การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 135 หลุดพ้นจากมายาดาบเดียว

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 135 หลุดพ้นจากมายาดาบเดียว

 

 

ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตดูบึกบึน มาพร้อมกับดาบขนาดยักษ์ในมือช่างดูสง่างามพอสมควร

 

เขาที่ยื่นออกมาจากหน้าผากก็เชิดขึ้นราวกับจะแทงทะลุท้องนภาได้ ดวงตาสีแดงของมันก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสู้

 

 

ผิวสีเหล็กของมันทำให้สัมผัสได้ว่าต้องแข็งราวกับเหล็กกล้าแน่ๆ เท้าที่ย่ำพื้นอย่างมั่นคงก็มิอาจจะสั่นคลอนได้ง่าย ดั่งรูปปั้นหินประจำศาลเจ้าก็มิปาน

 

 

สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้จากการเผชิญหน้ากับเทพปีศาจก็คือความเยือกเย็น มันแตกต่างจากไฮดราที่ป่าทีทิสซึ่งเอาแต่คำรามด้วยความเดือดดาลเป็นหายนะเดินได้ ตัวของเทพปีศาจไม่ได้มีสิ่งนั้นอยู่เลย

 

 

กลับกันออร่าแห่งการต่อสู้ที่ปกคลุมรอบตัวมันช่างดูน่าสะพรึงกลัว ตัวของมันคือเจตจำนงแห่งการต่อสู้ จนสามารถทำให้ผมเผลอคิดไปว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับฝั่งตรงข้ามที่เป็นมนุษย์หาใช่เผ่าพันธุ์ในตำนาน พอรู้สึกตัวผมก็ขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย

 

 

วินาทีต่อมาเทพปีศาจก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

 

ทันทีที่เท้าของมันกระแทกเข้ากับพื้นที่ยืน เสียงกึกก้องราวกับปืนใหญ่ก็ดังขึ้น พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือน สายลมกระโชกพัด เข้ามากใกล้ผมทำให้นึกว่ามีช้างจะเข้ามาพุ่งชน

 

 

ดาบที่เทพปีศาจถืออย่ในมือนั้นก็ยาวพอๆ กับร่างของผม แถมยังมีออร่าสีแดงปกคลุมทั่วตัวดาบพิสูจน์ให้เห็นว่ามันไม่ใช่แค่ดาบธรรมดา หากโดนเข้าไปตรงๆ ร่างกายของมนุษย์คงได้สลายกลายเป็นผงไม่คงรูปเดิมได้แน่

 

 

ชั่วพริบตานั้นที่เทพปีศาจเข้าใกล้ผม กลิ่นคาวเลือดจากตัวของมันก็พวยพุ่งออกมา หากสังเกตดูดีๆ ก็จะเห็นได้ว่าทั่วร่างของมันตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเลือดจำนวนมาก ซึ่งน่าจะมาจากการต่อสู้ที่บริเวณคฤหาสน์ของตระกูลมิตสึรุกิ

 

 

มันทำการยกดาบอันใหญ่ยักษ์ของมันฟาดลงมาที่ร่างของผม ทันทีที่มันเหวี่ยงลงมาแรงเหวี่ยงนั้นมันทำให้ผืนดินรอบๆ ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน

 

 

 

 

 

「――คึก!」

 

 

 

วินาทีนั้นเองโซลอีทเตอร์ได้รับแรงปะทะเข้าอย่างจัง แรงกระแทกมหาศาลได้ส่งผ่านเข้ามาถึงร่างของผม

 

 

หนัก หนัก หนักชะมัด ทั้งน้ำหนักของการฟาด แรงกดดันจากตัวของมัน ทุกอย่างทำการรุมกระหน่ำผมพร้อมๆ กัน กระดูกทุกส่วนในร่างกายของผมมันส่งเสียงกรีดร้องออกมา

 

 

อันที่จริง หากให้เทียบกับขนาดร่างกายของมันที่สูงถึง 3 เมตร แรงกายของผมก็คงเทียบไม่ได้แน่ ดังนั้นหากเป็นการดวลแบบตัวต่อตัวผมจึงเสียเปรียบ

 

เทพปีศาจที่น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ก็เลยตั้งใจจะใช้แรงในการอัดผมเข้าไปอีก ทางผมเองก็พยายามฝืนต้านแรงดาบของมันดาบสีดำของโซลอีทเตอร์และดาบสีแดงของเทพปีศาจได้ทำการปะทะกันอย่างรุนแรง เสียงเสียดสีกันของโลหะได้แทงเข้ามาที่หูของผม

 

 

 

หากผมเผลอหรือลดแรงลดแม้แต่นิดเดียว ดาบของมันได้ผ่าร่างผมเป็นครึ่งซีกแน่

 

 

 

 

 

「คึ……!」

 

 

เสียงกัดฟันเล็ดลอดออกมาจากปากของผม ในขณะที่ผมพยายามดันดาบกลับไปอย่างสุดกำลัง ตั้งแต่ที่ผมกินเจ้าไฮดราในป่าทีทิสไป ผมก็ไม่เลยแพ้ในเรื่องกำลังหรือต้องงัดพลังมาจนหมดแรงเลยนะ

 

 

10 วินาที 20 วินาที 30 วินาที――ศึกประชันความแข็งแกร่งที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเหมือนจะไม่จบลงง่ายๆ

 

 

 

การเสริมพลังทางกายภาพด้วยพลังคินั้นเป็นของที่เรียบง่าย เพราะมันสามารถทำให้ร่างกายของผู้ใช้แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างมาก ทว่าหากต้องมางัดแรงกับเผ่าพันธุ์ในตำนานแบบนี้ จะมีเท่าไหร่ก็ไม่พอจริงๆ

 

 

 

ผมทำการจ้องมองไปยังเทพปีศาจที่อยู่ตรงหน้าของผม

 

 

 

มันยังคงปล่อยออร่าคิที่ดูน่าสะพรึงกลัวออกมา ซึ่งพร้อมจะบดขยี้ผมอย่างไม่ลดละ

 

 

พอได้มาเจอแบบนี้แล้วไม่ผิดแน่ เจ้าตัวนี้ยังไงมันก็คือสิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกับเผ่าพันธุ์ในตำนานจริงๆ

 

 

 

「หึหึหึ……!」

 

 

 

ให้ตายสิ ไม่ไหวๆ พอรับการโจมตีแรกเข้าไปแล้ว ก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ ด้วย

 

 

เสียงหัวเราะแห่งความสุขของผม

 

 

 

นี่ยังไม่ถึง 3 เดือนเลยแท้ๆ หลังจากที่เอาชนะไฮดราในป่าทีทิสได้ ผมก็เลยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับพรในการกลืนกินพวกมันอีกครั้งในเวลาอันสั้นเช่นนี้

 

 

 

ดูเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้มันจะเกี่ยวข้องกันกับพวกคิจิน แต่เอาเป็นว่าผมไม่สนหรอกว่าจะเป็นฝ่ายไหน สิ่งเดียวที่ผมอยากจะพูดก็คือขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้มีเรื่องในวันนี้เกิดขึ้น เพราะหากมันเร็วหรือช้ากว่านี้ไปสักวันหนึ่ง ผมคงไม่มีโอกาสได้สู้กับเทพปีศาจแน่

 

 

 

「หึหึ…ถ้างั้นมาเริ่มของจริงกันเลยดีกว่า」

 

 

 

 

จนกระทั่งถึงตอนนี้สิ่งที่ผมทำก็คือการประเมินความแข็งแกร่งของเทพปีศาจ แต่ถ้าผมยังเล่นเยอะกว่านี้ เดี๋ยวพวกธงแห่งผืนป่าได้ตามมากันอีกเป็นโขยงแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคนที่มาเป็นนักบุญดาบหรือ 2 สุดยอดผู้คุ้มกันนั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคงเก็บเทพปีศาจนี่ได้ด้วยตัวคนเดียวสบายๆ แน่ ดังนั้นผมจึงต้องรีบจัดการมันให้เร็วที่สุดก็พวกเขาจะมา

 

 

 

….อันที่จริง พอคิดๆ ดูการที่เทพปีศาจยังมีชีวิตอยู่ได้ทั้งที่ตอนแรกมันไปบุกหน้าคฤหาสน์ตระกูลแท้ๆ ก็แปลว่านักบุญดาบไม่คิดจะลงมือเองหรือเปล่านะ เพราะหากเขาเลือกจะลงมือละก็ เทพปีศาจตัวนี้คงถูกฟันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปนานแล้ว

 

การที่มันมาถึงตรงนี้ได้ ผมเดาว่านักบุญดาบไม่น่าจะเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้แน่ๆ

 

 

สำหรับสำนักมายาดาบเดียวผู้ถือกฎในการทำลายล้างพวกปีศาจเป็นดั่งคำสาบานแห่งจิตวิญญาณ นอกจากนี้พวกที่มาบุกคราวนี้ก็ฆ่าคนของตระกูลไปเยอะด้วย ผมเลยแอบไม่เข้าใจว่าทำไมนักบุญดาบถึงได้มองข้ามเทพปีศาจที่ฆ่าคนของเขาได้ แต่ถ้าสุดท้ายผมได้ประโยชน์จากการตัดสินใจของเขาผมก็ไม่บ่นหรอก แถมไม่เห็นจะต้องสนใจพวกที่ตายเลยด้วย

 

 

ไม่สนและก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าในหัวของพ่อผมคิดอะไรอยู่กันแน่

 

 

 

 

 

 

「――โอ้ววววววว!!」

 

 

 

ผมปล่ดปล่อยเสียงคำรามออกมาราวกับจะสลัดความเหนื่อยล้าที่เกาะกินจิตใจออกไปให้หมด การกระตุ้นร่างกายในครั้งนี้มันเหมือนกับการเปิดเขื่อนให้กระแสน้ำไหลผ่านทั่วร่างกาย ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพที่พร้อมจนถึงระดับเซลล์แล้ว

 

 

 

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มีผลทันทีกับฝ่ายศัตรู ดาบสีดำของผมค่อยๆ ผลักดาบอันใหญ่ยักษ์ของเทพปีศาจออกไปทีละนิดๆ

 

 

ดวงตาของเทพปีศาจเบิกกว้างขึ้น ก่อนจะกลอกตาไปรอบๆ ราวกับว่ากำลังตกใจกับสิ่งที่ตนเผชิญ

 

 

วินาทีต่อมันแรงกดทับที่กดมาบนร่างของผมก็หายไป เทพปีศาจได้ชักดาบกลับแล้วเว้นระยะห่างจากผมทันที

 

มันคงเดาได้แล้วว่าไม่สามารถใช้แรงเพียวๆ ในการฆ่าผมได้แน่ นอกจากนี้ พวกนักรบคนอื่นๆ ก็เริ่มตั้งตัวกันได้แล้วด้วย การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็อาจจะกลายมาเป็นปัจจัยเสี่ยงได้

 

 

ในขณะที่ผมกำลังปะทะกับเทพปีศาจ ทางซิดนีย์ เซซิล ซาอิก็กำลังประจำตำแหน่งเพื่อล้อมเทพปีศาจเอาไว้

 

พอผมเห็นแบบนั้นก็ต้องออกปากพูดทันที

 

 

 

 

 

「อย่าเข้ามายุ่ง พวกนายไปปกป้องผู้หญิงกับเด็กเถอะ」

 

 

 

「ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะโซระ พวกเราก็จะสู้ด้วยเหมือนกัน」

 

 

 

คนที่ตอบสนองกับคำพูดของผมไม่ใช่ซาอิแต่เป็นซิดนีย์ สกายชิพคนที่นิสัยอ่อนโยนที่สุดในรุ่นทองคำ

 

 

 

แน่นอนว่าซิดนีย์ไม่ได้มีแค่ด้านอ่อนโยนเท่านั้น เพราะเมื่อดาบของเขาถูกชักออกมา ตัวดาบก็จะเปล่งประกายด้วยหยดของน้ำค้างยามเช้า ศัตรูที่ถูกมันฟันก็จะสิ้นชีพพร้อมกับเลือดที่ทะลักออกมาจากร่าง ก่อนหน้านี้ปู่ของเขาถูกจับเอาไว้เป็นตัวประกัน การเคลื่อนไหวของเขาก็เลยติดๆ ขัดๆ ไป แต่ตอนนี้เขาสามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มกำลังแล้ว

 

 

ใบหน้าของซิดนีย์เต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉียบคม และจ้องมองเทพปีศาจราวกับศัตรูตั้งแต่อดีต ด้วยใบหน้าที่สง่าและงดงามของเขา เดาได้เลยว่าหากพวกนักรบสาวมาเห็นเข้าคงได้กรี๊ดแตกแน่

 

 

จากนั้นซิดนีย์ก็พูดเรื่องที่ผมมองว่าไร้สาระสุดๆ ออกมา

 

 

 

「คิจิน…ไม่สิ เทพปีศาจตนนี้แข็งแกร่งมาก ถึงโซระจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็เถอะ แต่การออกไปสู้ตัวคนเดียวมันเสี่ยงมากนะ จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึงพวกเรา――」

 

 

 

「ขอปฏิเสธ」

 

 

 

「หา? 」

 

 

 

 

ซิดนีย์ถูกขัดก่อนที่เขาจะพูดจบ

 

 

ผมก็เลยบอกสิ่งที่ผมต้องการไปตามตรงกับซิดนีย์ที่ดูจะงุนงงอยู่

 

 

 

 

 

「ทำไมฉันจะต้องร่วมมือกับนายด้วย บอกตามตรงนะ ไม่จำเป็น」

 

 

 

ผมไม่วางใจจะฝากแผ่นหลังให้กับพวกที่ผมไว้ใจไม่ได้หรอก นอกจากนี้หากซิดนีย์กับคนอื่นๆ ดันไปโจมตีเทพปีศาจในจังหวะสุดท้ายแทนผม ผมก็อดรางวัลใหญ่น่ะสิ

 

 

 

สำหรับผมซิดนีย์ก็ไม่ต่างอะไรกับตัวเกะกะ

 

 

 

ถ้าหากเขายังจะไม่ฟังที่ผมพูด ผมก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกำจัดสิ่งที่เกะกะผมกับเทพปีศาจ

 

 

อย่าให้ต้องได้พูดซ้ำอีก ผมส่งสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารไปทางเข้าอย่างไม่ลังเล

 

 

 

 

「โซระ…นี่นาย..…」

 

 

ใบหน้าที่งดงามของซิดนีย์บิดเบี้ยวขึ้นในทันท ก่อนจะเขาถอยออกไปราวกับยอมรับในเจตนาของผม

 

 

เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาขวางอีก ผมก็เลยมองไปทางซาอิและเซซิล ซาอิที่เห็นแบบนั้นห็หัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน เซซิลก็ทำสีหน้าเศร้าๆ แล้วยอมถอยออกไปเหมือนกัน

 

เมื่อขจัดความกังวลโดยรอบออกไปได้หมดแล้ว ผมก็พร้อมเผชิญหน้าเทพปีศาจอีกครั้ง

 

เทพปีศาจไม่ได้ขยับจากจุดที่ถอยไปเมื่อครู่เลยสักนิด ก่อนจะทำการจับจ้องการเคลื่อนไหวของผมอย่างไม่ละสายตา นั่นทำให้เห็นชัดแล้วว่าท่าทางมันจะไม่ได้มองซิดนีย์และคนที่เหลือเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวสำหรับตัวมัน

 

จากนั้นมันก็เริ่มคำรามขึ้น

 

『โฮ๊กกกกกกก!』

 

เสียงคำรามดังเสียดฟ้าออกมาจากปากที่สามารถกลืนคนเข้าไปได้ทั้งตัวของมัน ก่อนจะใช้ร่างกายอันใหญ่ยักษ์นั้นพุ่งเข้ามาหาผมราวกับนกที่โบยบิน

 

การโจมตีนั้นแรงกว่าดอกแรกดาบขนาดใหญ่พอๆ กับร่างของมนุษย์ได้ พลิกสลับไปมาซ้ายขวาเพื่อเข้าโจมตีผม ทุกครั้งที่ดาบนั่นปะทะกับดาบของผม เสียงลมที่พัดไปมาอย่างบ้าคลั่งก็ดังขึ้น แขนของผมที่รับการโจมตีอย่างดุดันเข้าไปก็เริ่มชา

 

การโจมตีที่สามารถทลายผืนดิน คมดาบที่สามารถตัดผ่าสายลม เสียงคำรามที่ดุดันออกมาจากปากของเทพปีศาจอย่างต่อเนื่อง ดวงตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้หาใช้ปรารถนาการฆ่าฟันเพียงอย่างเดียว

 

ทุกการโจมตีของมันที่กวัดแกว่งไปมา ล้วนเป็นการโจมตีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างในระดับที่น่าสิ้นหวัง

 

มันไม่ได้เหมือนกับมอนสเตอร์――ที่มีเพียงพละกำลังอย่างเช่นพวกออร์คที่ไล่เหวี่ยงอาวุธไปมาโดยอาศัยแรงเพียวๆ ของมัน

 

ภายใต้การโจมตีพวกนั้นมันแฝงไปด้วยเทคนิคดาบที่งดงามและแข็งแกร่ง

 

「ย้ากกกกกก!!」

 

『กู้ววววว!!』

 

เสียงของผมกับเทพปีศาจได้ซ้อนทับกัน

 

เสียงเสียดสีของโลหะที่ร้อนจนทำให้หูแทบไหม้ ดาบสีดำแดงได้ปะทะกันจนเกิดประกายไปทั่วท้องฟ้า กี่ครั้งกันแล้วนะที่ดาบของพวกเราปะทะกันไปมา

 

ผมรับดาบของเทพปีศาจในมุมทแยง เสียงโลหะที่เกิดการปะทะดังขึ้นอีกครั้ง แรงกระทบของมันได้ส่งมาที่แขนของผมโดยตรง เสียงอันไม่พึงประสงค์ก็กระแทกเข้ามาที่ใบหูของผมด้วย

 

ทว่าทางผมเองก็ได้สวนเทพปีศาจกลับไปจากการโจมตีทางด้านหน้า ก่อนจะสลับฟันซ้ายขวาด้วยทักษะดาบ การรุกไล่ของพวกผมทั้งสองฝ่ายได้สลับกันไป ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

 

—–ทว่าระหว่างที่ผมกำลังต่อสู้กับเทพปีศาจ ผมก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเทพปีศาจ แน่นอนว่าพวกผมไม่ได้ยืนอยู่ในจุดเดียว การเคลื่อนไหวของพวกผมได้สลับฝั่งเปลี่ยนที่ไปมาตลอด การเคลื่อนไหวของเทพอสูรแน่นอนว่ามันมีความว่องไวไม่สมกับขนาดของมันเลยสักนิด นี่ยังไม่ได้พูดถึงทักษะดาบของมันด้วยซ้ำ ทั้งหมดนั้นมันช่างเหมือนกับการเคลื่อนไหวในแบบแผนของสำนักมายาดาบเดียว ทว่ามันแปลกจริงๆ

 

เพราะทั้งด้านกำลังและด้านความเร็วของมันถือว่าสุดยอด หากผมเป็นเทพปีศาจผมคงจะใช้ข้อได้เปรียบนี้ในการปั่นปวนโจมตีศัตรูมากยิ่งขึ้น โดยใช้ความเร็วในการล่าถอยก่อนจะประสานกำลังเข้ากับความเร็วเพื่อพุ่งเข้ามาโจมตีจากทางระยะไกล แล้วก็ทำแบบนั้นซ้ำๆ วนไป――มันคือกลยุทธ์เข้าตีและล่าถอย

 

 

ทว่าเทพปีศาจกลับไม่เลือกจะทำแบบนั้นและเลือกจะสู้กับผมในระยะประชิดต่อไปเรื่อยๆ

 

 

ผมคงไม่แปลกใจอะไรหรอกหากคู่ต่อสู้มันเป็นมอนสเตอร์ที่สู้ตามสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว แต่ตัวที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้มันเป็นพวกมีความนึกคิด แถมยังเชี่ยวชาญในการใช้วิชาดาบ ดังนั้นหากมันเลือกที่จะสู้โดยไม่ได้ใช้จุดแข็งทั้งหมดมาเป็นกลยุทธ์ก็แปลว่าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง

 

 

เมื่อสังเกตเห็นความไม่สมเหตุสมผลนี้แล้ว สาเหตุก็คงจะเป็นสิ่งนั้น

 

 

――เทพปีศาจกำลังพยายามปกป้องโอเค็นที่อยู่ด้านหลัง

 

 

สิ่งที่พิสูจน์นั้นก็คือถึงพวกเราจะเคลื่อนไหวสลับตำแหน่งกันไปมาแต่ระยะทางของผมกับโอเค็นนั้นจะมีเทพปีศาจคอยกั้นอยู่เสมอ พอนึกย้อนดูที่เทพปีศาจยอมถอยไปในตอนที่กดแรงดาบปะทะกันก็น่าจะมาจากการที่มันมองว่าโอเค็นอาจจะถูกพวกซิดนีย์หรือคนอื่นโจมตีก็ได้

 

 

ส่วนเหตุผลที่ผมกำลังมานึกเอาได้ป่านนี้ก็เป็นเพราะว่าผมลืมไปแล้วน่ะสิว่ามีเจ้าโอเค็นอยู่ ตั้งแต่ที่เทพปีศาจโผล่มา นอกจากนี้ใครมันจะไปนึกกันว่าเทพปีศาจจะออกมาปกป้องคิจินที่สภาพปางตายแบบนั้น

 

 

นึกดูดีๆ จะว่าไปตอนนั้นเจ้าโอเค็นมันก็ร้องขอความช่วยเหลือด้วยนี่หว่า แล้วเทพปีศาจก็ปรากฏตัวออกมาทันทีเลย

 

 

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทักษะวิชาดาบหรือรูปแบบการต่อสู้ การปกป้องโอเค็น เทพปีศาจกับไฮดรานี่ช่างแตกต่างกันจริงๆ ถึงจะเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานเหมือนกันก็เถอะ บางทีเทพปีศาจอาจจะได้รับอิทธิพลจากคนที่มอบร่างให้มันด้วยก็ได้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ให้นึกถึงรายละเอียดลึกๆ แล้ว

 

 

 

ถึงผมจะสนหรือไม่ได้สนใจโอเค็น ยังไงเทพปีศาจก็คือศัตรูของผมไม่เปลี่ยนไปจากเดิม

 

 

แต่อย่างน้อยก็ขอใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์หน่อยแล้วกัน

 

 

 

 

「ฮ้าาาา!!」

 

 

 

『――คุ!』

 

 

 

มันคือเทคนิคการอัดพลังคิพื้นฐานเข้าไปในการโจมตี แต่ด้วยพลังที่ผมมีในตอนนี้ถึงจะเป็นหัวของไฮดราก็คงไม่เหลือ

 

 

แน่นอนว่าตั้งแต่ที่ผมต่อสู้กันมาจนถึงตอนนี้ผมไม่ได้ใช้ทักษะดังกล่าวมาก่อนเลย

 

 

พอมันรับการโจมตีนี้เข้าไปในระยะประชิด ร่างขนาดยักษ์ของมันก็กระเด็นลอยออกไปในอากาศ

 

 

แต่ก่อนที่ร่างของมันจะร่วงลงพื้น เทพปีศาจก็ได้จัดท่าทางของมันในอากาศและลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล จากที่เห็นมันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยสักนิด แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ผมคิดเอาไว้ เป้าหมายของผมตอนนี้ยังไงก็มีแค่การสร้างระยะห่างจากผมกับมัน

 

 

 

ถึงแม้เทพปีศาจจะกลับมาทรงตัวได้แล้ว แต่มันก็ไม่ได้เข้ามาโจมตีผมในทันที เพราะเห็นแล้วว่าผมคงจะเลือกการโจมตีระยะไกลแทน ดังนั้นมันจึงต้องปกป้องโอเค็นด้วย

 

ก็เป็นไปตามคาด

 

 

 

 

 

 

「――มายาดาบเดียว」

 

 

 

 

ผมได้ทำการอัดพลังคิเข้าให้มากขึ้นและมากยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อจะใช้พลังขั้นสูงสุดเท่าที่อาภรณ์วิญญาณของผมจะรีดออกมาได้

 

 

วายุ一ท่าโจมตีของมายาดาบเดียวที่จะถูกปลดปล่อยออกมาโดยโซลอีทเตอร์ มันจะทำการกลืนกินระยะห่างของพวกผมที่มีอยู่ไปจนหมด

 

เมื่อผมมองไปยังเทพปีศาจระหว่างที่ผมกำลังรีดพลังออกมา ตอนนี้มันกำลังเตรียมตัวป้องกันโอเค็นจากการโจมตีของผมอย่างสุดความสามารถ เนื่องจากตอนนี้เทพปีศาจมีโซ่ตรวนที่ชื่อว่าโอเค็นอยู่มันจึงไม่สามารถเข้ามาขัดขวางหรือหลบการโจมตีนี้ของผมได้ เพราะหากทำแบบนั้นโอเค็นก็จะตาย มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องป้องกันการโจมตีนี้

 

 

ในเมื่อมันทำได้แค่ป้องกัน ผมก็สามารถเค้นพลังได้มากเท่าที่ใจอยาก

 

เสียงสั่นสะเทือนของผืนดินได้ดังขึ้น ลมพายุได้พัดพาเอาฝุ่นที่ฟุ้งกระจายขึ้นไป เหล่าคนธรรมดาที่ติดตามมาด้วยก็ส่งเสียงกรีดร้องกันออกมา ไม่ต่างอะไรกับตอนที่โอเค็นใช้เวทเลยสักนิด ทางด้านอิบุกิก็ส่งเสียงเรียกแม่ของเขาเหมือนกัน

 

 

 

ผมไม่ได้มองไปทางนั้นหรอกนะ ทว่าพอผมได้ยินเสียงอิบุกิผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้

 

 

ผมได้อย่างชัดเจนไปก่อนหน้านี้แล้วว่าผมไม่สนใจจะกลับเข้ามาในตระกูล แล้วก็ไม่คิดจะมาเป็นคนของสำนักมายาดาบเดียวด้วย แต่คำพูดกับการกระทำของผมดันไม่สอดคล้องกันนี่สิ เพราะผมพึ่งจะพูดชื่อของมายาดาบเดียวออกมา

 

 

เอาเป็นว่าวันนี้ถือโอกาสบอกลามายาดาบเดียวเลยแล้วกัน

 

 

 

ทันทีที่ผมพูดแบบนั้นออกมา ชื่อสำรองที่จะใช้นับจากนี้ก็ผุดขึ้นมาราวกับมันเตรียมรอผมไว้ก่อนอยู่แล้ว

 

 

ดาบที่กำเนิดมาจากมายาดาบเดียวเพื่อทำลายมายาดาบเดียว…

 

 

 

 

「มายาสังหาร――――เคียวคุย (กลืนกินความว่างเปล่า) 」

 

 

พอได้ชื่อใหม่แล้วก็ถึงเวลาที่จะปล่อยเทคนิคพิเศษสุดทรงพลังเสียที

 

ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานมาจากไหนก็เถอะ ไม่มีทางจะป้องกันการโจมตีนี้ได้หรอก การโจมตีที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านี้แหละจะพุ่งทะยานสู่ร่างของเทพปีศาจโดยไร้ความลังเล

 

 

 

 

 

『กุโอ้วววววววว!』

 

 

 

 

เสียงร้องของเทพปีศาจดังขึ้น การโจมตีของผมได้ทะลวงผ่านเกราะคิของเทพปีศาจราวกับกรรไกรตัดกระดาษบางๆ ก่อนที่การโจมตีจะสร้างบาดแผลบนร่างกายของมัน

 

 

บาดแผลที่เกิดขึ้นมันยาวไปตั้งแต่ไหล่ซ้ายถึงบริเวณสะโพกขวา ผิวหนังของมันได้ถูกคมดาบกรีดเข้าไป จนทำให้เนื้อ กระดูก และอวัยวะต่างๆ ที่อยู่ภายในไหลออกมา

 

 

ตอนนี้ร่างกายของเทพปีศาจเรียกได้ว่าแทบจะถูกฟันขาดเป็นสองส่วนแล้ว การโจมตีระดับนี้หากเป็นมนุษย์คงไม่น่าจะรอดแล้ว เพราะมันคือเทคนิคที่ยอดเยี่ยมจนแม้แต่เผ่าพันธุ์ในตำนานก็มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้

 

 

 

 

『….อุ้วววววว….อึก….』

 

 

 

 

เสียงคำรามของเทพปีศาจดูเบาลงอย่างเห็นได้ชัดราวกับเป็นข้อพิสูจน์

 

 

ร่างอันใหญ่ยักษ์ของมันซึ่งตั้งตระหง่านราวกับต้นไม้ยักษ์ บัดนี้ได้สูญเสียพละกำลังในการแกว่งดาบไปเสียแล้ว ที่เหลือก็แค่ดูต้นไม้ยักษ์นี้จะล้มไปในทิศทางไหน

 

 

ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหาเทพปีศาจโดยไม่ละสายตา จำนวนวิญญาณที่ไหลเข้ามาในร่างของผมเป็นสัญญาณบอกถึงความตายของเทพปีศาจ แต่เพราะผมเคยเจอไฮดรามาก่อน ความเป็นไปได้ที่มันจะทำการหลบหนีหรือโต้กลับโดยใช้ความตายมาหลอกล่อก็ใช่จะไม่มี ผมก็เลยไม่สามารถลดการป้องกันลงได้

 

 

ทว่าสุดท้าย ดูเหมือนผมจะไม่ทำเป็นต้องระวังอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว เพราะดวงตาสีแดงก่ำของมันทำให้ผมนึกถึงดอกซากุระที่โรยริน แสงสว่างภายในนั้นมันได้หายไปหมดแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าใครก็คงจะรู้ได้ทันทีว่าเทพปีศาจไม่มีพลังพอจะทำการหลบหนีหรือโจมตีโต้กลับอะไรได้อีก

 

 

 

ที่เหลืออยู่ก็คงจะเป็นเพียงแค่เสียงของมันที่ส่งออกมา แต่เสียงนั้นมันก็แหบแห้งและฟังไม่ค่อยจะเป็นคำต่อเนื่องเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

 

 

วินาทีนั้นผมจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าเทพปีศาจสิ้นชีพลงแล้วแน่นอน

 

 

 

 

 

『……จ……จ…………ะ…………เจอ……』

 

 

 

「……หืม? 」

 

 

 

ผมคิ้วขมวดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเสียงของเทพปีศาจอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนไป

 

 

 

แต่ก่อนที่ผมจะได้ฟังเสียงนั้นจนจบ ร่างกายของท่อนบนเทพปีศาจก็ล้มลงไปกับพื้นอย่างรุนแรง

 

 

ผืนดินได้สั่นสะเทือนมาพร้อมกับฝุ่นที่ลอยคลุ้ง

 

 

พอผมทำการเข้าไปตรวจสอบอย่างระมัดระวังก็พบว่า สัญญาณชีพของเทพปีศาจได้หมดลงแล้ว

 

 

วิญญาณจำนวนมากได้ไหลเข้ามาในร่างของผม ความรู้สึกซาบซ่านที่แผ่ออกมาจากภายในร่าง ทำให้ผมรู้แล้วว่าเลเวลของผมเพิ่มขึ้น

 

 

 

ทว่า ในตอนนี้ผมกลับรู้สึกสับสนมากกว่าจะดีใจ

 

 

 

 

 

 

――――เจอตัวสักที

 

 

 

คำพูดที่เหมือนจะออกมาจากเทพปีศาจ――ในจังหวะสุดท้ายของมันนั้นทำการดึงความสนใจของผมไปหมดแล้ว

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท