ตอนที่ 174 ผู้สังหารสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมเข้ามาในร่างของเบฮีมอธ
จำนวนครั้งที่ผมได้ฟาดฟันมันน่าจะเกือบร้อยไปแล้ว ทว่าถึงร่างกายของมันจะบาดเจ็บมากสักแค่ไหน มันก็ยังไม่สิ้นลมสักที
ก็สมกับเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนาน ไม่แปลกใจเลยถ้าพวกธงแห่งผืนป่าทั่วไปจะรับมือไม่ไหว
เมื่อพลังคิหมดลง บาเรียที่ปกป้องร่างกายก็จะหายไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้น น้ำย่อยภายในร่างกายของเบฮีมอธซึ่งทำหน้าที่ในการดูดซึมสารอาหารก็คงจัดการกับสิ่งแปลกปลอมข้างใน ในอดีตคนที่คิดแผนเดียวกับผมก็คงมีอยู่เยอะ แต่ไม่สำเร็จ ไม่งั้นมันคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก
แต่อาภรณ์วิญญาณของผมมันมาจากอนิม่าของมังกรเลยนะเออ พลังไม่หมดง่ายๆ หรอก
ด้วยพลังที่ไหลเวียนในร่างกาย หากฟันเท่านี้ยังไม่ตาย ก็แค่ต้องฟันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะล้ม
วิญญาณได้ไหลเข้ามาภายในร่างของผมทุกครั้งที่ผมฟันเบฮีมอธ――และในที่สุดปริมาณวิญญาณที่แตกต่างไปจากเดิมมากก็ไหลเข้ามาภายในร่างของผม
เห็นได้ชัดว่าปริมาณมันเหมือนกับคลื่นที่ซัดโหมกระหน่ำ ราวกับเป็นการประกาศถึงการตายของเบฮีมอธ
คลื่นวิญญาณที่ท่วมท้นเหมือนน้ำหลาก เติมเต็มทุกส่วนภายในร่างกาย น่ายินดีจริงๆ เล่นเอาซะผมยิ้มออกมา
ร่างกายของผมสั่นไปทั่วตัว เมื่อสัมผัสได้ถึงเลเวลที่เพิ่มขึ้น
1เลเวล 2เลเวล 3เลเวล…..และดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย เลเวลที่หยุดนิ่งไปตั้งแต่จัดการเทพปีศาจบนเกาะอสูรยักษ์ กำลังเพิ่มขึ้นแล้ว
หากไม่นับการป้องกันลมหายใจครั้งแรกของมัน ก็ไม่ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาเท่าไหร่ จนแอบทำให้ผมรู้สึกว่าเลเวลจะได้เยอะไปไหม แต่เจ้าเบฮีมอธมันอยู่มานานกว่าผมเป็นสิบเป็นร้อยเท่า แถมก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องลำดับชั้น เลเวล ของพวกเผ่าพันธุ์ในตำนานด้วย เอาเป็นว่านี่คงเป็นค่าตอบแทนสำหรับการเอาชนะสิ่งมีชีวิตที่ปกครองผืนทะเลทรายมาช้านาน
พอมาลองคิดดู การเพิ่มเลเวลในครั้งนี้ยังไงมันก็ไม่สมเหตุสมผลจริงๆ นั่นแหละ หากไม่พิจารณาเงื่อนไข หรือเหตุผลให้ดีๆ อนาคตผมคงได้มีปัญหาอีกแน่
หลังจากซดวิญญาณทุกส่วนของเบฮีมอธเข้าไปในร่าง ผมก็รอให้เลเวลของผมเพิ่มจนเสร็จเสียก่อนค่อยออกไปข้างนอกร่างของมัน
ผมทำการฉีกกระชากร่างของเบฮีมอธออกมาจากข้างใน ด้วยผลของเลเวลที่เพิ่มขึ้นเห็นได้ชัดเลยว่าเทคนิคที่ผมใช้มันรุนแรงขึ้น มันง่ายเหมือนฟันเต้าหู้เลย หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเบฮีมอธมันตายไปแล้ว ร่างกายของมันเลยนิ่มขึ้น
แต่ถึงผมจะออกมาได้ง่ายกว่าที่คิด ผมก็ไม่ลดการระวังตัวเพราะพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างนอกคงรอเล่นผมอยู่ ทว่าพอออกไปก็พบว่าพวกมันทุกตัวกำลังช่วยกันกัดกินร่างของเบฮีมอธอยู่ โดยไม่ได้สนใจผมสักนิดราวกับกำลังเพลิดเพลินอาหารภายในงานเลี้ยง
ผมจึงทำการกระโดดขึ้นไปบนฟ้า
แล้วจ้องมองฝูงมอนสเตอร์ที่อยู่เบื้องล่าง
เมื่อเบฮีมอธตายไปแล้ว มันก็จะไม่สร้างเลือดเนื้อมาแทนส่วนที่หายไป มอนสเตอร์ที่สูญเสียแหล่งอาหารก็จะต้องกระจายตัวกันไปทั่วทะเลทรายเพื่อหาแหล่งอาหารใหม่
ก่อนที่จะเป็นแบบนั้น ผมคงต้องสะสางงานให้จบ ระหว่างที่ผมกำลังดึงพลังออกมาจากร่างเพื่อใช้เทคนิค
――ก็เกิดเสียงแปลกๆ ขึ้นจนใบหูของผมสั่น
มันเป็นเสียงกระทบกันของบางสิ่งอย่างเป็นจังหวะ พอผมหันไปตามทิศทางของเสียงก็พบว่ามันคือเสียงปรบมือที่ดังมาจากข้างบนหัวของผมอีกที….
「น่าทึ่งจริงๆ นี่น่าจะเป็นคำเดียวที่ฉันจะมอบให้กับมนุษย์ผู้สามารถเอาชนะสัตว์ร้ายตนนี้ลงได้」
มีร่างหนึ่งได้ปรบมือชื่นชมผมโดยมีดวงจันทร์ลอยละล่องเป็นฉากหลัง
มันคือร่างของเด็กชายคนหนึ่ง ด้วยร่างกายที่เล็กและรูปร่างหน้าตาแล้ว อายุของเขาน่าจะประมาณ 12 13 ปี ทว่าใบหูที่แหลมและผิวที่คล้ำบ่งบอกว่าเขาไม่น่าจะเป็นเหมือนกับที่เห็น
ดาร์คเอลฟ์ที่เหมือนกับวิสทีเรีย
พาเขาหยุดปรบมือ เขาก็ทำการผายมือออกไปทั้งซ้ายและขวาราวกับจะบอกว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย
แน่นอนว่าด้วยการกระทำเท่านี้ผมไม่ได้ลดการระวังตัวลงหรอก
「เอลฟ์ของแอนดร้าเหรอ? 」
「ไม่หรอกๆ ฉันไม่ใช่คนของแอนดร้า แล้วก็ไม่ใช่เอลฟ์ด้วยแต่ก็นะ」
ผมขมวดคิ้วให้กับคำตอบที่ราวกับมีความหมายแฝงของเขา จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
「โทษทีๆ พอดีมันเป็นนิสัยเสียของฉันที่ชอบพูดอะไรให้คนคิดกันไปเองน่ะ ขอแนะนำตัวละกัน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้สังหารสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ฉันราสคาริส ราชาแห่งอาณาจักรทองคำและผู้นำแห่งยาไค แต่ถ้าให้นายเข้าใจง่ายกว่านี้หน่อยก็ต้องบอกว่าเป็นสหายของชารามอนล่ะมั้ง」
「…ผู้นำของพวกลิชเหรอ」
ผมค้นหาข้อมูลภายในความทรงจำโดยไม่ลดการระวังตัว
ลาสคาริส ดาร์คเอลฟ์ที่คาร์ดินัลไซราระพูดถึงตอนอยู่เบลก้า แต่เรื่องที่เขาเป็นราชาแห่งอาณาจักรทองคำนี่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแฮะ ส่วนเรื่องเป็นผู้นำของยาไคอันนี้ค่อนข้างชัด แน่นอนว่าเขาย่อมแข็งแกร่งกว่าชารามอนที่เป็นลำดับ 3
อันที่จริงถึงผมจะเสียสมาธิไปบ้างจากการต่อสู้กับเบฮีมอธ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมไม่รู้สึกถึงตัวตนของลาสคาริสก่อนหน้านี้เลย หากอีกฝ่ายต้องการเขาก็สามารถโจมตีผมโดยไม่ทันตั้งตัวได้
เมื่อพิจารณาจากจุดนี้เขาคงไม่คิดจะทำอะไรผมจริงๆ ท่าทางไม่ได้มาแก้แค้นให้ชารามอนด้วย แต่ทั้งหมดนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องลดการป้องกันลง
ระหว่างที่คิดเรื่องพวกนี้ลาสคาริสก็พูดต่อ
「ก็อย่างที่นายเข้าใจฉันคือลิช เป็นมอนสเตอร์ที่อยู่เหนือวัฏจักรชีวิต ทว่าถึงฉันจะเป็นมอนสเตอร์แต่ฉันก็ยังเคารพคนอื่นอยู่นะ แล้วก็ไม่คิดแค้นนายที่ฆ่าชารามอนไปด้วย นอกจากนี้ก็ไม่ได้ชอบทำอะไรน่ารังเกียจอย่างลอบโจมตีข้างหลังคนอื่นหรอก」
เป็นน้ำเสียงที่จริงจังพอสมควร คงอยากให้เห็นถึงใจจริงละมั้ง
แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นการแสร้งทำก็ได้ แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นการหลอกลวงเท่าใดนัก เพราะท่าทางของเขาไม่ได้ต้องการจะสู้จริงๆ
ถ้างั้นทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวเอาตอนนี้ล่ะ คำถามนี้เกิดขึ้นในหัวผม แต่ลาสคาริสกลับตอบก่อนที่ผมจะได้ถามเสียอีก
「ไอ้เจ้าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่นายเอาชนะได้มันคือหนึ่งเบื้องหลังการล่มสลายของอาณาจักรทองคำน่ะสิ หากนายต้องการฉันสามารถยกสมบัติของอาณาจักรทองคำให้ได้นะเอาไหมล่ะ หรือสนใจเรื่องข้อมูลมากกว่า หากเป็นทางนั้นฉันก็บอกได้นะ เกี่ยวกับเรื่องในอดีต ความจริงของเรื่องเมื่อ 300 ปีก่อนด้วย」
「หื้ม ดูเหมือนนายที่ชอบพูดชี้นำอะไรให้ดูเกินเบอร์นะ นิสัยเสียชะมัด」
「ฮ่าๆ ก็แค่ความจริงที่ฉันสามารถบอกได้เฉยๆ ถึงจะไม่ปฏิเสธเรื่องที่ชอบทำอะไรแบบนั้นก็เถอะ」
หลังจากพูดจบลาสคาริสก็ละสายตาจากผมไปแล้วมองไปยังร่างของเบฮีมอธที่นอนนิ่งกับพื้นโดยมีพวกมอนสเตอร์รุมล้อมกินอยู่
「แต่ก่อนจะพูดอะไรเพิ่ม สงสัยว่าต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน พวกมันสูญเสียแม่ทัพไปแล้วถึงส่วนใหญ่เดี๋ยวก็คงอดตาย แต่ที่นี่ก็ใกล้แอนดร้าเกินไปด้วยสิ」
จากนั้นลิชก็เริ่มทำการใช้เวทมนตร์ของเขา
ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัว
เสียงของการร่ายมนตร์ได้ดังขึ้นในหัวของผม ราวกับต้องการกลืนกินจิตสำนึกของผมไป ความรุนแรงของพลังเวทที่มารวมตัวกันช่างน่ากลัวจริงๆ
――เอริ เอริ อุรุส เอริ อุรุส ฝูงแห่งแมลง ผู้สยายปีกแห่งการกลืนกินจงปรากฏ
――แมลงโผบิน รวมกันเป็นหนึ่ง ขึ้นปกคลุมนภาด้วยความมืดทั่วทั้งโลกสวรรค์
――ผู้กลืนกินทุกสิ่ง ผู้ไม่เคยหยุดยั้ง ผู้ไม่เคยพึงพอใจ ผู้ไม่เคยหยุดกระหาย
――ท้องทุ่งนับพันลี้ คลื่นแห่งความกระหายจงกลืนกิน
「『เสียงปีกบินที่ มิอาจหยุดความหิวกระหาย――ปฐมจักรพรรดิแห่งเหล่าตั๊กแตน』」
บทสวดที่สั่นสะท้านราวกับบรรเลงท่วงทำนองขับร้องของโบสถ์
ทว่าทั่วทั้งพื้นที่ก็ยังเต็มไปด้วยความเงียบงัน ทั้งที่เขาได้ร่ายมนตร์ไปแล้ว
ไม่สิไม่ใช่แบบนั้น
เงามืดค่อยๆ กลืนกินการมองเห็นของผม เมื่อแหงนมองไปบนฟ้าก็พบกับสาเหตุของปรากฏการณ์
――พระจันทร์กำลังค่อยๆ หายไป
พระจันทร์ดวงโตที่ส่องแสงเจิดจ้าบนท้องฟ้ายามค่ำคืนกำลังถูกเมฆบดบัง
แต่ทันทีที่ผมตระหนักได้ว่านั่นคือฝูงตั๊กแตนจำนวนนับไม่ถ้วน เหงื่อเย็นก็ไหลไปตามกระดูกสันหลังของผมทันที
มันคือเวทมนตร์ที่ชารามอนใช้ในอดีตอย่าง ปฐมจักรพรรดิแห่งเหล่าตั๊กแตน ซึ่งผมได้ยินมาจากลูนามาเรียและมิโรสลาฟ
ทว่าความรุนแรงของมันช่างแตกต่างจากสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้า หากชารามอนสามารถเผาป่าทีทิสส่วนหนึ่งให้วอดวายได้ พลังของลาสคาริสก็คงจะพอให้เผาพื้นที่ส่วนลึกของป่าทิ้งได้ทั้งหมด
เมฆที่เกิดมาจากฝูงแมลงจำนวนมากได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับห่าฝน พวกมันแต่ละตัวเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเวทซึ่งพอจะถล่มผืนดินให้เป็นหลุมขนาดใหญ่ได้อย่างน่าสะพรึงกลัว
แสงสว่างได้ลุกจ้าขึ้น พร้อมกับเสียงคำรามอันน่าสยดสยอง
วินาทีต่อมาแรงสั่นสะเทือนก็กระจายไปทั่วทะเลทรายคาตาลาน แสงที่เกิดจากการระเบิดมันชวนให้ผมคิดไปว่านี่คือการระเบิดของดวงอาทิตย์
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code