การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ – ตอนที่ 273 ความมุ่งมั่นและความพอใจ

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

ตอนที่ 273 ความมุ่งมั่นและความพอใจ

 

 

ตระกูลคุมอนนับว่าเป็นตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาข้ารับใช้ของมิตสึรุกิ

 

ต้นตระกูลของพวกเขานั้นคือบุคคลที่ใกล้ชิดที่สุดกับนักบุญดาบคนแรก และตลอด 300 ปีที่ผ่านมาพวกเขาก็มีบทบาทสำคัญในตระกูลมิตสึรุกิมาโดยตลอด

 

กลับกันพวกเขากลับไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองภายในตระกูลมิตสึรุกิเลย อย่างตำแหน่ง 4 เสาหลักพวกเขาก็ไม่คิดจะเกี่ยวข้องเพราะมองว่าหน้าที่ของตัวเองในฐานะธงแห่งผืนป่าไม่ใช่การแสวงหาอำนาจภายในตระกูล

 

หรือก็คือตระกูลคุมอนไม่ได้แก่งแย่งชิงดีในอำนาจกับตระกูลอื่นนั่นเอง

 

 

หากไปสู้ในศึกแห่งอำนาจถึงจะชนะไปก็มีแต่สร้างความแค้นให้กับอีกฝ่าย ต้นตระกูลคุมอนจึงมีประเพณีสืบทอดกันอย่างลับๆ มาโดยเสมอว่าตนคือเงาที่จะคอยปกป้องตระกูลมิตสึรุกิและไม่กระทำการเสี่ยงใดๆ จนกว่าเวลานั้นจะมาถึง

 

ทว่าในมุมมองของตระกูลอื่นแล้ว ภาพของตระกูลคุมอนก็เป็นเหมือนภาพสะท้อนของตัวอย่างข้ารับใช้ผู้ภักดี เป็นมิตรกับทุกคนและเป็นผู้นำทัพรบรากับศัตรูที่น่าเชื่อถือ

 

จึงทำให้ตระกูลคุมอนได้รับความเคารพจากตระกูลอื่น แม้พวกเขาจะไม่มีอำนาจในเชิงแต่งตั้ง แต่อิทธิพลภายในของพวกเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุคของชูยะที่กลายมาเป็น 1ใน2 สุดยอดผู้คุ้มกัน แถมด้วยนิสัยของเขายังทำให้พวกธงแห่งผืนป่าเคารพมากกว่าเดิมอีก หากชูยะต้องการจริงๆ เขาสามารถยึดอำนาจที่ตระกูลเบิร์ชมีทั้งหมดในตอนนี้ได้ง่ายๆ ด้วยซ้ำ

 

อันที่จริงพวกธงแห่งผืนป่าหลายคนเองก็แอบตั้งความหวังให้เขากลายเป็นหัวหอกในการงัดกับตระกูลเบิร์ชเหมือนกัน

 

 

 

แต่ชูยะที่ปฏิบัติตามประเพณีที่สืบทอดกันมาภายในตระกูลรุ่นสู่รุ่น เขาจึงไม่คิดจะสนใจเล่นการเมืองภายในตระกูล

 

ในฐานะรองหัวหน้าหน่วยที่ 1 เขาก็ช่วยเหลืองานของไดรอาทเป็นอย่างดีแถมยังแสดงความเคารพต่อกิลมอร์ที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขาด้วย อีกทั้งตัวของกิลมอร์ผู้เคยโค่นในตระกูลสกายชิพที่เป็นอีก1ในตระกูลมหาอำนาจลงได้ยังไม่กล้าจะมายุ่งกับคุมอนที่มีชูยะดูแลเลย

 

 

 

จุดนี้ตระกูลคุมอนกับเบิร์ชจึงรักษาระยะห่างกันได้เป็นอย่างดีและรับใช้สนับสนุนชิกิบุเรื่อยมา

 

 

 

 

――ทว่าบัดนี้ชูยะได้ทำการท้าทายโซระที่เป็นผู้นำตระกูลคนใหม่แล้ว

 

 

ความหมายในการกระทำของเขามันส่งผลกระทบมากจริงๆ อย่างน้อยก็ในสายตาของพวกธงแห่งผืนป่า มันทำให้เห็นว่าขนาดชูยะผู้ที่กิลมอร์ยังต้องยอมหลบให้ยังไม่ยอมรับผู้นำตระกูลคนใหม่ที่เข้ามาแทนชิกิบุ

 

 

ในที่นี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยินดีกับการได้โซระเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ ทว่าก็ไม่ได้มีผู้ใดยินดีกับแผนการของโซระที่จะพาพวกคิจินไปยังทวีปหลักเลยสักนิด

 

 

ความหวังของพวกเขาจึงมุ่งไปทางชูยะอย่างช่วยไม่ได้

 

 

แต่โซระที่เอาชนะนักบุญดาบผู้แกร่งที่สุดในยุคลงได้ ก็คงต้องบอกว่าโอกาสของชูยะช่างน้อยนิด

 

 

 

อย่างไรก็ตาม มันก็สามารถมองได้ว่าอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าของโซระนั้นเป็นพลังที่ชนะทางนักบุญดาบมากกว่าก็ว่าได้

 

ดังนั้นก็ต้องมาวัดกันว่าอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าของโซระกับชูยะมันจะได้ผลออกมาแนวไหน

 

 

ธงแห่งผืนป่าก็ได้แต่หวังว่าชูยะจะเป็นตัวแทนของพวกเขาในการลงโทษผู้นำตระกูลคนใหม่จอมผยองเสีย

 

 

…ทว่าทางตัวของชูยะตอนนี้กลับไม่ได้สนใจความคาดหวังของคนทั้งหลายรอบตัวเขาและปล่อยมันผ่านไปเหมือนกับสายลม

 

 

สุดท้ายการต่อสู้ของทั้งสองก็ได้เริ่มขึ้น

 

 

แต่การต่อสู้ของ 2 นักดาบที่เก่งกาจแค่ลานประลองย่อมไม่เพียงพอสำหรับพวกเขา ทั้งคู่จึงได้ออกจากเมืองชูโตะไปยังพื้นที่ภายนอกแทน

 

 

 

 

「เสริมแกร่งอาภรณ์วิญญาณ――จงเชื้อเชิญ สการี (ราชินีแห่งเงา) 」

 

 

 

พอมายืนอยู่ตรงจุดที่โซระกับชิกิบุเคยสู้กัน ร่องรอยของการต่อสู้ครั้งก่อนก็ยังคงอยู่ ชูยะก็งัดอาภรณ์วิญญาณของตนออกมาทันที

 

 

 

วินาทีนั้นเองสายลมอันหนาวเหน็บก็ได้พัดผ่านเกาะอสูรยักษ์

 

 

ความรู้สึกกดดันราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นกำลังกุมหัวใจของผู้คนเอาไว้ แค่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้แขนขารู้สึกชาไปหมด

 

เพียงแค่การเอาอาภรณ์วิญญาณออกมา เสียงลมหายใจของยมทูตก็เริ่มได้ยินชัดขึ้น

 

 

ที่มาของมันก็ไม่ใช่อะไรแต่เป็นสิ่งที่โผล่มาอยู่ในมือของชูยะ

 

หอกสีดำที่เหมือนถูกย้อมด้วยหมึกทั้งด้าม ส่วนปลายแหลมของมันนั้นมีพิษร้ายซึ่งสามารถหลอมละลายร่างศัตรูได้ด้วยการแทงเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังสร้างความเสียหายโจมตีศัตรูรอบๆ ได้ด้วยเงาอีกด้วย

 

เนื่องจากความอันตรายของมัน จึงทำให้ชูยะไม่ค่อยจะเอาออกมาใช้ ทว่าการที่เขางัดมันออกมาตั้งแต่เริ่มต่อสู้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าเขาทุ่มสุดตัวกับการต่อสู้ครั้งนี้

 

 

ทางด้านโซระเองก็เช่นกัน

 

 

 

 

「เสริมแกร่งอาภรณ์วิญญาณ――จงกลืนกินโซลอีทเตอร์」

 

 

 

เขาเอาอาภรณ์วิญญาณออกมาโดยไม่ได้รู้สึกผงะกับแรงกดดันของชูยะเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่แปลกอะไรการที่ผู้เอาชนะนักบุญดาบลงได้จะมากลัวอะไรกับแค่ 2 สุดยอด

 

 

พลังที่โซระปลดปล่อยออกมานั้นมันทรงพลังเสียยิ่งกว่าคราวก่อน แรงกดดันที่แผ่ไปทั่วเกาะนั้นรุนแรงมากเสียจนทำให้คราวนี้ถึงจะเป็นพวกหัวหน้าหน่วยก็มีคุกเข่าลงกันไปบ้าง

 

 

พลังที่เหนือยิ่งกว่าที่สัมผัสได้จากนักบุญดาบ ความเข้มข้นและความละเอียดอ่อนภายในการแผ่พลังก็ดียิ่งกว่าคราวก่อน

 

ชูยะอดแปลกใจไม่ได้เลยกับพลังของโซระที่แสดงออกมาให้เห็นราวกับเป็นคนละคน

 

 

 

โดยปกติแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่ความสามารถควบคุมอาภรณ์วิญญาณของตัวเองได้ง่ายๆ ยิ่งเป็นหลังใช้อาภรณ์แห่งว่างเปล่าได้ยิ่งแล้วใหญ่ มันแสดงให้เห็นว่ายิ่งอาภรณ์วิญญาณของตัวเองแกร่งมากแค่ไหน ก็จะควบคุมยากขึ้นไปเท่านั้น

 

 

เลเวลของโซระที่สู้ตัวต่อตัวกับชิกิบุได้ก็น่าจะใกล้เคียงกับชิกิบุแน่ๆ ทว่าวันนี้กลับแตกต่างออกไปราวกับเลเวลของเขานั้นขึ้นไปสูงมากกว่าที่เป็น

 

 

――จนทำให้ชูยะคิดว่าหรือเลเวลของโซระจะไม่มีทางตัน

 

 

ในระหว่างที่ชูยะกำลังจมในห้วงความคิด ภาพของโซระตรงหน้าก็เริ่มพร่าไป

 

 

เพียงวินาทีต่อมา ร่างของโซระก็มาปรากฏตัวตรงหน้าของชูยะก่อนจะใช้มือขวาเหวี่ยงดาบของตนลงมา

 

 

 

「อึก?!」

 

 

 

แขนของชูยะทำงานก่อนที่เขาจะรู้ตัวโดยการยกหอกขึ้นมาป้องกันการโจมตีของโซระทันที

 

 

การโจมตีของโซระช่างรุนแรงเสียจนชูยะคิดว่าร่างของเขาจะถูกบดขยี้ไปพร้อมกับหอกของเขาเลยไหม

 

 

ชูยะพยายามจะผลักอีกฝ่ายกลับไป ทว่าร่างของโซระและอาภรณ์วิญญาณที่ฟาดลงมานั้นกลับไม่ขยับเลย ทั้งที่อีกฝ่ายใช้แค่มือขวาข้างเดียว เทียบกับตนที่ใช้มือทั้งสองข้างในการดัน แต่มันก็ยังไม่ขยับ

 

 

 

――หนัก

 

 

ชูยะคิดว่าตอนนี้ตนกำลังผลักหินผาอยู่หรืออย่างไรกัน

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วก่อนหน้านี้ ชูยะจับการเคลื่อนไหวของโซระก่อนมาถึงตัวเขาไม่ได้เลย

 

 

 

จากนั้นโซระก็ทำการเหวี่ยงมือซ้ายที่ว่างไปยังหอกของเขา

 

 

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำลายหอกของเขาหรือทำลายสมดุลของเขาอยู่กันแน่ ทว่าเพียงชั่วพริบตาชูยะก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง

 

 

 

 

 

「ชิโกะโนะซัง――」

 

 

 

 

เกือบจะวินาทีเดียวกันกับที่โซระเอ่ยคำนี้ออกมา ชูยะรีบถอยออกมาทันที

 

 

หวัดที่โซระปลดปล่อยออกมานั้นรุนแรงมากเสียจนน่าจะสามารถทำลายชูยะได้ไปถึงจิตวิญญาณแน่ๆ ของอย่างการเล็งทำลายอาภรณ์วิญญาณหรือทำให้เสียหลักนั้นตัดทิ้งไปได้เลย

 

ชูยะไม่แน่ใจเลยสักนิดว่าอาภรณ์วิญญาณของเขาจะต้านหมัดของโซระได้

 

ชูยะจึงเลือกที่จะถอยแทน

 

โซระจึงไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดไป

 

「――――ฮึบ!」

 

 

โซระพุ่งถีบพื้นตามชูยะที่ล่าถอยไปแล้วพริบตาเดียวระยะห่างของทั้งสองก็หายไป

 

ขวา ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ซ้าย การฟาดฟันของดาบจากโซระนั้นรวดเร็วและคาดเดาได้ยากมากเสียจนคิดว่ากำลังโดยแส้สายฟ้าฟาดโจมตี

 

 

 

ไม่เพียงแค่นั้นทุกการโจมตีของโซระยังรุนแรงมากจนชูยะถูกบังคับให้ตกอยู่ในสภาพป้องกันอย่างเดียว แค่เวลาจะพักหายใจยังไม่มีเลย

 

 

ทว่าการที่ชูยะได้ตำแหน่ง 1ใน2สุดยอดมา ก็พิสูจน์แล้วว่าเขามีของดีอยู่กับตัว การโจมตีของโซระในตอนนี้จึงยังไม่ถึงตัวของชูยะ

 

 

แต่ทุกครั้งที่เขาต้องรับการโจมตีของชูยะแรงกระแทกที่ส่งผ่านมายังมือของชูยะที่จับหอกเอาไว้ก็สร้างภาระให้กับร่างของเขาอย่างหนัก อาภรณ์วิญญาณของเขาก็เริ่มส่งเสียงกรีดร้องออกมาทุกครั้งที่ต้านการโจมตี

 

 

 

เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ ชูยะจึงได้หาโอกาสเสี้ยววิที่โซระหยุดมือพักหายใจและโต้กลับ

 

 

 

 

 

「มายาดาบเดียว กระบวนท่าหนองบึง ดวงตาสะกด」

 

 

 

ดวงตาสะกดคือเทคนิคที่ไม่ได้สร้างความเสียหายเดียวในกระบวนท่าลับ ซึ่งมีไว้เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย

 

 

 

ศัตรูที่ได้รับผลของกระบวนท่านี้ไปจะทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้ช้าลงราวกับถูกหนองบึงไร้ก้นกลืนกินและยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหน ก็จะถูกรัดแน่นมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

 

 

อ้างอิงจากการที่โซระสามารถเคลื่อนไหวต่อได้แม้จะถูกชิกิบุกระหน่ำเทคนิคลับโจมตีหลายหน ก็พอจะเดาได้ว่าการโจมตีตรงๆ กับโซระมันไม่ได้ผล ดังนั้นชูยะจึงเลือกจะใช้การพันธนาการแทน

 

 

เขามองว่าหากชะลอการเคลื่อนไหวของโซระได้สักนิด ก็น่าจะพอใช้หอกของเขาในการจัดการโซระได้

 

 

ทว่า

 

 

 

「ย้ากกก!」

 

 

โซระได้ปล่อยพลังคิจำนวนมากออกมาจนทำให้พันธนาการของชูยะแตกสลายไปอย่างง่ายดาย จนเรียกได้ว่านี่คือความต่างระหว่างพลังของสองฝ่าย

 

โซระที่หลุดพ้นจากเทคนิคลับก็กลับมาโจมตีต่ออีกครั้ง

 

 

 

ก็จริงว่าการโจมตีของชูยะนั้นไม่ได้มีแค่พิษแต่ยังสามารถโจมตีจากเงาของอีกฝ่ายได้ด้วย ทว่าตัวชูยะตอนนี้ไม่ได้มีเวลามากพอจะมาเล็งเงาของโซระอีกแล้ว

 

หากเขาพยายามฝืนตัวเองขนาดนั้น หัวของเขาเองนี่แหละจะได้หลุดเสียก่อน

 

นอกจากนี้ตัวชูยะที่ใช้หอกนั้นสำหรับธงแห่งผืนป่าก็เรียกว่าหาได้ยากจริงๆ ยิ่งเป็นระยะการโจมตีและลักษณะการต่อสู้ของหอกกับดาบที่มาเจอกันอีก ดังนั้นคู่ต่อสู้ของชูยะทุกคนก็เลยให้ความระวังกับจุดนี้พอสมควร

 

ข้อได้เปรียบนี้จึงเป็นจุดดีของคนที่ใช้หอกอย่างพวกชูยะ แต่โซระกลับไม่ได้สนใจในจุดนี้เลย

 

การเคลื่อนไหว การสร้างระยะห่าง การวิเคราะห์ของเหล่านั้นไม่จำเป็นสำหรับโซระในตอนนี้เลย สิ่งที่โซระใช้ในตอนนี้มีเพียงพลังเพียวๆ ที่เหนือกว่าอีกฝ่าย

 

 

 

จากมุมของโซระถึงชูยะจะใช้หอกหรือดาบก็คงไม่ต่างกัน

 

――แข็งแกร่ง

 

 

หลังจากต้านการโจมตีไปมากกว่า30ครั้ ชูยะก็สร้างระยะห่างจากโซระอีกครั้งและพูดกับตัวเอง

 

 

ชูยะได้เฝ้าดูการต่อสู้ของโซระกับชิกิบุเมื่อวันก่อนอย่างใกล้ชิด เขาเองก็ทำใจเอาไว้แล้วว่าตนจะเสียเปรียบแน่ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าโซระจะเหนือกว่าเขามากมายถึงเพียบงนี้

 

พลังอันท่วมท้นและความมั่นใจในตัวเองที่แสดงออกมา กำแพงปราสาทที่ไม่มีวันสั่นคลอน เขาเริ่มเห็นในตัวโซระเหมือนกับที่เห็นในชิกิบุผู้เป็นพ่อของโซระแล้ว

 

 

โซระแข็งแกร่งกว่าเมื่อวันก่อน แถมยังเหมือนจะปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่ฉุดรั้งเขาไว้ได้หลังเอาชนะพ่อของตนเอง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือโซระสามารถเอาชนะพ่อของเขาได้ขณะที่เขามีพันธนาการบางอย่างฉุดรั้งอยู่

 

มิตสิรึกิ ชิกิบุ ผู้ได้รับการยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักบุญดาบตั้งแต่ยุคของต้นตระกูล

 

 

――ชูยะไม่สงสัยอีกต่อไปแล้วว่าชายตรงหน้าของเขาจะสามารถเอาชนะศัตรูที่แท้จริงซึ่งตระกูลมิตสึรุกิได้ฝากฝังเอาไว้ได้หรือไม่

 

 

ตอนนี้ชูยะได้ตัดสินแล้วว่าเขาควรจะทำเช่นไรต่อ ความตั้งใจเดิมของเขาคือการสนับสนุนโซระและหาเหตุผลให้มันเหมาะสมสักหน่อยอยู่แล้ว

 

ความกังวลในตัวของโซระที่เขามีก็ถูกขจัดไปจนหมด คิดตามเหตุและผลชูยะไม่มีเหตุผลต้องสู้กับโซระต่อ สิ่งที่เขาควรทำจากนี้คือการโน้มน้าวให้คนอื่นๆ เห็นดีงามด้วย

 

โซระไม่ได้เอาชนะชิกิบุได้เพียงเพราะอาภรณ์แห่งความว่างเปล่าของเขาชนะทางอีกฝ่าย ชูยะพยายามแสดงให้ทุกคนเห็นว่าถึงเขาจะไม่ใช้มัน เขาก็ยังเอาชนะ 1 ใน 2 สุดยอดอย่างตนได้

 

 

 

 

 

ด้วยเหตุนี้ชูยะจึงท้าทายโซระให้มาประลองกับเขา ก็จริงว่ามีโอกาสที่โซระจะไม่เล่นด้วย เพราะตัวโซระก็ไม่ได้รู้ถึงเบื้องหลังของตระกูลคุมอนและความตั้งใจของชูยะ

 

 

พอเรื่องมาถึงตรงนี้ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่หากสุดท้ายตนถูกอีกฝ่ายตัดหัวทิ้งไปจริงๆ ก็คงขำไม่ออกนัก

 

อย่างไรก็ตามจะมายกมือขอยอมแพ้เอาตอนนี้ มันก็จะกลายเป็นการแสดงปาหี่กับพวกคนอื่นๆ แทนอีก

 

เหนือสิ่งอื่นใด ส่วนลึกของชูยะกลับไม่อยากจะหยุดอยู่เพียงแค่นี้ ไม่ใช่เพราะศักดิ์ศรีหรืออะไรทำนองนั้น แต่เป็นเพราะเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกับคนที่เหนือกว่าตนเป็นอย่างมาก หากไม่นับชิกิบุ

 

 

พอได้มาเป็นรองหัวหน้าหน่วยที่ 1 โอกาสที่จะได้สู้อย่างสุดกำลังก็น้อยลงไปทุกทีเพราะตำแหน่งและความสามารถของตัวเอง

 

 

ชูยะจึงไม่อยากจะพลาดโอกาสที่แสนหายากเช่นนี้ ในฐานะผู้นำตระกูลคุมอนก็จริงว่าเขาควรจะหยุดได้แล้ว แต่ความตื่นเต้นนั้นมันได้จุดไฟขึ้นในใจของเขาแทน

 

 

 

「เรามาเต้นรำกันหน่อยไหมสการี? 」

 

 

 

และราวกับจะตอบคำถามนั้น อนิม่าของเขาก็ได้ตอบกลับไป 「ยังจำเป็นต้องถามหรือ」

 

 

 

ชูยะได้เผยรอยยิ้มออกมาและมองไปยังโซระอีกครั้ง แต่สายตาของเขาคราวนี้ไม่ใช่ชายผู้เป็นผู้นำตระกูลคุมอน แต่เป็นเพียงธงแห่งผืนป่าผู้หนึ่ง

 

——-

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~

Status: Ongoing
ตระกูลมิตสึรุกิได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องประตูปีศาจจากองค์จักรพรรดิ โซระ มิตสึรุกิ ผู้เกิดมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล กำลังตั้งตารอพิธีตัดสินในปีที่เขาอายุครบ13ปี การทดสอบที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเรียนรู้วิชาดาบเดียวมายาซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลมิตสึรุกิ พี่น้องของเขาทั้งหมดนั้นต่างก็ผ่านบททดสอบดังกล่าว จะเหลือก็เพียงโซระ บัดนี้พ่อ น้องชาย คู่หมั้น และญาติของเขาก็ต่างจับจ้องไปยังโซระที่จะเริ่มทดสอบกันอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท