My Death Flags Show No Sign of Ending – ตอนที่ 106 A loan OR Alone

My Death Flags Show No Sign of Ending

“พวกเขาดูหลับสบายนะ”

โคดี้กล่าวออกมาเบาๆ หลังจากแง้มประตูที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่น เขาก็เห็นซาร่าและมิไฮนอนขดตัวหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน และเนื่องจากมันใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่จะถึงเวลาที่ 2 พี่น้องคู่นี้จะต้องเข้านอน แต่ว่าจริงๆแล้ว 2 คนนี้หลับตั้งแต่เย็นมาเกือบ 8 ชม.แล้ว

ตามที่คาด ร่างกาย 2 คนนี้ทั้งขาดสารอาหารและได้รับความกดดันจากความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลานานเลยต้องการการพักผ่อน

 

[ หึ ที่เจ้าพวกนี้หลับเป็นตายซะแบบเนี้ยก็เพราะว่าหลังกินอาหารเสร็จก็เล่นกันซะขนาดนั้นต่างหากล่ะ ] – ฮาโรลด์

[ ไม่ใช่นายหรอกหรอที่เล่นกับ 2 พี่น้องนี้ ? ] – โคดี้

[ ที่ชั้นยอมเล่นด้วยก็เพราะชั้นเบื่อที่เจ้าพวกนี้ไม่ยอมเงียบซักที ] – ฮาโรลด์

 

อาจเพราะพวกเขาทั้งคู่มีความสุขหลังจากได้รับประทานอาหารกันจนอิ่มแปล่ ไม่เพียงแค่มิไฮ แม้กระทั้งซาร่าเองก็เริ่มที่จะชื่นชอบในตัวของฮาโรลด์มากขึ้นอีกด้วย พวกเขาทั้งคู่ยอมเปิดใจและเล่นกับฮาโรลด์จนพร่อยหลับไปในที่สุด

และพวกเขาก็หลับจนถึงตอนนี้ จริงๆถ้าหาก 2 คนนี้ตื่น ฮาโรลด์ก็ตั้งใจที่จะเสริฟอาหารเย็นให้ 2 พี่น้อง แต่ดูๆแล้ว ดูเหมือนว่าคงใจะได้เสริฟอาหารเช้าแทนแล้วล่ะ

 

[ มันไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่นะ ทั้งๆที่พูดแบบนั้นแต่มือกับกำลังเตรียมขนม ] – โคดี้

[ ชั้นแค่ฆ่าเวลา ] – ฮาโรลด์

 

ความจริงคือ ทั้งฮาโรลด์และโคดี้ต่างไม่มีอะไรทำจนกว่าภรรยาของฟินเนอร์แกนจะกลับมาถึงบ้าน ดังนั้น เมื่อโคดี้บ่นว่าเริ่มที่จะหิวขึ้นมาหน่อยๆแล้ว ฮาโรลด์ที่กำลังว่างเลยตระเตรียมอาหารเบาๆเพื่อให้โคดี้และ2พี่น้องได้ทาน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฮาโรลด์กำลังทำก็แค่เพียงนำเนื้อแห้งชิ้นโตมาหั่นเป็นชิ้นๆและนำไปดาดกับไฟนิดหน่อย โรยพริกไทย มันง่ายเสียจนแม้กระทั้งซาร่าเองก็ทำได้

โดยปกติแล้ว ของว่างประเภทนี้มักจะถูกเสริฟพร้อมกับสาเก แต่เขาก็ไม่ได้เสียสติมากพอที่จะเอาเครื่องดื่มมึนเมามาดื่มในบ้านของคนไม่รู้จักตามอำเภอใจ ดังนั้นฮาโรลด์จึงนำมันมากินคู่กับซุปผักที่เหลือจากมื้อเที่ยง เขาปรุงรสเพิ่มเล็กน้อย ซึ่งบอกตามตรงมันก็ไม่เข้ากันเท่าไหร่ที่จะนำมากินพร้อมกับเนื้อแห้ง

หลังจากนั้น ฮาโรลด์ก็ต้องคอยรับมือกับโคดี้ที่เริ่มล้อเข้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งฮาโรลด์รู้สึกตัวว่างมีใครบางคนอยู่ที่นอกบ้าน

 

[ เธอกลับมาแล้ว ] – ฮาโรลด์

[ หือ ? นายรู้ได้ไง ? ] – โคดี้

[ ชั้นสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของใครบางคนที่กำลังเดินมายังบ้านหลังนี้  ชั้นเลยมั่นใจว่าเป็นเธอ ] – ฮาโรลด์

[ นี่นายเริ่มจะห่างไกลจากคำว่ามนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะรู้ตัวมั้ย ? ] – โคดี้

[ ช่างเรื่องนั้น รีบออกไปพบเธอซักที ] – ฮาโรลด์

[ จ้า จ้า ] – โคดี้

 

หลังจากถูกกดดันโดยฮาโรลด์ โคดี้ก็ลุกเดินไปยังที่ประตูหน้าบ้าน มันก็จริงที่ควรจะออกไปพบกับเธอที่ด้านนอกดีกว่าที่จะให้เธอเข้ามาเซอร์ไพร์กับพวกเขาภายในบ้าน ถึงกระนั้นมันก็ยังคงน่าสงสัยอยู่ดีที่จู่ๆมีคนแปลกหน้ามาเปิดบ้านต้อนรับเธอ แต่อย่างน้อย โคดี้ก็เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของสามีของเธอ บางทีเธออาจจะจำได้เขาได้และไม่ตกใจจนเกินไป

ปัญหาคือ ฮาโรลด์เบื่อที่จะรออยู่เฉยๆ และไม่ค่อยถูกใจในสภาพความเป็นอยู่ของเด็กทั้ง 2 เขาจึงถือวิสาสะใช้ครัวโดยพละการ ซึ่งเรื่องนี้ฮาโรลด์ก็ได้แต่หวังว่าลิ้นที่พล่ามไม่หยุดของโคดี้จะสามารถช่วยพูดให้เธอเข้าใจ ซึ่งหวังว่าเขาจะมีประโยชน์มากกว่าที่ช่วยทำอาหาร

ขณะที่กำลังรออย่างใจจดใจจ่อ หลังจากนั้นไม่กี่นาที โคดี้ก็กลับมาพร้อมกับหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้าน ในที่สุดฮาโรลด์ก็ได้พบกับภรรยาของฟินเนอร์แกน

 

[ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันชื่อว่าซินเทียค่ะ ] – ซินเทีย

[ ฮาโรลด์ สโตร์ก ] – ฮาโรลด์

[ ต้องของอภัยคุณนายด้วย หมอนี่เป็นพวกไม่เข้าสังคมน่ะ แต่เชื่อข้าเถอะ เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ] – โคดี้

[ ไม่เป็นไรค่ะ .. แล้วคือ— ดูเหมือนว่าคุณต้องการที่จะคุยเกี่ยวกับเรื่องของสามีดิฉัน ? ] – ซินเทีย

 

แม้ว่าเธออาจจะยังสงสัยอยู่บ้าง แต่โชคดีที่เธอต้องการให้บทสนทนานี้ดำเนินต่อไป บางที นี่อาจเป็นสัญญาณของความจนตรอกของเธอที่พยายามดิ้นรนเมื่อรู้ว่าสามีของเธอยังมีความหวัง

ฮาโรลด์ได้แต่ส่งสายตาไปยังโคดี้ราวกับพยายามจะบอกว่า “อธิบายแทนที” ก็นะด้วยปากของเขาที่เป็นแบบนี้คงยากที่จะให้อธิบายออกมาดีๆ บางทีมันอาจทำให้สร้างความประทับใจที่เลวร้ายแทน และเมื่อเห็นสายตานั้น โคดี้จึงเริ่มอธิบายแทนตัวของฮาโรลด์

 

[ ข้าจะพูดเข้าเรื่องเลยละกัน พวกเราพบวิธีที่อาจจะรักษาอาการป่วยของฟินเนอร์แกนได้ ] – โคดี้

[ นะ-นั้นมันจริงหรือคะ ?!! ] – ซินเทีย

[ จริง แต่ว่าข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผล ] – โคดี้

 

โคดี้พยายามบอกเป็นนัยๆเอาไว้ก่อนว่าบางทีมันอาจจะไม่ได้ผล ซึ่งฮาโรลด์ที่กำลังมองดู ก็คิดขึ้นได้ว่า “ไอ้หมอนี่ จะให้จริงจังเป็นการเป็นงานก็ทำได้นี่หว่า ชิ” ก็นะ เพราะโคดี้เป็นถึงชายที่มีตำแหน่งและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าหน่วยของอัศวิน ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่เขาจะสามารถปรับเปลี่ยนการพูดให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

อย่างไรก็ตาม คนที่ผิดปกติที่สุดในที่แห่งนี้คือตัวของฮาโรลด์ นั้นเพราะไม่ว่ากับใครหรือในสถานการณ์ใดๆก็ช่าง ปากเขาก็สามารถพูดได้เพียงคำที่เย่อหยิ่งและรุนแรงเท่านั้น ซึ่งยกเว้นกับพ่อแม่ของเขา

 

[ …. แล้ว– ค่ารักษาที่ต้องจ่าย มันเท่าไหร่คะ ? ] – ซินเทีย

 

ฮาโรลด์ที่กำลังจมอยู่กับความคิดไร้สาระก็ถูกคำพูดของซินเทียเรียกสติกลับมา ซึ่งถ้าหากคิดดูดีๆ มันก็ปกติที่จะคิดว่าใครกันจะมาเสนอวิธีรักษาโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ไม่มีผลประโยชน์ใดๆมอบให้ได้เช่นครอบครัวของเธอ

อย่างไรก็ตาม โคดี้ก็ไม่ได้เย็นชาขนาดนั้น แต่เรื่องในครั้งนี้เกี่ยวกับดาบของฮาโรลด์ ซึ่งโคดี้ก็เชื่อในตัวของฮาโรลด์และคงไม่ร้องขอสิ่งตอบแทนไร้สาระใดๆกับซินเทียแน่ๆ ในขณะที่ฮาโรลด์กำลังทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดี โคดี้ก็ส่งสายตามาที่เขาราวกับพยายามบอกว่ารับไม้ต่อไปได้แล้ว

 

[ อะไร ? ถ้านายอยากจะให้พูดอะไร ก็พูดมาให้ชัดๆ ] – ฮาโรลด์

[ เรื่องค่าใช้จ่ายมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถเป็นคนที่ตัดสินใจได้ เพราะพวกเราไม่อาจจะทำได้หากไม่มีดาบของนาย ดังนั้นเรื่องค่ารักษานายต้องเป็นคนตัดสินใจ ] – โคดี้

[ แกพูดเรื่องบ้าอะไร ? ชั้นแค่ให้ยืมดาบเท่านั้น ] – ฮาโรลด์

 

ซึ่งสำหรับฮาโรลด์แล้ว แค่ผลของการรักษาฟินเนอร์แกนออกมาดี นั้นก็หมายความว่าเขาได้ค้นพบวิธีคลายผลของการล้างสมองของยูสทัสได้ แค่นั้นก็ถือว่าเป็นรางวัลที่มากเกินพอสำหรับเขาแล้ว แม้ว่าจะยังมีคำถามอีก 2-3 คำถามที่ยังคาใจเขาอยู่ แต่เรื่องเหล่านั้นพักไว้ก่อนได้

สรุปก็คือ ฮาโรลด์พยายามบอกกับโคดี้ว่านายตัดสินใจเอาเองเลย 

 

[ งั้น ข้าคิดว่า … คุณนายไม่ต้องจ่ายค่ารักษาใดๆหรอกนะ สบายใจได้ ] – โคดี้

[ เป็นจะเป็นเช่นนั้นได้ยังไงล่ะคะ ! พวกคุณถึงขนาดยอมมารักษาสามีดิฉัน แล้วจะไม่ให้ดิฉันตอบแทนพวกคุณได้อย่างไร ] – ซินเทีย

[ ก็ คือ – ข้า… ข้าเข้าใจถึงเรื่องที่คุณนายจะสื่อ ..แต่– ] – โคดี้

 

แม้โคดี้จะบอกว่ามันฟรีก็เถอะ แต่การรักษาอาจจะกัดกินอายุไขของผู้ใช้ดาบไปบางส่วน ซึ่งเขาไม่กล้าบอกกับเธอตรงๆ

อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาอธิบายทุกๆอย่างกับเธอ ซินเทียอาจปฎิเสธการรักษาทันที และถึงแม้ว่าเธอจะยอมรับได้ แต่จะให้ตีราคาของอายุไขที่เสียกับการรักษามันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะที่โคดี้กำลังลำบากที่จะหาคำตอบที่ฟังขึ้น ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับฮาโรลด์ที่กำลังคิดว่าจะโน้มน้ามเธอยังไงดี

ฮาโรลด์เข้าใจความรู้สึกของซินเทียเป็นอย่างดี แต่ว่าเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะเสียเวลาไปกับเรื่องพวกนี้อีกต่อไปแล้ว เขาอยากจะรักษาฟินเนอร์แกนให้เสร็จๆไป แม้ว่าผลมันจะออกมาดีหรือร้าย แค่คำตอบเหล่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

 

[ ถ้าชั้นบอกราคากับเธอ เธอคิดหรือว่าจะมีปัญญาหาเงินมาจ่ายได้รึไง ? หรือเธอคิดว่าเธอพอมีบางสิ่งที่มีค่าพอจะทดแทนราคาที่ต้องจ่ายได้งั้นรึ? ] – ฮาโรลด์

 

ขณะที่ฮาโรลด์กำลังคิดว่าจะโน้มน้าวซินเทียอย่างไรดี คำพูดเหล่านั้นก็หลุดออกมาจากปากเวรของเขา

ไม่ต้องถึงโคดี้และซินเทีย แม้แต่ฮาโรลด์เองก็พูดไม่ออกหลังจากที่ได้ยินคำพูดจากปากของตัวเอง ไอ้ปากเวรนี่ไม่เข้าใจวิธีพูดให้มันละเอียดอ่อนเอาเสียเลย

อย่างไรก็ตาม หากเขาเลือกที่จะปิดปากเงียบและไม่พูดต่อ บางทีบรรยากาศอาจดิ่งลงจนไม่อาจกู้กลับมาได้ ขณะที่กำลังคร่ำครวญอยู่ในใจที่เผลอปล่อยให้ปากพูดออกไปเอง ฮาโรลด์จึงเริ่มพูดต่อ

 

[ แต่เธอก็ไม่มีอะไรแบบนั้นไม่ว่าจะทั้งเงินหรือของมีค่าไม่ใช่รึไง ? เพราะถ้าหากเธอมีเงินเก็บหรืออะไรที่ว่าจริง เธอคงใช้เงินหรือสิ่งของที่ว่านั้นซื้ออาหารดีๆให้ลูกของเธอได้กินไปแล้ว ] – ฮาโรลด์

[ มัน– .. มันก็จริงอย่างที่คุณว่า แต่– ] – ซินเทีย

[ อย่าเปิดปากพูดในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ ชั้นไม่ต้องการสิ่งตอบแทนหรือคำขอบคุณใดๆจากคนอย่างเธอ ] – ฮาโรลด์

[ ฮาโรลด์ นายออกจะพูดเกินไปหน่อยนะ ] – โคดี้

[ ชั้นแค่จะชี้ให้เห็นถึงความจริง เธอเข้าใจรึปล่าว ? มีเพียง 2 ตัวเลือกเท่านั้นที่เธอมีตอนนี้ คือปฎิเสธการรักษาหรือยอมรับการรักษาฟรีๆ ] – ฮาโรลด์

 

อาจเพราะไม่สามารถทนต่อคำพูดที่รุนแรงได้อีกต่อไป ซินเทียได้แต่ก้มหน้าลงพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้มทั้ง 2

เมื่อเห็นเช่นนั้น มโนธรรมในจิตใจของฮาโรลด์ก็เริ่มส่งเสียงต่อว่าดังขึ้น แต่ทว่า หากจะให้เขาหยุดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น มันอาจทำให้เขากลายเป็นไอ้เลวที่พ่นคำพูดต่ำช้าไร้จุดหมายไปเรื่อย

ขณะที่กำลังหาทางพลิกวิกฤติ ฮาโรลด์จึงตัดสินใจที่จะหยุดบทสนนาไว้ซักพักและใช้การกระทำแสดงให้เธอเห็นแทน เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปตักซุบผักที่ยังร้อนอยู่ลงในถ้วย จากนั้นก็นำมาวางที่ข้างหน้าซินเทียที่ซึ่งยังคงก้มหน้าอยู่เหมือนเดิมด้วยความอับอาย

 

[ … มันคือ ? ] – ซินเทีย

[ ก่อนที่เธอจะเริ่มเปิดปากพูดเรื่องพล่อยๆออกมาอีกครั้ง กินซะ ] – ฮาโรลด์

 

แม้ว่าโคดี้และซินเทียจะพยายามหาความหมายแฝงจากการกระทำของฮาโรลด์ในตอนนี้ แต่จริงๆคือ ฮาโรลด์แค่คิดว่าถ้าให้เธอได้กินอะไรอุ่นๆอาจช่วยให้เธอสงบสติลงได้บ้าง

แม้ว่ามันยากที่จะบอกว่าเธอเข้าใจถึงความตั้งใจของฮาโรลด์หรือไม่ แต่เธอก็หยิบถ้วยซุปขึ้นมาและดื่มมัน

 

[ มันอร่อยมากค่ะ … ] – ซินเทีย

[ แน่สิ ก็ชั้นคนนี้เป็นคนทำ ] – ฮาโรลด์

[ คุณเป็นคนทำสิ่งนี้? ] – ซินเทีย

[ ใช่ และที่อยู่ในจานอื่นๆพวกนี้ด้วย ] – ฮาโรลด์

 

เมื่อกล่าวออกมาเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็หยิบอาหารอื่นๆที่เหลือจากมื้อกลางวันมาวางเรียบนโต๊ะต่อหน้าของเธอ การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลมากราวกับเป็นพนักงานเสริฟที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

เมื่อเห็นฮาโรลด์ส่งสายตามากดดัน ซินเทียจึงเริ่มทาน

 

[ ไง ความรู้สึกที่ได้กินอาหารดีๆเป็นยังไง ? ] – ฮาโรลด์

[ …. มันอร่อยค่ะ อร่อยมากๆ … อร่อยจนดินฉัอยากจะร้องไห้เลย … ] – ซินเทีย

 

“แต่ว่าเธอร้องไปเรียบร้อยแล้ว …” ฮาโรลด์ได้แต่ตบมุขเหล่านั้นไว้กับแค่ในความคิดตัวเองพอ

จริงๆแล้ว อาหารฝีมือของฮาโรลด์ไม่ได้พิเศษอะไร มันแทบเทียบไม่ได้เลยกับอาหารที่มาจากฝีมือแม่บ้านที่อยู่ในละแวกนี้ด้วยซ้ำ แต่ความจริงที่ว่าอาหารดาดๆทั่วๆไปจากฝีมือของเขามันเพียงพอที่จะทำให้ซินเทียถึงกับน้ำตาไหลนั้นแสดงให้เห็นถึงว่าครอบครัวของเธอนั้นยากจนขนาดไหน ถึงกระนั้น ฮาโรลด์ก็ไม่แน่ใจว่าเธออร่อยจริงๆหรือแค่ร้องไห้ออกมาเพราะความอับอายจากคำพูดก่อนหน้านี้กันแน่

 

[ ก็ใช่ไง แม้แต่เจ้าเด็กผอมกะหร่องลูกของเธอก็ยังอร่อยกับอาหารดาดๆทั่วๆไปแบบนี้ และทันทีที่รู้ว่าชั้นซื้อสบู่มาให้ ก็ถึงกับร้องเย้ออกมาด้วยความดีใจ ] – ฮาโรลด์

[ ทำไมคุณถึงต้องทำขนาดนี้กันคะ ? อย่างที่คุณพูดไปก่อนหน้านี้ ดิฉันและครอบครัวไม่มีสิ่งใดที่สามารถตอบแทนคุณได้… ] – ซินเทีย

 

ถ้าฮาโรลด์ตอบกลับไปว่าเขาเพียงแค่อยากเห็นเด็กๆยิ้มเท่านั้น เขาคงกลายเป็นคนดีในสายตาของซินเทียทันที แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น

 

[ แม้ว่าชั้นจะไม่ได้อะไรจากสิ่งเหล่านี้ หรือการรักษาให้ฟินเนอร์แกนมันจะสูญปล่าว แต่ชั้นทำก็เพราะอยากทำเท่านั้น แต่ถ้าการรักษาออกมาสำเร็จ ผลการรักษาชั้นก็พอจะเอามันไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ ] – ฮาโรลด์

 

โคดี้ทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า “เดี่ยวสิ นั้นจริงหรอ ?” ซึ่งที่ฮาโรลด์ปิดบังเรื่องนี้กับโคดี้ก็เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แต่มาคิดๆดู หากเขาบอกเรื่องกับโคดี้ตั้งแต่แรก การเจรจาคงราบรื่นกว่านี้มาก

จะมาคิดได้ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว

 

[ ที่จะพูดก็คือ ชั้นเป็นขุนนาง ชั้นจะช่วยเหลือใครหรือมอบน้ำใจเล็กๆน้อยพวกนี้ให้กับใครมันก็เรื่องของชั้น หรือจะสั่งลงโทษเธออย่างง่ายๆก็ได้เช่นกัน ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์รู้ว่าคำพูดที่พึ่งพูดมันมันโหดร้ายเพียงใด แต่ว่ามันมีความจริงบางอย่างที่เขาต้องการจะพูดให้ได้

 

[ ดังนั้นก็เข้าใจไว้ซะว่าจุดยืนของพวกเรานั้นมันต่างกัน ถ้าชั้นอยากให้เธอทำอะไร ก็ทำตามนั้นซะ ] – ฮาโรลด์

 

ใบหน้าของซินเทียบิดเบี้ยวขึ้นทันที

การแสดงออกของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรู้สึกโกรธกับฮาโรลด์ผู้หยิ่งยโสคนนี้ เขาคนนี้จะบอกว่าความทุกข์ยากของเธอเกิดจากที่ตัวของเธอไร้พลัง และจงรับบทเป็นผู้อ่อนแอและรอคอยความเมตตาจากผู้ที่อยู่ด้านบนเสียเถอะ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอกำลังจะยอมกลืนคำพูดเหล่านั้นและทำตามในสิ่งที่ฮาโรลด์พูดออกมา มันก็มีคำพูดหนึ่งที่เรียกสติของเธอ และมันไม่ได้มาจากใครอื่นนอกจากตัวของฮาโรลด์เอง

 

[ อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอไม่ยอมรับคำพูดเหล่านั้น ก็สาบานออกมาซะ สาบานว่าจะเข้มแข็งขึ้น ยึดมั่นในเจตจำนงของตัวเองแลปกป้องคนที่เธออยากจะปกป้อง หากเธอกล้าสาบานมันออกมา เรื่องในครั้งนี้ ชั้นจะถือว่าให้เธอติดหนี้ชั้น ] – ฮาโรลด์

[ เอ๊ะ .. ? ] – ซินเทีย

[ แน่นอนว่ามันราคาแพงเกินกว่าเธอจะมีปัญญาจ่ายได้ไหว แล้วเธอพร้อมรึปล่าวที่จะยอมแบกรับข้อเสนอนี้ ? จะเลือกเดินบนเส้นทางที่ยากลำบากหรือจะกลับไปเดินบนเส้นทางเดิมที่ทำได้เพียงเฝ้าคอยให้ความช่วยเหลือมาถึงเหมือนดั่งลูกนกที่คอยอาหาร ? ] – ฮาโรลด์

 

สรุปสั้นๆคือ ฮาโรลด์พยายามจะบอกกับเธอว่าให้ยอมรับการรักษาแบบฟรีๆไปซะหรือคิดซะว่าติดหนี้เขาแล้วค่อยหาเงินมาจ่ายในภายหลัง

แน่นอนว่ามันเป็นข้อเสนอที่เลวร้ายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ฐานะครอบครัวยากจนและแน่นอนว่าคงไม่มีปัญญาที่จะจ่ายได้ไหว ซึ่งแม้ว่าเขาจะรู้เรื่องเหล่านี้ดีอยู่แล้ว แต่เพราะเขาอยากจะให้เรื่องเหล่านี้มันจบๆไปเสียที+กับปากเวรของเขา ทำให้ ข้อเสนอ 2 ตัวเลือกนี้ถูกพ่นออกมาในที่สุด

“ก็ เธอคงจะเลือกข้อแรกละมั้ง แม้มันคงทำร้ายความรู้สึกของเธอ แต่ว่า ไว้ให้โคดี้ค่อยพูดปลอบเธอหลังจากนั้นละกัน” นั้นคือสิ่งที่ฮาโรลด์คิดขณะรอคำตอบจากซินเทีย

 

[ … ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันยอมรับข้อเสนอของคุณค่ะ ] – ซินเทีย

[ อืม… แล้ว ? ] – ฮาโรลด์

[ ค่ะ ดิฉันขอสาบานเอาไว้ ณ ที่แห่งนี้ ดิฉันจะเข้มแข็งขึ้นเพื่อปกป้องสามีและลูกของดิฉัน และไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานถึงเพียงใด ดิฉันก็จะต้องตอบแทนความกรุณาในครั้งนี้อย่างแน่นอนค่ะ ] – ซินเทีย

( …. ห๊ะ ? ) – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์กำลังสับสน

“เอ๋ ? ทำไมเธอเลือกที่จะเป็นหนี้ล่ะ ? เธอรู้ตัวบ้างไหมเนี้ยว่ามันเป็นเรื่องที่หนักหนาแค่ไหนสำหรับเธอ” ขณะที่คิดเช่นนั้น ซินเทียก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าเขาพร้อมกับก้มหัวลง”

 

[ และดิฉันสาบานจะมอบความจงรักภักดีต่อท่านค่ะ ] – ซินเทีย

 

สถานการณ์มันไปไกลเกินกว่าฮาโรลด์จะเปิดปากพูดห้ามได้ทันว่าเธอไม่ต้องทำอะไรถึงขั้นนั้น

และในเมื่อสถานการณ์มันพัฒนาไปไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับได้อีก ฮาโรลด์จะฝืนใจกล่าวออกมาว่า “เก็บคำพูดเหล่านั้นไว้จนกว่าสามีของเธอจะตื่นเถอะ”

ก็ สุดท้ายก็ถือว่าจบลงด้วยดี เพราะในที่สุดเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาอีกและจะได้เริ่มต้นการรักษาฟินเนอร์แกนเสียที

 

[ โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว มันคือการให้เลือกระหว่าง take ‘A loan’ //เลือกที่จะติดหนี้ หรือ leave you ‘Alone’ //เลือกที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว — ช่างเป็นการเล่นคำได้ดี ! ] – โคดี้

 

ขณะที่อยากจะตบมุขโคดี้และกรี๊ดร้องอยู่ภายในใจว่า “กุไม่ได้เล่นคำโว้ย ไอ้ปัญญาอ่อน!” เขาจึงปล่อยให้คำพูดของโคดี้เลยตามเลยไปละกัน

My Death Flags Show No Sign of Ending

My Death Flags Show No Sign of Ending

Status: Ongoing
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กหนุ่มมหาลัยธรรมดาๆอย่าง ฮิราซาวะ คาซุกิ ก็ดันมาอยู่ในร่างของตัวละครในเกมส์ ยิ่งกว่านั้น เขาดันมาอยู่ในร่างของ ” ฮาโรลด์ สโตร์ก” สุดยอดตัวร้ายที่มีคนเกลียดมากที่สุดในเกมส์ เจ้าของฉายา [ ราชาสวะ ] สำหรับเขาตอนนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ธงตายอยู่รายล้อมเต็มไปหมด! คาซูกิจะหาทางหลบเลี่ยงธงตายเหล่านั้นได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท