My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 103 เอสเทล เลคส์

My Death Flags Show No Sign of Ending

[ ….. นี่นายตื่นเร็วเกินไปรึปล่าว ? ] – โคดี้

[ นายก็รู้นิว่าข้าไม่ค่อยชอบนอนเท่าไหร่น่ะ … ] -วินเซนต์

 

หลังจากที่ตื่นขึ้น วินเซนต์ก็เข้ามาทักทายโคดี้เล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีหยาดน้ำตาเล็กๆไหลออกมาจากหางตาของโคดี้ แต่คงไม่ดีเท่าไหร่หากไปล้อเขา

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ฮาโรลด์รู้สึกประหลาดใจอีกอย่างก็คือ วินเซนต์ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับเจตจำนงของตนเองเต็ม 100

แม้ว่าฮาโรลด์จะเริ่มรู้สึกเอ๊ะใจตั้งแต่ตอนที่ได้สู้กันแล้ว อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์ก็ไม่มั่นใจเลยซักนิดว่าวินเซนต์จะฟื้นคืนสติได้สมบูรณ์แบบนี้ และฮาโรลด์ก็ไม่รู้ด้วยว่าสาเหตุใดกันแน่ที่ทำให้ผลของการล้างสมองถูกคลี่คลาย

ดังนั้น ขณะที่กำลังหนักใจที่ว่าจะทำยังไงดีให้วินเซนต์ฟื้นคืนสติ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร

 

[ สีหน้าของนายดูไม่ค่อยดีเลยนะ … ] – วินเซนต์

 

อย่างที่วินเซนต์กล่าว ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างหลังจากเห็นสีหน้าของฮาโรลด์ แม้ว่าจะรู้สึกลำบากใจ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะถามออกมา

ความจริงแล้ว มีหลายๆสิ่งที่ฮาโรลด์นั้นยังไม่แน่ใจ เพื่อเป็นการยืนยันเขาจึงอยากที่จะถามกับวินเซนต์เสียก่อน อย่างไรก็ตาม มี 2-3สิ่งที่ต้องทำก่อนหน้านั้น

 

[ เฮ้ คนป่วยฟื้นแล้ว ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์เรียกพยาบาลที่บังเอิญเดินผ่านหน้าห้องของพวกเขาไป

เนื่องด้วยคุณพยาบาลก็ไม่คิดว่าผู้ป่วยจะฟื้นได้ภายใน 1 วัน เธอจึงประหลาดใจเป็นอย่างมาก ถึงกระนั้นเธอก็ไปเรียกหมอมาดูอาการให้ในทันที และหลังจากที่หมอตรวจอาการเสร็จ หมอก็สรุปได้ว่า วินเซนต์นั้นมีความสามารถในการฟื้นตัวได้รวดเร็วเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วขนาดนี้

คุณหมอยังกล่าวอีกประมาณว่า “นี่ถือเป็น1 ในเรื่องลึกลับของมนุษย์เลยล่ะ” เป็นข้อยืนยันในความสามารถฟื้นตัวของวินเซนต์ที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วๆไปเป็นอย่างมาก ก็ตามที่ฮาโรลด์คาดเอาไว้ วินเซนต์เป็นตัวละครประเภทบอส ก็น่าจะฟื้นตัวได้รวดเร็วไปไม่แปลกอะไร แถมยังได้รับเวทมนตร์รักษาของฮาโรลด์ด้วยอีก ไม่งั้นวินเซนต์คงไม่สามรถฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้

และหลังจากนั้น ประมาณ 1 ชม. หลังจากที่วินเซนต์ฟื้น

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ ฮาโรลด์ โคดี้ และวินเซนต์ ต้องมาพูดคุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม มีเพียงฮาโรลด์เท่านั้นที่ทราบถึงสถานการณ์โดยรวมเป็นอย่างดี อีก 2 คนที่เหลือเป็นเพียงแค่ผู้ฟังเท่านั้น

 

