กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 46 หลักฐานมัดตัว

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        “อวิ๋นโม่ ก่อนหน้านี้ทุกคนไม่รู้ความจริง โกรธแค้นเรื่องคลังยามากจึงเข้าใจเจ้าผิดไป ขอให้เจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจ” อวิ๋นเว่ยเซิงเอ่ยอย่างฝืดเฝื่อน เขาหวังว่าอวิ๋นโม่จะไม่ขัดแย้งกับคนส่วนมาก เพราะว่าเมื่อครู่มีคนกว่าครึ่งกระทำเรื่องไม่สมควรออกไป หากอวิ๋นโม่ต้องการคิดบัญชี คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว  

        “ท่านประมุขตระกูล นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อย ข้าย่อมไม่เก็บมาใส่ใจ” อวิ๋นโม่สีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่คิดถือสาอยู่แล้ว

        “เช่นนั้นก็ดี” อวิ๋นเว่ยเซิงถอนหายใจอย่างโล่งอก คนอื่นๆ ก็โล่งใจเช่นกัน มีแต่อวิ๋นเลี่ยที่ใจไม่สงบกว่าเดิม

        “แต่ว่า…” หัวใจของทุกคนไหววูบอีกครั้ง อวิ๋นโม่อมยิ้มเอ่ย “เรื่องยาในคลังที่หายไปยังต้องจัดการ”

        อวิ๋นเลี่ยได้ยินก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมาทันที ครั้งนี้จะเล่นงานเขาแล้วใช่ไหม 

        “ในเมื่อเจ้าบอกว่าไม่ถือสา แล้วทำไม?” อวิ๋นเว่ยเซิงไม่เข้าใจ 

        “เฮอะๆ ท่านประมุขตระกูล เรื่องที่ข้าจะพูดไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาใส่ความข้า ยาที่หายไปจากคลัง ข้ารู้ว่าเป็นฝีมือใคร” อวิ๋นโม่กล่าว 

        “อะไรนะ เจ้ารู้ว่าเป็นใคร” อวิ๋นเว่ยเซิงรู้สึกเหมือนหัวใจดีดตัวขึ้นมา คนอื่นๆ ต่างตกใจ อวิ๋นโม่เอ่ยปากตอนนี้แสดงว่าไม่ได้พูดอย่างเลื่อนลอย หรือว่าคนร้ายที่หาตัวกันมานานก็ยังหาไม่พบ ในที่สุดก็หางโผล่แล้ว 

        “เป็นใครกัน” ผู้อาวุโสสามถาม สายตาเย็นเยือกของเขากวาดมองเข้าไปในฝูงชน อวิ๋นโม่ยกมุมปากขึ้น ชี้นิ้วออกไปช้าๆ 

        หัวใจของทุกคนต่างไหววูบ กลัวอวิ๋นโม่จะชี้มาที่ตนเอง ช่วงเวลาแบบนี้ต่อให้พวกเขาไม่ใช่คนทำ แต่หากอวิ๋นโม่ชี้ตัว เกรงว่าเพื่อเอาใจสามคนนั้น คนทั้งหมดก็คงยอมรับว่าคนผู้นั้นเป็นคนทำ ก็เหมือนกับสถานการณ์ที่อวิ๋นโม่เจอเมื่อครู่ ดังนั้นคนมากมายจึงตกอยู่ในความกังวล ยิ่งคนที่ถูกอวิ๋นโม่เคลื่อนนิ้วผ่าน ยิ่งกลัวว่าเขาจะหยุดมือที่ตน ยามนี้ทั้งหอประชุม​เงียบจนถึงที่สุด แทบจะไม่ได้ยินเสียงหายใจของคนทั้งหลาย นิ้วของอวิ๋นโม่ไล่ผ่านผู้คนจนเกือบหยุดอยู่ที่ร่างของอวิ๋นเลี่ย เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอวิ๋นโม่อาจจัดการกับอวิ๋นเลี่ย ดังนั้นจึงขยับห่างจากอวิ๋นเลี่ยตั้งแต่แรก ทำให้อวิ๋นเลี่ยเผยตัวออกมา 

        อวิ๋นเลี่ยหวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น แต่ก็บังคับให้ตนเองสงบลงอย่างรวดเร็ว ฝืนยิ้มเอ่ยว่า “อวิ๋นโม่ ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าผิดที่กล่าวหาเจ้า แต่หากเพราะเรื่องนี้ เจ้าก็จะบอกว่าข้าขโมยยา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแก้แค้น คิดว่าทุกคนจะเชื่ออย่างนั้นหรือ” 

        เด็กหนุ่มดูเหมือนมั่นใจ แต่ความจริงแล้วเคร่งเครียดถึงที่สุด กลัวว่าทุกคนจะชี้ว่าตนเป็นขโมย แต่ว่าเขาคิดมากไปแล้ว อวิ๋นโม่แค่เกือบหยุดมือ ขณะที่มันยังพูดไม่ทันจบ ปลายนิ้วก็ผ่านเลยไป เมื่อเป็นเช่นนี้คำพูดที่อวิ๋นเลี่ยโพล่งออกไปก็ทำให้ตัวเองยิ่งอับอาย เพราะทุกคนพากันเหยียดหยาม มันทำเรื่องชั่วเอาไว้มากจึงมีชนักติดหลัง ปลายนิ้วของอวิ๋นโม่สุดท้ายก็หยุดลง บนร่างของผู้อาวุโสแปด  

        ทุกคนต่างตกใจ ผู้อาวุโสแปดคือคนที่ขโมยยา 

        “นี่… ผู้อาวุโสแปดคือผู้ดูแลรักษาคลังยา เฝ้ารักษาคลังยามาหลายสิบปี ไม่เคยถูกพบว่าขโมยยามาก่อน ไม่น่าเป็นไปได้ที่ผู้อาวุโสแปดจะเป็นคนทำ” ทุกคนไม่อยากจะเชื่อ “อีกอย่างคนที่ถูกสงสัยเป็นคนแรกก็คือผู้อาวุโสแปด พวกเราเคยตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว เขาเป็นผู้บริสุทธิ์” 

        พวกประมุขตระกูลอย่างอวิ๋นเว่ยเซิงก็ไม่อยากเชื่อ “อวิ๋นโม่ เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือไม่ จะเป็นผู้อาวุโสแปดไปได้อย่างไร” 

        ผู้อาวุโสแปดไม่ตื่นตระหนก เขาเอ่ยเสียงเรียบ “อวิ๋นโม่ ข้ารู้ว่าเลี่ยเอ๋อร์หาเรื่องเจ้า เจ้าเกลียดข้า ในใจอยากแก้แค้น ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่หากคิดจะใส่ความว่าข้าขโมยยา ข้าไม่ยอมรับ ทุกคนก็ไม่มีทางเชื่อ!”

        ทุกคนต่างถกเถียงกันยกใหญ่ ถึงจะไม่มีใครกล้าพูดออกนอกหน้า แต่ก็คิดว่าอวิ๋นโม่ใช้เรื่องนี้เพื่อแก้แค้น เพราะว่าคนที่อวิ๋นโม่มีปัญหาด้วยมากที่สุดก็คือผู้อาวุโสแปด พวกเขาแทบจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันแล้ว

        “หึๆ ในเมื่อข้ากล้าพูดออกมาก็ย่อมต้องมีหลักฐาน” อวิ๋นโม่ยิ้ม 

        “จะพิสูจน์อย่างไร” อวิ๋นเว่ยเซิงถามทันที สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นมา หากถามว่าใครที่สามารถขโมยยาโดยไม่เหลือร่องรอย ผู้อาวุโสแปดก็น่าสงสัยที่สุด 

        “เย็นวันหนึ่งข้าเห็นผู้อาวุโสแปดลอบออกไปทางประตูข้างอย่างลับๆ ล่อๆ จากนั้นไปที่ร้านยาซวนหลิง ตอนนั้นเขาแบกยาสมุนไพรถุงใหญ่ไว้บนหลัง” เมื่อผู้อาวุโสแปดได้ยิน รูม่านตาก็หดเล็กลง เขาถูกอวิ๋นโม่สะกดรอยตามแต่กลับไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นก็สามารถกลบเกลื่อนความประหลาดใจได้อย่างรวดเร็ว

        อวิ๋นเว่ยเซิงคอยสังเกตผู้อาวุโสแปดอยู่ตลอด แน่นอนว่าต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นธรรมชาติของอีกฝ่าย แม้ผู้อาวุโสแปดจะกลบเกลื่อนได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขาไปได้ 

        “หึๆ ต่อให้เจ้าพูดเรื่องจริง ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสแปด จะขายสมุนไพรกับเขาบ้างแล้วมีปัญหาอะไร”

        “ใช่แล้ว หากแค่ขายตัวยาก็ถูกสงสัยว่าเป็นขโมย เช่นนั้นพวกเราหลายคนก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยกันหมด” บางคนเอ่ยอย่างเห็นด้วย 

        อวิ๋นโม่เดินไปตรงหน้าผู้อาวุโสแปดช้าๆ “แค่ขายสมุนไพรจำนวนเล็กน้อยหรือ ข้าว่าหากลงแรงตรวจค้นร้านยาซวนหลิงสักหน่อย จะต้องตรวจพบหลักฐานที่ผู้อาวุโสแปดกับพวกเขาค้าขายแลกเปลี่ยนกันแน่ ถึงตอนนั้นเขาขายยาชนิดใด จำนวนเท่าไรก็สามารถค้นออกมาได้หมด เอามาเปรียบเทียบกับสมุนไพรที่ถูกขโมยไปก็รู้แล้ว” 

        “นี่ เกรงว่าจะลำบากอยู่บ้าง ต่อให้มีการซื้อขายเช่นนี้อยู่ ร้านยาซวนหลิงก็อาจไม่ให้ความร่วมมือ” อวิ๋นเว่ยเซิงขมวดคิ้ว ผู้อาวุโสแปดสีหน้าสงบนิ่ง เขาเห็นว่าหากมีหลักฐานเพียงเท่านี้ อวิ๋นโม่ไม่มีทางเล่นงานตนได้  

        “แน่นอน หากมีแค่นี้ข้าก็ไม่มีทางพูดออกไปอย่างมั่นใจว่าผู้อาวุโสแปดเฝ้าเองขโมยเอง” 

        “เอ๋ ยังมีหลักฐานอื่นอีกหรือ” ทุกคนต่างขยับวงล้อมเข้ามา รู้สึกว่าวันนี้อาจค้นพบความจริงบางอย่าง เพราะอวิ๋นโม่ดูสงบนิ่งมาก เหมือนกับกำชัยชนะเอาไว้แล้ว ในทางตรงกันข้ามปฏิกิริยาของผู้อาวุโสแปดแม้จะสงบนิ่ง แต่นี่ออกจะไม่สมเหตุสมผล ด้วยอุปนิสัยของผู้อาวุโสแปด หากถูกอวิ๋นโม่ใส่ความเกรงว่าต้องระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว

        “ผู้อาวุโสแปด เพราะจำนวนสมุนไพรมีมากเกินไปจึงขายไม่หมดในครั้งเดียว หรือบางทีท่านอาจอยากรอให้มันขึ้นราคา” อวิ๋นโม่มองผู้อาวุโสแปด 

        “ความหมายของเจ้าก็คือ ที่บ้านของผู้อาวุโสแปดยังมีตัวยาสมุนไพรอยู่” 

        “นี่เป็นไปไม่ได้! พวกเราเคยค้นดูหลายรอบแล้ว ในบ้านของผู้อาวุโสแปดไม่มียาสมุนไพร ไม่ถูก มีแค่ยาสมุนไพรที่ตระกูลจัดสรรให้” 

        “ไม่ผิด พวกเราค้นดูทั้งด้านนอกและด้านในหลายรอบ หากมีละก็ ไม่มีทางหาไม่พบ” 

        อวิ๋นเลี่ยเห็นอวิ๋นโม่ ‘ใส่ความ’ ท่านปู่ของตน คราวนี้จึงเดินกลับมาพร้อมความอวดดี “อวิ๋นโม่ เจ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ากล่าวหาส่งเดช!”

        อวิ๋นโม่ยิ้มเย็น “ก่อนหน้านี้เจ้าที่ไม่มีหลักฐานก็เคยใส่ความข้ามาก่อนไม่ใช่หรือ” พอพูดออกไปก็ทำให้สีหน้าอวิ๋นเลี่ยคล้ำลง พูดอะไรไม่ออก “ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่ว่าข้าไม่มีหลักฐาน แต่มีหลักฐานมากพอ” 

        “มีหลักฐานอะไรก็เอาออกมา !” อวิ๋นเลี่ยเชิดคางท้าทาย 

        “หึๆ!” อวิ๋นโม่หัวเราะขณะมองผู้อาวุโสแปด ทำเอาอีกฝ่ายขนลุกชัน “พวกเจ้าเคยตรวจค้นบ้านของผู้อาวุโสแปด แต่ว่ามีที่หนึ่งที่พวกเจ้าไม่ได้ตรวจสอบ”

        “สถานที่ใดกัน” บางคนสงสัย พวกเขาค้นหาทั่วทุกที่แล้ว จะพลาดที่ใดไปได้ 

        “พวกเราตรวจสอบหมดแล้ว ไม่มีทางพลาด!” มีคนพูดอย่างมั่นใจ 

        “จริงหรือ” อวิ๋นโม่กวาดตามองผู้อาวุโสแปดปราดหนึ่ง ทำเอาเขาตากระตุก ใจไม่สงบขึ้นมา “บ่อน้ำที่อยู่กลางบ้าน พวกเจ้าได้ค้นดูหรือไม่” 

        พออวิ๋นโม่พูดประโยคนี้ออกไป หนังตาของผู้อาวุโสแปดก็กระตุกขึ้นมา หลายคนสีหน้าเปลี่ยนไป บ่อน้ำแห่งนั้นพวกเขาไม่ได้ตรวจสอบ และไม่เคยคิดจะตรวจสอบ ผู้อาวุโสแปดขยับปาก คิดจะพูดอะไร อวิ๋นโม่ก็ยกมือขึ้นห้ามเขาไว้

        “ข้ารู้ ท่านจะบอกว่าเพราะข้าต้องการใส่ความท่าน จึงจงใจนำยาไปวางไว้ แต่ว่าบ่อน้ำนั่นคงจะไม่ได้มีแค่ยาสมุนไพร บ้านของท่านมีคนมากมายคอยเฝ้าอยู่ ข้าที่เป็นแค่ระดับเสริมกำลังจะสามารถเอาสิ่งของไปซ่อนโดยไร้สุ้มเสียงได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่ใช้บรรจุสมุนไพรก็เป็นสิ่งที่มีแต่ผู้อาวุโสแปดอย่างท่านที่มี ข้าไม่มีทางมี” 

        “หึๆ หลักฐานที่อยู่ในร้านยาซวนหลิง กับสมุนไพรที่อยู่ในบ่อน้ำบ้านท่าน รวมกันแล้วยังไม่ใช่หลักฐานที่แน่นหนาอีกหรือ” อวิ๋นโม่ถาม “อย่าได้พูดว่าทั้งหมดนี้ข้าจงใจทำขึ้นมา ข้ายังไม่มีความสามารถขนาดนั้น ส่วนท่านลุงอู่ แน่นอนว่าเขาสามารถทำได้ แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับท่องพันลี้คนหนึ่งคงไม่คิดจะทำเรื่องเหล่านี้ เพราะหากอยากจัดการท่าน พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรยุ่งยาก!” 

        “ไปตรวจค้นเดี๋ยวนี้!” อวิ๋นเว่ยเซิงออกคำสั่งกับคนบางส่วน แต่ความจริงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแล้ว ผู้อาวุโสแปดเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร” 

        คำพูดนี้ของผู้อาวุโสแปดเท่ากับยอมรับแล้วว่าเขาเฝ้าเองขโมยเอง

        “ท่านปู่ ท่านทำจริงๆ” อวิ๋นเลี่ยไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขาเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้ 

        อวิ๋นโม่ยักไหล่ก่อนตอบ “เดาเอา! สมุนไพรตั้งมากมาย คิดว่าท่านคงไม่มีทางขายหมดในครั้งเดียว เพราะหากขายออกไปพร้อมกันจะถูกจับพิรุธได้ง่าย และเพื่อหลบหลีกการตรวจค้น สถานที่ที่ท่านพอจะซ่อนของได้ก็มีแต่บ่อน้ำแห่งนั้น” 

        ผู้อาวุโสแปดได้ยินแล้วก็แทบกระอักเลือด ตอนแรกคิดว่าอวิ๋นโม่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง ที่แท้แค่คาดเดาเองหรือ 

        อันที่จริงอวิ๋นโม่ไม่ได้เดา หลังจากเขาเกิดความสงสัยก็ใช้ญานหยั่งรู้ตรวจสอบ สุดท้ายจึงพบเห็นสมุนไพรจำนวนมากในบ่อน้ำแห่งนั้น แต่ว่าตอนนี้ของจะยังอยู่ที่บ่อน้ำหรือไม่ อวิ๋นโม่ก็แค่คาดเดาเท่านั้น สมุนไพรในคลังยาของตระกูลอวิ๋นไม่ได้เป็นสมุนไพรระดับเดียวกับสมุนไพรที่อวิ๋นโม่เก็บกลับมาจากเทือกเขาเหนือเมฆา ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพียงสมุนไพรธรรมดา ผู้อาวุโสแปดต้องการทำกำไรเพิ่มขึ้น จำนวนที่ขโมยออกไปจึงมากจนผู้คนต้องตกใจ สุดท้ายแล้วก็ตรวจพบสมุนไพรจำนวนมากในที่พักของผู้อาวุโสแปด

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท