หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 105 ผมจะช่วยเหลือคุณเอง

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เหลิ่งหมิงอันจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วก็หัวเราะออกมา:“พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ต้องเกรงใจนะครับ เรียกผมว่าหมิ่งอันก็ได้ครับ เมื่อก่อนพี่สะใภ้ยังเข้ามากอดผมเองเลยนะครับ ?มาวันนี้ทำไหมถึงเรียกผมว่าคุณเหลิ่งหมิงอันล่ะครับ? ทำไมพี่สะใภ้ใหญ่ถึงมาโรงพักล่ะครับ? สถานีตำรวจเป็นสถานที่ที่คนอย่างคุณหญิงไม่ควรมานะครับ”

เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาสักครู่ หน้าคิ้วขมวดค่อยๆพยักหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า“ไม่มี ไม่มีอะไรค่ะ และมันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณด้วย!”

นี่เหลิ่งหมิงอันแค่มาหาเธอเท่านั้นเองเหรอ สิ่งที่เธอคาดการณ์ไว้มันอาจจะเป็นจริงก็ได้ และยืนยันไม่ได้เลยว่าเหลื่งหมิงอันจะเป็นคนบงการจริงๆ เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน จ้องมองรอยยิ้มของเหลิ่งหมิงอันที่ถูกแสงอาทิตย์สอดส่อง เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ใจร้อนของตัวเองได้ เธอต้องหาหลักฐานมัดตัวเหลิ่งหมิงอันให้ได้ ถามเขาว่าทำไมต้องลงมือฆ่าพ่อของเธอด้วย? เธอจำเป็นต้องให้เหลิ่งหมิงอันสารภาพแผนการทั้งหมดออกมาให้ได้ในขณะที่เขาไม่ทันตั้งตัว ทำแบบนี้ถึงจะจับเขาได้คาหนังคาเขา

เจี่ยนอี๋นั่วจำเป็นต้องแสร้งทำว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น และเดินตามแผนที่เหลิ่งหมิงอันวางไว้ เธอถึงจะรู้แผนการต่อไปของเหลิ่งหมิงอันว่าจะทำอะไรต่อไป

แผนการวางแผนได้แนบเนียนขนาดนี้ และต้องแลกด้วยชีวิตคนมากมาย เพียงเพื่อต้องการใช้เธอเป็นเครื่องมือในการอยู่ข้างกายของเหลิ่งเซ่าถิงเท่านั้นเองเหรอ? ภายใต้รอยยิ้มอันสดใสของเหลิ่งหมิงอันนี้ แอบซ่อนสิ่งเลวร้ายอะไรไว้กันแน่?

เจี่ยนอี๋นั่วเคยปะทะกับเหลิ่งหมิงอันมาแล้ว แต่เมื่อนึกถึงการตายของพ่อตัวเองแล้ว เธอไม่เคยคิดว่าเหลิ่งหมิงอันเป็นผู้ต้องสงสัยเลย เนื่องจากเหลิ่งหมิงอันเป็นคนที่เปิดเผยและไม่สามารถเก็บความลับได้ เขาไม่เหมือนกับคนที่มีสามารถวางแผนสิ่งชั่วร้ายและซับซ้อนขนาดนี้ได้ และในตอนนี้กลับมาคิดอีกที ที่เห็นว่าเหลิ่งหมิงอันเป็นคนที่เปิดเผยและเป็นคนที่เก็บความลับไม่อยู่นั้น เขาอาจจะแกล้งทำเท่านั้น การที่เขาต้องการหลอกใช้ใครเป็นเครื่องมือสักคน เขาจะหลอกใช้จากจุดบอดของความคิดของคนๆนั้น และรู้สึกว่าคนที่สามารถวางแผนโดยละเอียดได้ควรเป็นคนที่มีจิตใจนิ่งมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงใช้ตัวตนที่ทำให้คนอี่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เปิดเผยมาปิดบังแผนการและแอบวางอุบายของเขาไว้

“เป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ? ดูแล้วไม่เหมือนเลยสักนิด หรือรู้สึกว่าอยู่ด้วยกันกับพี่ชายใหญ่ไม่ได้แล้ว ถึงกับต้องให้ตำรวจช่วยเหลือ เพื่อเพิกถอนทะเบียนสมรสเหรอ?” เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพูดเบาๆ:“ถ้าหากเป็นแบบนี้ล่ะก็ ผมยอมรับคุณได้นะ”

“คุณเลิกพูดล้อเล่นได้แล้ว!” เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวด เดินถอยหลังหนึ่งก้าว ด้วยท่าทางที่เซ็งมากแล้วนวดที่ศีรษะ พูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็ง“ฉันไม่มีเวลามาล้อเล่นกับคุณ! กรุณาอยู่ห่างๆจากฉันหน่อย”

“ทำไมเหรอ?”เหลิ่งหมิงอันหน้าคิ้วขมวด เดินเข้าหาเจี่ยนอี๋นั่วด้วยท่าทางที่เป็นห่วงเป็นใย ถามด้วยน้ำเสียงเข้ม

เจี่ยนอี๋นั่วตื่นตกใจรีบส่ายหัวไปมา พูดกลับว่า:“ฉัน ฉันไม่ได้มีเรื่องอะไร คุณล่ะ? คุณมาสถานีตำรวจทำไมกัน?”

เหลิ่งหมิงอันหันหน้าเหลือบมองไปที่รถเก่าๆคันนั้นของเขา หัวเราะพูดขึ้นว่า:“ ผม? ก็เพราะรถคันเก่าคันนี้ก่อเรื่องขึ้นไง? แค่อขับออกมาก็โดนเรียกแล้ว บอกว่าเป็นรถที่หมดอายุการใช้งาน ซวยจริงๆ นี่ต้องให้ผมมารับมันกลับเองกับมือ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า ที่ได้พบกับคุณที่นี่ไงล่ะ?

เจี่ยนอี๋นั่วเหลือบมองเหลิ่งหมิงอันด้วยสายตาที่เย็นชา และทำท่าจะเดินหนี เหลิ่งหมิงอันก็รีบคว้าข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่วไว้ เจี่ยนอี๋นั่วพยายามสะบัดมือออก แล้วเธอก็ทำรูปถ่ายที่อยู่ในมือนั้นหลุดกระจายเต็มพื้น เหลิ่งหมิงอันก้มมองดูรูปถ่ายที่หล่นกระจายอยู่บนพื้น หยิบรูปใบนั้นขึ้นมาดู ใบที่มีเหลิ่งเซ่าถิงและคุณพ่อของเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งหมิงอันรีบคิ้วขมวดเงยหน้ามองไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว:“นี่คือ……นี่คือเหลิ่งเซ่าถิง? ทำไมเขาจึงอยู่ด้วยกันกับคุณพ่อของคุณล่ะ? หรือการตายของคุณพ่อคุณ……”

เจี่ยนอี๋นั่วเห็นเหลิ่งหมิงอันหลงกลแล้ว ในใจของเธอหัวเราะอย่างเย็นชา ยกมือปิดหูของตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงอึดอัด: “คุณอย่าเอาไปพูดนะคะ นี่มันเป็นของปลอมค่ะ รูปถ่ายเหล่านี้เป็นของปลอมแน่นอนค่ะ มีคนจงใจทำให้ฉันและเหลิ่งเซ่าถิงผิดใจกัน ฉันจะไปหาสถานที่ใหม่ค่ะ และทำการตรวจสอบใหม่ รูปถ่ายใบนี้เป็นของปลอมแน่นอนค่ะ!”

“คุณอย่าหลอกตัวเองอีกเลย คุณพี่งทำเรื่องตรวจสอบแล้วไม่ใช่เหรอ? ทางตำรวจจะตรวจสอบผิดพลาดได้อย่างไรกัน? เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

พอเหลิ่งหมิงอันพูดจบก็ทำหน้าคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว จากนั้นก้มลงดูรูปถ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“คุณแน่ใจเหรอว่าเป็นเหลิ่งเซ่าถิง ก่อนหน้านี้ผมเคยเตือนคุณแล้วนะ คาดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะเป็นคนทำ เขาเป็นคนทะเยอทะยานและชอบครองครอบมากจริงๆ

“เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าเหลือบมองเหลิ่งหมิงอัน พูดด้วยน้ำเสียงอึดอัดว่า:“ฉันไม่รู้ควรจะทำอย่างไรต่อไปดีแล้ว? ที่ฉันกล้าทำแบบนี้? และผู้ชายที่ฉันรัก กลับเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของตัวเอง เขาหลอกฉันได้แนบเนียนมาก ทำไมเขาถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้? ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกต่อไปอีก!”

“เอาอย่างนี้ดีไหม ผมจะพาคุณพักผ่อนที่คอนโดของผมสักพัก ถ้าหากคุณอยากไปจากตระกูลเหลิ่ง ผมสามารถช่วยเหลือคุณได้ แต่ถ้าหากคุณอยากล้างแค้น ผมก็จะช่วยเหลือคุณ” เหลิ่งหมิงอันหน้าคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

ในที่สุดเจี่ยนอี๋นั่วได้ฟังสิ่งที่เหลิ่งหมิงอันพูดคำว่า“แก้แค้น” สองคำนี้ ในใจของเธอรู้ได้ทันทีว่าเหลิ่งหมิงอันกำลังหลอกล่อให้เธอไปแก้แค้นเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วรีบเบิ่งตาโต จ้องมองเหลิ่งหมิงอัน และร้องไห้ออกมาทันที:“ล้าง……ล้างแค้น……ล้างแค้นเหลิ่งเซ่าถิงนะเหรอ?”

เหลิ่งหมิงอันรีบกอดเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“เรื่องพวกนี้ค่อยคุยกันวันหลังเถอะ ผมจะพาคุณไปพักผ่อนก่อนสักพัก”

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้อยากอยู่ด้วยกันกับเหลิ่งหมิงอันตามลำพัง เธอส่ายหัวไปมา ฉันไม่อยากพักผ่อน ฉันอยากกลับบ้าน”

“บ้านของเธออยู่ที่ไหน? เธอยังมีบ้านอยู่อีกเหรอ? ครอบครัวของเธอถูกเหลิ่งเซ่าถิงทำลายพังพินาศไปหมดแล้ว!” เหลิ่งหมิงอันตะโกนออกมาเสียงดัง

ทันใดนั้นเจี่ยนอี๋นั่วหยุดชะงักทันที เธอรู้สึกอึ้งด้วยความงุนงงและจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน คำพูดของเหลิ่งหมิงอันมันโหดร้ายเกินไป แม้แต่เจี่ยนอี๋นั่วซึ่งอาจคาดเดาและรู้ความจริงแล้ว ก็รู้สึกสั่นสะเทือนในหัวใจของเธอ ถ้าหากเธอคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอจริงๆ เธอน่าจะเกลียดเหลิ่งเซ่าถิงเข้าไส้อย่างแน่นอน

เจี่ยนอี๋นั่วก้มหัวตะโกนพูดว่า:“คุณไม่ต้องพูดต่ออีกแล้ว!”

“โอเค ผมจะไม่พูดอีกแล้ว ผมไม่พูดอีกแล้ว!” เหลิ่งหมิงอันค่อยๆลูบที่หลังของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ผมจะไม่พูดเรื่องแบบนี้กับคุณอีกแล้ว พวกเราลืมเรื่องพวกนี้ไปซะเถอะ ผมจะซื้อตั๋วเครื่องบินสองใบทันที ผมจะส่งคุณไปอยู่ต่างประเทศ แต่ว่า……”

เหลิ่งหมิงอันพูดถึงตรงนี้ ก็คิ้วขมวดอย่างแรง พูดด้วยน้ำเสียงเบา:” แต่ว่าอำนาจของเหลิ่งเซ่าถิงกว้างขวางมาก และอาจจะไม่สามารถปิดบังเขาได้แน่ และผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะปกป้องคุณได้จริงๆหรือไม่”

“พ่อของฉันถูกเขาฆ่า และฉันยังเลือกที่จะหนี? แล้วฉันจะเผชิญหน้ากับคุณพ่อได้อย่างไร?” เจี่ยนอี๋นั่วตอบกลับพร้อมด้วยร้องไห้ตาแดงก่ำ

เหลิ่งหมิงอันคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดจะทำยังไงต่อไป?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวไปมา พูดด้วยน้ำเสียงแหบ:“ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป แต่ฉันแค่รู้สึกว่าฉันไม่ควรหนีปัญหาไปแบบนี้ ไม่ควรหนีไปแบบนี้โดยที่ยังไม่ได้แก้แค้นให้กับคุณพ่อ ถึงแม้จะเป็นเหลิ่งเซ่าถิง เขาก็ไม่ได้มีสำคัญกว่าคุณพ่อของฉัน แลนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันรักคนผิด ครั้งก่อนเป็นฉู่หมิงเซวียน และในครั้งนี้เป็นเหลิ่งเซ่าถิง ฉันต้องทวงความยุติธรรมให้กับคุณพ่อไม่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะทำด้วยจุดประสงค์อะไรก็ตาม เขาก็ไม่ควรฆ่าพ่อของฉัน และแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีอำนาจมากขนาดไหน…..”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ เงยหน้าเหลือบมองไปทางเหลิ่งหมิงด้วยสาตาอาฆาต:“ยังไงฉันก็จะทวงความยุติธรรมมาให้คุณพ่อให้ได้ คนที่ลงมือฆ่าพ่อของฉัน เขาก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต! ถึงแม้จะเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม หรือจะหล่อและเพียบพร้อมขนาดไหน ในเมื่อฆ่าคนแล้วก็ควรชดใช้ด้วยชีวิต!”

เจี่ยนอี๋นั่วดวงตาแดงก่ำ เธอจ้องมองเหลิ่งหมิงอันกำลังพูดถึงเหลิ่งเซ่าถิงด้วยความเกลียดชัง แต่คำพูดเหล่านั้นของเหลิ่งหมิงอันกลับทำให้เธอยิ่งเกลียดชังเขามากขึ้น

แววตาของเหลิ่งหมิงอันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กหน่อย เขาหลบสายตา และรีบทำท่าปกติพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วว่า:“ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร ผมก็จะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ และคอยช่วยเหลือคุณ”

“เพราะอะไร?”แสดงสีหน้าประหลาดใจ: “คุณรู้ไหมว่าการเป็นศัตรูกับเหลิ่งเซ่าถิงมันต้องเสี่ยงขนาดไหน?ถึงแม้ว่าคุณจะขัดแย้งกับเหลิ่งเซ่าถิงมาตลอด แต่ว่าพวกคุณไม่ได้ปะทะกันซึ่งๆหน้า ถ้าหากคุณช่วยเหลือฉัน คุณอาจจะไม่ได้เป็นคุณชายรองของตระกูลเหลิ่งอีกต่อไป คุณเต็มใจเหรอคะ? เพียงเพราะทำเพื่อฉัน และช่วยฉันทวงคืนความยุติธรรมให้กับคุณพ่อของฉัน ถึงแม้ว่าคุณจะต้องแลกด้วยชีวิต แต่คุณก็มุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนี้ ทำไมคุณถึงเต็มใจที่จะช่วยฉัน? ”

“เป็นเพราะว่าผมรักคุณ” เหลิ่งหมิงอันจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วพูดอย่างจริงใจว่า:“คุณคงไม่เชื่อหรอก แต่ว่าผมรักคุณจริงๆ ถ้าเทียบกับทั้งหมดของตระกูลเหลิ่งแล้ว สิ่งที่ผมต้องการที่สุดนั่นก็คือคุณ เริ่มแรกผมอาจจะต้องการแค่ล้อเล่นกับคุณ และอาจเป็นเพราะว่าไม่กล้าเผชิญกับความพ่ายแพ้ให้กับเหลิ่งเซ่าถิง แต่ว่าตอนที่อยู่ในป่าครั้งนั้น……”

เหลิ่งหมิงอันเอื้อมมือไปลูบที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ:“ผมรู้ว่ามันหวานขนาดไหน จากนั้นผมก็เพ้อฝันตลอดเวลา ตอนนั้นคุณเหมือนดั่งดอกไม้ที่เบ่งบานบนตัวผม ผมอยากจะจูบริมฝีปากของคุณ ผมอยากจะสัมผัสเรือนร่างของคุณ และแววตาของคุณจะต้องจ้องมองแต่ผมเท่านั้น คุณเหมือนราวกับแมวที่น่ารักตัวหนึ่งกำลังอ้อนวอนผมอยู่ และขอร้องให้ผมอย่าทำคุณเจ็บ ”

เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวด เดินถอยหลังหนึ่งก้าว:“คุณ……”

เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพูดว่า:“หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเหลิ่งเซ่าถิงก็พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง คนเย็นชาอย่างเหลิ่งเซ่าถิงนั้น เป็นเพราะคุณมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เขาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิม ไม่ได้เป็นคนที่เย็นชาอีก ความรู้สึกที่มีความสุข ทำให้ผมรู้สึกได้ ดังนั้นผมคิดว่า การที่ได้อยู่ด้วยกันกับคุณนั้นมันน่าจะมีความสุขมากๆ และบางทีผมอาจจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ ผมอยากสัมผัสและอยากจะลิ้มรสความหวานนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ความต้องการธรรมดา แต่มันเป็นความต้องการที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ผมอยากอยู่ด้วยกันกับคุณจริงๆ และสัมผัสกับความสุขแบบนั้น ซึ่งมันคงมีความสุขมากกว่าที่จะได้ครอบครองทุกอย่างของตระกูลเหลิ่งเสียอีก ในสิ่งที่คุณมอบให้เหลิ่งเซ่าถิง คุณก็สามารถมอบให้ผมได้เช่นกัน ใช่ไหมครับ?”

“คุณ……คุณเป็นแบบนี้……คุณทำให้ฉัน……”เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวไปมา พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตกใจ

เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้แสดงละคร แต่เธอตื่นตกใจจริงๆ เธอคิดว่าเหลิ่งหมิงอันจะหาเหตุผลอื่นมาพูด แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเหลิ่งหมิงอันจะตอบกลับมาแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นการพูดเล่นๆเพื่อที่จะเอาชนะเธอ คำพูดที่เขาพูดออกมานี้มันดูสมจริงมากจริงๆ

“ผมทำให้คุณตกใจเหรอ?”เหลิ่งหมิงอันถามด้วยท่าทางคิ้วขมวด:“คุณไม่ต้องตื่นเต้นหรอก ผมไม่คิดที่จะทำร้ายคุณเลย ผมแตกต่างกับเหลิ่งเซ่าถิง ผมรู้ว่าควรจะจัดการกับความรักยังไง และผมไม่แสดงพฤติกรรมที่หวาดระแวงและอยากครอบครองไว้คนเดียวอย่างเหลิ่งเซ่าถิงแน่นอน คุณวางใจเถอะ……”

เมื่อสติของเจี่ยนอี๋นั่วกลับคืนมา เธอค่อยๆพยักหน้าตอบรับ:“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันเชื่อคุณค่ะ และอีกอย่างฉันก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรอีกแล้ว และฉันก็ไม่เหลือญาติพี่น้องที่จะถูกวางแผนฆ่าอีกต่อไปแล้ว ขอเพียงแค่สามารถล้างแค้นให้กับคุณพ่อ แม้แต่ชีวิตฉันก็ให้ได้ค่ะ”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท