ซิงกวงรีบยื่นมือออกไปกุมมือของซิงหยุน “นาย….คือปรมาจารย์ในวันนั้น”
“ไม่ถือว่าเป็นปรมาจารย์ ก็แค่ชอบเล่นของพวกนี้”
ซิงหยุนพูดถึงตรงนี้ก็ปล่อยมือของเด็กผู้หญิง
พอหันหน้ามา เขามองซิงเฉินที่กินเค้กจนครีมเลอะเต็มหน้า “เธอก็คือ ‘ซูจี้รักซิงกวงน้อย’ ”
ซิงเฉินตกใจจนเค้กที่อยู่ในมือเกือบจะตกลงพื้น “คือเธอเหรอ!”
แฮ็กเกอร์ที่มีฝีมือสูสีกับพี่ชายเขาวันนั้น ที่แท้ก็คือเด็กผู้หญิงคนนี้!
ทว่า แม้เด็กผู้หญิงคนนี้อยากจะแย่งหม่ามี๊ของเขา และยังหยิ่งยโสอีก แต่ซิงเฉินกลับเกลียดเธอไม่ลง
อาจเป็นเพราะว่าเธอหน้าเหมือนกับหม่ามี๊มากเป็นพิเศษกระมัง!
เขาปลอบตัวเองอย่างนี้ในใจ แน่นอนต้องเป็นเพราะว่าเด็กผู้หญิงคนนี้กับหม่ามี๊หน้าตาเหมือนกันมาก ดังนั้นเขาจึงยอมรับตัวตนของเธอ
“ซิงกวง เกิดอะไรขึ้น?”
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้วถาม
ซิงกวงน้อยเบะปาก เสียงออดอ้อนน่าสงสาร “คุณอาจี้คะ ยังจำได้มั้ยคะว่าก่อนหน้านี้หนูเคยบอกว่า ทางบ้านน้าซูนั้นมีแฮ็กเกอร์ที่เก่งมาก”
เธอยกมือขึ้นชี้ไปที่ซิงหยุนอย่างไม่พอใจ “ก็คือเขานี่ละ!”
จี้หนานเฟิงอึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “ก่อนหน้านี้เธอบอกอาว่า ต้องการให้อาไปหาน้าซูเพื่อให้แนะนำครูให้เธอ….ก็คือเด็กคนนี้เหรอ”
ใบหน้าของซิงกวงก็แดงก่ำทันที
เธอกัดริมฝีปาก โกรธจนกระทืบเท้า “อาจี้คะ อาคิดจะไว้หน้าหนูหน่อยได้มั้ยคะ!”
แพ้ให้กับคนคนนี้ในสถานที่แห่งนี้ก็ขายหน้ามากอยู่แล้ว อาจี้ยังพูดเรื่องที่เมื่อก่อนเธออยากขอเป็นลูกศิษย์ออกมาอีก!
เธอจะไม่ขายหน้าเหรอ
“หืม ขอเป็นศิษย์เหรอ”
ซิงเฉินหูดีได้ยินใจความสำคัญที่จี้หนานเฟิงพูด “พี่ชายผมไม่ได้รับใครเป็นลูกศิษย์ง่ายๆนะ!”
“แม้แต่ฉันที่เป็นน้องแท้ของเขา เขายัง….”
“ฉันยินดี”
เด็กน้อยยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกซิงหยุนตัดบทอย่างไม่ไยดี
ซิงกวงเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเล็กน้อย “พี่พูดว่าอะไรนะ”
“ฉันพูดว่า”
ซิงหยุนยิ้มอ่อนๆ “ฉันรับเธอเป็นลูกศิษย์ได้”
“แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“เงื่อนไขอะไร”
“เป็นน้องสาวของพวกเรานะ”
สายตาซิงหยุนเหลือบมองซิงกวงอย่างเจ้าเล่ห์ “ฉันกับซิงเฉินอยากมีน้องสาวสักคนมานานแล้ว”
“ตอนแรกก็คิดว่าจะให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊มีน้องให้พวกเราคนหนึ่ง แต่พวกเขาก็ช้ามากเกินไป”
เธอพยายามมากแล้วนะ!
เธอจะอธิบายกับเจ้าตัวแสบนี่ยังไง ว่าลูกไม่ใช่ว่าท้องได้ในครั้งแรก “ดังนั้น”
ซิงหยุนมองหน้าซิงกวงอย่างจริงจัง “เธอหน้าตาเหมือนกับหม่ามี๊ฉันมาก”
“อีกทั้งดูไปแล้วเด็กกว่าพวกเรา ดังนั้น ก่อนที่หม่ามี๊พวกเราจะตั้งท้องน้องสาวแท้ๆ เธอก็มาเป็นน้องสาวของพวกเราเถอะ”
ซิงกวงเบะปาก มองซิงเฉินและซิงหยุนอย่างจริงจัง
แม้ว่าพี่ชายสองคนนี้จะไม่ลงรอยกับเธอในตอนแรก แต่ว่า….
เวลาที่พวกเขาสองคนพี่น้องพูดคุยกัน แล้วยังความสัมพันธ์กับน้าซู
เป็นสิ่งที่เธออิจฉามากมาตลอด ญาติพี่น้อง ครอบครัว และยังมีแม่ที่อบอุ่นครึกครื้น
เธอคาดหวังมาโดยตลอดว่าอาจี้จะช่วยหาพี่ชายให้เธอได้สักคน
ถ้าเธอยอมรับเงื่อนไขนี้ของพี่ซิงหยุน ก็เท่ากับว่าจะมีพี่ชายสองคนทันที?
พี่ชายสองคน ความสุขเป็นสองเท่า!
และยังสามารถเรียนทักษะการเป็นแฮกเกอร์กับซิงหยุนได้อย่างเปิดเผยออกหน้าออกตา
เธอขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูเหมือนไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่เสียเปรียบ
อีกทั้ง เธอมองดูซูสือเยว่
ถ้ายอมรับสองคนนี้เป็นพี่ชาย ต่อไปก็จะสามารถไปหาน้าซูได้อย่างสบายแล้วใช่หรือไม่
เธอก็สามารถช่วยอาจี้เลื่อยขาเก้าอี้ แย่งน้าซูมา!
คิดมาถึงตรงนี้ เด็กน้อยก็หันมา มองจี้หนานเฟิงด้วยแววตาน่าสงสาร “คุณอาจี้คะ….”
จี้หนานเฟิงมองท่าทางสับสนของเด็กน้อย ยักไหล่พูดอย่างเรียบๆว่า “อายังไงก็ได้”
“หนูสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเพื่อนหรือจะเป็นพี่น้องกับพวกเขา แบบนี้ต่อไปก็จะมีเพื่อนเล่นแล้ว”
ปกติเขางานยุ่งมาก เวลาที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนซิงกวงเดิมก็น้อยมากอยู่แล้ว
หลายปีมานี้ เวลาส่วนใหญ่ของซิงกวงคืออยู่ตัวคนเดียวในบ้าน อยู่กับโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ที่เย็นชา
หากเธอยอมเป็นเพื่อนกับเด็กสองคนนี้ เขาก็จะได้สบายใจขึ้นอีกหน่อย อีกทั้ง
ชายหนุ่มหันหน้ามามองซูสือเยว่
ถ้าเด็กทั้งสามคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาก็จะสามารถเป็นเพื่อนที่สนิทกับเธอมากยิ่งขึ้นได้ใช่หรือไม่
ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะพยายามทำหลายอย่างเพื่อได้ใกล้ชิดเธอ แต่เขาก็ดูออกว่าซูสือเยว่รักษาระยะห่างกับเขาอยู่ตลอด
“อืม!”
เมื่อได้รับสายตายืนยันจากจี้หนานเฟิง ซิงกวงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองซิงหยุนอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยวพลางเอ่ยว่า “ฉันยอมรับพวกคุณเป็นพี่ชายของฉันก็ได้!”
“แต่ว่าฉันจะอยู่กับคุณอาจี้ คุณอาจี้ก็ยังเป็นพ่อของฉัน”
ซิงหยุนยิ้มอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ยัยเด็กคนนี้เข้าใจความหมายของเขาผิดแล้วเหรอ
เขาไม่ได้คิดจะเอาเธอกลับบ้านไปด้วยนะ
เด็กน้อยกระแอมเบาๆแสร้งทำราวกับผู้ใหญ่ “เรื่องนั้น เธอไม่จำเป็นอยู่ด้วยกันกับพวกเรา”
“แต่ว่าเมื่อพี่ต้องการหาเธอ ต้องออกมาปรากฏตัวได้ตลอดเวลา ทำได้ไหม”
“แน่นอนว่า เธอก็สามารถเรียกหาพวกพี่ๆได้ตลอดเวลาเช่นกัน ขอแค่พวกพี่มีเวลาว่าง ก็จะช่วยเธอจัดการทุกเรื่องที่เธออยากทำ”
“ตกลง!”
ซิงกวงยื่นนิ้วก้อยออกมาทางซิงหยุนเพื่อเกี่ยวก้อย
แม้จะรู้สึกว่าการเกี่ยวก้อยแบบนี้ปัญญาอ่อนมาก แต่ว่า….เธอเป็นน้องสาวนี่
ซิงหยุนถอนหายใจ ยื่นมือออกไปเกี่ยวก้อยกับซิงกวงทันที
“คือว่านั่น…”
ซิงเฉินที่อยู่ข้างๆพูดแทรกไม่ได้ได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมดปัญญา “ทำไมพวกเธอไม่ถามความคิดเห็นฉันบ้าง”
“นายมีปัญหาอะไร”
พี่ชายน้องสาวสองคนหันหน้ามา พูดพร้อมกัน
ซิงเฉิน “…..”
ซูสือเยว่รีบเดินมาเอาตัวซิงเฉินเข้าไปในอ้อมกอดอุ้มขึ้นมา “ไม่เป็นไรนะ”
“ไม่มีใครถามความเห็นของหม่ามี๊เหมือนกันจ้ะ”
ซิงเฉินเงยหน้าขึ้น มองซูสือเยว่ด้วยท่าทางน่าสงสาร “หม่ามี๊ พวกเราถูกมองข้ามแล้ว”
ซูสือเยว่รีบพยักหน้า “อืม ถูกมองข้ามแล้ว พวกเราจะทำยังไงดีนะ”
ซิงเฉินออกมาจากอ้อมกอดเธอทันที นั่งลงบนเก้าอี้ “ผมคิดว่าจะเปลี่ยนความเศร้าเสียใจเป็นความอยากอาหาร กิน!”
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ก็กินเลย!”
ซูสือเย่วพยักหน้า เธอเองก็กำลังหิวอยู่พอดีเลย
ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะกินเค้กพร้อมกับซิงเฉินเลยสักนิด
“เธอก็กินสิ”
ซิงหยุนปล่อยมือซิงกวง ตบหลังเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน “ไปสิ”
ซิงกวงพยักหน้า เพิ่งจะเดินได้หนึ่งก้าว ก็หันหน้ากลับมาอีก “พี่ซิงหยุน พี่ไม่กินเหรอคะ”
“พี่ไม่ชอบกินของหวาน”
เจ้าหญิงตัวน้อยขมวดคิ้ว กวักมือเรียกเจิ้งเจิงมา กระซิบอะไรข้างหูเขาเบาๆ
ไม่นาน เจิ้งเจิงก็ยกสลัดผักที่ไม่หวานเข้ามาในห้องรับรองหนึ่งชุด
“นี่คือของที่น้องมอบให้พี่ค่ะ!”
สาวน้อยยกสลัดผักมาวางตรงหน้าซิงหยุน ดวงตาดำขลับคู่นั้นเปล่งประกาย “พี่ซิงหยุน เชิญทานได้เลยค่ะ!”
“ขอบใจนะ”
ซิงหยุนนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเป็นสุภาพบุรษมาก เริ่มทานด้วยท่วงท่าสง่างาม
ซูสือเยว่แอบถ่ายวิดีโอตอนนี้เอาไว้ ส่งให้กับฉินโม่หาน
ตอนนี้ ฉินโม่หานกำลังทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนท่านปู่ฉินและฉินหลิงยี่อยู่ในบ้านตระกูลฉิน
พอได้รับวิดีโอของเธอ ชายหนุ่มก็กดเปิดดู
“พวกเขาเข้ากันได้ดี ซิงกวงยอมรับซิงหยุนและซิงเฉินเป็นพี่ชายแล้ว ต่อไปพวกเขาก็คือพี่น้องกันแล้ว”
“ดูแล้วสามัคคีปรองดองกันเป็นพิเศษใช่หรือไม่”
มองเห็นภาพในวิดีโอที่ดูอ่อนโยนของลูกชายของตนเอง ฉินโม่หานถอนหายใจเบาๆ “เธอเป็นผู้หญิงคนที่สองที่ซิงหยุนปฏิบัติอย่างอ่อนโยนขนาดนี้”
“คนแรกคือใคร”
“คือคุณ”