บทที่ 31 – เควสเสร็จสิ้น
มิวรอจนกว่าทั้งสามคนนั้นจะฟื้น ขณะคุยกับผู้กล้าเอริเนียรอ แน่นอนว่าพวกสัตว์ประหลาดเหมือนจะไม่เกิดมาอีกแล้ว
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะหอคอยถูกยิงจนทะลุทำให้หอคอยต้องหยุดการปล่อยอสูรออกมา.. หรือไม่ก็เป็นเพราะพลังทำลายล้างของลมหายใจมังกร
มันดันยิงไปถึงไอ้สถานที่ที่เรียกพวกสัตว์ประหลาดนี้มา จนทำให้พวกมันไม่สามารถโผล่มาได้อีก.. แต่จะยังไงก็ตามแต่เหมือนเรื่องราวจะสิ้นสุดลงแล้ว
เหลือเพียงแค่ให้เจ้าหนุ่มทราฟนั่นทำเรื่องราวทั้งหมดให้เสร็จ.. แน่นอนว่าพวกเอริเนียตัวน้อยกับรินนะก็ตื่นหลังจากนั้นไม่นาน
ส่วนผู้กล้าเอริเนียมิวบอกให้เธอกลับเข้าไป ถึงเจ้าตัวจะดูไม่อยากเข้าไปเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้
“ไหนบอกว่า..ชอบอยู่ด้านในมากๆ พอบอกให้เข้าไปดันไม่อยากเข้าไปซะงั้น”
มิวได้แต่คิดแบบนั้นอยู่ในใจ.. ทางด้านรินนะเองที่เห็นสภาพบ้านเมืองที่พังทลายจนพินาศไปหมดทำให้เธอตกใจ
“พี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
“เธอจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เหรอ?”
มิวถามด้วยความสงสัย แน่นอนว่าเพื่อยืนยันว่าอีกฝ่ายจำตอนถูกควบคุมจิตใจได้หรือเปล่า โดยส่วนตัวมิวคิดว่าจำไม่ได้
แน่นอนว่า เมื่อเห็นการเอียงหัวด้วยความสงสัยของรินนะมิวก็พอจะเดาถึงคำตอบได้แล้ว
“พี่พูดเรื่องอะไรเหรอ?”
“เปล่าหรอก… เอาเป็นว่าอย่างที่เธอเห็นมันจบไปแล้ว”
“เอ้ะ.. พี่เป็นคนทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองคนเดียวเหรอ?”
รินนะที่เห็นคำถามแบบนั้นเธอก็พอจะเข้าใจได้ว่า อาจเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ตอนที่ตัวเองหมดสติไปตอนไหนไม่รู้
และจากคำถามของมิว.. เธอจึงคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอาจจะเกิดขึ้นด้วยฝีมือของพี่สาวที่อยู่ตรงหน้านี้
มิวเองที่ได้ยินคำถามนั้นก็ลังเลนิดหน่อย.. เธอไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งบ้าบอของตัวเองนี้ควรพูดออกไปด้วยซ้ำหรือเปล่า
แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ได้ไร้สามัญสำนึกพอที่จะไม่รู้.. เธอพอจะเดาได้ว่าอย่างน้อยสิ่งที่เธอทำคน คนอื่นคงทำไม่ได้แน่ๆ
ยิ่งการเจาะหอคอยเป็นรูนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย… แถมยิ่งเป็นโลกในปัจจุบันที่มีการเล่นเกมการเมืองกันอย่างชัดเจน
ขืนความแข็งแกร่งเธอเปิดเผยออกไปคงมีพวกที่ไม่พอใจเพราะแข็งแกร่งเกินไป จนอาจจะมองเป็นภัยคุกคามได้
นอกจากนี้ตัวตนของเธอในตอนนี้ก็ปริศนามาก ตื่นขึ้นมาใต้ทะเลลึก.. ไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน แม้แต่บัตรประชาชนยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
ถ้าหากถูกเพ่งเล็งและเป็นเป้าหมายละก็คงไม่มีทางปกปิดเรื่องพวกนั้นได้แน่
เมื่อคิดทุกอย่างได้ดังนั้นมิวจึงตอบกลับไปว่า..
“ไม่หรอก ที่จริงแล้วมันเป็นพลังของบอสที่ออกมาตอนท้ายน่ะ ที่พวกเธอสลบไปก็เป็นเพราะมันนั่นแหละ”
“บอสเหรอคะ?”
“ใช่ จำไอ้สมองนั่นได้ไหม.. นั่นแหละเจ้านั่นแหละที่ทำส่วนฉันก็ทำได้แค่สู้นั่นแหละ ถึงจะขับไล่มันไปได้แล้วก็ได้นี่มาเป็นของตอบแทน”
มิวยื่นดาบมารกรีมัวร์ให้รินนะดู.. รินนะมองดาบในมือของมิวที่เป็นสีดำยาวไป 1.5 เซนติเมตรเห็นจะได้
รูปร่างของมันคล้ายกับกระบี่มากกว่าดาบยาวด้วยซ้ำ เมื่อมองดูแล้วมันรู้สึกพิศวงอย่างไม่น่าเชื่อ แม้รินนะจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ
เธอก็พอเดาได้ว่าดาบเล่มนี้เป็นของแรร์อย่างแน่นอน แต่คนแบบหล่อนสนใจอะไรแบบนั้นที่ไหน เธอไม่สนใจดาบ
“ไม่สิ ที่ฉันสนใจคือถ้ามันยิงพลังแรงขนาดนี้ พี่ก็เกือบตายเลยสิ .. อ้า น่าเสียดายจังทำไมฉันถึงหลับไปได้เนี่ย”
“เฮ้ย เดี๋ยว ไอ้คำพูดที่เหมือนอยากเห็นใกล้ตายแบบนั้นมันหมายความว่าไงห้ะ”
มิวพูดขัดขึ้นมากับไอ้วิธีการพูดที่เหมือนยัยนี่แช่งให้เธอไปตาย รินนะเหมือนไม่ได้สนใจการถามที่เหมือนไม่ตลกของมิว
กลับกันเธอหลับตาแล้วพูดอธิบายด้วยความสุนทรีย์ เหมือนกับเจ้าหญิงในการ์ตูนของพวกอเมริกา
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ฉันก็แค่รู้สึกว่ามันน่าจะสนุกนี่น่า ก็แบบได้สู้กับสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังขนาดนั้นเลยนะพี่”
“พลาดแค่ก้าวเดียวก็ตายเลยนะพี่ ถ้าตายไปทุกคนจะเศร้าโศก เพื่อน พ่อ แม่ พี่น้องหรือแม้แต่คนรัก ทุกความรู้สึกนั้นจะถูกแบกไว้บนบ่า”
“ถ้าพี่ตายพี่จะเป็นคนชั่วร้ายที่สุดในโลก ดังนั้นต้องสู้… สู้ด้วยทั้งหมดที่มี สู้ สู้ สู้ สู้ไปจนกว่าจะตาย ทุกวินาทีล้วนสำคัญยิ่งกว่าอะไรบนโลกใบนี้ คมดาบที่ตัดผ่านหน้า เสียงปะทะราวกับฟ้าร้อง เลือดที่ไหลริน ความเจ็บปวดทีกัดเซาะไปทั้งร่าง”
“อ้า… แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วไม่ใช่เหรอพี่.. แบบนั้นไม่ใช่เหรอถึงจะเรียกว่าความสนุกของชีวิต”
เธอลืมตาขึ้นมองไปที่มิวด้วยสายตาที่เหมือนเต็มไปด้วยตัณหาซึ่งต้องการ การเติมเต็ม.. มองยังไงก็เหมือนพวกโรคจิต
“อย่ามาล้อเล่น การเสี่ยงตายมันจะไปสนุก..ได้ไง!”
มิวบ่นออกมาพร้อมกับไม่สนใจรินนะ.. แต่ความคิดของมิวก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่ตัวเองต่อสู้.. เธอไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน
กลับกันเมื่อเทียบกับตอนนั่งอยู่เฉยๆ แล้วจัดการพวกกระจอกโดยไม่ทำอะไร มันทำให้จิตใจของเธอเหมือนว่างเปล่า
“สนุกเหรอ..”
มิวยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว.. เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารอยยิ้มของเธอยกขึ้นเมื่อไหร่ และไม่มีทางรู้ว่าหน้าตาตัวเองในตอนนี้กำลังแสดงสีหน้าแบบไหน
“นั่นไง.. พี่เองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?!”
“หือ.. เธอพูดเรื่องอะไร?”
จู่ๆ รินนะก้ร้องออกมาปลุกมิวออกจากโลกแห่งความคิด เมื่อมิวกลับมาก็มองรินนะที่โวยวายด้วยความสงสัย
“ทำเป็นพูดว่าการเสี่ยงตายจะสนุกได้ไง.. แต่ดูตอนยิ้มเข้าสิ.. นั่นมันรอยยิ้มของเด็กที่สนุกกับการเล่นของเล่นชัดๆ”
“เธอพูดบ้าอะไรของเธอเนี่ย..?”
มิวเลิกสนใจรินนะ แต่รินนะเหมือนจะเซ้าซี้ให้ได้.. ในที่สุดทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบ เอริเนียเองก็ยังคงไม่พูดไม่จา
แต่เธอเองยังมองมิวอยู่เป็นเนื่องๆ.. เพราะเหมือนว่าเธอจะตอนที่ตัวเองถูกควบคุมจิตใจได้ คนที่ลำบากที่สุดก็คือมิว
แถมตอนนั้นเธอเลือดไหลออกจากจมูกจากหูเลยด้วย.. ก่อนที่เธอจะถูกมิวทำให้หมดสติไปดังนั้นเอริเนียจึงจ้องมองมิวอยู่บ่อยครั้ง
จนแม้แต่มิวเองก็สังเกตเห็นเหมือนกัน.. บรรยากาศของที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ประมาณนี้จนหมดเวลาเควส
“สำเร็จแล้ว!!”
เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาจากในห้องนอนของเจ้าทราฟ และเป็นเวลาเดียวกับที่หน้าต่างโฮโลแกรมปรากฏขึ้นตรงหน้าของรินนะกับเอริเนีย..
และที่น่าแปลกใจสำหรับมิวก็คือ.. ตอนนี้มันเหมือนจะปรากฏขึ้นตรงหน้ามิวด้วยเช่นกัน ทั้งที่ก่อนหน้าไม่คิดจะปรากฏเหมือนกับมิวไม่มีตัวตน
แต่ก็นะ.. ถ้ามองว่ามิวไม่มีตัวตนในตอนนี้ก้คงจะไม่ได้ ก็ในเมื่อคนคนนั้นถึงขั้นยิงหอคอยทะลุขนาดนั้น—
[แจ้งเตือนเควส]
ปกป้องบ้านของทราฟเป็นระยะเวลาหนึ่งวัน โดยระหว่างนี้ในศัตรูจะบุกเข้ามาเป็นคลื่นทุกครั้งที่จัดการหมด [403,581/403,581]
*เควสเสร็จสิ้น
[ของรางวัล]
ไม่สามารถคำนวณได้
………..
เมื่อมิวอ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอยังไม่มีเวลาได้แปลกใจว่าทำไมครั้งนี้ตัวเองถึงมีหน้าต่างกับคนอื่นเขา แสงสว่างจ้าก็อาบไล้ไปทั่วร่างของพวกเธอทั้งสามคน
“อะ..ไร!”
มิวถึงกับตกใจการเคลื่อนย้ายแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหอคอย ตามคำอธิบายคือการขึ้นไปยังชั้นต่อคือต้องเดินผ่านประตูแสงเท่านั้น
หากเป็นการที่มีวงแหวนเวทมนตร์โผล่ใต้เท้าแล้วหายไปอะไรแบบนั้นคือโดนกับดักไม่เกี่ยวกับการไปชั้นต่อไป
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ทั้งคู่.. เพราะเหมือนร่างกายของพวกเธอจะถูกแสงรักอย่างกะทันหันก่อนที่… ร่างพวกเธอจะสลายหายไปกลายเป็นอนุภาคแทบจะในวินาทีเดียวกัน
แต่เมื่อมิวลืมตาขึ้นอีกครั้ง…. ทุกอย่างในโลกนี้ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เหมือนกับตอนที่ขึ้นจากชั้นหนึ่งไปชั้นสอง
แต่ทว่าในที่แห่งนี้ทุกอย่างกลับเป็นสีขาวสว่างจ้า…
ด้านข้างมิวไม่มีทั้งรินนะหรือเอริเนีย
แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามิวก็คือบุคคลหนึ่ง.. ไม่สิ จะเรียกวว่าบุคคลได้ไหมด้วยซ้ำ เพราะเบื้องหน้าเธอคือสตรีที่มีร่างกายใหญ่โตมโหฬาร
แม้จะใหญ่ไม่ถึงครึ่งดวงตาปริศนาที่มิวอัญเชิญ.. แต่รังสีที่ปลดปล่อยออกมานั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับ
‘เทพ’
ไม่สิ.. สิ่งตรงหน้าต้องเป็น ‘เทพ’ อย่างแน่นอน!