เจี่ยนอี๋นั่วหันหลังมองไปทางเหอหลวนเล่อหัวเราะพูดขึ้นว่า:“ทุกอย่างที่หลิวจื่อซิงพูดไม่ใช่เรื่องโกหกทั้งหมดหรอก ฉันแอบรักเหลิ่งเซ่าถิงจริงๆ”
เหอหลวนเล่อคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“อะไรนะ? นี่เธอแอบหลงรักพี่เซ่าถิงจริงๆเหรอเนี่ย”
เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะพร้อมพยักหน้าตอบรับ:“แต่ว่าระหว่างฉันและเขามันเป็นไปไม่ได้หรอก การที่หลงรักก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอก คุณหนูคะ ถ้าหากคุณหนูแอบรักเหลิ่งเซ่าถิง ต่อไปต้องระมัดระวังมากกว่านี้นะคะ ผู้หญิงที่หลงรักเหลิ่งเซ่าถิงมีมากมาย ฉันดูออกค่ะว่าคุณหนูเหอไม่ใช่ผู้หญิงที่เลวร้าย คุณหนูอย่าถูกใครใช้เป็นเครื่องมือหลอกใช้อีกนะคะ หลังจากที่คุณหนูพยุงฉันกลับ ก็ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเถอะค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก เมื่อกี้แค่ต้องการให้ทุกคนเชื่อเลยต้องแกล้งแสดงออกมาเท่านั้น”
“นี่เธอแกล้งทำเหรอ?” เหอหลวนเล่อหน้าคิ้วขมวด และคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วพูดขึ้นว่า:“ทำไมเธอถึงวางแผนได้ตลอดเวลา จริงๆเลย ทำไมถึงไม่จริงใจบ้างนะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเหอหลวนเล่อทันใดนั้นก็นึกถึงน้องสาวเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยขึ้นมา เธอพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ถ้าหากไม่วางแผน วันนี้ฉันและคุณหนูคงตบตีกันแน่นอน และเป็นคนทำลายงานเลี้ยงของคุณนายเหลิ้งแน่นอน คุณหนูเป็นคนที่ซื่อมาก แต่โดนหลอกใช้ง่าย ถ้าเป็นแบบนี้จะเป็นอันตรายต่อคุณหนูและครอบครัวของคุณหนูนะคะ คำพูดของฉันในตอนนี้ คุณหนูอาจไม่ชอบฟัง แต่เป็นเพราะคุณหนูทำให้ฉันนึกถึงน้องสาวของฉัน ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะพูดค่ะ ขอให้คุณหนูอย่าถือสาเลยนะคะ……”
เจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงช่วงเวลนี้ไม่ได้ข่าวคราวของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเลย และไม่รู้ว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเป็นอย่างไรบ้าง เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยโดนตามใจจนเสียคน และความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยที่เป็นแบบนี้ นั่นเป็นเพราะเฮ่อเยี่ยนหงที่ยั่วยุทำให้ห่างเหิน เวลานี้เห็นเหอหลวนเล่อมีนิสัยคล้ายกันกับน้องสาวของตัวเอง ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วเป็นห่วงเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย ว่าจะถูกคนหลอกใช้และทำให้คนอื่นเดือดร้อนไหม เจี่ยนอี๋นั่วตัดสินใจจะติดต่อกับเฮ่อเยี่ยนหง เพื่อเช็คดูว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยแล้วล่ะก็ เจี่ยนอี๋นั่วจะรู้สึกผิดต่อคุณพ่อมาก เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยห่างเหินกันมากไป และเจี่ยนอี๋นั่วก็ใส่ใจเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยน้อยเกินไป
เหอหลวนเล่อเม้มริมฝีปากพูดด้วยน้ำเสียงงอน:“ฉันรู้คะว่าคุณหวังดี ฉันก็ไม่ใช่คนที่ไร้ซึ่งเหตุผลนะคะ ทุกอย่างเป็นผู้หญิงเลวอย่างหลิวจื่อซิงค่ะ มันร้ายกาจจริงๆ อยากยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ฉันไม่ยอมให้มันสมหวังหรอก!”
เหอหลวนเล่อพูดถึงนี่ก็หันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว เม้มริมฝีปากพูดว่า:“ฉันไม่ชอบเวลาคนอื่นมารักพี่เซ่าถิงของฉัน แต่ถ้าหากเป็นเธอ ถ้าอย่างนั้นฉันจะละเว้นให้หนึ่งคนละกัน เพราะถึงยังไงเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าพี่เซ่าถิงถึงยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ มา ฉันพยุงเธอกลับ เมื่อกี้นี้เป็นครั้งแรกที่มีคนใช้แววตาชื่นชมฉัน ทั้งหมดเป็นความดีความชอบของเธอเลยนะเนี่ย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอทุกคนคงมองว่าฉันทำเรื่องไม่ดีแน่นอน ถึงแม้นิสัยของฉันไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงมีแต่คนนำเรื่องวุ่นวายมาให้รำคาญใจตลอด! นี่ฉันเกือบเป็นแพะรับบาปแทนแล้ว!”
เหอหลวนเล่อพูดจบ ก็พยุงเจี่ยนอี๋นั่วและปากก็บ่นพึมพำไม่หยุดตลอดทาง แล้วเอาสิ่งที่ตัวเองพบเจอเรื่องซวยๆเล่าให้เจี่ยนอี๋นั่วฟังอีกหนึ่งรอบ เจี่ยนอี๋นั่วก็ฟังตามมารยาท รู้อยู่เต็มอกว่าเหอหลวนเล่อนิสัยไม่ค่อยดีและคิดไม่ค่อยเป็นและโดนคนหลอกใช้ง่ายเหมือนกับอาวุธ“ปืน”
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วถูกเหอหลวนเล่อพยุงถึงห้อง ก็รีบพยักหน้าตอบรับเบาๆ หัวเราะและพูดกับเหอหลวนเล่อว่า
:“คุณหนูเหอคะ ฉันจะพักผ่อนแล้วนะคะ”
เหอหลวนเล่อกำลังมองสำรวจไปรอบๆห้อง เบิ่งตาโตพูดขึ้นว่า:“นี่เป็นห้องนอนของพี่เซ่าถิงเหรอคะ? มันเยี่ยมจริงๆเลยค่ะ ฉันยังไม่มีโอกาสได้เข้าห้องนอนพี่เซ่าถิงเลยสักครั้ง ที่แท้ห้องของเขาเป็นแบบนี้นี่เอง!”
เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ เตือนเหอหลวนเล่อด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า:“ฉันเตรียมจะพักผ่อนแล้ว คุณกลับไปเถอะค่ะ?”
เหอหลวนเล่อหันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่วพูดว่า:“งานราตรีก็ไม่มีอะไรแล้ว ฉันชอบที่จะอยู่ที่นี่มากกว่า อยู่เป็นเพื่อนคุณ และยังสามารถสำรวจห้องของพี่เซ่าถิงอีกด้วย คุณคงยังไม่รู้ว่าน้าของฉันก็แต่งงานกับคนตระกูลเหลิ่ง แต่แค่แต่งกับคนที่ไม่ค่อยมีอำนาจและบทบาทในตระกูลเหลิ่งสักเท่าไหร่ คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งร่ำรวยขนาดนี้ และเหลิ่งเซ่าถิงก็เป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น ในเวลานั้นฉันหาทุกวิถีทางเพื่อมาคฤหาสน์เหลิ่งให้ได้สักครั้งนึงในชีวิต และนี่ฉันก็ได้มาจริงๆ ในสมัยนั้นพี่เซ่าถิงยังอายุแค่17ปีเอง ยังเป็นวัยรุ่นอยู่……”
เดิมทีเจี่ยนอี๋นั่วอยากให้เหอหลวนเล่อกลับไปเร็วๆ แต่เมื่อได้ยินเหอหลวนเล่อพูดถึงเหลิ่งเซ่าถิงเมื่อสมัยยังเป็นเด็กเจี่ยนอี๋นั่วก็เปลี่ยนความคิดทันที เธอไม่เคยรู้เรื่องราวในวัยเด็กของเหลิ่งเซ่าถิงเลย เธอรู้สึกอยากรู้มาก เธอเงียบและตั้งใจฟังต่อเนื่อง
เมื่อเหอหลวนเล่อนึกถึงเหลิ่งเซ่าถิงในตอนนั้น แววตาก็เปล่งประกายขึ้น สองมือกุมไว้ตรงหน้าอกเธอย้อนเรื่องราวความทรงจำที่งดงามในอดีต ใบหน้าแสดงออกมาด้วยร้อยยิ้มที่มีความสุขเต็มเปี่ยม:“ตอนนั้นฉันยังจำได้ฉันนั่งเล่นอยู่ในห้องโถงคฤหาสน์ และกำลังพูดคุยกับคุณนายเหลิ่งและพวกเขา สมัยที่ฉันยังเด็กฉันมีหน้าตาที่น่ารักน่าชังมาก คนเฒ่าคนแก่ก็ชอบฉันมากเป็นพิเศษ ทันใดนั้นในระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดอยู่ก็หยุดพูดทันที และทุกคนก็มองไปที่บันได และเขาก็เดินลงมาจากบันได เขาในตอนนั้นเหมือนพระเอกที่หลุดออกมาจากในการ์ตูน หลังจากที่ฉันเติบโตฉันได้ดูการ์ตูนมาไม่น้อย พระเอกที่อยู่ในการ์ตูนถ้าหากกลายเป็นคนจริงๆได้ เขาก็คือพระเอกแบบในการ์ตูน วันนั้นเขาสวมเสื้อยืดคอเต่าสีดำและกางเกงขายาวสีดำ ผิวของเขาก็ขาวเป็นพิเศษ ทำให้เขาดูสะอาดเป็นพิเศษ เขาไม่ได้มองไปใครเลย และเดินตรงไปที่คุณนายเหลิ่ง และค่อยๆหัวเราะกับคุณนายเหลิ่ง … ”
เหอหลวนเล่อเล่าถึงนี่ ก็หยุดชะงักชั่วขณะ เหมือนในความทรงจำนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่เหอหลวนเล่อก็เล่าต่อ:“ความรู้สึกแบบนั้นนะ ก็เหมือนหิมะที่กำลังจะละลาย และในเวลานั้นฉันคิดว่า ถ้าหากฉันสามารถทำให้พี่เซ่าถิงหัวเราะบ้างควรจะดีไม่น้อย แต่ว่า แต่ว่าให้โอกาสฉันได้เป็นคนตั้งครรภ์แทนก็ไม่ได้ คุณนายเหลิ่งไม่ยอมโอกาสฉัน เป็นเพราะว่าฉันไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลยเหรอ? ให้ตายเถอะ ในเวลานั้นช่วงที่พี่เซ่าถิงเกิดอุบัติเหตุนั้น หลิวจื่อซิงก็หนีจากไปทันที เธอไม่ได้รักพี่เซ่าถิงอย่างจริงใจ มีเพียงฉันเท่านั้น ฉันรักพี่เซ่าถิงจริงๆ ฉันเคยอ้อนวอนขอคุณนายเหลิ่งแล้ว ฉันสามารถดูแลพี่เซ่าถิงไปตลอดชีวิต ฉันอยากแต่งงานกับพี่เซ่าถิงคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้เขาจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราฉันก็ไม่แคร์ แต่เมื่อพี่เซ่าถิงฟื้นคืนมา กลับยังเรียกหาหลิวจื่อซิง เธอว่ามันน่าโมโหไหมล่ะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปาก หัวเราะพูดขึ้นว่า:“ใช่สิ มันไม่ยุติธรรมจริงๆ”
“ก็ใช่นะสิ……”เหอหลวนเล่อน้ำเสียงโมโห ฮึม เม้มริมฝีปากบ่นว่า:“ทำไมถึงไม่เข้าใจความคิดของฉันนะ ฉันเอ่ยเรื่องนี้กับคนอื่น พวกเขาก็ว่าฉัน แปลกใจจริงๆเลย การที่แอบรักใครสักคนมันผิดตรงไหน หรือเป็นเพราะว่าฉันรักพี่เซ่าถิง ทุกคนล้วนคิดว่าฉันเพ้อฝันไปเหรอ แต่สำหรับเธอก็น่าสงสารนะ เกือบได้ตั้งครรภ์มีลูกให้กับพี่เซ่าถิงแล้ว ตอนนี้กลับต้องดูพี่เซ่าถิงควงผู้หญิงคนอื่นเต้นรำต่อหน้าต่อตา ในใจเธอก็คงเสียใจไม่น้อยใช่ไหม ถ้าเธอเสียใจเธอก็ต้องระบายมันออกมานะ อย่าไปเก็บเอาไว้ พวกเราสามารถเล่าสู่กันฟังได้นะ ฉันยอมให้เธอรักพี่เซ่าถิง เธอวางใจเถอะ ฉันไม่โกธรเธอหรอก ถ้าหากจะเป็นภรรยาของพี่เซ่าถิงในอนาคต ควรต้องเป็นคนที่ใจกว้าง ฉันกำลังพยายามทำอยู่”
เจี่ยนอี๋นั่วฟังเหอหลวนเล่อพูดแบบนี้แล้ว ฝืนยิ้มออกมากและพูดกับเหอหลวนเล่อด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ต่างกับเธอไม่เท่าไหร่หรอก ที่ฉันรักเขาเป็นเพราะเขามีรูปลักษณ์หน้าตาที่หล่อเหลา……”
“ฉันไม่ไม่ได้รักพี่เซ่าถิงที่รูปลักษณ์หน้าตาที่หล่อเหลา แต่ฉันรู้สึกว่าในแววตาของเขาดูโดดเดี่ยวเดียวดาย” เหอหลวนเล่อรีบตัดบทพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะพร้อมพยักหน้า:“อือ ฉันเข้าใจแล้ว”
เหอหลวนเล่อเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากด้วยสีหน้าไม่พอใจ:“เธอเป็นอะไรเหมือนกำลังหลอกเด็กอยู่ยังไงอย่างนั้นแหละ ใช่แล้ว……”
เหอหลวนเล่อหันหลังเหลือบมองในห้องพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ในห้องนี้มีแค่เตียงเดียวเหรอ เธอนอนกับพี่เซ่าถิงยังไงอ่ะ หรือว่าเธอนอนเตียงเดียวกันกับพี่เซ่าถิง?”
เจี่ยนอี๋นั่วครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้า:“ใช่สิ ก็ตอนนี้พวกเราเป็นสามีภรรยากันนี่”
“จริงเหรอ?ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”เหอหลวนเล่อรีบแตะที่จมูกและตาแดงก่ำ
และเจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าเหอหลวนเล่อคงไม่ได้ที่เธอและเหลิ่งเซ่าถิงนอนด้วยกัน กำลังจะแสดงอาการไม่พอใจออกมา แต่คาดไม่ถึง เหอหลวนเล่อกลับพูดว่า:“โอ้ พระเจ้า นี่เธอและเขานอนเตียงกันเหรอ เขาไม่ได้รักเธอเลย เธอคงผิดหวังไม่น้อยสินะ พี่อี๋นั่วคะ พี่นี่น่าสงสารกว่าหนูอีกนะคะ พูดอย่าคิดมากนะคะ”
เหอหลวนเล่อแสดงอาการเห็นอกเห็นใจเจี่ยนอี๋นั่วมาก และเจี่ยนอี๋นั่วพูดขึ้นว่า:“ขอบคุณที่คุณเห็นอกเห็นใจนะคะ ตอนนี้ฉันต้องการพักผ่อนแล้ว ดังนั้นคุณควรกลับไปได้แล้วค่ะ นิสัยเหลิ่งเซ่าถิงค่อนข้างแปลกประหลาด และคิดว่าคงไม่ชอบให้คนอื่นมาอยู่ในห้องของเขานานเกินไป”
“ค่ะ จริงเหรอคะ เวลาที่พี่เซ่าถิงโมโหมันช่างน่ากลัวจริงๆด้วย”เหอหลวนเล่อรีบลุกขึ้น ตื่นตระหนกและเตรียมออกจากห้อง
เดินถึงหน้าประตูห้อง เหอหลวนเล่อหันหลังมองเจี่ยนอี๋นั่ว หัวเราะพูดขึ้นว่า:“พี่อี๋นั่วคะ พวกเราถูกผู้หญิงอย่างหลิวจื่อซิงใส่ร้ายซะแล้ว พวกเราถือว่าเป็นเพื่อนกันหรือยังคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าเหอหลวนเล่อคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ก็ค่อยๆพยักหน้าตอบรับ:“ถือว่าใช่มั้ง”
เหอหลวนเล่อรีบหัวเราะพูดขึ้นว่า:“ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิคะ ฉันไม่เคยมีเพื่อนสักคน ก่อนหน้านี้คนที่ฉันรู้จักก็ไม่ได้อยากให้ฉันเป็นเพื่อนพวกเขาจริงๆ โชคดีที่มีเธอ ถ้าอย่างนั้นต่อไปพวกเราก็คือว่าเป็นเพื่อนรักกันแล้วนะคะ?”
“เพื่อนรัก?มันพัฒนาเร็วไปไหม? อันที่จริงความสัมพันธ์ของพวกเรามันก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนั้นหรอกมั้ง อีกทั้งพวกเราต่างก็รักเหลิ่งเซ่าถิง คุณควรไม่ชอบเพื่อนรักอย่างฉันที่หลงรักผู้ชายคนเดียวกันหรอก?” เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าทำไมทันใดนั้นตัวเองก็กลายเป็นเพื่อนรักกับเหอหลวนเล่อแล้ว รีบหัวเราะพร้อมอธิบาย
“วางใจเถอะ ฉันรับได้” เหอหลวนเล่อหัวเราะพูดขึ้นว่า:“ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนที่ชอบคนประจบ แต่ว่าคุณโปรดวางใจฉันเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย”
แต่ว่าฉันแคร์……
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากและคิดในใจ เธอรีบพูดว่า:“แท้จริงแล้วฉัน……”
แต่ว่ายังไม่ทันที่เจี่ยนอี๋นั่วจะได้พูดจบ เหอหลวนเล่อก็รีบหัวเราะและเดินออกจากห้องไป:“โอกาสหน้าเรานัดกันไปดื่มชากันนะคะ”