รูปลักษณ์ของกษัตริย์อาซึมะนั้นหากจะให้เทียบกับน้องชายทั้ง 3 ของเขาถือว่าธรรมดามาก
เขาไม่ได้มีบุคลิกที่น่าเกรงขามพอจะคุมกองทัพนับหมื่นเช่นโดกะ ไม่ได้มีความสามารถในการสร้างความประทับใจกับผู้อื่นด้วยไหวพริบและความเฉลียวฉลาดเช่นฮาคุโร่ ไม่ได้มีจิตวิญญาณอันกล้าหาญไม่ย่อท้อต่อสิ่งใดเช่นคาการิ
แต่แน่นอนว่าไม่มีทางที่เขาจะเป็นคนธรรมดา เพราะการสร้างนากายามะมาจากก้นหุบเหวได้ ย่อมเป็นคนมีของและปัจจุบันชายคนนี้ก็อายุย่างจะเข้า 30 ปีแล้ว
ท่าทางที่ดูอ่อนน้อม ดวงตาที่แสดงถึงความเป็นคนมีเหตุผล ถ้าถามว่างานอดิเรกคืออะไรก็คงตอบว่า ทำงาน อันที่จริงแล้วตัวเขายังเป็น 1 ใน 10 สุดยอดนักดาบแห่งนากายามะอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เองอาซึมะจึงถูกจัดให้เป็นคนที่เก่งทั้งงานบู้และบุ๋น แต่ในทางกลับกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากเขาขาดพี่น้องของตนไปความสามารถในการรวมคิไคให้กลายเป็นหนึ่งในรอบ 50 ปีคงสำเร็จยาก
เสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายก็มักจะเทียบกษัตริย์นากายามะว่าอ่อนด้อยกว่าโดกะที่เก่งด้านการต่อสู้ จะเทียบสติปัญญากับฮาคุโร่ก็ไม่ไหว พลังแห่งจิตวิญญาณก็ไม่เท่าคาการิ
หากเหล่าพี่น้องของเขามาได้ยินเรื่องนี้เข้าคงได้โกรธกันมากแน่ แต่ความจริงที่ว่าคนในนากายามะคิดแบบนี้กันก็มีมากพอสมควร
คนที่รับรู้ถึงเรื่องนี้มากที่สุดก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นอาซึมะ
เขารับรู้ถึงความสามารถของพี่น้องเขามากกว่าใคร ชื่นชมพวกเขามากกว่าใคร คาดหวังพวกเขามากยิ่งกว่าใคร ชายคนนี้ก็คืออาซึมะกษัตริย์แห่งนากายามะ
ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อาซึมะพัฒนานากายามะได้อย่างรวดเร็ว การวางงานให้ถูกคนเป็นปัจจัยสำคัญ ทว่าหากจะหวังให้คนอื่นเข้าใจในแนวคิดนี้อย่างละเอียดคงยาก
ในอดีตก็เคยมีบางกลุ่มที่พยายามจะแยก 4 พี่น้องออกจากกัน ทว่าก็ไม่สำเร็จ
「โอ้ กลับมาแล้วสินะทั้งสองคน!」
ทันทีที่เห็นว่าโดกะและคาการิมาถึง อาซึมะก็ลุกจากโต๊ะทำงานแล้วอ้าแขนต้อนรับพวกเขา
ถึงจะไม่สูงเท่าโดกะ แต่อาซึมะก็เรียกว่าสูงระดับหนึ่ง สีหน้าและท่าทางของเขาไม่ใช่คนที่หยิ่งผยอง คำพูดก็ฟังดูนุ่มนวล ลักษณะการแต่งกายก็สวมชุดคลุมหลวมๆชวนให้นึกถึงพลเรือนธรรดา มากกว่านักรบ
ทว่าภายใต้เสื้อคลุมนั้นก็มีกล้ามเนื้อที่กระชับและแข็งแกร่งเฉกเช่นนักรบซ่อนอยู่
ตอนนี้เขาได้ยกตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพให้โดกะไปแล้ว เขาจึงไม่ค่อยได้ปรากฏตัวในสนามรบเช่นอดีต แต่หากเป็นเมื่อก่อนเขาคือคนที่นำทัพของนากายามะไปทั่วทุกหนแห่ง เขาคือชายผู้ยืนอยู่แนวหน้าเพื่อสั่งการกองทัพ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากมีบางครั้งที่เขาจะพุ่งหาทัพศัตรูก่อนใครเพื่อน
ขนาดเป็นตอนศึกชี้ขาดระหว่างคาซานในคราวก่อน อาซึมะก็เป็นหนึ่งในแนวหน้าที่ใช้หอกในการฟาดฟันศัตรู
แม้ตอนนี้เขาจะกลายมาเป็นผู้ปกครองคิไคแล้ว อาซึมะก็ไม่เคยหลงระเริงไปกับความหรูหราและควบคุมวินัยของตัวเองเช่นเดิม น้องชายของเขาก็แสดงความเคารพเขาจากใจจริง แต่ก็อย่างที่บอกตอนแรกด้วยรูปลักษณ์และท่าทางของอาซึมะที่แสดงออกมาให้เห็นตอนนี้ หากเป็นสายตาของคนที่รู้จักเขาผิวเผินย่อมมองว่าเหล่าน้องชายเขาเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นมากกว่าเป็นไหนๆ
คิจินหลายตนก็มักจะให้ค่ากับความแข็งแกร่ง พวกเขามักจะมีภาพของกษัตริย์ที่แข็งแกร่งราวกับเป็นตัวแทนแห่งศาสตร์การต่อสู้
จะพูดให้ชัดหน่อยก็คงจะเป็น กษัตริย์ควรจะมีร่างกายที่ใหญ่โต แขนขาแน่นราวกับท่อนซุง รูปลักษณ์ที่สง่างามจนสามารถคุมกองทัพนับหมื่นได้――รวมๆก็คือโดกะนั่นแหละ
โดยปกติแล้วหากเจอแบบนี้เขาไปอาซึมะก็ควรจะอิจฉาน้องชายตนเองและเห็นว่าเป็นตัวน่ารำคาญ ทางโดกะเองก็ควรจะทะเยอทะยานเพื่อให้ได้ตำแหน่งของพี่ชายตน จึงไม่แปลกที่จะมีคนคิดแยก 2 พี่น้องนี้ออกจากกัน
ทว่าการแสดงออกของโดกะและคาการิเมื่อเห็นพี่ชายของตนทั้งท่าทางสีหน้าและคำพูดที่บอกว่า 「กลับมาแล้วครับ」 ก็คงชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาแน่นแฟ้นกันแค่ไหน
4 พี่น้องจะมีอายุห่างกัน 5 ปี ดังนั้นอาซึมะจึงมีอายุมากกว่าโดกะ 5 ปี และมากกว่าคาการิ 15 ปี แต่การแสดงความเคารพของเหล่าพี่น้องไม่มีแววแห่งความขัดแย้งปนอยู่เลย
หากมีคนพยายามจะทำร้ายพี่ชายที่เคารพรักของพวกเขา พวกเขาก็คงไม่ลังเลที่จะกำจัดมันให้สิ้นซาก
「พวกเรากลับมาแล้ว เฮีย」
「กลับมาแล้วครับ พี่อาซึมะ」
「อื้อ ดีใจจริงๆที่พวกเจ้าทั้งคู่ยังปลอดภัยกันดี ดูเหมือนคาการิจะสูงขึ้นนิดหน่อยนะ」
คาการิตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะทำสีหน้าเหมือนเชื่อไม่ลง
「พี่อาซึมะ ถึงข้าจะเด็กแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางที่จะสูงขึ้นจนคนอื่นสังเกตเห็นได้ภายในหนึ่งเดือนหรอก」
「ไม่หรอกๆ ข้าเห็นเป็นแบบนั้นจริงๆ แค่หายหน้าไป 3 วันแต่ถ้ามองด้วยสายตาที่เฉียบคมพอยังไงก็ต้องรู้น่า ว่าไหมโดกะ?」
「นั่นสินะ คาการิก็อยู่ช่วงวัยกำลังโต ข้ามั่นใจว่าเขาคงเติบโตไปได้อีกเยอะ ทุกวันนี้พอได้เห็นเขาทีไรก็อดคิดไม่ได้จริงๆว่าเจ้าเด็กตัวน้อยตอนนั้นเติบโตมาแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วหรือนี่ ชวนให้นึกถึงวันเก่าๆจริงๆ」
「ตอนนั้นคาการิอายุได้ 3 ปีเองนี่นะตอนท่านพ่อเสียไป แล้วดูสิตอนนี้กลายมาเป็นนักรบชั้นยอดของนากายามะไปเสียแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วราวกับสายน้ำ」
จากนั้นพี่ชายทั้งสองของเขาก็พูดคุยเรื่องวันวาน ด้วยความรู้สึกเหงาๆ
คาการิก็เคารพพี่ชายทั้ง 2 ของเขาจากหัวใจ แต่บางครั้งนิสัยคนแก่ที่ชอบนึกเรื่องอดีตมาคุยบ่อยๆก็ชวนให้เขารู้สึกอึดอัด
เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศดังกล่าวคาการิเลยพูดตัดบทขึ้น
「เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ พี่อาซึมะ สาเหตุที่พี่เรียกข้ากับพี่โดกะกลับมาจากแนวหน้าคืออะไรกัน? ในจดหมายก็ไม่มีอะไรเขียนอธิบายไว้ หรือจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น」
「อ้อ เรื่องนั้นไว้จะเริ่มอธิบายตอนฮาคโร่มาถึงแล้วกัน ขอโทษทีนะแต่พวกเจ้าทั้งคู่คงต้อง――」
ระหว่างที่อาซึมะกำลังจะบอกให้น้องทั้ง 2 รออีกสักพัก ก่อนจะพูดจบน้องชายอีกคนของเขาก็ปรากฏตัวขึ้น
「ฮารุโร่ผู้นี้กลับมาถึงแล้วครับ พี่ใหญ่」
พอสิ้นเสียงเขาก็เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ ชายคนนี้ช่างเหมาะสมกับคำว่า หนุ่มรูปงาม รูปร่างที่ได้สัดส่วนทองคำ ความสง่างามที่ชวนให้หลงไหล ความสมบูรณ์แบบของรูปร่างไม่ได้มีความผิดเพี้ยนแล้วแม้แต่น้อย
ความงามที่ผิดแปลกไปเสียจนชวนให้คิดว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลก บรรยากาศที่มองออกได้ยากว่าเขาคือชายหรือหญิงกันแน่
ฮารุโร่นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่สตรีที่ทำงานภายในวัง แถมยังมีชื่อเสียงในเมืองเซโตะพอสมควร ภาพวาดของเขามักจะขายหมดเร็วกว่าพี่น้องที่เหลือเสมอ หากเขามีธุระที่ต้องไปทำภายในเมือง เหล่าสตรีก็มักจะแห่ไปรวมตัวกันในพื้นที่นั้นราวกับแฟนคลับ
ดวงตาของอาซึมะแสดงความประหลาดใจออกมาเมื่อเห็นน้องชายของตน
「มาเร็วจังนะ ฮาคุโร่ กำลังจะให้คนไปตามอยู่พอดี」
「ขออภัยด้วย แต่ข้าเองก็เดาเอาไว้แล้วว่าหลังจากที่พี่รองกับคาการิได้รับจดหมายจากพี่ใหญ่พวกเขาก็น่าจะรีบวิ่งกลับมาอย่างเต็มกำลังและถึงวันนี้ นอกจากนี้ข้าก็สั่งให้คนที่เฝ้าประตูรีบมาแจ้งหากพวกเขามาถึงแล้วด้วย」
「โฮ่ ดำเนินการอะไรรวดเร็วเหมือนเคยเลยนะ ก็แปลว่าคงเตรียมชา ขนมไว้รอแล้วด้วยสิ?」
「ครับ」
เมื่อฮาคุโร่ส่งสัญญาณ ข้ารับใช้สาวที่ถูกแจงงานไว้ก่อนแล้วก็เริ่มนำขนมและเครื่องดื่มต่างๆมาไว้บนโต๊ะ
จากนั้นอาซึมะก็มองไปยังคาการิ
「จะให้ข้าเรียกคนมาเตรียมอาหารสำหรับคาการิด้วยไหม」
「ข้าว่าไม่จำเป็นครับพี่ใหญ่ หากเป็นคาการิแล้วข้ามองว่า เขาคงจะอาหารใส่ท้องก่อนมาถึงวังแล้วแน่นอน」
「พี่ฮาคุโร่ อย่ามาตัดสินคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้สิ」
คาการิทักท้วง ทางฮาคุโร่ที่เห็นก็หรี่ตาลงและมองไปยังใบหน้าของน้องชายตนด้วยสายตาที่เฉียบคม
พี่น้องคนที่ 3 แห่งนากายามะมีดีมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก แม้ว่าเขาจะดูอ่อนแอ แต่ในสนามรบเขาก็นับว่าเก่งกาจ ในอดีตเหล่าแม่ทัพของศัตรูที่ดูถูกฮาคุโร่เอาไว้ก็กลายเป็นปุ๋ยในสนามรบมานักต่อนักแล้ว
นอกจากนี้ด้วยสติปัญญาที่เป็นเลิศ งานบริหารบ้านเมืองจึงไม่มีใครเทียบเท่า ทำให้เขามีสถานะไม่ต่างอะไรกับอัครเสนาบดีแห่งนากายามะ ที่ดูแลกิจการของชาติทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนเขาก็ขยันขันแข็งทำงานเพื่อนากายามะ
เมื่อสายตาของชายที่เก่งทั้งบู้และบุ๋นจ้องมองมายังคาการิ คาการิก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกเกลียดพี่ชายคนนี้ของเขาเลยสักนิด
ทางฮารุโร่เองก็เช่นกัน ที่เขาทำไปก็เพราะพี่ชายคนโตและคนรองมักจะเอาใจน้องคนเล็กอยู่เสมอ เขาก็เลยเลือกที่จะเป็นฝ่ายเข้มงวดเสียเอง หากมีสิ่งใดที่มากเกินไปก็จะเป็นพิษ มันเลยเป็นการแสดงความรักระหว่างคนในครอบครัวแบบของเขาเอง
จากนั้นฮารุโร่ก็เปิดปากพูดขึ้น
「หากเจ้าต้องการหลักฐาน ก็คงจะเป็นครามซอสที่ติดอยู่ตรงปากนั่นไง」
「เอ๋ ไม่จริงน่า ข้าว่าข้าเช็ดจนหมดแล้วก่อนมาเจอพี่อาซึมะ――อ๊ะ」
ฮาคุโร่ทำได้เสียงส่ายหัวไปมาว่าไม่ไหวๆ ส่วนคาการิก็แสดงท่าทางขอโทษแต่โดยดี
「ที่ข้าจะบอกก็คือ ข้าไม่ได้อยากจะบ่นที่เจ้ากับพี่รองไปกินอะไรกันมาก่อนหรอก แต่มันแค่น่าเสียดายที่พวกเจ้าต้องไปหาอะไรกินแถวแผงลอยแทนที่จะมากินในนี้ หากพวกเจ้าต้องจริงข้าก็คงจะไปเตรียมให้แล้ว」
โดกะก็ทำได้เพียงเกาหัวตอบรับคำบ่นของน้องชายเขา ส่วนคาการิก็แสดงท่าทางสำนึกผิดตาม อันที่จริงแล้วในหมู่พี่น้องฮาคุโร่ถือว่าเป็นคนที่ฝีมือทำอาหารโดดเด่นมากเลยทีเดียว
「อาหารของฮาคุโร่ก็อร่อยจริงๆนั่นแหละ แต่ใช้เวลาเตรียมนานเกินไปหน่อยไหม ถึงเจ้าจะบอกว่าเป็นอะไรง่ายๆ แต่ก็ต้องรอเป็นชั่วโมงตลอดเลย สู้ไปหากินเอาข้างนอกคงง่ายกว่า」
「อาหารคือชีวิตและเชื้อเพลิงสำหรับการใช้พลัง หากทำโดยขาดความพิถีพิถันถือว่าเป็นการดูหมิ่นครับ」
ฮาคุโร่พูดด้วยท่าทีที่แน่วแน่ จังหวะนั้นเองพอเขาสัมผัสได้ว่านอกเรื่องไปไกล เขาก็กระแอมคอหนึ่งครั้ง
「จะว่าไปก็นอกเรื่องกันไปไกลแล้ว มาถึงธุระของพวกเรากันดีกว่า นั่งลงกันก่อนสิ――จะได้เริ่มคุยกันเรื่องกบฏคาซานที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้」
——–
Note 1 : ไม่ได้ทำในคอมไว้เย็นๆเดี๋ยวค่อยมาตรวจอีกที
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code