ฉินโม่หานที่นอนอยู่บนเตียงยังคงไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่ซูสือเยว่พูด
หญิงสาวหลับตาลง ความเศร้าโศกในหัวใจมันเพิ่มขึ้นทับถมกันไปเรื่อยๆ
เธอไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ได้เลย
วินาทีที่ได้เห็นฉินโม่หาน มันเหมือนกับว่า ทันทีที่ได้เห็นเขาโลกทั้งใบก็สดใสขึ้นมาทันที
แต่ว่าตอนนี้ กลับกลายเป็นสีเทา
เธอกุมมือของเขาแน่น น้ำตาไหลลงมาอย่างไรเสียง หยดลงที่มือของชายหนุ่มทีละหยดๆ
“คุณรีบฟื้นขึ้นมาได้ไหม?”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้เสียงของเธอไม่ได้ดูทุกข์ใจขนาดนั้น
“ถ้าเกิดว่าไม่มีคุณ ฉันก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีชีวิตต่อไปยังไง……”
ถ้าเกิดว่าฉินโม่หานเป็นเหมือนกับที่คนอื่นเขาพูดกันจริงๆ หลังจากผ่านไปหนึ่งปีอวัยวะจะเริ่มล้มเหลวและเสียชีวิต
แล้วความหมายของการมีชีวิตอยู่ของเธอคืออะไรกัน?
เธอไม่รู้เลย
ถ้าเกิดว่าฉินโม่หานตายไป เธอก็หาเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ต่อไปของตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว
หรือบางทีคนอื่นอาจจะพูดว่า ให้อยู่เพื่อลูก
แต่ว่า ทุกคนไม่รู้ ซูสือเยว่กลับรู้ดี
ลูกทั้งสามคนของเธอ ต่อให้ไม่มีเธอไม่มีฉินโม่หาน พวกเขาก็ยังคงอยู่ได้ดี ดีกว่าลูกของคนอื่นซะด้วยซ้ำ
พวกเขาแข็งแกร่ง เป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผล ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็สบายใจได้
แต่ว่า……
ฉินโม่หานในตอนนี้จะทำให้เธอวางใจได้ยังไง?
เธอสูดน้ำมูก ก่อนมือของชายหนุ่มแล้วก็กัดริมฝีปากเงียบๆ
“คุณยังติดนี่เรื่องงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของฉันอยู่นะ ฉินโม่หาน”
“คุณยังไม่เห็นฉันได้รับรางวัลนักแสดงหญิงดีเด่นเลย”
“คุณ……ยังไม่เคยสารภาพรักกับฉันอย่างจริงจัง บอกว่าคุณรักฉันเลย”
“……”
จี้หนานเฟิงกับหานหยุนยืนอยู่หน้าประตู มองดูซูสือเยว่ร้องไห้จนหายใจไม่ออก ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
สุดท้าย จี้หนานเฟิงก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป เขาหันไปมองหานหยุนแล้วก็พูดด้วยเสียงเบาว่า
“คุณเป็นหมอ คุณ……มีวิธีอะไรบ้างไหม?”
หานหยุนส่ายหน้าในทันที
“อาการของเขาในตอนนี้อันตรายมาก นอกจากรอปาฏิหาริย์ ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว……”
พอพูดถึงตรงนี้ หานหยุนก็ขมวดคิ้ว แล้วก็รู้สึกสับสน
“ถ้าพูดตามหลักเหตุผล ฉินโม่หานก็แค่พยายามสู้กับขงเนี่ยนโหรวอยากเสียชีวิตเท่านั้น อาการบาดเจ็บควรจะมีแค่ภายนอกสิถึงจะถูก”
“แต่ว่าการของเขาในตอนนี้……”
เหมือนกับว่าบาดเจ็บจากภายใน
โรคจากภายในสู่ภายนอก
“ขงเนี่ยนโหรวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตยา”
หานหยุนเพิ่งจะพูดได้ครึ่งหนึ่ง ก็ถูกซูสือเยว่ตัดบทเอาซะก่อน
หญิงสาวหลับตาและกัดมือของชายหนุ่ม น้ำเสียงสะอึกสะอื้นยังไม่สามารถซ่อนไว้ได้
“อาจจะเป็นไปได้ว่า เขาถูกวางยาตอนที่กำลังโต้เถียงกับขงเนี่ยนโหรวอยู่”
หานหยุนขมวดคิ้วและเดินเข้ามา ในที่สุดก็พยายามตรวจฉินโม่หานอยากจริงจัง
เขาหยิบเข็มออกมา แล้วก็เจาะเลือดของฉินโม่หานใส่กล่องยา
“ผมจะกลับไปวิจัยดู”
“บางทีผมอาจจะช่วยหาวิธีล้างพิษได้”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่ตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
“คุณสามารถหาวิธีล้างพิษได้จริงๆ เหรอ?”
“ประมาณนั้นมั้ง”
หานหยุนสูดหายใจเข้าลึกๆ “ต่อให้ผมหาสิ่งที่ล้างพิษได้ทั้งหมดไม่ได้ แต่ก็น่าจะมีวิธีบรรเทาอาการได้”
ซูสือเยว่จับมือของหานหยุนอยากตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณมากเลย!”
หานหยุนโบกมือ
“ถ้าเกิดว่าคุณอยากขอบคุณผมจริงๆ ก็รอให้อาการของท่านชายฉินหายก่อน แล้วก็กลับไปวงการบันเทิง จะไปถ่ายหนังแล้วก็ได้รับรางวัลนักแสดงหญิงดีเด่นมาให้ผม”
ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก แล้วก็พยักหน้าอย่างแรง “ได้เลย!”
ถ้าเกิดว่าหานหยุนทำให้ฉินโม่หานฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ ……
อย่าว่าแต่รางวัลนักแสดงหญิงดีเด่นเพียงถ้วยเดียวเลย
ต่อให้เขาต้องการสิบถ้วยเธอก็จะพยายาม
เธอยินยอมที่จะต่อสู้เพื่อความต้องการของหานหยุนทั้งชีวิตของเธอ!
ขอแค่ฉินโม่หานฟื้นขึ้นมา!
“พอแล้ว”
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้วแล้วก็มองไปที่มือของซูสือเยว่ที่กุมมือทั้งสองข้างหานหยุนอยู่ “ผมรู้ว่าคุณตื่นเต้น แต่ว่าคุณจะจับมือผู้ชายคนอื่นต่อหน้าฉินโม่หานไม่ได้นะ”
“ไม่กลัวเขาหึงเหรอ?”
ซูสือเยว่เม้มปาก
“ถ้าเกิดว่าการถึงทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ ฉันก็จะพาผู้ชายคนอื่นมาอยู่ต่อหน้าเขาทุกวัน!”
จี้หนานเฟิงกลอกตา แล้วก็เหลือบมองเวลา
“ใกล้ได้เวลาแล้ว”
“ถ้าเกิดว่ายังไม่ออกไปจะโดนสงสัยได้นะ”
“ครั้งหน้าถ้าเกิดว่ามีโอกาสเดี๋ยวพามาใหม่”
ซูสือเยว่พยักหน้า แล้วก็หันกลับไปมองฉินโม่หาน หลังจากนั้นก็เดินตามจี้หนานเฟิงออกไปยังไม่เต็มใจ
แต่ว่าสิ่งที่เธอมองไม่เห็นก็คือ……
ตอนที่เธอหันหลังจะเดินออกไปนั้น มือขวาของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงที่เลอะน้ำตาของเธอนั้น นิ้วของเขาขยับเบาๆ
ทั้งสามคนออกจากโรงพยาบาลอย่างราบรื่น
ตอนที่จี้หนานเฟิงมาส่งซูสือเยว่กลับมาที่โรงพยาบาลนั้น หน้าประตูห้องผู้ป่วยของเธอ ก็มีคนที่เธอคาดไม่ถึงที่สุดยืนอยู่
เจียงหลี
เมื่อเทียบกับตอนก่อนหน้าที่ซูสือเยว่จะหมดสติไป เจียงหลีในตอนนี้นั้นสวยกว่าเดิม และใบหน้าก็อมชมพูมากยิ่งขึ้น
ตอนที่ซูสือเยว่เข้ามาด้านในนั้น เธอก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียงของซูสือเยว่ สายตาของเธอกำลังอ่านนิตยสารที่วางอยู่ข้างเตียงของซูสือเยว่
เพราะเห็นว่าซูสือเยว่เข้ามา เธอก็วางนิตยสารลง ยิ้มพร้อมกับยืนขึ้น “กลับมาแล้วเหรอ?”
“เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็ออกไปมั่วซั่ว คุณซูนี่ช่างพลังเหลือทนจริงๆ ”
ซูสือเยว่ยิ้มแล้วก็เดินเข้าไป “เพราะว่าหมดสติไปนาน ก็เลยต้องออกไปขยับกล้ามเนื้อสักหน่อย”
พอพูดจบ เธอก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงหลี
“เพียะ——!”
ตอนที่เจียงหลีไม่ทันระวังนั้น มืออีกข้างหนึ่งของซูสือเยว่ก็ตกลงที่ใบหน้าของเธออย่างแรง
เจียงหลีถูกตบจนถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว แล้วก็เบิกตาโพลง
“ซูสือเยว่ แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ!?”
“เพราะว่าฉันไม่ได้บ้า ถึงได้ตบแกไง!”
หญิงสาวหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วก็กระชากเจียงหลีเข้ามาเหมือนกระชากลูกไก่ แล้วก็ตบเธออย่างแรงอีกครั้ง
เจียงหลีถูกตบจนเซไปพิงกับขอบหน้าต่าง พร้อมกับกระอักเลือดออกมา
“ซูสือเยว่ แก……”
“ฉันทำไม?”
หญิงสาวพูดอย่างเย็นชาและเดินเข้าไปอีกครั้ง——
“ฉันอารมณ์ไม่ดี แกก็มาหาฉันถึงที่ แล้วจะให้ฉันปล่อยโอกาสดีๆ ไปได้ยังไงกัน?”
พอพูดจบ เธอก็ตอบอีกครั้งหนึ่ง “แกมาที่นี่ เพราะอยากให้ฉันได้ระบายไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันจะระบายให้แกดู!!!”
พอเธอพูดประโยคนี้จบ เธอก็ไม่เว้นช่องว่าง แล้วก็ปล่อยมันไปที่ใบหน้าของเธอ ต่อยจนทำให้เจียงหลีร้องไม่หยุด
เสียงคำรามของผู้หญิงดังก้องไปทั่วทั้งทางเดิน
“ซูสือเยว่!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ตอนนี้ฉันคือคู่หมั้นของฉินโม่หาน แกทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้!”
“แกทำกับฉันแบบนี้ ฉินโม่หานไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”
ซูสือเยว่ยิ้ม ฟังจากคำพูดของเจียงหลี ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอยังไม่รู้ ว่าอาการของฉินโม่หานจริงๆ แล้วเป็นยังไง
แต่ว่าก็ดี
ถ้าเกิดว่า “ฉินโม่หาน”ที่เจียงหลีกำลังพูดถึงอยู่นั้นกล้ามาช่วยในตอนนี้ เธอก็จะตบลู่จิ่งเฉินด้วยอีกคนหนึ่ง!
ถ้าเกิดว่าไม่มีฉินโม่หาน เธอก็ยอมจะกลายเป็น “คนบ้า” แบบที่พวกเขาเรียกกัน!
ซูสือเยว่ซ้อมเจียงหลีอยู่นานมาก
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ไม่ว่าเจียงหลีจะร้องคร่ำครวญนานแค่ไหน แต่ว่าในโรงพยาบาลก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเธอเลย
ทางเดินนั้นเงียบมาก เหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ตรงนั้น
จนซูสือเยว่ซ้อมเธอจนเหนื่อย ใบหน้าของเจียงหลีบวมไปหมด ถึงได้มีพยาบาลคนหนึ่งยื่นหน้าเข้ามาจากประตูอย่างระมัดระวัง
“คุณซูสือเยว่คะ คุณหมอเรียกให้คุณไปพบค่ะ”
เจียงหลีที่ถูกซ้อมจนพูดได้ไม่คล่องก็ตะคอกออกมาอย่างโมโห
“ฉันร้องให้คนมาช่วยตั้งนาน ไม่ได้ยินหรือไง?”
พยาบาลตัวน้อยหน้าซีด แล้วก็ตอบอย่างลังเล “พวกเรากำลังดูหนังสยองขวัญกันอยู่ ก็เลยไม่ทันสังเกต……”
พอพูดจบ เธอก็เสแสร้งทำเป็นตกใจแล้วก็มองไปที่เจียงหลี “คุณถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้เลยเหรอคะ?”
“เดี๋ยวฉันไปตามคนมาทำแผลให้นะคะ!”
พอพูดจบ พยาบาลตัวน้อยก็รีบเดินออกไป
เจียงหลีที่นอนอยู่ที่พื้นถลึงตาใส่ซูสือเยว่ “จะรอดูเลยนะ!ฉันจะบอกให้!”
ซูสือเยว่เช็ดคราบเลือดของเจียงหลีที่เหลือใบหน้าของเธอ
“ฉันหลีกเลี่ยงจุดสำคัญ ก็เป็นแค่แผลภายนอกเท่านั้น”
“อยากฟ้องอะไรก็ฟ้องไปเลย”