[ ฮาโรลด์ บอกข้ามา อะไรคือจุดมุ่งหมายของศาสตราจารย์ยูสทัสกันแน่ ? ] – วินเซนต์

 

จากคำถามของวินเซนต์ น้ำเสียงของเขาเริ่มจะดูมีพลังขึ้นบ้างแล้ว

เอาตามตรง สิ่งที่ฮาโรลด์กำลังจะพูดต่อไปนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และปากของเขามันหวังพึ่งอะไรไม่ค่อยได้เวลาที่จะต้องพูดอะไรให้มันคลุมเคลือหรือเกริ่นนำ ดังนั้น ฮาโรลด์จึงตัดสินใจที่จะพูดออกไปตามตรง

 

[ หมอนั้นต้องการจะฟื้นคืนชีพใครบางคน ] – ฮาโรลด์

[ ฟื้นคืนชืพ ? ยังไง ? ] – โคดี้

 

ไม่แปลกที่โคดี้จะถามออกมาด้วยความสงสัย

แม้ว่าเรื่องที่คิดจะทำให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้งจะฟังดูบ้ามากแล้ว แต่วิธีการที่ทำให้คนตายกลับมามีชีวิตนั้นยิ่งฟังดูบ้ายิ่งกว่า มันเป็นอะไรที่เกี่ยวกับการกำเนิดของดวงดาวอะไรเถือกนั้น 

ถ้าจะมัวมาอธิบายรายละเอียดอะไรให้ ชัดเจนคงไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นัก ดังนั้นฮาโรลด์จึงจะให้ข้อมูลกับทั้งสองเพียงคร่าวๆแทน

 

[ พวกนายรู้อะไรเกี่ยวกับร่างแห่งดวงดาวบ้าง ? ] – ฮาโรลด์

[ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับมัน แต่ข้าก็ไม่รู้อะไรมากนัก ] – โคดี้

[ ข้าพอจะจำได้ว่ามันเป็นหัวข้องานวิจัยของศาตราจารย์ยูสทัส … ] – วินเซนต์

[ ถูกต้องตามนั้น ] – ฮาโรลด์

 

คำว่า “ดวงดาว” หมายถึงบางสิ่งที่ “คล้ายคลึงกับดวงดาว” หรือ “โลกแห่งดารา”

และ “ร่างแห่งดวงดาว” นั้นคือส่วนที่เป็นตัวควบคุมอารมณ์ความนึกคิดหรือทุกๆสิ่งที่ก่อให้เกิดเป็นตัวเรา จริงๆมันก็ยากมากที่จะอธิบายมันออกมาในแบบที่เกมส์ถูกเซ็ตติ่งเรื่องราวเอาไว้ สรุปสั้นๆคือ ร่างแห่งดวงดาวคือส่วนที่ทำให้ร่างกายและจิตใจเชื่อมต่อกันเป็น 1 เดียว และก่อให้เกิดปัจเจกบุคคลของแต่ละบุคคลขึ้นมา

ในตอนแรก ร่างแห่งดวงดาวนั้นกระจายอยู่ทั่วทั้งจักวาล ว่ากันว่าสิ่งเหล่านั้นมีอยู่ในมนุษย์ทุกคนด้วย หรือก็คือ มนุษย์ทุกๆคนต่างคือร่างแห่งดวงดาว และหลังจากที่ใครคนหนึ่งได้ตายลง ร่างแห่งดวงดาวจะกลับสู่ ณ สถานที่หนึ่ง

สถานที่นั้นคือใจกลางของดวงดาว ที่นั้นคือร่างแห่งดวงดาวขนาดมหึมาที่มารวมตัวกัน และตัวของมันยังปล่อยพลังงานบางอย่างออกมาอยู่ตลอดเวลา ว่ากันว่าพลังงานเหล่านั้นคือที่มาของพลังเวทมนตร์ในโลกแห่งนี้ ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ ก็ไอ้เส้นเลือดมังกรที่พบในดินแดนสุเมรากินั้นแหละ

 

[ ขอโทษด้วย ข้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับมันเลยซักนิด ดังนั้นหัวข้อนี้ข้าคงอาจจะทำความเข้าใจได้ยากสักหน่อย … ] – โคดี้

[ นายไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจมันทั้งหมด แค่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็พอ ] – ฮาโรลด์

 

นั้นเพราะแม้แต่ตัวของฮาโรลด์ก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่าที่มันถูกอธิบายไว้ในเกมส์ ทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับร่างแห่งดวงดาวในเกมส์นั้นคล้ายคลึงกับสิงที่มีอยู่ในโลกแห่งนี้

 

[ วิธีที่ยูสทัสใช้ก็คือ เขาจะดึงร่างแห่งดวงดาวของคนที่เขาต้องการออกมาจากร่างแห่งดวงดาวขนาดมหึมาที่อยู่ ณ แกนกลางของโลก นั้นคือวิธีที่ทำให้คนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ] – ฮาโรลด์

[ ….  นั้นเป็นไปได้ด้วยรึ ? ] – วินเซนต์

[ หมอนั้นเตรียมแผนการณ์มามากกว่า 10 ปี ชั้นไม่คิดว่าหมอนั้นจะพลาดได้หรอก ] – ฮาโรลด์

 

นี่ถือเป็นการแสดงความไว้วางใจในตัวของยูสทัสรูปแบบหนึ่งของฮาโรลด์ นั้นก็เพราะ ถ้าไม่ถูกไลเนอร์และชาวคณะขัดขวาง แผนการของยูสทัสก็คงไม่มีทางพลาดได้

และถ้าพวกเราไม่หยุดมันก่อนที่แผนการณ์สำเร็จ มันจะกลายเป็นหายนะสำหรับโลกใบนี้

 

[ ปัญหาก็คือ ถ้าแผนการณ์สำเร็จ มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งทวีปจะจมลง ] – ฮาโรลด์

[ ห๊ะ ? ] – โคดี้

 

โคดี้ถึงกลับเผลอร้องออกมา แม้แต่วินเซนต์เองสีหน้าของเขาก็บ่งบอกถึงความประหลาดใจเป็นอย่างมาก

มันก็นสมเหตุสมผลนะ ถ้าจู่ๆได้ฟังในเรื่องที่เหลือจะเชื่อแบบนั้น ฮาโรลด์ก็คงแสดงปฎิกิริยาเช่นั้นเหมือนกัน

 

[ … ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนั้นล่ะ ? ] – โคดี้

[ ที่ชั้นบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องการที่จะดึงปัจเจกบุคคลของคนๆหนึ่งออกมาจากแกนกลางของดวงดาว แต่ว่าด้วยจำนวนของปัจเจกบุคคลภายในแกนของดวงดาวนั้นมีมากเกินกว่าจะแยกแยะได้ ดังนั้นแทนที่จะแทรกแทรงจากภายนอก ยูสทัสเลยจะผสานตัวเองเข้ากับแกนกลางของดวงดาวแทน ]  – ฮาโรลด์

 

ในเนื้อเรื่องของเกมส์นั้น ยูสทัสถูกจัดการก่อนที่จะผสานตัวเองได้สำเร็จ และทุกอย่างก็จบลงอย่างมีความสุข ถึงกระนั้น หมอนั้นก็ยังสามารถดังพลังของแกนแกลางแห่งดวงดาวมาใช้เป็นพลังเวทมนตร์เพื่อโจมตีหรือสร้างระเบิดได้

 

[ หากยูสทัสทำการผสานตัวเองเข้ากับแกนกลางของดวงดาวได้อย่างสมบูรณ์ เขาจะลบปัจเจกบุคคลอื่นๆภายในแกนกลางทิ้งให้หมดเหลือเพียงปัจเจกบุคคลที่เขาต้องการเท่านั้น และนั้นจะจำให้แกนกลางของดวงดาวพังทลายลง และเมื่อไม่มีแกนกลางของดวงดาว ทั้งทวีปก็จะจมลง ซึ่งจะพรากชีวิตมนุษย์ทั้งหมดไปลงไปด้วย ] – ฮาโรลด์

[ นั้นมันบ้าไปแล้ว .. แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ถึงเขาจะชุบชีวิตคนที่เขาต้องการได้สำเร็จ แต่พวกเขาทั้งคู่จะเอาชีวิตรอดในสถานการณ์เช่นนั้นได้ยังไง ? ] – โคดี้

[ ใช่ ถูกแล้ว แบบนั้นไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้ ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาล่ะนะ ] – ฮาโรลด์

[ … นายหมายความว่ายังไง ? ] – โคดี้

[ แม้ทวีปต่างๆจะจมลงและเหลือเพียงเศษซากที่ล่องลอยอยู่รอบๆแกนกลางของดวงดาว แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นั้นคือชนเผ่าสเตลล่า ] – ฮาโรลด์

[ อย่าบอกนะว่า … ! ] – โคดี้

 

ชื่อนั้นดูเหมือนว่าจะทำให้โคดี้และวินเซนต์นึกอะไรบางอย่างออก แผนของยูสทัส และเหตุการณ์ในป่าเบลติสนั้น มีความเกี่ยวข้องกัน

ก็จริงๆแล้ว การลักพาตัวคนของเผ่าสเตลล่าไม่ใช่เพียงเป้าหมายเดียวของยูสทัส เขายังต้องการสร้างแผลทางจิตใจให้แก่วินเซนต์ด้วยการทำลายความน่าเชื่อถือของกองอัศวิน และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่กองทัพของแฮร์ริสันซึ่งเป็นเบี๊ยของเขาไปพร้อมๆกันด้วย

เรียกได้ว่า เป็นแผนซ้อนในแผนซ้อนในแผนอีกที

 

[ ถ้าพูดให้ชัดๆก็คือ บรรพบุรุษของเผ่าสเตลล่าคือผู้ที่ถูกเรียกว่า “ลูกหลานแห่งดวงดาว” ] – ฺฮาโรลด์

 

ตามที่ยูสทัสเคยกล่าวไว้ว่าเหล่าชนเผ่าสเตลล่านั้นมีอวัยวะที่พิเศษ ด้วยเหตุนี้เวทมนตร์ที่พวกเขาใช้นั้นจึงแตกต่างจากคนทั่วไป และความพิเศษนั้นคือกุญแจสำคัญในการใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งดารา

ยูสทัสเรียกอวัยวะพิเศษนี้ว่า “ออราเคิล” ช่างเป็นเรื่องน่าขันที่ชายผู้ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่อในพระเจ้ากับเรียกสิ่งนี้ว่า “ออราเคิล” ที่แปลว่าพยากรณ์ซะอย่างงั้น

 

[ นายบอกว่าลูกหลานแห่งดวงดาวคือบรรพบุรุษของชนเผ่าสเตลล่า แสดงว่าเหล่าลูกหลานแห่งดวงดาวไม่มีใครเหลือรอดอยู่อีกแล้วใช่รึปล่าว ? ] – โคดี้

[ ถูกต้องตามนั้น นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมยูสทัสถึงลักพาตัวคนของเผ่าสเตลล่าและทำการทดลองกับพวกเขาเพื่อหาหนทางปลุกพลังของบรรพบุรุษขึ้นมาอีกครั้ง ] – ฮาโรลด์

 

แม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่ได้มีบอกไว้ภายในเกมส์ แต่เพราะฮาโรลด์ได้ทำงานเป็นลูกน้องของยูสทัส นั้นจึงทำให้เขารู้ว่ายูสทัสทำการทดลองกับพวกเขาจริงๆ ซึ่งยูสทัสทดลองสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่ก่อนเกมส์เริ่มอีกด้วยซ้ำ

ในความเป็นจริง เป้าหมายหลักของยูสทัสคือการสร้างแผลทางจิตใจให้แก่วินเซนต์ ผู้ซึ่งอาจเป็นภัยต่อแผนการสุดท้ายของเขา ส่วนเรื่องลักพาตัวคนของเผ่าสเตลล่านั้นเป็นเพียงเป้าหมายรอง

เมื่อพิจารณาเรื่องทั้งหมด แม้ว่าตัวของยูสทัสจะเคยพูดไว้ว่าเขานั้นใช้ร่างทดลองไปมากกว่าที่เขาคิดไว้ตอนแรก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเหลือพอสำหรับสร้างลิเลี่ยมและเวนโตส และบางทีที่อารมณ์ความรู้สึกของทั้ง 2 ที่ถูกระงับเอาไว้อาจเกิดจากอวัยวะพิเศษหรือออราเคิลของพวกเขาเกี่ยวข้องกับปัจเจกบุคคล

ซึ่งจะยังไงก็ช่าง มันก็เป็นเรื่องน่าขยะแขยง

 

[ ออราเคิลที่อยู่ในตัวของชนเผ่าสเตลล่านั้นทำให้พวกเขาสามารถขยายความจุของพลังเวทมนตร์ขึ้นได้ตามสภาวะอารมณ์ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม พลังของพวกเขาเสื่อมถอยลงมากหากเทียบกับสมัยของเหล่าลูกหลานของดวงดาว ออราเคิลของคนเหล่านั้นสามารถดึงพลังจากแกนกลางของดวงดาวออกมาใช้ได้โดยตรงได้เลย ] – ฮาโรลด์

[ เข้าใจล่ะ เพราะเหตุนี้พวกเขาถึงถูกเรียกว่าลูกหลานของดวงดาวสินะ ] – โคดี้

[ และที่นายพูดไว้ว่า แกนกลางของดวงดาวนั้นเกิดจากร่างแห่งดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน หรือก็คือร่างแห่งดวงดาวคือกลุ่มก้อนของปัจเจกบุคคล ข้าจินตนาการไม่ออกเลยว่าเหล่าลูกหลานแห่งดวงดาวที่สามารถดึงพลังของก้อนอารมณ์ความนึกคิดจำนวนมหาศาลและเปลี่ยนมันเป็นพลังเวทมนตร์ได้นั้นจะทรงพลังขนาดไหน ] – วินเซนต์

[ ประเด็นก็คือยูสทัสประสบความสำเร็จในการทดลองของเขาแล้ว สิ่งที่เหลือให้เขาทำมีเพียงการผสานตัวเองเข้ากับแกนของดวงดาวและเลือกร่างแห่งดวงดาวที่เขาต้องการ และเขาจะใช้ร่างของผู้ทดลองที่มีออราเคิลในการดูดซับปัจเจกบุคคลของตัวเขาเองเพื่อคืนร่าง ] – ฮาโรลด์

[ ยิ่งข้าได้ฟังเรื่องเหล่านี้มากเท่าไหร่มันยิ่งฟังดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงพยายามจะหยุดมัน … ] – โคดี้

 

โคดี้ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากอดทนฟังมาสักระยะหนึ่ง

หลังจากโคดี้เงียบไป วินเซนต์จึงถามขึ้นบ้าง

 

[ สมมติว่าทุกอย่างที่นายพูดเป็นความจริง แล้วทำไมเหล่าลูกหลานแห่งดวงดาวจึงสามารถอยู่รอดในโลกที่ทุกๆสิ่งแม้กระทั้งผืนดินยังไม่เหลือได้ล่ะ ? ] – วินเซนต์

[ ชั้นก็ไม่รู้รายละเอียดนัก แต่ชั้นได้ยินมาว่า ออราเคิลนั้นมีความสามารถอื่นๆอีก บางทีอาจเป็นเพราะสิ่งนั้น ] – ฮาโรลด์

 

คำถามนี้แม้แต่ในเกมส์ก็ไม่มีบ่งใบ้ใดๆเลย แต่มีทฤษฎีของเหล่าแฟนเดนตายของเกมส์ที่เชื่อว่าเหล่าลูกหลานแห่งดวงดาวสามารถกลายร่างเป็นก้อนพลังงานหลังจากผสานเข้ากับแกนของดวงดาว ในสภาวะแบบนั้นบางทีพวกเขาอาจจะยังสามารถรักษาปัจเจกบุคคลเอาไว้ได้ภายในโลกแห่งดารา

หรือนั้นอาจเป็นรูปแบบหนึ่งของการถอดจิต จริงอยู่ที่มันฟังดูราวกับไสยศาสตร์ แล้ว แต่ในโลกนี้ มีทั้งเวทมนตร์และมอนเตอร์ คงจะไม่มีอะไรแปลกแล้วล่ะ

 

[ พักเรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ ว่าแต่ วินเซนต์ … ] – ฮาโรลด์

[ ว่า ? ] – วินเซนต์

[ นายหลุดจากการล้างสมองมาได้ยังไง ? แล้วทำไมนายถึงถูกล้างสมองได้ ? ] – ฮาโรลด์

[ ต้องขอโทษด้วยเพราะข้าเองก็จำอะไรไม่ค่อยได้นัก ความทรงจำของข้ามันคุลมเคลือตั้งแต่ศาตราจารย์ยูสทัสเข้ามาคุยกับข้า และข้าได้พูดคุยอะไรกับเขาในห้องทดลอง .. ] – วินเซนต์

[ เขาไปคุยกับนายเรื่องอะไร ? ] – ฮาโรลด์ 

[ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก ข้าเลยจำมันไม่ค่อยได้ จริงๆช่วงนั้นความรู้สึกข้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นหมอนั้นจึงชวนข้าคุยเรื่อยสบายๆทั่วๆไป คงเพราะเพื่อให้ข้าไม่ทันสนใจสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัว ] – วินเซนต์

[ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ] – ฮาโรลด์

[ แล้ว วันนี้วันที่เท่าไหร่ล่ะ ? ] – วินเซนต์

[ 11 ] – ฮาโรลด์

[ อืม … ก็ 4 วันก่อน ] – วินเซนต์

 

ฮาโรลด์ได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับวินเซนต์ในช่วง 4 วันมานี้กันแน่ ไม่น่าเป็นไปได้ที่ยูสทัสจะสามารถเล่นงานวินเซนต์ได้โดยตรง บางทีหมอนั้นคงใช้ยาหรือสารอะไรบางอย่างเพื่อทำให้วินเซนต์สลบแล้วจึงทำการล้างสมองของเขา 

อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดว่ายูสทัสมีเวลาน้อยเกินไปในการล้างสมองวินเซนต์จึงได้ผลไม่ดีนัก  ดังนั้นจึงทำให้ผลของการล้างสมองถูกคลายลงระหว่างการต่อสู้ ซึ่งฮาโรลด์คิดว่ามันฟังดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่

 

[ นายจำอะไรได้บ้างก่อนที่จะรู้สึกตัว? ] – ฮาโรลด์

[ ข้าจำได้ว่ากำลังสู้กับนาย แต่ความทรงจำเหล่านั้นไม่ได้กลับมาตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ แต่เป็นช่วงระหว่างการต่อสู้ไปสักระยะหนึ่งแล้ว สติของข้าในตอนนั้น.. ข้าจะบอกยังไงดี— มันดูราวกับว่าข้ากำลังฝัน ] – วินเซนต์

[ สรุปสั้นๆ สตินายกลับมาเต็ม 100 ตอนที่ฟื้นขึ้นที่เตียงของโรงพยาบาลสินะ ? ] – ฮาโรลด์

[ อืม ใช่ … เดี่ยว ไม่สิ จริงๆแล้ว ในตอนสุดท้ายของการต่อสู้ ก่อนที่ข้าจะหมดสติไป ข้าจำได้ชัดเจน ตอนนั้นประสาทสัมผัสและจิตสัมนึกของข้ากลับมาชัดเจนอีกครั้ง แม้จะเพียงครู่เดียวก็เถอะ ] – วินเซนต์

[ หรือบางที เป็นเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับในตอนนั้นทำให้นายกลับมามีสติอีกครั้งรึปล่าว ? ] – โคดี้

[ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ข้าคิดว่าความเจ็บปวดที่ได้รับจากการโจมตีก่อนหน้านี้น่าจะเพียงพอที่จะปลุกข้าให้ตื่นได้แล้วล่ะ … ] – วินเซนต์

【”If that was it, then I think that attack from before would have been plenty enough…”】

 

มันก็ยากที่จะเชื่อล่ะนะว่าแค่ความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้วินเซนต์ฟื้นคืนสติจากการล้างสมองได้ นั้นเพราะวินเซนต์ถูกฟันใส่นับไม่ถ้วน แถมยังโดนฟ้าผ่าซึ่งเป็นท่าที่ทรงพลังที่สุดของฮาโรลด์ก็ยังไม่ฟื้น

แต่กลับมาฟื้นคืนสตืในการโจมตีครั้งสุดท้ายด้วยด้ามดาบ

 

( … เดี่ยวนะ ด้ามดาบงั้นรึ ? ) – ฮาโรลด์

 

ราวกับฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างได้ ฮาโรลด์จึงเดินตรงไปยังดาบทั้ง 2 เล่มของเขาที่ซึ่งพิงอยู่กับกำแพง และดึงดาบเล่มหนึ่งออกมาจากฝัก มันคือดาบที่มีคริสตัลสีมรกตถูกฝังอยู่เหนือด้ามจับนิดหน่อย

คริสตัลนี้เป็นหัวใจหลักในพลังของดาบ มันสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของผู้ใช้โดยการดูดพลังเวทมนตร์ของพวกเขา แต่กระบวนการนั้นจะดูดอายุขัยของผู้ใช้ไปด้วยเช่นกัน

ในความเป็นจริง ที่ฮาโรลด์สามารถรู้ได้ว่าดาบเล่มนี้ใช้งานอย่างไรนั้นก็เพราะร่างกายของเขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังเวทมนตร์ที่ถูกดูดออกไปทันทีเมื่อเขาเปิดใช้งานการทำงานของดาบ

 

( ไม่สิ มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรอ ? ถ้าหากมันดูดพลังเวทมนตร์ของผมไปจริงๆ พลังเวทมนตร์ของผมควรที่จะอ่อนแอลงไม่ใช่หรอ แถมยังไม่สามารถใช้เวทมนตร์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้อีกด้วย ) – ฮาโรลด์

 

บางทีที่ฮาโรลด์ไม่รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอลงก็เพราะเขาเป็นตัวละครประเภทบอสที่มีความจุมานาสูงกว่าตัวละครทั่วๆไปหลายเท่า แต่ถึงกระนั้น ถ้าพลังเวทมนตร์ของเขาถูกดูดไปจนเกือบหมดหลอด มันควรจะส่งผลอะไรต่อเขาบ้างสิ

ดังนั้น มันน่าจะฟังดูสมเหตุสมผลมากกว่าหากจะคิดว่าดาบเล่มนี้สามารถเพิ่มพลังการต่อสู้โดยใช้อายุไขเป็นข้อแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม ถ้าดาบเล่มนี้ดูดอายุไขของผู้ใช้โดยตรงจริงๆ แล้วพลังเวทมนตร์จะมาเกี่ยวทำไม ?

ถ้าเช่นนั้น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากดาบเล่มนี้ดูด”อะไรบางสิ่ง” ที่ไม่ใช่ทั้งอายุไขของผู้ใช้และพลังเวทมนตร์ล่ะ ? แล้ว “บางสิ่ง” คืออะไรกันแน่? อะไรที่สามารถถูกดูดซับออกไปแล้วอันตรายแก่ผู้ใช้ดาบ ? อะไรคือความสามารถที่แท้จริงของคริสตัลสีเขียวมรกตนี้กันแน่

เมื่อฮาโรลด?เริ่มคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา

 

[ ฮาโรลด์ ? เกิดอะไรขึ้น ? ] – โคดี้

 

เมื่อเห็นฮาโรลด์เอาแต่ก้มหน้าเงียบอยู่เช่นนั้น โคดี้จึงร้องเรียกเขา

 

[ … ไม่มีอะไร ] – ฮาโรลด์

[ จะไม่มีได้ไง ? นายเอาแต่จ้องดาบเล่มนั้นด้วยสีหน้าอมทุกข์ขนาดนั้น ] – โคดี้

[ ชั้นบอกไปแล้วไงว่าไม่มีอะไร ] – ฮาโรลด์

[ ไม่เอาน่า คุยกันตรงๆหน่อยไม่ได้รึไง เพื่อน ? ] – โคดี้

 

โคดี้ปฎิเสธที่จะมองข้ามเรื่องนี้

แม้เขาจะพูดด้วยท่าทีสบายๆปกติ แต่นั้นคงเป็นวิธีที่แสดงถึงความกังวลในแบบของเขา อาจเพราะต้องการให้บรรยากาศที่หนักอึ่งอยู่ตอนนี้ผ่อนคลายลงเขาจึงใช้วิธีพูดแบบนี้

ซึ่งวินเซนต์เองก็สังเกตเห็นถึงสิ่งนั้น เขาจึงแทรกถามขึ้นมา

 

[ ข้าขอถามอะไรนายอย่างสุดท้ายได้มั้ย ? ] – วินเซนต์

[ อะไร ? ] – ฮาโรลด์

[ คนที่ศาตราจารย์ยูสทัสพยายามจะฟื้นคืนชีพให้ เขาเป็นใครกันแน่ ? ] – วินเซนต์

 

ก่อนที่จะตอบคำถามนั้น ฮาโรลด์มองเข้าไปยังดวงตาของวินเซนต์ และปณิธานที่แสดงอยู่ในดวงตาของวินเซนต์คู่นั้นบ่งบอกว่า ไม่ว่ายูสทัสจะมีแรงจูงใจอะไรก็ช่าง แผนการของหมอนั้นจะต้องถูกขัดขวางให้จงได้

 

[ เอสเทล เลคส์ เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตนี้ที่ไอ้ด้อกเตอร์บ้านั้นรัก ] – ฮาโรลด์

 

 

———————————

 

 

ปล. ใครอ่านตอนนี้แล้ว งงต้องของโทษด้วยเพราะผู้แปลก็ งง หมือนกัน ถถถถ

Astral = ดวงดาว

Astral body = ร่างแห่งดวงดาว  

realm of the stars = โลกแห่งดารา

Oracle organ = อวัยวะ , ออราเคิล

children of the stars = ลูกหลานแห่งดวงดาว

สรุปตามที่ผู้แปลเข้าใจ ร่างแห่งดวงดาว ไม่ใช่ วิญญาณ แต่เป็นเหมือนสิ่งที่ใช้บันทึกว่าคนๆนั้นเป็นคนยังไงนิสัยอย่างไร อารมณ์เหมือน save เกมส์ละมั้ง

ส่วนออราเคิล ถ้าเรื่องอื่น อาจจะเรียกว่าคนทรง ที่สามารถเรียกเทพหรือตัวตนอื่นๆมาสถิต แต่ในเรื่องนี้ใช้ออราเคิลในฐานของอวัยวะที่สามารถบรรจุ save เกมส์ลงไป 

ดังนั้นวิธีการชุบชึวิตของยูสทัสคือ ล้างสมอง ปิดการทำงานของ save เก่าแล้วเอา save เมียมาใส่แทน หรือไม่ก็ย้ายออราเคิลมาไว้ในร่างเมีย แล้วค่อยเอาเซฟมาใส่ ละมั้ง

ปล1. ยูสทัส = viego แห่งแห่งโลก LOL ชัดๆ ผู้ที่ยอมทำลายโลกทั้งใบเพื่อเธอผู้เป็นที่รัก

ปล2. สรุปไอ้ดาบเวรของฮาโรลด์ ดูดอะไรกันแน่ฟะ –อะไรเอ่ย ไม่ใช่ อายุไข และ พลังเวท แต่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ?

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท