Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก – ตอนที่ 60

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

 

 

 แซเฟียร์ แร็กนารอส

 

 ตัวเอกของฝ่ายมารในบทกวีแห่งผู้กล้า

 

 บุตรชายของจอมมารมิตรกับราชินีองค์แรก เอียช่า แร็กนารอส

 

 ทายาทจอมมารที่ทรงพลังที่สุด มากด้วยพลังแฝงที่หลับไหลภายในตัว เย็นชาและโหดเหี้ยม ผู้เปิดโปงความลับชาติกำเนิดของเคทลินในบทกวีแห่งผู้กล้า อันนำพาซึ่งสงครามล้างเผ่าพันธุ์ไลแคนโทรป

 

 บทสรุปของสงครามในครั้งนั้นก็คือทั้งคริสต์ เคทลิน ราชินีเอเลน และแม่ทัพองครักษ์หลวงกาลาฮัด ทั้งสี่ถูกสังหาร รวมถึงเผ่าไลแคนโทรปที่สูญพันธุ์ไปจากโลกมาร

 

 ในส่วนของทายาทตนอื่น

 

 ทั้งหมดก็สูญเสียกำลังไปมาก ในขณะที่แซเฟียร์แทบจะไม่ได้รับความเสียหายเลย ทั้งที่เป็นผู้ริเริ่มสงคราม

 

 แซเฟียร์ฆ่าเฟลิซีเพื่อแย่งชิงอัตสุภูติราตรี สังหารพี่ชายของนาง ผู้ได้รับกล่าวขานว่าเป็นเอลฟ์รัตติกาลที่เก่งกาจที่สุด

 

 ชะตาของเจ้าหญิงอนาสทาเชีย เนคริออน และเจ้าชายวิคเตอร์ เนคริออน ก็ไม่ได้ต่างออกไป

 

 แซเฟียร์ฆ่าล้างทายาททั้งหมดด้วยใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก ไม่มีทีท่าแสดงความนอบน้อมแม้แต่กับพี่ชายเลือดแท้อย่างเจ้าชายไบคาล แร็กนารอส

 

 บรรดาลูกของนางกำนัลก็ไม่รอดพ้น กระทั้งพวกที่ติดตามแซเฟียร์เองก็ด้วย ไม่มีผู้ใดที่มีสายเลือดจอมมารเหลือรอด กระทั้งฉัตรที่หลบหนีซ่อนตัว ก็ไม่พ้นถูกตามล่าฆ่าทิ้งในที่สุด

 

 ความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันล้างบางสร้างความกระทบกระเทือนให้กับจอมมารมิตรอย่างมาก

 

 หลังจากสังหารทายาททั้งหมดจนเหลือรอดเป็นผู้เดียวที่สืบสายเลือดจอมมาร

 

 แซเฟียร์ก็เข้ายึดราชบัลลังค์ สังหารเหล่าขุนนางที่ต่อต้าน แล้วรวมกองทัพเข้าบุกโลกมนุษย์

 

 แซเฟียร์ แร็กนารอส

 

 จอมมารที่ทรงพลัง และชั่วร้ายที่สุดของโลกมาร

 

 นี่คือสาเหตุที่อินกองตั้งมั่นฝึกตนให้แข็งแกร่ง สาเหตุที่ทำให้เขาพยายามสร้างอิทธิพลทางการเมือง

 

 เพื่อช่วยให้คริสต์ เคทลิน เฟลิซี และกระทั้งตัวเขาเองให้มีชีวิตรอด เขาต้องหาทางหยุดยั้งวันล้างบางเอาไว้ให้ได้

 

‘แซเฟียร์’

 

 เพียงแค่คิดว่าจะต้องพบและยืนใกล้อสูรร้ายตนนี้ในที่ประชุมสภา…

 

 อินกองก็หายใจติดขัด กล้ามเนื้อเกร็งไปทั่วร่าง ทั้งที่ความจริงจริง เขายังไม่ได้พบกับแซเฟียร์เสียด้วยซ้ำ

 

“ฉัตร?”

 

 มีเสียงทักดังขึ้น แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรไป

 

“นี่ฉัตร เธอไม่สบายหรือเปล่า?”

 

 ใบหน้าของเฟลิซีโผล่มาตรงหน้าเขา กรีนวินด์ส่งเสียงออกมาอย่างเป็นห่วง

 

‘นายท่านเหงื่อแตกออกมาก นายท่านไม่สบายตรงไหนหรือ?’

 

“อ่า ครับ ผมรู้สึกมึนๆนิดหน่อย”

 

 อินกองตอบทั้งเฟลิซีและกรีนวินด์ เฟลิซีมองมาที่เขาอย่างลังเลก่อนจะพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม

 

“พรุ่งนี้จะมีจัดประชุมสภา กระทันหันเหมือนครั้งที่แล้วเลยนะ ว่ามั้ย?”

 

 ไม่มีเวลาให้อินกองตั้งตัวเฉกเช่นการประชุมสภาที่ผ่านมา

 

‘หวังว่าประชุมเสร็จ เราคงไม่โดนส่งไปทำภารกิจต่อแบบครั้งที่แล้วหรอกนะ?’

 

 อินกองหัวเราะให้กับความคิดที่ผุดขึ้นมา เฟลิซีเข้าใจเสียงหัวเราะของเขาในอีกความหมาย ก่อนนางจะตบไหล่เขาเบาเบา

 

“เอาละ กลับไปพักผ่อนซะ แล้วตอนเย็นฉันจะแวะไปหา ครั้งนี้เธอก็ต้องเตรียมตัวอีกเหมือนเดิม ว่ามั้ย?”

 

 เฟลิซียักคิ้วให้กับเขาหลังพูดเสร็จ

 

“นูนะก็อย่าลืมพักผ่อนเหมือนกันครับ”

 

“แน่นอน”

 

 เฟลิซีตีไหล่เขา ก่อนจะหันไปอีกทาง แอนนาที่มองเหตุการณ์อยู่ยิ้มแล้วพูดออกมา

 

“ออนนี่ดูเป็นกันเองจังเลย”

 

 แอนนา เบียริ่ง และกุรปะ ต่างมีรอยยิ้มโผล่ขึ้นบนหน้า ทั้งหมดพยักหน้าก่อนหันมองเฟลิซีด้วยสีหน้าอันอบอุ่น แน่นอนว่าหูของแม่นางเอลฟ์รัตติกาลก็แดงระเรื่ออย่างเช่นเคย

 

‘นี่ก็บ่งบอกความสัมพันธ์ของพวกนี้ได้ระดับนึงละนะ’

 

 การรวมตัวด้วยมิตรภาพที่ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง สิ่งที่ยากจะเกิดขึ้นในเขตวังหลวง

 

 อินกองเฝ้ามองคณะของเฟลิซีและดาฟเน่จากไป ก่อนจะขึ้นภาหนะของเขา เป็นรถเลื่อนของเอลฟ์รัตติกาล ที่ใช้เดรโก้แทนม้า

 

 คารัคบอกจุดหมายให้เจ้าหน้าที่รถก่อนจะขึ้นมานั่งข้างอินกอง

 

“องค์ชาย แกไม่เป็นอะไรแน่นะ?”

 

“อืม อย่าห่วงเลย”

 

 คารัคมองดูอินกองก่อนจะถามออกมาอย่างลังเล แต่นั่นไม่ใช่เพราะมันห่วงเรื่องอาการบาดเจ็บ

 

 มันกำลังเป็นห่วงตัวของมันเสียมากกว่า

 

“เอ่อ แล้วข้าต้องใส่ชุดประหลาดๆพวกนั้นเหมือนคราวที่แล้วด้วยเปล่า?”

 

 ภาพคารัคในชุดสูทพ่อบ้านผุดขึ้นในหัวของอินกอง นั่นทำให้เขาผ่อนคลายจากความกังวลเกี่ยวกับแซเฟียร์แล้วยิ้มออกมา

 

“ถ้านายไม่สะดวก งั้นให้กัมมะไปแทนก็ได้นะ”

 

 เจ้าออร์คนั่งเงียบ คิดหนักระหว่างยอมใส่ชุดสูทหรือว่าสละตำแหน่งให้กัมมะ

 

“ใต้ ใต้ฝ่าพระบาทตรัสอะไรเช่นนั้น?”

 

‘แล้วข้าละนายท่าน? ข้าอยากติดตามท่านไปทุกที่’

 

 อินกองหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินสิ่งที่กรีนวินด์พูด แม้เขายังไม่มีนาตาช่าหรือเซคตัมติดตาม แต่สมาชิกเหล่านี้ก็ไม่เลวเสียทีเดียว

 

&

 

 ในชั่วขณะต่อมา…

 

“เกร็งสุดๆ”

 

“งั้นหรือ? ผมก็ไม่ต่างกัน”

 

“เวลา… ข้าแค่ต้องใช้เวลา… ”

 

 เป็นสภาพที่ไม่ต่างจากในการประชุมสภาครั้งแรก

 

 คารัคไม่กล้าไม่แต่จะย่อตัว ด้วยความกลัวว่านั่นอาจทำให้ชุดของมันมีรอยยับ

 

“จะว่าไป เหมือนองค์ชายบอกว่าเรามีสมาชิกอีกหนึ่ง?”

 

 มีทายาทจอมมารสามตนเข้าร่วมการประชุมสภาในครั้งนี้ แม้พวกเขาจะรอในห้องรับรองมาสักพัก แต่ในขณะนี้ก็มีเพียงฉัตร กับเฟลิซีเท่านั้น

 

 เดเลียตอบออกมาอย่างใจเย็น นางยอมจำนนต่อความไร้มารยาทของเจ้าออร์คในที่สุด เช่นเดียวกับเซร่า

 

“ข้าพระพุทธเจ้าได้ยินว่าองค์ชายแซเฟียร์จะทรงเสด็จเข้าที่ประชุมโดยไม่พำนักในท้องพระโรงเพคะ“

 

“อย่างนั้นแหละ แซเฟียร์อปป้าพิเศษในหลายๆด้าน”

 

 เฟลิซีพึมพัมออกมาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่านางจะเรียกแซเฟียร์ว่าอปป้า แต่เหมือนทั้งคู่จะไม่ถูกโฉลกกันสักเท่าไร

 

 เฟลิซีแต่งตัวในชุดเปลือยหลังสีแดง นางมองดูนาฬิกาในห้อง เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้นก่อนพวกเขาจะเข้าที่ประชุม

 

 เฟลิซีสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหันมาจับบ่าทั้งสองของอินกอง

 

“ถึงแซเฟียร์อปป้าจะอยู่ด้วยก็เถอะ แต่ก็เทียบไม่ได้กับความดีความชอบของเธอในคราวนี้ ได้เวลาแสดงให้พวกนั้นเห็นแล้วว่าเธอเจ๋งแค่ไหน”

 

 คำพูดลักษณะเดียวกับที่เขาได้ยินในการประชุมสภาครั้งแรก ต่างที่ว่าผู้ที่กล่าวในคราวนี้เป็นเฟลิซี ไม่ใช่คริสต์ นั่นทำให้อินกองหัวเราะแซวออกมา

 

“อ่าว คริสต์ฮยองกลับมาแล้วหรือครับ?”

 

“ก็แค่นิดหน่อยนะ”

 

 เฟลิซียักคิ้วอย่างร่าเริง ก่อนประตูสู่ที่ประชุมจะถูกเปิดออกจากอีกฝั่งโดยเหล่าบริวาร

 

“กราบเชิญองค์หญิงลำดับหกและองค์ชายลำดับเก้าพระพุทธเจ้าข้า/เพคะ”

 

 แล้วเวลานี้ก็มาถึง เฟลิซีจ้องมองอินกอง ก่อนทั้งคู่จะผงกหัวรับเดินเข้าที่ประชุม

 

&

 

 ที่ประชุมมีเหล่าขุนนางจำนวนมากนั่งอยู่รายล้อมเช่นเคย สิ่งที่ต่างจากเดิมก็คือแววตา

 

 สายตาจำนวนมากจ้องมาที่ฉัตร แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมดที่มองอย่างยินดี แต่นั่นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉัตรเป็นที่จับตามองของขุนนางเหล่านี้

 

 อินกองก้าวเข้าไปยืนยังตำแหน่งของเขา เขาวางมาดตีหน้าขรึมเช่นเดียวกับเฟลิซี เขามองไปรอบตัวก่อนจะหยุดอยู่ที่บุคคลหนึ่ง

 

‘อนาสทาเชีย’

 

 เจ้าหญิงลำดับที่สี่อนาสทาเชีย เนคริออน ผู้นำของหนึ่งในสามขั้วอำนาจวังหลวง

 

 อินกองจ้องมองนาง เส้มผมตรงยาวสีเทาออกเงินเป็นประกาย นางจัดเป็นหญิงงามในลักษณะที่ต่างไปจากเฟลิซี

 

 สงบนิ่ง อ่อนโยน ทว่าเย้ายวน

 

 อินกองมองนางอยู่ไม่นานก่อนจะคุกเข่าลง

 

 หลังจากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง

 

“องค์ชายลำดับที่สองแซเฟียร์ แร็กนารอส เสด็จมาถึงแล้วพระพุทธเจ้าข้า/เพคะ”

 

 ประตูเปิดพร้อมเสียงฝีเท้าย่างก้าวเข้ามา อินกองรับรู้ได้โดยไม่ต้องเหลียวหลังไปมอง สายตาเหล่าขุนนางจดจ้องในทุกฝีก้าวที่แซเฟียร์ย่างเดิน

 

 แล้วเสียงฝีก้าวก็หยุดลงพร้อมกับเสียงคุกเข่าของแซเฟียร์

 

 หากเอื้อมมื้อออกไปในตอนนี้ เขาสามารถแตะตัวแซเฟียร์ได้ไม่ยาก

 

“ข้าจะกล่าวรายงานความดีความชอบของเหล่าทายาท”

 

 เสียงของอิซเบลดังขึ้นท่ามกลางที่ประชุม

 

“เจ้าชายลำดับที่สองแซเฟียร์ แร็กนารอส”

 

 แซเฟียร์ยืนขึ้นในทันทีที่ถูกขานชื่อ เขาอยู่ถัดไปจากอินกอง ห่างออกไปไม่มาก แต่ก็ยังอยู่นอกระยะมองเห็น

 

 อิซเบลอ่านรายละเอียดความดีความชอบทั้งหมดของแซเฟียร์

 

 แน่นอนว่าทั้งหมดน่าทึ่งมาก เพียงความดีความชอบของแซเฟียร์แต่ผู้เดียว ก็เกินพอที่จะเรียกจัดประชุมสภาได้

 

 จากนั้นอิซเบลก็เรียกเฟลิซีและอินกองต่อตามลำดับ เนื่องจากข่าวลือเกี่ยวกับผลงานของอินกองในครั้งนี่ได้กระจายไปบ้างแล้ว ทำให้สายตาส่วนใหญ่ไม่แปลกใจมากนัก

 

 แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะถูกมองข้าม ความดีความชอบของอินกองถูกจำแนกพิเศษออกไป โดยเฉพาะรายงานเกี่ยวกับขอบชายแดนทางทิศเหนือ เรียกความสนใจจากเหล่าขุนนางได้เป็นอย่างดี

 

 หลังจากรายงานทั้งหมดถูกอ่านเป็นที่เรียบร้อย อิซเบลข่มความตื่นเต้นเอาไว้ ราวกับรอคอยบางสิ่ง หรือบางเสียง

 

“ฉัตร”

 

 จอมมารมิตรขานชื่อของเจ้าชายลำดับที่เก้าออกมา ความเงียบเข้าครอบคลุมทั่วที่ประชุมอีกครั้ง

 

 ทั้งหมดต่างจดจ่อรอฟังข้อความ ข้อความที่สร้างความประหลาดใจมากกว่าเดิม

 

“เจ้าได้รับภารกิจ”

 

 จอมมารไม่กล่าวอะไรไปมากกว่านี้ เขาหันไปจ้องอิซเบล ก่อนนางจะกลืนน้ำลายแล้วอ่านรายละเอียดออกมา

 

“คณะสำรวจที่ยี่สิบเจ็ด ซึ่งนำโดยแม่ทัพกาซบาล ได้ล้มเหลวในการเข้ายึดปราสาทธันเดอร์ดูมของอาณาจักรดวอฟ เจ้าชายลำดับที่เก้าฉัตร อิกษณา จงรวบรวมกำลังพล กำจัดอุปสรรคทั้งหมด แล้วเข้ายึดธันเดอร์ดูม”

 

 เสียงร้องแตกตื่นดังขึ้นอย่างเงียบสงบ ไม่สิ ถึงจะเพียงเล็กน้อย แต่มีเสียงร้องดังรอบที่ประชุม ทำลายความเงียบจากการที่จอมมารขานชื่อของฉัตรลงในพริบตา

 

 นั่นก็เพราะรายละเอียดของภารกิจในครั้งนี้

 

 แม่ทัพกาซบาลเป็นเผ่ามังกร ส่วนปราสาทธันเดอร์ดูม เป็นสถานที่สำคัญของซากอาณาจักรดวอฟที่เพิ่งถูกค้นพบไม่นาน

 

 เพราะเป็นภารกิจที่แม่ทัพเผ่ามังกรล้มเหลว จึงเป็นธรรมดาที่ภารกิจจะถูกส่งมอบต่อให้เจ้าชายจากเผ่ามังกร มีข่าวลือว่าแซเฟียร์ถูกเรียกตัวกลับวังก็เพื่อรับภารกิจนี้

 

 แต่กลับกลายเป็นว่า ภารกิจนี้ถูกส่งมอบต่อให้เจ้าชายฉัตร ยิ่งไปกว่านั้น จอมมารมิตรยังเป็นผู้ส่งมอบภารกิจด้วยตนเอง

 

 เฟลิซีหน้าซีด นางยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้ตนเองร้องอุทานออกมา อานาสทาเชียนัยน์ตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน สายตาขุนนางหันไปทางจอมมารด้วยความฉงน

 

 ทว่า สายตาจอมมารจดจ้องอย่างสงบมาที่ฉัตรเท่านั้น แม้แววตาคู่นั้นจะไม่ได้กดดันเหมือนอย่างคราวที่แล้ว แต่อินกองก็ยังรู้สึกหนักอึ้ง

 

 และอินกองก็รับรู้ถึงอีกหนึ่งสายตาที่จดจ้องมาที่เขา…

 

 สายตาของแซเฟียร์ แร็กนารอส

 

 

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Status: Ongoing
จู-อินกอง เกมเมอร์หนุ่มผู้กำลังกระดี้กระด้าเนื่องจากเกมโปรดของเขาได้รับการนำกลับมาทำใหม่ให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี VR  แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เขาหลุดเข้ามาเผชิญกับเรื่องต่างๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในเกมโปรดที่ว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดบทบาทของเขาดันเป็นตัวประกอบกระจ้อยร่อยที่จะถูกฆ่าตายกลางเกม  จู-อินกองจึงต้องใช้ประสบการณ์เกมที่เขาสั่งสมเอาไว้หาหนทางเอาตัวรอดจากความตายที่กำลังมาเยือน โดยหารู้ไม่ว่าเขามิเพียงกำลังเปลื่ยนโชคชะตาตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงชะตาตัวละครรอบข้างและโลกทั้งใบ  นี่คือเรื่องราวของจู-อินกอง ผู้เป็นพระเอกของโลกใบนี้(?)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท