กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 4 ทุบตีบ่าวชั่ว

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        ในเมื่อสืบทอดความทรงจำของอวิ๋นโม่มา แน่นอนว่าเขาย่อมจดจำความเกลียดชังที่มีต่ออวิ๋นเลี่ยได้

        “เอ๋ อวิ๋นโม่ เจ้าเองหรือ” อวิ๋นเลี่ยทำเสียงเหมือนประหลาดใจ 

        ในเมืองกวนซานเจิ้น ตระกูลอวิ๋นถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนลูกศิษย์ที่มีอยู่มากมาย ทรัพยากรจึงค่อนข้างจำกัด อวิ๋นเลี่ยไม่พอใจปริมาณทรัพยากรที่ตนเองได้รับ จึงหันหอกมาที่อวิ๋นโม่ ครอบครัวของอวิ๋นโม่ไม่มีที่พึ่งพิงในตระกูล พรสวรรค์ก็ต่ำต้อย ต่อให้อวิ๋นเลี่ยทุบตีอวิ๋นโม่จนตายก็ไม่มีใครออกปากอะไร อีกทั้งตัวเขาคงได้รับการลงโทษที่ไม่เจ็บไม่คัน แต่สิ่งที่จะได้ประโยชน์คือทรัพยากรส่วนของอวิ๋นโม่นั่นเอง

        ด้วยฐานะในตระกูลของท่านปู่ สามารถฉวยทรัพยากรส่วนนั้นมามอบให้เขาได้อย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่เจ้าขยะนี่กลับยังไม่ตาย!

        “อวิ๋นเลี่ย เจ้ายังกล้าโผล่หน้ามาอีก!” เมิ่งเอ๋อร์ร้องอย่างขุ่นเคือง นางมองอวิ๋นเลี่ยด้วยความเกลียดชัง อยากลงไม้ลงมือกับเขา อวิ๋นโม่จับตัวเมิ่งเอ๋อร์แน่น ไม่ปล่อยให้นางทำเรื่องโง่ๆ ความสามารถของพวกเขาในตอนนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอวิ๋นเลี่ย

        อวิ๋นเลี่ยแคะหู เอ่ยอย่างแปลกใจ “แล้วทำไมข้าจะมาไม่ได้ ขนาดพี่ชายของเจ้าที่เป็นแค่ตัวขยะระดับเสริมกำลังขั้นสามชั้นฟ้า ยังกล้าโผล่หัวออกมา แล้วข้าที่เป็นยอดฝีมือระดับเสริมกำลังขั้นแปดชั้นฟ้าจะไม่มาได้อย่างไร”

        อวิ๋นเลี่ยเองก็อายุสิบสี่ปี เมื่อฝึกฝนได้ถึงระดับเสริมกำลังขั้นแปดชั้นฟ้าก็นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่งของตระกูลอวิ๋น

        “เจ้าต่างหากที่เป็นตัวขยะ ทั้งบ้านเจ้าเป็นขยะ! หึ ตอนนี้พี่ชายของข้า…”

        “เมิ่งเอ๋อร์!” อวิ๋นโม่ขัดคำพูดน้องสาวในทันที สำหรับเรื่องการฝึกฝนและการรักษาของเขา เขาไม่ต้องการเปิดเผยออกไป “พวกเรามาเพื่อขอรับลูกกลอนเสริมกำลัง ไม่ใช่เพื่อเสียเวลากับพวกมัน”

        “ฮ่าๆ! ข้าได้ยินไม่ผิดกระมัง” หัวหน้าบ่าวไพร่หัวเราะเสียงดัง “อวิ๋นโม่ เจ้ายังมีหน้ามาขอรับลูกกลอนเสริมกำลังอีกหรือ”

        บ่าวผู้นี้มีชื่อว่าหลิ่วมี่เจียง เป็นสุนัขรับใช้ของอวิ๋นเลี่ย ตอนที่อวิ๋นเลี่ยกับพวกรุมทำร้ายอวิ๋นโม่ หลิ่วมี่เจียงก็คือคนที่ลงมือหนักที่สุด ขาที่บาดเจ็บของอวิ๋นโม่ก็เป็นฝีมือคนผู้นี้ ทั้งที่เป็นแค่บ่าวคนหนึ่ง กลับกล้าลงมือกับอวิ๋นโม่อย่างโหดเหี้ยม แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาฐานะของอวิ๋นโม่ต่ำต้อยเพียงไร

        “เป็นบ่าวไพร่ก็ควรทำตัวให้สมเป็นบ่าว เรื่องของเจ้านาย บ่าวอย่างพวกเจ้าสามารถเอ่ยปากได้ตั้งแต่เมื่อไร” แววตาของอวิ๋นโม่ทอประกายเย็นเยียบสองสาย ทำให้หลิ่วมี่เจียงหัวใจกระตุก อดถอยหลังไปสองก้าวไม่ได้

        คราวนี้หลิ่วมี่เจียงหน้าแดง มันคับข้องใจที่ตนเองถูกคำพูดของอวิ๋นโม่ทำให้หวาดหวั่น หลิ่วมี่เจียงแค้น ถึงมันเป็นบ่าวไพร่ แต่ก็มีตำแหน่งสูง ทุกเดือนได้รับลูกกลอนเสริมกำลังหนึ่งเม็ดเป็นรางวัล มันเห็นว่าฐานะของตนยังสูงส่งกว่าอวิ๋นโม่ด้วยซ้ำ

        หลังจากได้ยินคำพูดของพี่ชาย เมิ่งเอ๋อร์ก็สะใจอย่างยิ่ง เอ่ยว่า “ไม่ผิด บ่าวก็ต้องทำตัวให้สมเป็นบ่าว!”

        อวิ๋นเลี่ยเหลือบมองหลิ่วมี่เจียงด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง การแสดงออกของบ่าวผู้นี้ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจ หลิ่วมี่เจียงรีบก้มศีรษะลง มันกล้าร้องด่าอวิ๋นโม่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอวิ๋นเลี่ยก็ไม่กล้าวู่วาม

        อวิ๋นเลี่ยเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย แววตาเปี่ยมไปด้วยการดูถูก “อวิ๋นโม่ เจ้ายังมีหน้ามาวางท่าเป็นเจ้านายอีกหรือ หลิ่วมี่เจียงอยู่ระดับเสริมกำลังขั้นห้าชั้นฟ้าแล้ว คนอย่างเจ้าที่แม้แต่บ่าวคนหนึ่งยังสู้ไม่ได้ มีคุณสมบัติอะไร”

        หลิ่วมี่เจียงยังอารมณ์คุกรุ่นเพราะเรื่องน่าอายเมื่อครู่ ยามนี้จึงโผไปเบื้องหน้าอวิ๋นโม่ก่อนเอ่ย “อวิ๋นโม่ แม้แต่บ่าวอย่างข้า เจ้าก็สู้ไม่ได้ เจ้ามันเป็นขยะที่สู้ไม่ได้แม้แต่บ่าวคนหนึ่ง!” 

        เห็นหลิ่วมี่เจียงแสดงความโอหัง อวิ๋นโม่ก็ขมวดคิ้ว มือข้างหนึ่งดึงเมิ่งเอ๋อร์ไปอยู่ด้านหลังด้วยเกรงว่าหลิ่วมี่เจียงจะทำร้ายนาง

        เมื่ออวิ๋นโม่ไม่พูดอะไร หลิ่วมี่เจียงก็ยิ่งได้ใจดั่งมีลมหนุน ความมั่นใจคืนกลับมา คนที่ลำพองมักอยู่ในความประมาท หลิ่วมี่เจียงกำลังจะทำพลาดครั้งใหญ่

        “หึ อวิ๋นโม่ ถึงว่าเจ้าจะเป็นขยะที่เทียบไม่ได้กับสุนัขตัวหนึ่ง แต่ว่าน้องสาวของเจ้ากลับมีรูปโฉมงดงาม เจ้ามองว่าข้าเป็นบ่าว แต่ไม่แน่วันใดวันหนึ่งพวกผู้อาวุโสยกอวิ๋นเมิ่งเอ๋อร์ให้แต่งกับข้า เจ้าอาจต้องเรียกข้าว่าพี่เขยก็ได้”

        เพียะ

        อวิ๋นโม่ลงมืออย่างฉับพลัน ตบหน้าของหลิ่วมี่เจียงหนึ่งฝ่ามือ ทำเอาหลิ่วมี่เจียงตกตะลึง มันคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นโม่ที่ครั้งก่อนถูกสั่งสอนอย่างหนักจะกล้าลงมือกับมัน

        อวิ๋นเลี่ยที่อยู่อีกฝั่งสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ใช่เพราะอวิ๋นโม่ตบหลิ่วมี่เจียง แต่เป็นเพราะคำพูดเมื่อครู่ของหลิ่วมี่เจียงทำให้เขาโกรธแล้ว หลิ่วมี่เจียงจะอย่างไรก็เป็นแค่บ่าวคนหนึ่ง เรื่องบางเรื่องไม่อาจก้าวข้าม แต่เห็นว่าอีกฝ่ายออกหน้าแทนตน อวิ๋นเลี่ยจึงไม่ได้พูดอะไร 

        “เจ้าเป็นแค่บ่าวคนหนึ่ง อยากจะเลื่อนฐานะเป็นเจ้านายหรือ คางคกริอ่านกินเนื้อหงส์[1]”  อวิ๋นโม่เอ่ยเสียงเย็น มันหยามเกียรติเขา เขาอดทนได้ แต่นี่มันหยามเกียรติเมิ่งเอ๋อร์ ช่างรนหาที่ตาย! 

        “ถุย!” เมิ่งเอ๋อร์หันไปถ่มน้ำลายใส่หลิ่วมี่เจียงคำหนึ่ง 

        หลิ่วมี่เจียงเพิ่งได้สติ มันถึงกับถูกตัวขยะระดับเสริมกำลังขั้นสามชั้นฟ้าตบหน้า นี่ทำให้มันแค้นเคืองอย่างยิ่ง “อวิ๋นโม่ เจ้ากล้าตบข้าหรือ!” 

        “ตบเจ้าแล้วจะทำไม ข้ายังจะตบอีก”

        เสียงเพียะๆ ดังขึ้นที่ริมหูอีกสองครั้ง หลิ่วมี่เจียงไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงไม่หลบ

        “ตบได้ดี!” เมิ่งเอ๋อร์ปรบมือ

        หลิ่วมี่เจียงกุมหน้าด้วยความโมโหพลางหันไปมองอวิ๋นเลี่ย ถึงมันจะไม่พอใจอวิ๋นโม่ แต่อย่างไรมันก็เป็นเพียงบ่าว หากคิดจะลงมือ ก็ต้องได้รับอนุญาตจากที่พึ่งพิงก่อน มันขอสาบานว่าครั้งนี้จะต้องทุบตีอวิ๋นโม่ให้แหลกเละ จากนั้นยุยงให้อวิ๋นเลี่ยลงมือฆ่าอวิ๋นโม่เสีย! มีแต่ฆ่าอวิ๋นโม่แล้วจึงจะนับว่าได้ล้างอาย! 

        “เรื่องของตนเองก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง หรือว่าเจ้าที่อยู่ระดับเสริมกำลังขั้นห้าชั้นฟ้ายังสู้เศษสวะระดับเสริมกำลังขั้นสามชั้นฟ้าไม่ได้” อวิ๋นเลี่ยเอ่ยเสียงเรียบ แต่ก็เท่ากับว่าอนุญาตให้หลิ่วมี่เจียงลงมือแล้ว

        หลิ่วมี่เจียงได้รับอนุญาตแล้วก็หันกลับมายิ้มเย็น มันมองอวิ๋นโม่พร้อมบิดคอจนส่งเสียงกรอบแกรบ “หึๆ อวิ๋นโม่ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นความร้ายกาจของบ่าวคนนี้!”

        “พวกเจ้ากล้าหรือ!” เมิ่งเอ๋อร์ร้องลั่น นางเดินไปข้างหน้า ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ “หากพวกเจ้ากล้าลงมือ หลังจากท่านประมุขตระกูลออกจากการปิดด่านฝึกตน ข้าจะรายงานเรื่องทั้งหมดกับท่าน ให้พวกเจ้าทุกคนต้องถูกลงโทษ!”

        “ประมุขตระกูลหรือ ใครจะรู้ว่าผู้แข็งแกร่งอย่างท่านประมุขตระกูลจะกักตนนานเท่าไร ไม่แน่ว่ากว่าเขาจะออกมา เรื่องทุกอย่างก็จบไปนานแล้ว” อวิ๋นเลี่ยโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ส่งสัญญาณให้หลิ่วมี่เจียงลงมือ

        อวิ๋นโม่ดึงตัวเมิ่งเอ๋อร์ที่กำลังโมโหกลับมา เอ่ยว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าถอยไป แค่บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งเท่านั้น ทำให้ข้าบาดเจ็บไม่ได้หรอก”

        “แต่ว่า!” เมิ่งเอ๋อร์ยังคงกังวลใจ นางไม่อยากเห็นอวิ๋นโม่ต้องบาดเจ็บอีก

        “เชื่อข้าเถอะ!” อวิ๋นโม่ลูบศีรษะเมิ่งเอ๋อร์เบาๆ ขณะกล่าวปลอบโยนสาวน้อย

        หลิ่วมี่เจียงแค่นหัวเราะก่อนเอ่ยให้อวิ๋นโม่ได้ยินเพียงผู้เดียวว่า “อวิ๋นโม่ เป็นเจ้าแส่หาที่ตายเอง ครั้งก่อนไม่ได้ฆ่าเจ้า ครั้งนี้เจ้าคงไม่โชคดีเช่นนั้นอีกแล้ว!”

        “อย่างนั้นหรือ” ดวงตาของอวิ๋นโม่ฉายแววเย็นเยียบ สุนัขรับใช้เช่นหลิ่วมี่เจียงปลุกความคิดฆ่าฟันของอวิ๋นโม่ขึ้นมาแล้ว

        “ย้าก!” หลิ่วมี่เจียงตะโกนก้อง ฝ่ามือหนึ่งมุ่งตบไปที่แก้มของอวิ๋นโม่ เมื่อครู่มันถูกฝ่ายตรงข้ามตบไปสามฝ่ามือจึงต้องการเอาคืนในยามนี้ทั้งหมด!

        หมับ!

        เสียงแจ่มชัดดังขึ้นครั้งหนึ่ง ไม่ได้เกิดจากหลิ่วมี่เจียงตบหน้าอวิ๋นโม่ แต่เป็นข้อมือของมันถูกเด็กหนุ่มคว้าเอาไว้

        “เจ้าเศษสวะ!” หลิ่วมี่เจียงคำราม คิดจะดึงมือออก แต่มือของอวิ๋นโม่แข็งราวท่อนเหล็ก จับมันเอาไว้อย่างแน่นหนาจนไม่สามารถดึงมือกลับไปได้

        เพียะ!

        เสียงดังครั้งนี้เป็นเสียงที่อวิ๋นโม่ตบใส่กกหูของหลิ่วมี่เจียง ครั้งนี้เด็กหนุ่มลงมือเต็มแรงจนฟันของหลิ่วมี่เจียงกระเด็นออกมาหลายซี่

        “เป็นแค่สุนัขรับใช้กลับกล้ามาเห่าหอนเบื้องหน้าข้า!” อวิ๋นโม่เอ่ยเสียงเย็น ซ้ำยังตบกกหูของหลิ่วมี่เจียงอีกหลายครั้ง 

        หลิ่วมี่เจียงถูกตบจนมึนงง ทั้งๆ ที่เป็นแค่เศษสวะระดับเสริมกำลังขั้นสามชั้นฟ้าเท่านั้น ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขนาดนี้ พอมันตกอยู่ในกำมือของอวิ๋นโม่ก็ไม่มีโอกาสตอบโต้แม้แต่น้อย นี่ไม่น่าเป็นไปได้!

        เปรี้ยง!

        เสียงถีบดังสนั่นทั่วบริเวณ เท้าของอวิ๋นโม่เตะเพียงครั้งเดียวก็หักกระดูกขาซ้ายของหลิ่วมี่เจียงแล้ว ขาซ้ายของตนถูกคนคนนี้ทำร้ายจนหัก อวิ๋นโม่ย่อมไม่มีทางปล่อยมันไปง่ายๆ

        “หยุดมือ!” อวิ๋นเลี่ยร้องขัด เห็นชัดเจนว่าอวิ๋นโม่ไม่ได้อยู่ระดับเสริมกำลังขั้นสามชั้นฟ้า แต่เป็นเสริมกำลังขั้นสี่ชั้นฟ้า! เขาประหลาดใจอยู่บ้าง อวิ๋นโม่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับก้าวหน้ากว่าเดิม นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

        “เจ้าบอกให้หยุดก็ต้องหยุดหรือ” อวิ๋นโม่ไม่คิดจะไว้หน้าอวิ๋นเลี่ย เท้าถีบลงไปอีกครั้งก็หักกระดูกขาอีกข้างของหลิ่วมี่เจียง

        หลิ่วมี่เจียงส่งเสียงครวญครางไม่หยุด พวกบ่าวไพร่ที่อยู่ข้างหลังอวิ๋นเลี่ยต่างรู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งร่าง พวกมันพากันถอยหลังไปด้วยความกลัว ยังดีที่เมื่อครู่ตนไม่ได้ลงมือ ไม่เช่นนั้นคงต้องลงเอยอย่างน่าอนาถแล้ว

        อวิ๋นโม่ยกเท้าขึ้นมา เล็งไปที่ศีรษะของหลิ่วมี่เจียง เขาเกิดความคิดฆ่าฟันแล้ว เขาเป็นลูกหลานตระกูลอวิ๋น ต่อให้ฆ่าหลิ่วมี่เจียงก็ไม่ได้รับโทษทัณฑ์อะไร อย่าว่าแต่หลิ่วมี่เจียงยังบังอาจท้าทายเขาก่อน

        “ข้าบอกให้เจ้าหยุดมือ!” อวิ๋นเลี่ยตะโกนลั่นก่อนโผเข้าไปดุจพยัคฆ์ พร้อมฟาดฝ่ามือใส่อวิ๋นโม่ หลิ่วมี่เจียงเป็นบ่าวข้างกายที่มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดของเขา อีกทั้งไหวพริบดี เขาไม่อยากเสียบ่าวดีๆ ไปเช่นนี้

        อวิ๋นโม่รู้สึกถึงอันตรายพลันถอยเท้าออกมา ขณะเดียวกันก็ยกมือบังบริเวณอก

        ปัง!

        อวิ๋นเลี่ยเป็นยอดฝีมือระดับเสริมกำลังขั้นแปดชั้นฟ้า ฝ่ามือนี้อวิ๋นโม่ไม่อาจสกัดได้ทั้งหมด พลังฝ่ามือบางส่วนทะลวงมาถึงหน้าอก ทำให้เลือดลมในกายของอวิ๋นโม่ตีกลับ

        อวิ๋นโม่ถอยกรูดไปหลายก้าว จากนั้นกระอักเลือดคำหนึ่ง จึงสามารถสะกดเลือดลมที่พลุ่งพล่านลงได้ อวิ๋นโม่แววตาเป็นประกาย ยามนี้เขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย

        อวิ๋นเลี่ยมองอวิ๋นโม่ด้วยแววตาเย็นชา เอ่ยว่า “อวิ๋นโม่ บังอาจทุบตีคนของข้าอย่างไร้เหตุผล ฆ่ามันให้ข้า!”

        ว่าแล้วอวิ๋นเลี่ยก็ออกคำสั่งให้ลูกน้องทั้งหมดลงมือกับอวิ๋นโม่ราวกับฝูงหมาป่าขย้ำเหยื่อ

        ………………………………………

        [1] เป็นสำนวน หมายถึง ใฝ่ฝันถึงสิ่งที่เกินตัวหรือเกินฐานะ มักใช้กับชายหนุ่มที่หน้าตาไม่ดีหรือมีสถานะด้อยกว่าฝ่ายหญิง โดยเปรียบผู้ชายเป็นคางคกและฝ่ายหญิงเป็นหงส์

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท