หนี้รัก วิวาห์จำเป็น – บทที่ 177 คุณลุงยอดเชฟ

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

เจี่ยนซวงยิ้มและกล่าวทันที “ซวงซวงเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนอยู่แล้ว คุณลุง คุณลุงสามารถเป็นพ่อของซวงซวงได้แล้ว”

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงได้ยินซวงซวงพูดเช่นนี้ เขายกมือขึ้นแล้วลูบหัวของเจี่ยนซวงเบาๆ เป็นเพราะการสัมผัสของคนแปลกหน้า ซวงซวงจึงไม่คุ้นชินและหลบเลี่ยง เจี่ยนซวงค่อยๆทำความคุ้นชินกับเหลิ่งเซ่าถิง เธอจึงนิ่งและไม่ขยับหนี เธอเงยหน้าขึ้นและมองเหลิ่งเซ่าถิงอย่างเขินอาย

เซ่าถิงลูบหัวของเจี่ยนซวง และพบว่าผมของเจี่ยนซวงนั้นเบาและอ่อนนุ่มเช่นเดียวกับผมของเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงเงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอี๋นั่วจากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงไปมองเจี่ยนซวงและกล่าวเบาๆว่า “แม้ว่าซวงซวงจะมีความพฤติดี ไม่ดื้อไม่ซนแล้ว แต่เจี่ยนซวงก็ยังต้องพยายามมากขึ้น ต้องปกป้องหม่าม้าให้ได้ด้วย พยายามใช้ชีวิตให้มีความสุข บางทีอาจมีสักวันที่คุณลุงจะกลับมาหาซวงซวง”

เจี่ยนซวงทำหน้ามุ่ยหันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว เธอกล่าว “งั้นหม่าม้าต้องช่วยซวงซวงด้วย หากว่าซวงซวงทำอะไรไม่ดี หม่าม้าก็ต้องคอยเตือนซวงซวง”

หลังจากที่เจี่ยนซวงพูดจบ เธอมองไปที่เหลิ่งเซ่าถิงและเธอก็ยื่นนิ้วก้อยของเธอออกมา “คุณลุงห้ามเป็นคนผิดคำพูด พูดจริงก็ต้องทำจริง มา มาทำสัญญากัน”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า เขายื่นมือออกและเกี่ยวนิ้วก้อยของเจี่ยนซวงและเขาไว้ด้วยกัน เขากล่าวว่า “ได้ ลุงสัญญาแล้วไม่ผิดคำพูด”

เจี่ยนซวงพยักหน้า จากนั้นเธอเลียริมฝีปากของเธอและมองไปที่อาหารที่ส่งกลิ้นหอมเย้ายวน เธอเลียริมฝีปากอีกครั้งและมองไปยังเจี่ยนอี๋นั่ว “หม่าม้า หม่าม้า ซวงซวงหิวแล้ว”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าและกำลังเตรียมตัวไปหยิบชาม แต่เหลิ่งเซ่าถิงนั้นเร็วกว่าเธอ เขาหยิบชามและยิ้มกล่าว “ผมป้อนเธอเอง”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพยักหน้า “งั้นคุณก็ระวังด้วย อย่าให้ลวกปากเธอ”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าเบาๆ เขาหยิบชามขึ้นมา เขาตักอาหารและเป่าเบาๆจากนั้นก็ยื่นไปยังปากของเจี่ยนซวง เจี่ยนซวงหันไปมองเจี่ยนอี๋นั่วด้วยความลังเล เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า เจี่ยนซวงก็กล่าวขอบคุณและอ้าปากทานอาหารนั้น

หลังจากที่เจี่ยนซวงได้ทานอาหารเข้าไปแล้ว เธอก็ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นในทันที เธอส่งยิ้มและพูดกับเหลิ่งเซ่าถิงว่า “ว้าว อาหารของคุณลุงอร่อยสุดยอดเลย อร่อยมากจริงๆ! ซวงซวงไม่เคยกินอาหารที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย! หม่าม้าทำอาหารได้ไม่อร่อยเลย ซวงซวงกินอาหารไม่อร่อยมาตลอดก็เลยผอมไปหมดแล้ว…”

เจี่ยนซวงกล่าวพลางชี้ไปยังพุงที่กำลังป่อง เมื่อพูดเช่นนี้ เจี่ยนซวงก็เหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วจากนั้นเธอก็โบกไม้โบกมือและรีบกล่าว “ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น คุณลุง จริงๆแล้วหม่าม้าของซวงซวงทำไข่ต้มได้อร่อยมาก สามารถต้มไข่ได้อย่างพอดิบพอดีเลย! เก่งมากๆ คุณลุงเทพแห่งการทำอาหารอย่ารังเกียจแม่ของซวงซวงเลย”

“ลุงรู้ว่าแม่ของซวงซวงน่ะเก่งมากๆ ลุงไม่รังเกียจแม่ของซวงซวงหรอก” เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวและเงยหน้ามองเจี่ยนอี๋นั่ว

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มเบาๆ เธอลดสายตาลงและหยิบชามข้าวขึ้นมาทานอาหาร เมื่อเธอทานไปได้สองคำ เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและกล่าวชมเชย “อาหารอร่อยจริงๆ”

ในความเป็นจริงแล้วก็พูดได้ว่าอร่อย แต่ก็สามารถพูดได้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงนั้นปรุงอาหารได้เหมาะสมกับความชอบของเจี่ยนอี๋นั่ว ราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นตามรสชาติของเจี่ยนอี๋นั่วที่มีความเค็มเล็กน้อย

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า เขายิ้มและกล่าว “คุณชอบก็ดีแล้ว”

ในขณะนั้นซวงซวงก็พยักหน้าอย่างสุดแรง “ซวงซวง ซวงซวงเองก็ชอบ”

เจี่ยนซวงพูดเช่นนี้ เธอก็ยื่นนิ้วออกไปเพื่อชี้ไปที่จานข้างๆเขาและกระซิบ “ซวงซวงยังอยากกินอันนี้อีก”

เหลิ่งเซ่าถิงก็ตักอาหารให้และยื่นให้เธอในทันที หลังจากเจี่ยนซวงทานอาหารแล้ว เธอก็หรี่สายตาและยิ้ม เจี่ยนซวงถูกป้อนข้าวจนพุงของเธอนั้นกลมแต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่อยากจะกินเข้าไปอีก เจี่ยนซวงนั้นสะอึกเพราะความอิ่มและยังกล่าวว่า “ซวงซวง ซวงซวงยังอยากกินอันนี้…”

เหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยดูแลเด็กมาก่อน เมื่อได้ยินว่าเจี่ยนซวงอยากกิน เขาก็รีบตักอาหารในทันที แต่เจี่ยนอี๋นั่วเอื้อมมือมาห้ามเหลิ่งเซ่าถิงไว้และกล่าวว่า “ไม่ต้องป้อนเธอแล้ว เธอกินอิ่มมากแล้ว”

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วพูดแบบนี้ เขาก็หยุดนิ่งและขอโทษเจี่ยนอี๋นั่วในทันที “ผมขอโทษ ผมไม่รู้”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพูด “คุณทำได้ดีมาก”

เจี่ยนซวงกินอิ่มเกินไป เมื่อเขาหยุดป้อนอาหารให้เธอ ศีรษะของเจ้าตัวน้อยก็วางลงบนโต๊ะอาหารและพร้อมที่จะนอน เจี่ยนอี๋นั่วรีบอุ้มเจี่ยนซวงในทันที เธอกล่าวเบาๆว่า “ซวงซวงกินอาหารอิ่มแล้วอย่าเพิ่งนอน ต้องร่าเริงสดใสไว้ หม่าม้าจะดูการ์ตูนเป็นเพื่อนก่อนแล้วค่อยนอน ดีไหม?”

เจี่ยนซวงพยักหน้าและกล่าวอย่างงัวเงีย “ดี หม่าม้า… ซวงซวงจะต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังหม่าม้า แบบนี้ซวงซวงจะได้มีพ่อเป็นเทพแห่งการทำอาหารแล้ว”

หลังจากที่เจี่ยนซวงพูดจบเธอก็มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นจากนั้นเธอก็ลุกไปดูทีวี เจี่ยนอี๋นั่วมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิงที่ยังไม่ได้ทานอะไรเลย เธอกล่าวเบาๆว่า “ฉันจะตักอาหารให้คุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นและตักอาหารให้กับเหลิ่งเซ่าถิง เมื่อวางอาหารไว้ตรงหน้าเหลิ่งเซ่าถิงแล้วเจี่ยนอี๋นั่วก็เดินไปข้างๆเจี่ยนซวงและดูการ์ตูนเป็นเพื่อนกับเธอ เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงทานอาหารเสร็จ เจี่ยนซวงก็ง่วงและหลับไป เจี่ยนอี๋นั่วอุ้มเจี่ยนซวงและมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิงด้วยความลำบากใจ “เด็กคนนี้นอนหลับไว ฉันจะพาเธอกลับไปก่อน”

“สองวันนี้อยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ? ใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไป” เหลิ่งเซ่าถิงถามเสียงเบา

เจี่ยนอี๋นั่วนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็ยิ้มและมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิง “แล้วซวงซวงนอนห้องไหน?”

เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตูห้องห้องหนึ่ง เขาผลักประตูและกล่าว “นอนห้องนี้แล้วกัน”

เจี่ยนอี๋นั่วมองเข้าไปภายในห้อง ภายในห้องนี้เหมือนกับว่าเป็นห้องของเด็กผู้หญิงจริงๆ เจี่ยนอี๋นั่ววางเจี่ยนซวงลงบนเตียงและพูดกับเหลิ่งเซ่าถิงพร้อมรอยยิ้ม “งั้นวันนี้ฉันนอนที่นี่กับเจี่ยนซวง”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าและยิ้ม “งั้นผมไปนอนอีกห้อง หากว่าเหนื่อยก็รีบพักผ่อน ห้องน้ำมีอุปกรณ์อาบน้ำครบชุด คุณสามารถใช้ได้เลย”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆ จากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็เดินออกไปจากห้องและประตูก็ปิดลง หลังจากที่เหลิ่งเซ่าถิงปิดประตูแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ขมวดคิ้วและเอนกายลงนอนข้างๆเจี่ยนซวง เธอหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า เธอคิดว่าเมื่อพบกับเจี่ยนซวงแล้ว เธอจะเผชิญหน้ากับเหลิ่งเซ่าถิง เธออาจจะต่อว่าเขาที่ไม่สนใจพวกเธอมาเป็นเวลานานหลายปีและไม่สนใจเจี่ยนซวงเมื่อเธอตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ก็เธอยังคงรักเหลิ่งเซ่าถิงอย่างสุดหัวใจและบอกกับเขาว่าไม่ว่าจะมีอันตรายอะไรอยู่ข้างหน้าเธอก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป

แต่เมื่อเธอสงบสติอารมณ์และได้เข้าใกล้เหลิ่งเซ่าถิงแล้วกลับพบว่าเธอนั้นไม่ได้มีความรู้สึกใดเป็นพิเศษ เธอมีเพียงความรู้สึกที่แปลกประหลาดและเศร้าใจ เธอไม่รู้ว่าเมื่อใดที่รอยแผลเป็นบนแขนของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นได้เพิ่มขึ้น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เหลิ่งเซ่าถิงเริ่มถือตะเกียบด้วยมือซ้ายและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเริ่มทำอาหารได้อย่างยอดเยี่ยมขนาดนี้

ในตอนนี้เมื่อเธอมองเหลิ่งเซ่าถิงก็เหมือนกับเธอกำลังมองคนแปลกหน้าที่เธอเริ่มรู้จักใหม่อีกครั้ง ไม่ ไม่อาจถึงต้องเริ่มรู้จักใหม่อีกครั้ง เป็นเพราะนี่เป็นเพียงการพบเจอกันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เธอจึงไม่มีโอกาสที่จะได้เริ่มรู้จักเหลิ่งเซ่าถิงอีก

เจี่ยนอี๋นั่วนั่งลงบนเตียง เวลาผ่านไปสักพัก เธอก็ไม่สามารถที่จะนอนหลับได้ สุดท้ายเธอจึงลุกขึ้นและมองไปยังเจี่ยนซวงที่กำลังหลับใหล เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ เธอจึงลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าและเดินออกจากห้อง เจี่ยนอี๋นั่วเห็นว่าระเบียงยังคงส่องสว่าง เธอจึงเดินเข้าไปอย่างช้าๆและเห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงกำลังสูบบุหรี่อยู่

เขากำลังพิงข้างหน้าต่างมองออกไปด้านนอก มือข้างหนึ่งของเขากำลังสูบบุหรี่และมืออีกข้างยังคงล้วงกระเป๋า แสงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนสาดแสงอ่อนๆมากระทบกับร่างกายเหลิ่งเซ่าถิง ใบหน้าของเขาสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วก้าวถอยหลังและกำลังจะกลับไปที่ห้อง แต่เหลิ่งเซ่าถิงกลับมองเห็นเธอภายใต้แสงสลัว เจี่ยนอี๋นั่วก็มองเห็นสายตาของเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างคมชัด สายตาของเหลิ่งเซ่าถิงก็ค่อยๆอ่อนลง เหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังอยู่ในมุมมืดก็ได้กล่าวว่า “ที่แท้ก็คือคุณ”

เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า “ฉันเอง”

เหลิ่งเซ่าถิงรีบถาม “ดึกดื่นขนาดนี้แล้วทำไม่ยังไม่นาน? เตียงไม่สบายเหรอ?”

เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ฉันกังวลเกี่ยวกับซวงซวงมาโดยตลอดจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอะไรมากมายนัก ตอนนี้ฉันโล่งใจแล้วแล้วเรื่องราวต่างๆก็เข้ามาในความคิดฉันดังนั้นฉันก็เลยนอนไม่หลับ”

เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า เขายิ้มและกล่าวว่า “ผมก็เหมือนกัน”

เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวและหยิบบุหรี่ออกมา “คุณจะสูบด้วยไหม? โอ้..ขอโทษด้วย ผมลืมไปว่าคุณไม่สูบ”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มเบาๆและก้มศีรษะลง เธอเดินไปยังข้างกายเหลิ่งเซ่าถิง เธอจุดบุหรี่สูบอย่างชำนาญและปล่อยควันออกมา เธอสูบบุหรี่เป็นตั้งแต่ในวันแต่งงานของกู้เค่อหยิงและเหลิ่งเซ่าถิง เธอก็เป็นเช่นนี้ เธอพลิกไปพลิกมาจนนอนไม่หลับ จากนั้นเพื่อนนักโทษของเธอก็ได้แอบส่งบุหรี่ให้กับเธอ ตั้งแต่นั้นมาเธอก็สูบบุหรี่เป็น แต่เธอสูบได้ไม่นานนักก็เลิกเป็นเพราะว่าเธอห่วงว่าจะส่งผลต่อสุขภาพของเจี่ยนซวง

เจี่ยนอี๋นั่วพิงหน้าต่างและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณน่าจะได้รู้เรื่องจากเยี่ยหมิงจูแล้ว ที่ฉันสูบบุหรี่ครั้งแรก เธอก็เป็นคนส่งให้”

เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เธอไม่ได้บอกผมไปเสียทุกเรื่อง”

เจี่ยนอี๋นั่วพ่นควันบุหรี่เบาๆและยืนพิงหน้าต่าง จากนั้นเธอกล่าวว่า “ขอโทษด้วย คำพูดก่อนหน้านี้อาจทำร้ายคุณ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันรู้ว่าคุณลำบากมามาก ไม่ใช้วิธีที่ผิดแปลกก็คงไม่มีทางเอาตัวรอดมาได้ ฉันไม่ควรใช้ศีลธรรมของคนธรรมดามาเรียกร้องอะไรจากคุณ ขอโทษด้วย”

เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วแน่น เขาหันศีรษะไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว “หลายปีที่ผ่านมา คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงถามเสร็จ เขาก็หยุดนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “ผมไม่ควรถาม…”

เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มเบาๆ “ไม่เป็นไร ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เรื่องส่วนใหญ่คุณเองก็ได้รู้ไปหมดแล้ว ฉันเป็นแบบนั้น จริงๆแล้วตอนที่ฉันอยู่ในคุกก็ไม่ได้แย่อะไรมากนัก ฉันไม่เคยใช้ชีวิตแบบเป็นขั้นเป็นตอนเช่นนั้นมาก่อนเลย ทุกวันต้องตื่นเช้า อาบน้ำตรงเวลา เข้านอนตรงเวลา นอกจากนั้นบางเวลาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีสิทธิมนุษย์เลยแม้แต่น้อย ส่วนเวลาอื่นๆก็ยังพอโอเค ฉันเห็นคนไม่ดีมากมายอยู่ในนั้น ฉันยังได้เห็นด้านดีของคนเลวอีกด้วย มันเป็นประสบการณ์ชีวิตอันยาวนาน ใช่ ฉันยังได้เรียนรู้วิธีการถักเสื้อกันหนาวด้วย ในช่วงแรกฉันเป็นภาระของกลุ่มเสมอ แต่หลังจากนั้น ฉันกลายเป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับกลุ่ม ฉันถักได้เร็วและดีเยี่ยม ฉันสามารถใช้ด้ายที่เหลือถักเสื้อกันหนาวและถุงเท้าให้ซวงซวงได้อีกด้วย”

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

หนี้รัก วิวาห์จำเป็น

Status: Ongoing
เหลิ่งเซ่าถิง เป็นบอสใหญ่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของบริษัทไว้ในมือ เป็นบุคคลสำคัญของธุรกิจ ซ้ำยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา แต่เขากลับต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องมีสภาพกลายเป็นผัก เจี่ยนอี๋นั่ว เป็นลูกสาวของประธานแห่งเจี่ยนกรุ๊ป เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง นิสัยอ่อนโยน และรักกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว แต่เพราะอาการป่วยของพ่อ ทำให้เจี่ยนกรุ๊ปล้มละลาย เธอต้องแบกรับหนี้หลายสิบล้านเพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วต้องมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายของเหลิ่งเซ่าถิง ซึ่งเธอไดแต่คิดว่าจะต้องอยู่กับคนที่สภาพเหมือนผักแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าเขานั้นฟื้นแล้ว และแค่รอให้ ‘ปฏิหาร’เกิดขึ้นอีกครั้ง………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท