค่ะ เดิมทีวางแผนไว้ว่าจะมาสองวัน ไม่คิดว่างานที่นี่จะราบรื่นขนาดนี้ พรุ่งนี้กะว่าจะนั่งเครื่องกลับไป ถ้าคุณรู้สึกว่าในสัญญายังมีจุดที่ต้องปรึกษากัน พวกเราสามารถถกเถียงกันอีกครั้งได้นะคะ”

“ไม่ใช่ปัญหาเรื่องสัญญา แต่วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของผมพอดี ผมกับภรรยามีงานนัดรวมตัวกัน ได้เชิญเพื่อนบางคนและเพื่อนร่วมงานทางธุรกิจมาด้วย ตอนที่ภรรยาผมได้ยินว่าผมจะคุยธุรกิจกับคุณ ก็บอกว่าคุณเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ต้องเชิญคุณไปให้ได้” หวังเหมี่ยนยิ้มแล้วพูด

เจี่ยนอี๋นั่วไม่มีทางปฏิเสธงานนัดรวมตัวที่ทำให้ความสัมพันธ์ทางธุรกิจสนิทสนมขึ้นแบบนี้หรอก เธอรีบยิ้มแล้วพูด:“ฉันไม่ปฏิเสธแน่นอนค่ะ แต่ไม่ทราบว่าภรรยาของคุณชื่อ……”

หวังเหมี่ยนยิ้มแล้วส่ายหน้า:“ชื่อเป๋าฮุ่ยเอ๋อร์ เคยเรียนด้วยกันกับคุณตอนม.ปลาย คุณน่าจะจำเธอไม่ได้แล้ว แต่เธอจำคุณได้ตลอดนะ บอกว่าตอนที่คุณอ่านหนังสือ คุณดูมีชีวิตชีวามากเลย”

เพื่อนมัธยมปลาย? ตอนที่เธออยู่มัธยมปลายไม่ได้มีความทรงจำที่สวยงามอะไรมากนัก

แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็เลิกคิ้วเบาๆ ยิ้มแล้วพูด:“ก็ได้ค่ะ ฉันก็อยากเจอเพื่อนร่วมชั้นม.ปลายเหมือนกัน”

หวังเหมี่ยนมองสีหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วรีบปัดป่ายมือ หัวเราะเสียงเบา:“คุณอย่าเข้าใจผิดล่ะ ภรรยาของผมเจตนาดี แล้วเธอก็พูดถึงพวกคุณเมื่อก่อนเยอะมาก ผมถึงยอมที่จะถอยให้สัญญาฉบับนี้”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูด:“ฉันจะคิดกับคุณอย่างนั้นได้ยังไงกันคะ? แค่ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทราบว่าวันนี้จะเป็นวันพิเศษ แถมยังให้คุณมาเซ็นสัญญาวันนี้อีก รู้สึกเสียใจจริงๆค่ะ”

“งั้นตอนนี้พวกเราก็ไปกันเถอะ ภรรยาของผมคงเตรียมดินเนอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว ล้วนแต่เป็นมื้อง่ายๆ หวังว่าคุณจะไม่ถือสานะ” หวังเหมี่ยนพูดแล้วทำท่าทางเชิญเธอ

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพยักหน้า ถามหวังเหมี่ยนถึงที่อยู่คฤหาสน์ หลังจากนั้นก็เดินไปด้วยใช้มือถือกดส่งข้อความไปด้วย ให้ผู้จัดการของบริษัทย่อยส่งของขวัญมาหนึ่งชุด แล้วเจี่ยนอี๋นั่วก็พูดคุยยิ้มแย้มกับหวังเหมี่ยนบนรถขณะที่เดินทางไปคฤหาสน์ชานเมือง พอพึ่งได้ลงจากรถ ก็มองเห็นรถยนต์คันสีดำจอดอยู่ข้างๆพวกเขา ฉู่หมิงเซวียนลงมาจากรถ พร้อมหอบดอกไม้มาหนึ่งช่อและกล่องเครื่องประดับหนึ่งกล่อง

เจี่ยนอี๋นั่วเห็นว่าคนที่บริษัทย่อยให้ส่งของขวัญมาเป็นฉู่หมิงเซวียน เจี่ยนอี๋นั่วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็รีบผ่อนคลายลง ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฉู่เหมิงเซวียนจะไม่ดีแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากเปิดเผยต่อหน้าเพื่อนร่วมธุรกิจ ฉู่หมิงเซวียนเดินมาทางเจี่ยนอี๋นั่ว ทักทายกับหวังเหมี่ยน แล้วส่งของขวัญกับดอกไม้ไปในมือของเจี่ยนอี๋นั่ว:“นี่เป็นของขวัญที่ประธานเจี่ยนให้เตรียมครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูด:“ทำไมถึงรบกวนให้ผู้จัดการฉู่มาส่งให้ฉันล่ะ?”

ฉู่หมิงเซวียนหันหน้าไปมองหวังเหมี่ยน ยิ้มแล้วพูด:“พอดีว่าผมก็ได้รับเชิญจากประธานหวังให้มาร่วมงานนัดรวมตัวครั้งนี้เหมือนกัน ผมกับประธานหวังรู้จักกันหลายปีแล้วล่ะครับ”

หวังเหมี่ยนยิ้มแล้วพยักหน้า:“ตอนนั้นผมพึ่งจะจัดตั้งบริษัท ก็ได้รู้จักกับหมิงเซวียนแล้ว ตอนนั้นหมิงเซวียนดึงลูกค้ามาให้ไม่น้อยเลยนี่ใช่ไหม?”

หวังเหมี่ยนรู้อดีตของเจี่ยนอี๋นั่วกับฉู่หมิงเซวียนอยู่ไม่เท่าไหร่ ได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง ทำได้แค่แสร้งว่าไม่รู้เรื่องขัดแย้งระหว่างพวกเขา รีบยื่นมือออกไปแล้วพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วและฉู่หมิงเซวียนว่า:“เชิญครับ ยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่มาถึงก่อนแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วกับฉู่หมิงเซวียนเดินเข้าไปในคฤหาสน์ พอถึงด้านในคฤหาสน์ ก็เห็นว่ามีอยู่ราวๆสิบกว่าคน ทุกคนต่างก็สวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ ทำให้เห็นว่าการแต่งตัวของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นดูสวยหรูเกินไปเลยจริงๆ พอเจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้ามา ก็มีผู้หญิงที่ใส่เสื้อผ้าลินินสีครีมหันมาแล้วเดินมาทางเธอ มองเจี่ยนอี๋นั่วด้วยสีหน้าเซอร์ไพร์ส:“อี๋นั่ว เป็นเธอจริงๆเหรอ?”

ดูแล้วนี่น่าจะเป็นเป๋าฮุ่ยเอ๋อร์ภรรยาของหวังเหมี่ยนล่ะนะ

“คุณนายหวังสวัสดีค่ะ……” บนหน้าเจี่ยนอี๋นั่วเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เหมาะสม แล้วถือโอกาสยื่นของขวัญของเธอ:“นี่เป็นของขวัญที่ฉันเอามาให้คุณค่ะ หวังว่าคุณจะชอบ”

เป๋าฮุ่ยเอ๋อร์รับของขวัญมา แล้วยิ้มเบาๆ:“ดีใจจริงๆที่ได้เจอเธอ”

แต่เจี่ยนอี๋นั่วนึกไม่ออกเลยสักนิดว่าคุณนายหวังที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นใครกันแน่ ภาพจำที่เธอมีต่อเป๋าฮุ่ยเอ๋อร์ก็ไม่มี แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังเผยรอยยิ้มตามมารยาทออกมา:“ใช่ ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ ไม่ได้เจอกันนานนะ ดีใจมากที่ได้เจอเธออีกครั้ง”

ทุกวันเจี่ยนอี๋นั่วเจอคนมานับไม่ถ้วน มีคนมากมายที่เธอไม่สามารถจำได้ แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็เหมือนกับคนทำธุรกิจหลายๆคน เธอผ่านมาเยอะ ถึงแม้ว่าจะจำฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ แต่ก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าเธอใส่ใจอย่างจริงใจได้

เป๋าฮุ่ยเอ๋อร์มองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วยิ้มออกมา:“ฉันก็ดีใจที่ได้เจอเธอ ไม่คิดว่าเธอจะยังจำฉันได้อยู่ ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอตอนอยู่ม.5 ตอนนั้น……”

เป๋าฮุ่ยเอ๋อร์พูดอยู่ แล้วก้มตาต่ำลง พูดเสียงเบา:“ตอนนั้นพวกเราผ่านเรื่องมาเยอะมากจริงๆ จนถึงตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นม.ปลายของพวกเราก็ยังไม่เคยนัดรวมตัวกันเลย พวกเราต่างก็มีความผิดกันหมด แต่มีแค่เธออี๋นั่ว เธอทำเรื่องที่ถูกต้อง”

เจี่ยนอี๋นั่วจำใบหน้าไม่ได้ค่อยได้ มันค่อนข้างเลืองลาง เธอหัวเราะเบาๆแล้วพูด:“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องไปรื้อฟื้นอดีตเลย”

“แต่สำหรับฉันแล้ว ไม่เหมือนกัน เธอเปลี่ยนชีวิตของพวกเราหลายๆคน” เป๋าฮุ่ยเอ๋อร์พูดเสียงเบา

“ยังมีเรื่องอะไรของอี๋นั่วที่ผมยังไม่รู้อีกงั้นเหรอ?” จู่ๆก็มีเสียงหยอกล้อแทรกขึ้นมา ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรีบเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสียงที่พูด

เป็นครั้งแรกของวันนี้ที่ความอ่อนโยนและรอยยิ้มบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วหายไป มองผู้ชายที่กำลังขมวดคิ้วที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ เหลิ่งหมิงอัน ทำไมเขาถึงโผล่มาที่นี่?

ฉู่หมิงเซวียนก็ขมวดคิ้วมองเหลิ่งหมิงอันเหมือนกัน เขาถามเร็วกว่าเจี่ยนอี๋นั่วซะอีก:“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?”

เหลิ่งหมิงอันยักไหล่ ยิ้มแล้วพูด:“หวังเหมี่ยนไม่ได้บอกพวกนายหรือไง? ฉันก็นับว่าเป็นหุ้นส่วนของเขานะ”

“ในช่วงแรกที่บริษัทของพวกเราเริ่มก่อตั้ง ได้รับเงินทุนช่วยเหลือจากตระกูลเหลิ่ง ตระกูลเหลิ่งนับว่าเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัท ความจริงแล้วฉันได้เงินลงทุนก้อนนี้มา หมิงอันก็ช่วยฉันคิดวิธีไม่น้อยนะ ไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะรู้จักกัน บังเอิญจริงๆ” หวังเหมี่ยนหัวเราะแล้วพูด

เจี่ยนอี๋นั่วยกมุมปากขึ้น ค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา ยื่นมือไปหาเหลิ่งหมิงอัน:“ใช่ค่ะ บังเอิญจริงๆ ดีใจที่ได้เจอคุณนะคะ คุณเหลิ่ง”

เหลิ่งหมิงอันเอียงศีรษะเล็กน้อย:“จะบังเอิญได้ยังไง ผมตามคุณมาต่างหาก พอรู้ว่าคุณจะต้องมาทำงานที่นี่ ผมก็ตามคุณมาเลย ผมตั้งใจว่าจะจีบคุณจริงๆนะ อี๋นั่ว มองผมยังไง ตื้นตันใจใช่หรือเปล่า?”

เจี่ยนอี๋นั่วกระตุกมุมปาก เม้มปากยิ้มแล้วพูด:“ตื้นตันใจนิดหน่อยค่ะ”

แต่ในใจเจี่ยนอี๋นั่วกลับอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา:เหลิ่งหมิงอันตาบ้านี่ตามฉันมาถึงที่นี่เลยเหรอ ตกลงเขาอยากจะทำอะไรกันแน่?

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท