เด็กสาวผู้กลืนกินยมทูต – ตอนที่ 6 ช็อกโกแลตหวานอร่อย

เด็กสาวผู้กลืนกินยมทูต

ค่ายกองกำลังปลดแอกนครหลวง พื้นที่บริเวณสถานที่เก็บเสบียง กองกำลังปลดแอกได้ประจำการทหารป้องกันหนึ่งพันนาย

นอกจากนี้ยังมีทหารรับจ้างประมาณสามพันคนที่ใช้เงินจำนวนมากจ้างมา ถึงแม้ระดับทักษะจะแตกต่างกันไป แต่ก็มีอุปกรณ์ครบเครื่อง

นักวางกลยุทธดีเนอร์คาดการณ์ว่าจะถูกโจมตีอีกครั้งไว้ แต่ว่าเขาจะแบ่งกำลังจากกองทัพหลักไปมากกว่านี้ไม่ได้ ทำได้เพียงวางกำลังด้วยทหารจำนวนน้อยนิดเท่านั้น

―ทว่า พวกเขาได้วางการป้องกันที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ไว้แล้ว

 

“…..หัวหน้า พวกคนจากอาณาจักรมันจะมาจริง ๆ รึครับ นักวางกลยุทธบอกว่าโอกาสครึ่งครึ่ง”

 

“เอาน่า พวกเราก็แค่ทำงานเราไปก็พอ ถ้ามันมาก็ฆ่าเรียงตัวก็พอแล้ว ง่ายจะตาย”

 

“ถ้าไปได้สวยพวกเราอาจจะได้เป็นอัศวินด้วยก็ได้นะครับ ถึงตอนนั้น หัวหน้าอาจจะได้ขึ้นเป็นขุนนางด้วย!”

 

“ตราบใดที่ได้เงินแค่นั้นก็พอแล้ว เรื่องขุนนางข้าไม่สนหรอก ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพวกแกอิจฉาอะไรกัน”

 

เมื่อหัวหน้าทหารรับจ้างพูดออกมา เหล่าลูกน้อยก็ได้แต่ถอนหายใจ

 

“น่าเสียดายจริง ๆ ถ้ามีฝีมือหัวหน้าอยู่น่าจะเป็นไปได้แท้ ๆ”

 

“โลภมากเดี๋ยวลาภก็หายหรอก คนเรามีสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่อยู่ แค่ไม่ตายก็พอแล้ว”

 

“ครับ! รับทราบครับ!”

 

“เข้าใจจริง ๆ เร้อ? ……ช่างเถอะ”

 

หัวหน้าทหารรับจ้างทำความสะอาดดาบใหญ่ของตนเสร็จแล้วลุกขึ้นยืน เขากังวลเกี่ยวกับจำนวนกองกำลังที่ป้องกันโรงเก็บเสบียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กังวลมากขนาดนั้น พื้นที่รอบ ๆ มีตัวส่งเสียงติดไว้ทั่ว และยังมีไพ่ตาย ‘ทุ่นระเบิดเวทมนตร์’ ติดตั้งไว้อีก ยุทโธปกรณ์ใหม่นี้น่าจะถูกใช้ในศึกครั้งนี้ด้วย

โลหะทรงกระบอกขนาดเท่าเด็กเล็ก ดูคล้ายคลึงกับถังที่เห็นได้ตามบาร์ มองผิวเผินแล้วดูไม่มีอะไรพิเศษ เผลอ ๆ จะถูกมองเป็นขยะด้วยซ้ำ

ทว่า พลังเวทที่บรรจุอยู่ภายในมีมหาศาล และถ้ามันระเบิดออกมาย่อมสร้างความเสียหายได้อย่างหนัก

 

เจ้าสิ่งที่เรียกว่า ‘เวทมนตร์’ นี่มีพลังทำลายล้างสูง แต่ก็มีเหตุผลที่มันไม่ถูกใช้ในสงครามอยู่ เนื่องจากไม่สามารถรวบรวมคนที่ใช้งานได้มามากพอได้ การฝึกฝนก็สิ้นเปลืองทั้งเงินและเวลา ไม่ว่าจะนำคนที่ไร้พรสวรรค์ด้านเวทมนตร์มาฝึกยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อยู่ดี ตัวกำหนดอยู่ที่ว่าเกิดมาพร้อมกับ ‘ตัวกักเก็บเวท’ ในตัวหรือไม่ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่พบคนที่ได้รับมาในภายหลัง

 

ยิ่งกว่านั้น ก่อนจะใช้เวทมนตร์จำเป็นต้องใช้เวลานานในการร่าย ยิ่งพลังทำลายสูงก็ยิ่งใช้เวลาร่ายนานขึ้น และไม่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ นอกจากนั้นยังมีข้อเสียร้ายแรงคือไม่สามารถใช้งานต่อได้อีกหากพลังเวทหมด หรือก็คือในศึกขนาดใหญ่ การผลิตลูกธนูราคาต่ำปริมาณมากจะคุ้มค่ากว่า

ทหารธรรมดาสามารถยิงธนูได้มากกว่าร้อยดอกได้ก่อนยิงเวทมนตร์ครั้งเดียว เพราะว่า ‘จำนวนคือพลัง’ นั่นเอง

 

ถึงแม้เวทมนตร์จะไม่มีประสิทธิภาพแต่พลังทำลายเป็นของจริง ทุกประเทศต่างก็ค้นคว้าเพื่อหาทางนำมาใช้งาน ในฝ่ายวิทยาการเวทมนตร์แห่งจักรวรรดิ มีนักเวทคนหนึ่งสร้างอาวุธที่มีพื้นฐานจากเทคโนโลยีที่ขุดค้นขึ้นมาได้จากเมืองเขาวงกตได้สำเร็จ สิ่งนั้นคือทุ่นระเบิดเวทมนตร์นั่นเอง เริ่มจากการใช้เวลาบรรจุพลังเวทลงในกระบอกโลหะพิเศษ บันทึกคำร่ายแล้วมอบอย่างระมัดระวัง

จากนั้น เมื่อนักเวททำการร่ายคีย์เวิร์ดหรือกระบอกโลหะตรวจจับการเคลื่อนไหวที่จุดระเบิดได้มันจะระเบิดทันที

―ว่าง่าย ๆ คือสามารถทำให้มันระเบิดแค่จากการเหยียบได้

 

“มีอาวุธน่ากลัว ๆ ถูกผลิตมาแล้วล่ะนะ อีกเดี๋ยวคงมียุคที่เราเดินอย่างอิสระไม่ได้แล้วล่ะมั้ง”

 

“ถ้าคนที่ติดตั้งไม่ระวังก็อันตรายเหมือนกันนะครับ”

 

“ลำบากจริง ๆ คงต้องขอให้ช่วยเก็บกวาดด้วยนะ”

 

“แหงล่ะ!”

 

“―อะ หวา!!”

 

ขณะที่เหล่าทหารรับจ้างกำลังคุยเล่นกันอยู่นั่นเอง ก็เกิดเสียงระเบิดดังลั่นขึ้น

 

“―อะ อะไรกัน!?”

 

“ทุ่นระเบิดในป่าระเบิด!”

 

“เฮ้ย! ใครโดนเข้า! ศัตรูรึ หรือว่าพวกเรา!?”

 

มีใครสักคนเหยียบทุ่นระเบิด จึงรีบรุดไปตรวจสอบโดยหวังไม่ให้เป็นฝ่ายเดียวกันที่โดน

 

“ธงของทัพที่ 3 ของกองทัพอาณาจักร! ทหารม้าฝ่ายข้าศึกบุกโจมตีแล้ว!!”

 

“มาจริง ๆ รึ!”

 

หัวหน้าทหารรับจ้างลุกขึ้นยืน

 

“เหมือนว่าศัตรูจะติดทุ่นระเบิด ทั้งม้าทั้งทหารวุ่นวายหมด!”

 

ฝ่ายสอดแนมรายงานเข้ามา

 

“ตอนนี้ล่ะโอกาสทอง! ทุกคนเตรียมพร้อม!”

 

“ไปกันเลย หัวหน้า!”

“ได้เวลาหาเงินแล้วสินะ!”

 

 

“เอาล่ะ ทหารประจำเสริมการป้องกันพื้นที่เก็บเสบียง!! ทหารรับจ้างตามข้ามา! ศัตรูกำลังสับสนอยู่ เราจะจัดการมันให้หมดรวดเดียว!”

 

“รับทราบ!!”

 

หัวหน้าทหารรับจ้างกระโจนขึ้นหลังม้า ควักดาบใหญ่ของตนออกมาแล้วตะโกนสั่งการ

 

 

 

 

 

ทัพทหารม้าของอาณาจักรตกอยู่ในความโกลาหล พวกเขาเพิ่งออกจากพื้นที่ป่าและกำลังจะเข้าสู่ที่ราบเพื่อโจมตีคลังเสบียงศัตรูแต่กลับถูกบางอย่างโจมตีเข้า พื้นดินถูกเป่ากระจาย ทั้งม้าทั้งทหารต่างบาดเจ็บหนัก ราวกับว่าถูกเวทมนตร์โจมตี ทว่ากลับหานักเวทไม่พบ

ผู้บัญชาการทัพม้าตะโกนสั่งออกมาทั้งที่ยังหน้าซีด

 

“เฮ้ย! เรามาถึงขนาดนี้ หันหลังกลับไม่ได้แล้ว! เตรียมรับมือแล้วเดินหน้าต่อ!! โจมตี!!”

 

“ตะ แต่ว่าผู้บังคับหน่วย พะ พวกม้ามันไม่ฟังเลยครับ!”

 

“แค่ม้าตัวเดียวแกยังคุมไม่ได้เลยรึยังไง!! แกฝึกทุกวันมาเพื่ออะไรหา!?”

 

“ถะ ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ โธ่เว้ย พูด―”

“บ้าจริง! อ๊ะ ลูกธนู―”

“หะ หัวหน้า ถูกธนูโจมตีครับ! มันรู้ตัวแล้ว!!”

 

หลายคนต่างดึงบังเหียนกลับ ส่วนทหารที่ถอยไม่ทันก็ถูกลูกธนูหลายดอกพุ่งทะลุร่าง ทหารรักษาการณ์ของกองกำลังปลดแอกสังเกตเห็นพวกเราแล้ว มีพวกทหารขี่ม้าวิ่งตรงมาจากทิศของพื้นที่เก็บเสบียง จำนวนไม่เยอะเท่าไหร่ น่าจะไหว

ผู้บัญชาการทหารม้าได้ตัดสินไปเช่นนั้น

 

“เป็นอย่างนี้ต่อได้โดนยิงพรุนแน่!! ใครที่ยังขยับได้ก็ตามฉันมา!! เดินหน้าต่อไปก็พอ!!”

 

เขาชี้หอกขึ้นแล้วเตะท้องม้าให้มันเริ่มวิ่ง ข้างหลังมีการระเบิดขึ้นอีกครั้งแต่ไม่มีเวลาให้หันกลับไปมอง มีเสียงกีบม้าดังให้ได้ยินอยู่ เพราะงั้นพวกนั้นคงยังไม่ตายหมดหรอก ไม่ว่าจะโดนอะไร ตราบเท่าที่ทำลายคลังเสบียงของศัตรูได้ก็ไม่มีปัญหา หน้าที่ของทหารม้าคือโจมตีแล้วหนีอยู่แล้ว

―ทหารม้าและทหารม้าที่ต่างก็เร่งความเร็วขึ้นได้เข้าปะทะกันซึ่งหน้า

 

“ขอหัวนั่นล่ะนะ!”

 

“หุบปากซะเจ้าพวกทรยศ! จงกลายมาเป็นสนิมที่หอกฉันซะเถอะ!”

 

“ก็เอาสิวะ ไอ้พวกหมาของอาณาจักร!”

 

“ฮ่าาาาาาาา!!”

 

“ย้ากกกกกกก!!!”

 

ผู้บังคับหน่วยของทัพทหารม้าและหัวหน้าของกองทหารรับจ้างต่างกวัดแกว่งอาวุธของตนปะทะกัน

ผู้ที่พ่ายแพ้นั้นคือ

―ผู้บังคับหน่วยของทัพทหารม้านั่นเอง

ทหารรับจ้างรีบรุดไปหาศพที่ร่วงจากหลังม้าทันที ที่รีบกันเข้าไปเป็นเพราะถ้าเอาหัวไปได้จะได้รางวัลตอบแทน

 

“ข้าฆ่าหัวหน้าศัตรูได้แล้ว!! ฆ่าพวกทหารอาณาจักรให้หมดไปทั้งอย่างนี้เลย!!”

 

หัวหน้าทหารรับจ้างตะโกนออกมาสุดเสียง ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเสริมกำลังใจของพรรคพวกเดียวกันพร้อมข่มขวัญศัตรูไปด้วย เขาสะบัดดาบเพื่อเอาเลือดที่ติดอยู่ออก แล้วยกขึ้นสูง

 

“โอ้ว!”

“ถ้าชนะ อยากได้รางวัลอะไรก็ตามใจพวกเจ้าเลย!”

“ฆ่าพวกมัน!”

 

ทัพทหารม้าที่ผู้บัญชาถูกฆ่าไปต่างก็หมดกำลังใจ ทุกคนถูกทหารล้อมไว้ ต่างบาดเจ็บ และจำนวนร่อยหรอลง

 

“มะ แม่งเอ้ย! ออกไปนะโว้ย!”

 

“―โอ๊ะ เฮะเฮะ แทงมาอย่างนั้นคงจะโดนหรอก!”

 

“มีช่องว่าง! ตายซะ!!”

 

ในตอนที่ดาบของทหารรับจ้างกำลังจะสัมผัสเข้ากับร่างของทหารอาณาจักรที่เปิดช่องหลังใช้โจมตีไปนั่นเอง

 

“―เอ๊ะ?”

 

ใบหน้าของทหารอาณาจักรกลายเป็นสีแดงสด หน้าของทหารศัตรูที่เพิ่งจะโจมตีมาถูกคว้านออกไปอย่างน่าสยดสยอง เลือดกระเซ็นไปทั่วทั้งตัวเขา

 

“ถ้าม้ามันไม่ฟังก็ลงจากม้าแล้วสู้ต่อ เอ้า ไม่อยากตายก็ลงมือเร็วสิ!!”

 

“คะ ครับ!!”

 

“จากนี้ฉันจะเป็นคนคุมต่อเอง!! ศัตรูเป็นแค่ทหารรับจ้างที่ไม่มีคนสั่งการ! ใจเย็นแล้วฆ่าพวกนั้นให้หมดกัน!!”

 

“ระ รับทราบ”

 

“ถ้าส่งเสียงน่าสมเพชแบบนั้นอีกฉันจะเป็นคนฆ่าเอง!!”

 

“รับทราบ!!”

 

“ดีมาก! อะไรที่ฟันได้ก็ฟันให้หมด!!”

 

เชอร่าปลุกกำลังใจให้ทัพทหารม้าด้วยเสียงอันทรงพลังที่ไม่เหมาะกับใบหน้าแม้แต่น้อย พร้อมกันนั้นก็ใช้เคียวจบชีวิตทหารรับจ้างไปได้อีกสามคน

 

“―เจ้านั่นคงเป็นหัวหน้าของทหารรับจ้างสินะ การเคลื่อนไหวต่างจากคนอื่น ๆ เลย”

 

หลังจากยืนยันตัวชายมีหนวดเคราที่ใช้ดาบใหญ่กวาดทหารอาณาจักรเรียบร้อย เธอก็เลียริมฝีปากแล้วบังคับให้ม้าตัวโปรดวิ่งตรงไปยังทิศนั้น เหล่าทหารรับจ้างต่างเล็งหอกและดาบของตนเพื่อหยุดทหารม้าอย่างกล้าหาญ

เธอเหวี่ยงเคียวหมุนเหมือนกังหันน้ำ สังหารฝูงเหยื่อทั้งหลายจนเกลี้ยง หมวกถูกขยี้เละ หัวถูกตัดขาด แขนขาหลุดกระเด็นออกจนเลือดกระจายไปทั่ว เพียงพริบตาเดียว เส้นทางที่เชอร่าผ่านก็ถูกย้อมไปด้วยสีแดง

 

“นายคือหัวหน้าของทหารรับจ้างใช่มั้ย! ขอรับหัวไปนะ!!”

 

“นังเด็กอวดดีคิดเลียนแบบเรอะ!  ตายซะเถอะ!!”

 

“ฮ่าาาาา!!”

 

หลังเชอร่าออกแรงฟาดไปสุดแรง หัวหน้าทหารรับจ้างก็ยิ้มออกมา ดาบใหญ่ของตนเร็วกว่าอย่างแน่นอน ก่อนที่เคียวนั่นจะเหวี่ยงลงมาได้ ดาบของเขาก็แทงร่างของผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว

จินตนาการถึงวิถีการฟันดาบ เขาจับดาบด้วยมือข้างถนัด รวบรวมพลังไปยังส่วนบนของแขนแล้วฟันออกไปธรรมดา ๆ นี่คือทักษะของผู้ชำนาญดาบที่ผ่านความตายมานับครั้งไม่ถ้วน

 

“เสร็จข้าล่ะ!!”

 

“ช้าไปนะ”

 

“―!?”

 

ดาบใหญ่ที่หัวหน้าทหารรับจ้างเพิ่งเหวี่ยงออกไปถูกปัดออกโดยด้ามจับเคียว หลังจากเขาเสียศูนย์แล้ว เชอร่าก็ฟาดอาวุธของตนลงไปอย่างสุดกำลัง

 

ร่างของหัวหน้าทหารรับจ้างถูกตัดขาดเป็นสองส่วน ทั้งหมวก ชุดเกราะ จนไปถึงหัวม้า

ดวงตาเขากลายเป็นสีแดง เบิกตาออกกว้างอย่างประหลาดใจและตายไปพร้อมพ่นอากาศเบา ๆ ออกจากปากที่บิดเบี้ยว

 

 

“ศพออกมาสวยเลย แบบนี้ตอนเก็บกวาดก็ลำบากสิเนี่ย?”

 

หลังจากเธอมองดวงตาสีแดงของศพแล้ว เธอก็ควงเคียวแล้วชูขึ้นฟ้า

 

“หัวหน้าทหารรับจ้าง ถูกปราบแล้ว!! ทัพทหารม้าอาณาจักร สังหารหมู่พวกสุนัขทหารกบฏให้หมดเลย!!”

 

อย่างไรเสียก็เป็นเพียงทหารรับจ้างที่รวมตัวเฉพาะหน้า ถ้าหัวหน้าที่เป็นคนรวมทุกคนไว้ตายไป ทุกอย่างคงสลายลงในทันที

 

“หะ หัวหน้าแพ้แล้ว”

“หนีเร็ว! ข้าไม่อยากตายในที่แบบนี้!”

“วะ หวาาาาาาาาาา!!”

 

ถ้าจ่ายเงินให้ทหารรับจ้างจะไม่มีวันหักหลัง แต่ว่าก็ยังหนีอยู่ พวกเขาวิ่งหนีโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน

 

“ฆ่าพวกมันให้หมดทุกคน!! ส่งพวกมันทั้งหมดไปลงนรกกัน!!”

 

“อะ โอ้!!”

 

“ตามรองผู้บังคับหน่วยเชอร่า!!”

 

“ทัพทหารม้าแห่งอาณาจักร บุก!! ขยี้พวกมัน!! เหยียบย่ำพวกมัน!!”

 

เชอร่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดออกคำสั่งอย่างร่าเริง ทัพทหารม้าที่บัดนี้กำลังใจเต็มเปี่ยมพุ่งทะลวงทหารรับจ้างที่หันหลังให้ เหยียบทุกคนให้จมใต้เท้า

 

 

 

ผู้บัญชาการของทหารรักษาการณ์ที่ทำหน้าที่ป้องป้องคลังเสบียงเห็นเหล่าทหารรับจ้างวิ่งหนีได้ตัดสินใจถอยทัพ เขาเอาอาวุธอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปด้วยเท่าที่ทำได้แล้วหนีไปโดยไม่สู้ เสบียงเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่จะยอมเสียกำลังพลอันสำคัญไปที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งกว่านี้คลังเสบียงก็ไม่ได้มีแค่ที่นี่ที่เดียว ที่นี่เป็นแค่สถานที่เก็บที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น ดังนั้นการเลือกรักษาทหารอีกหนึ่งพันชีวิตจึงเป็นเรื่องดีกว่า

ผู้บัญชาการได้ตัดสินใจเช่นนั้น แล้วถอยกลับไปโดยไม่มีการปะทะแม้แต่ครั้งเดียว

 

ความเสียหายที่ทัพทหารม้าได้รับต่ำกว่าห้าร้อยคน เหล่าทหารรับจ้างถูกกวาดจนเกือบหมด ส่วนพวกที่เหลือรอดก็หนีไปที่ป้อมปราการซัลวาดอร์ ถึงแม้พวกเขาจะสูญเสียผู้บังคับหน่วย แต่ก็ถือเป็นชัยชนะของเชอร่าและคนอื่น ๆ

 

 

 

 

 

 

 

―หนึ่งชั่วโมงต่อมา

ทัพทหารม้าที่เข้ายึดคลังเสบียงเรียบร้อยกำลังตรวจสอบของที่หลงเหลืออยู่ เอกสารสำคัญ ๆ ถูกเอาไปด้วย ส่วนสิ่งที่เหลืออยู่คนอาหารปริมาณมาก อาวุธ และม้าศึก หนึ่งในนั้นมีทุ่นระเบิดเวทมนตร์ที่ทำให้พวกเชอร่าต้องลำบากอยู่ด้วย แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร จึงตัดสินใจไปถามกับทหารรับจ้างที่จับตัวมาได้

 

ทหารรับจ้างหลายสิบคนถูกมัดมือไว้ข้างหลังให้ขยับไม่ได้ ถูกพาตัวมาหาเชอร่าในสภาพน่าสมเพช

ทุกคนต่างเนื้อตัวสกปรก แต่เหมือนว่าไม่มีใครที่มีบาดแผลถึงตาย บนใบหน้ามีการต่อต้านอยู่ ราวกับว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่จะหนีทันที

 

“เอาล่ะ ฉันมีอะไรอยากจะถามสักหน่อย ได้รึเปล่า?”

 

“เฮอะ ใครมันจะไปตอบ―”

 

นักโทษที่พล่ามออกมาทำนองว่า ‘อย่ามาล้อเล่นกันนะ’ ถูกตัดหัวในทันที เหลือเพียงร่างของทหารรับจ้างที่ล้มลงข้างหน้าในครู่ต่อมา ไม่เพียงแต่เหล่านักโทษเท่านั้นที่ตะลึง แต่ทหารของอาณาจักรเองก็ไม่ต่างกัน

เป็นการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลจนไม่สามารถตอบสนองได้ทัน เป็นความตกตะลึงกับการที่มนุษย์คนหนึ่งตายได้ง่าย ๆ เช่นนี้เชียว ราวกับกำลังตัดพืชผักอยู่ไม่ใช่มนุษย์

 

“น่าเสียดาย งั้นก็ต่อไป”

 

ใบมีดโค้งส่องประกายออกมา ยืนอยู่เบื้องหน้าเครื่องสังเวยรายต่อไป นักโทษพยายามบิดตัวเพื่อหลบหนีแต่ทหารของอาณาจักรได้กดไหล่เขาไว้ก่อน

 

“วะ ว้าก!!”

 

“อันนั้นไว้ใช้ทำอะไรเหรอ ช่วยบอกหน่อยได้รึเปล่า?”

 

 

เชอร่าชี้ไปยังกระบอกโลหะที่ถูกถือมาวางไว้ใกล้ ๆ

 

“อึก นะ นั่นคือ แค่ท่อธรรมดาน่ะ! เอาไว้เก็บอาหาร―”

 

คำพูดของชายคนนั้นขาดหายไป เชอร่ายิ้มออกมาแล้วตัดหัวของเขาทิ้ง

ของที่หล่นลงมาร่วงขวางทางอยู่จึงเตะออก มันกลิ้งไปตามพื้นพร้อมพ่นของเหลวสีแดงไปด้วย

 

“โกหกไม่ได้นะ? มันเสียเวลาเปล่า ๆ”

 

เลือดจำนวนมากไหลกระฉูดออก เปื้อนติดกับร่างของนักโทษคนอื่น ๆ เชอร่าเดินไปยังเครื่องสังเวยคนต่อไป

 

“นั่นคืออะไรเหรอ?”

 

“ดะ เดี๋ยวก่อน พวกเราเป็นแค่ทหารรับจ้าง อย่าฆ่าเลยนะ! จากนี้ไปเราจะยอมสู้เพื่ออาณา”

 

“―ต่อไป!”

 

เธอเหวี่ยงเคียวยักษ์ตัดบทชายที่กำลังพูดอยู่ เครื่องสังเวยยังเหลืออยู่อีกมาก ชายคนที่เป็นเหยื่อรายต่อไปทนกลัวไม่ไหวจึงยอมเผยความลับออกมา

 

“นะ นั่นคือ ทะ ทุ่นระเบิดเวทมนตร์ เป็นอาวุธของจักรวรรดิที่จะระเบิดถ้าถูกเหยียบหรือหลังจากนักเวทสั่งการ! นอกจากนี้ก็ไม่รู้แล้ว จริง ๆ นะ! พะ เพราะงั้น อย่างฆ่าฉันเลย! ขอร้องล่ะ!”

 

“ฮะ เฮ้ย! แกปากโป้งบอกไปได้ยังไง! ไม่มีเกียรติของทหารรับจ้าง―”

 

“ขอบคุณที่บอกนะ ฉันจะไว้ชีวิตคุณคนเดียวแล้วกัน”

 

หลังจากฆ่านักโทษที่เพิ่งด่าคนเมื่อกี้ไปก็ปลดเชือกให้ชายที่ตอบคำถาม สีหน้าของเธอในตอนนี้เป็นรอยยิ้มเหมือนกับที่เด็กสาวธรรมดาควรมี ต่างแค่ทั่วทั้งตัวถูกย้อมด้วยสีเลือด

 

“ดะ ได้รึ? จริง ๆ นะ”

 

“ไปเร็ว ๆ เข้าสิ คุณโชคดีมากเลยนะ? เอ้า นี่เงินแล้วก็อาหาร เดี๋ยวให้ม้าไปด้วยอีกตัว อยากเอาอาวุธไหนไปด้วยก็เอาไปเลย ―งั้นก็ โชคดีนะ”

 

เชอร่ามอบถุงเล็ก ๆ ที่ใส่อาหารและเหรียญทองไว้ข้างในแล้วเร่งให้ชายคนนั้นรีบ ๆ ไป

ชายคนนั้นทำท่าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แต่แล้วก็ร้องไห้ออกมา ก้มหัวให้แล้วรีบขี่ม้าออกไป

 

“รองผู้บังคับหน่วยเชอร่า! เอายังไงกับที่เหลือดีครับ”

 

“พาไปด้วยไม่ได้ งั้นฆ่าให้หมดทุกคนซะ ไม่มีอะไรให้ถามแล้วนี่นา ฆ่าไม่ให้เหลือสักคนกันเถอะ”

 

เชอร่าใช้นิ้วชี้ปาดไปตามคอตนเอง เหล่าทหารของอาณาจักรที่ได้เห็นท่าทางนี้ก็ตอบกลับด้วยความหวาดกลัว

 

“ระ รับทราบครับ”

 

“ตอนประหารก็ลงมือให้เร็ว ๆ นะ ไม่ตัดตรงรากให้แม่นยำมันไม่ได้นะรู้มั้ย? ถ้าทำไม่ดีจะเจ็บมาก ๆ เลย ฆ่าให้ตายด้วยล่ะ”

 

“ครับ!”

 

“มะ ไม่นะ! ไว้ชีวิตด้วยเถอะ!”

“ขะ ข้ายอมบอกทุกอย่างเลย! เพราะงั้นรอเดี๋ยวก่อน”

“ฉันยังไม่อยากตาย!”

 

“หนวกหู! เงียบ ๆ ซะ!”

“ป่านนี้แล้วยังมาขอเอาตัวรอด หัดละอายซะบ้าง!”

 

ทหารอาณาจักรตะโกนออกมาขณะที่เตรียมอาวุธตนให้พร้อม และเริ่มจัดการเหล่านักโทษ เสียงด่าและเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วห้องเก็บของซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ระหว่างที่กำลังฟังเสียงอย่างอารมณ์ดี เชอร่าก็หันมองรอบ ๆ ที่เก็บอาหารและกินจนจุใจ เป็นฟูลคอร์สกินไม่อั้นดื่มไม่อั้น

ที่นี่คือสวรรค์รึเปล่านะ เชอร่าได้เพียงสงสัย ก่อนจะเอาอาหารจำนวนมากยัดลงถุงผ้าแล้วผูกติดไว้กับม้า

 

“ได้เวลาถอยแล้ว ถึงจะเศร้าที่ต้องทิ้งไว้แต่เริ่มจุดไฟเผาตามแผนกันเถอะ เราไม่มีเวลาพอกินทุกอย่างให้หมด น่าเสียดายจริง ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้”

 

เธอจ้องมองไปยังกองอาหารที่กองอยู่รอบ ๆ ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

 

“ครับ!”

 

“แล้วพวกคุณ เอาอาหารไปเยอะพอรึยัง? ยังไงก็จะเสียเปล่าอยู่แล้ว งั้นก็เก็บไปด้วยนะ ถ้าท้องหิวอยู่ก็สู้ได้ไม่เต็มที่นี่นา?”

 

เชอร่าหันมองรอบ ๆ ไปยังสมาชิกแต่ละคน ทุกคนต่างมีถุงเต็ม ๆ อยู่

 

“อะ เอาใส่ตามที่สั่งแล้วครับ”

 

“งั้นก็ไม่มีปัญหา อา เอาทุ่นระเบิดเวทมนตร์อะไรนั่นกลับไปด้วยเผื่อไว้ดีกว่า ถึงจะหนักแต่ช่วยไม่ได้”

 

“รับทราบ!”

 

ทหารทุกคนช่วยกันเทน้ำมันราดแล้วจุดไฟ เชอร่าได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วกระโดดขึ้นหลังม้า

ในตอนนั้นเองก็มีทหารม้าคนหนึ่งหน้าซีดวิ่งเข้ามาจนฝุ่นตลบ

 

“―หืม?”

 

 

“ระ รองผู้บังคับหน่วยเชอร่า! แย่แล้วครับ!”

 

ทหารม้าที่เป็นคนสอดแนมพื้นที่รอบ ๆ ใบหน้าของเขาซีดเสียจนเหมือนไม่มีเลือดอยู่ เหงื่อไหลหยดลงพื้น

 

“ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น? หิวจนจะตายแล้วเหรอ ถ้าโอเคกับขนมปังนี้จะกินก็ได้นะ ถึงจะแข็งหน่อยแต่ก็อร่อยใช้ได้เลยล่ะ แต่ก็แข็งจริง ๆ นั่นแหละ”

 

เธอหยิบขนมปังกรอบ ๆ ชิ้นหนึ่งออกมา แต่ทหารม้าก็ตะโกนกลับว่าไม่ใช่

 

“มะ ไม่ใช่เรื่องนั้นครับ!!”

 

“ไม่ชอบขนมปังเหรอ? งั้นก็มีเนื้อแห้งอยู่นะ”

 

“มะ ไม่ใช่! ทะ ที่ที่ราบอัลเชีย ทัพของอาณาจักรเราแพ้แล้วครับ! เหมือนว่าทัพที่ 3 เสียหายอย่างหนักเลย!! ท่านพลเอกยัลเดอร์กำลังถอยทัพอยู่ครับ!!”

 

เหล่าทหารม้าเริ่มกระวนกระวายและส่งเสียงกันออกมา นี่ไม่ใช่ข่าวที่จะเชื่อลงง่าย ๆ เลย

 

“บ้าบอน่า ทัพที่ 3 เป็นทัพใหญ่ที่มีตั้งแปดหมื่นคนเลยนะ! ไม่มีทางแพ้พวกทหารกบฏหรอก!”

 

“ผมก็ไม่รู้ข้อมูลเหมือนกันครับ! แต่ว่ากองทัพอาณาจักรกำลังโดนไล่อยู่!”

 

ทหารนายนั้นหายใจหอบ แจ้งข่าวความพ่ายแพ้ของทัพอาณาจักร ก่อนร่วงลงจากหลังม้าแล้วนอนพักผ่อน ม้าของเขาเองก็แทบจะล้มลงได้ทุกเมื่อแล้ว เขาคงออกแรงวิ่งมาสุดแรง

―ข้อมูลที่ไม่อยากเชื่อนี้ ไม่ใช่ข่าวเท็จแต่อย่างใด

 

“รองผู้บังคับหน่วยเชอร่า ระ เราต้องรีบกลับปราสาทย่อยอันติกัวแล้วนะครับ ทัพศัตรูจะมาถึงที่นี่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

 

“พวกมันคงได้ข่าวว่าเสียคลังเสบียงของตัวเองไปแล้ว พวกนั้นจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว!”

 

“ใจเย็นก่อน ตกใจไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เวลาอย่างนี้เราต้องใจเย็นไว้ก่อนนะ”

 

เธอหยิบอาหารหรูหรา ช็อกโกแลตออกมาจากถุงที่ผูกไว้แล้วกัดลงไป ความหวานที่ละลายในปากทำให้หัวใจเชอร่าชุ่มชื่นขึ้น

 

“ตะ แต่ว่า!!”

“ฮะ เฮ้ย มีคนกลับมาอีกแล้ว! ปะ เป็นอะไรรึเปล่า!?”

 

ตอนนั้นเอง ทหารม้านายหนึ่งก็รีบเข้ามารายงานข่าวด่วนอีกเรื่องหนึ่ง บนเกราะของเขามีลูกธนูปักอยู่หลายดอก มีเลือดไหลลงจากใบหน้า เขาคือทหารม้าที่ถูกส่งไปฐานหลักเพื่อรายงานผลของศึก

เมื่อได้ยินข่าวว่าทัพที่ 3 กำลังถอนทัพ เขาจึงเปลี่ยนจุดหมายเป็นปราสาทย่อยอันติกัวแทน ทว่า

 

“อะ อันติกัวถูกยึดแล้ว มีธงของกองทัพปลดแอกอยู่ครับ! ทะ ทัพทหารม้าของเราถูกแยกออกอย่างสมบูรณ์แล้ว!”

 

“บะ บ้าไปแล้ว”

“―ฮะ เฮ้ย ล้อกันเล่นน่า”

“ถ้าที่นั่นล่มสลายไป พะ พวกเราจะกลับไปที่ไหนล่ะ”

 

เหล่าทหารม้าล้วนถูกความกังวลถาโถมจนไม่ทำอะไร และพูดอะไรไม่ออก ที่นี่อยู่ภายใต้การควยคุมของศัตรู ใกล้ ๆ นี้ก็เป็นฐานศัตรู ป้อมปราการซัลวาดอร์ ส่วนปราสาทย่อยอันติกัวที่เป็นฐานของกองทัพอาณาจักรก็ถูกศัตรูยึดไปแล้ว

―ทหารม้าจำนวนสองพันห้าร้อยนาย ไม่มีที่ให้กลับไปอีกแล้ว

 

 

 

“ผู้บังคับหน่วยเชอร่า พวกเรา…..”

“ทะ ทำยังไงดีล่ะ”

“ผู้บังคับหน่วยเชอร่า!”

 

เดินหน้าต่อก็เป็นนรก หันกลังกลับก็เป็นนรก ข่าวเกี่ยวกับการบุกคลังเสบียงคงไปถึงหูศัตรูแล้ว หรือก็คือกองกำลังของฝั่งนั้นกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ทางกองกำลังปลดแอกต้องเลือกที่จะล้อมเอาไว้อย่างแน่นอน สถานการณ์ในตอนนี้ถูกเปลี่ยนไปเป็นการสังหารหมู่แล้ว

 

จะยอมโยนดาบทิ้ง ลงจากหลังม้าแล้วยอมแพ้อย่างอับอายรึ หรือว่าจะบุกตรงไปฐานทัพศัตรูแล้วตายอย่างสมเกียรติ หรือจะหาทางฝ่าออกไปทางตะวันออกเพื่อกลับไปยังอาณาเขตของตน แม้ว่าจะลำบากก็ตาม

ไม่ว่าจะทางไหน การตัวสินของผู้บังคับหน่วยคนปัจจุบัน เชอร่า จะเป็นสิ่งตัดสินชีวิตของพวกเขา

 

“….กินช็อกโกแลตมั้ย?”

 

คำตอบแก่ทหารม้าที่มองหาเธออย่างกังวล คือรอยยิ้มอันไร้เดียงสาอย่างเด็ก ๆ ของเชอร่า ราวกับว่าเธอไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นเธอก็โยนช็อคโกแลตที่กินไปแล้วส่วนหนึ่งเขาปากทหารแล้วบังคับให้กลืน ก่อนจะเลียช็อคโกแลตที่ละลายติดนิ้วตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย

เบื้องหน้าเชอร่าคือคลังอาวุธที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ของกองทัพปลดแอก

ระหว่างที่ป้อนอาหารให้สมองอย่างช้า ๆ ก็เริ่มคิดว่าใช้ของพวกนี้จะไปรอดหรือเปล่า

 

 

 

 

―ทัพที่ 3 ของทัพอาณาจักร ได้พ่ายแพ้ ณ ที่ราบอัลเชีย

ปัจจุบันกำลังหลบหนีโดยที่ถูกกองกำลังปลดแอกนครหลวงไล่ล่าไปด้วย เสียหายอย่างหนักหน่วง ปราสาทย่อยอันติกัวล่มสลาย

เด็กสาวผู้กลืนกินยมทูต

เด็กสาวผู้กลืนกินยมทูต

Status: Ongoing
ถ้ากินยมทูตเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่มีอย่างเดียวที่รู้คือหิวแล้ว เพราะงั้น ไปตัดหัวเจ้าพวกนั้นไปให้หัวหน้ากันเถอะ ต้องได้กินของอร่อย ๆ แน่ เอาล่ะ เตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปล่ะนะ

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท