ตอนที่ 589 หุบตาข่ายกับดักได้แล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้มบางๆ จากนั้นพอออกแรงเท้าเล็กน้อย ร่างก็ลอยไปทางที่น้องดาบยืนอยู่แล้ว
น้องดาบเห็นสถานการณ์แล้วหันตัววิ่งไปยังจุดที่ไกลกว่าเดิม เยี่ยเว่ยหมิงไล่ตามไปติดๆ พอทั้งสองวิ่งออกมาได้หนึ่งร้อยเมตร น้องดาบถึงได้หยุดอยู่ตรงจุดที่ขอบเขตสายตามองได้กว้างไกล เยี่ยเว่ยหมิงเองก็หยุดอยู่ตรงจุดที่ห่างจากนางประมาณสามเมตรเช่นกัน
อยู่ในตำแหน่งแบบนี้ ถ้าอยากจะดักซุ่มโจมตีอะไรก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนแอบฟังอยู่ใกล้ๆ เช่นกัน
แล้วทั้งสองก็เจรจากันด้วยเสียงต่ำเบาในระยะปลอดภัยสามเมตรขึ้นไปเป็นเวลาครู่หนึ่ง ระหว่างนั้นทุกการกระทำของพวกเขาล้วนอยู่ในสายตาของฮวาเถี่ยกั้นและฉางซิงอวี่ แต่กลับไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้าง
น้องดาบชำเลืองฮวาเถี่ยกั้นที่ยังหลบอยู่ที่ไกลๆ เพื่อมองมาทางฝั่งนี้ปราดหนึ่ง แล้วก็หลุดขำ “เจ้ามือปราบหน้าเหม็น อุบายที่เจ้าวางไว้ไม่ผิดพลาดสักนิดเลยจริงๆ ด้วย ปรมาจารย์ดาบโลหิตให้ข้ามายั่วยวนเจ้าแล้วขอให้เจ้าร่วมมือกันวางอุบายสังหารฮวาเถี่ยกั้นด้วยละ”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “เทียบกับฮวาเถี่ยกั้นแล้ว ปรมาจารย์ดาบโลหิตเจ้าเล่ห์กว่าไม่รู้ตั้งเท่าไร ต้องร่วมมือกับฝ่ายที่อ่อนแอกำจัดฝ่ายที่แข็งแกร่งที่สุดก่อน นี่ต่างหากวิถีแห่งราชัน…
…ดังนั้นหากต้องมีใครตาย ก็ต้องให้ปรมาจารย์ดาบโลหิตตายก่อน!…
…ส่วนฮวาเถี่ยกั้น?…
…ขออนุญาตพูดแบบไม่น่าฟังแล้วกัน จุดแข็งของเขานอกจากหน้าไม่อายกับควบคุมตัวเองได้ดีแล้ว พลังทำลายล้างก็มีขีดจำกัดมากจริงๆ…
…ถ้าอยากกำจัดเขา จะทำเมื่อไรก็ได้”
น้องดาบได้ยินแล้วพยักหน้า ชัดเจนว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอของเยี่ยเว่ยหมิงมาก นางเพียงถามว่า “เช่นนั้นต่อไปพวกเราจะทำอย่างไร ไปประลองชี้ขาดกับฮวาเถี่ยกั้นหรือ” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอีกครั้ง “ก่อนหน้านี้อยู่ใต้หนังตาปรมาจารย์ดาบโลหิต เรื่องบางเรื่องคุยกับเจ้าละเอียดเกินไปไม่ได้ แต่หากรู้ทิศทางโดยรวมแล้วก็ไม่มีปัญหา…
…มิหน้ำซ้ำ ฮวาเถี่ยกั้นก็ถูกปรมาจารย์ดาบโลหิตขู่จนกลัวหัวหดไปตั้งนานแล้ว เป็นขยะที่ทำอะไรก็ล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ ถ้าร่วมมือกับเขาดีไม่ดีอาจจะถูกเขาทรยศก็ได้”
“ข้าก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” น้องดาบพยักหน้า แสดงออกว่าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “เช่นนั้นเจ้าเตรียมจะใช้ประโยชน์คนที่ขี้ขลาดตาขาวเกินพิกัดอย่างฮวาเถี่ยกั้นให้มาช่วยพวกเรารับมือกับปรมาจารย์ดาบโลหิตได้อย่างไร.”
เยี่ยเว่ยหมิง “พวกเราทำได้…บลาๆ…บลาๆๆ…”
น้องดาบ “บลาๆๆ เป็นดาบอะไร?…”
เยี่ยเว่ยหมิง “บลาๆๆ…”
หลังจากนั้นพักหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็เลี้ยวกลับมา แต่น้องดาบกลับยังยืนรอข่าวเงียบๆ อยู่ที่เดิม
“นางปีศาจน้อยนั่นมาขอความร่วมมือจากข้า” เยี่ยเว่ยหมิงท่าทางเหมือนไม่จริงจัง แต่เอ่ยข้อมูลที่ทำให้ฮวาเถี่ยกั้นประหลาดใจออกมา “ภายใต้ความยุติธรรมของสวรรค์ นางต้องการให้พวกเราสัญญาว่าหลังจากจบเรื่องแล้วจะไม่ทำให้นางลำบากจนกว่าทุกคนจะออกจากหุบเขาหิมะ ส่วนนางก็จะร่วมมือกับพวกเราสังหารปรมาจารย์ดาบโลหิต กำจัดภัยให้ยุทธภพ”
“เรื่องนี้เกรงว่าจะมีเงื่อนงำ!”
พอได้ยินข้อเสนอขอร่วมงานจากน้องดาบ ปฏิกิริยาแรกของฮวาเถี่ยกั้นที่ระแวงเพราะเคยถูกทำร้ายมาก่อนก็คือ นี่ต้องเป็นแผนชั่วของปรมาจารย์ดาบโลหิตแน่!
เพื่อเพิ่มพลังในการพูดโน้มน้าว เขายังวิเคราะห์ด้วยท่าทางจริงจังอีกว่า “นางปีศาจน้อยนั่นเป็นศิษย์ที่ปรมาจารย์ดาบโลหิตภาคภูมิใจที่สุด ทักษะยุทธ์แข็งแกร่ง โดดเด่นที่สุดในบรรดาลูกศิษย์รุ่นหลังในยุทธภพ ส่วนจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตก็ยิ่งไม่เป็นรองปรมาจารย์ดาบโลหิต!…
…ตอนที่เข้ามาในหุบเขา พวกเราสี่คนพี่น้องต่างก็พาผู้เล่นที่ได้รับภารกิจมาด้วยหนึ่งคน พวกเราแปดคนสู้กับศัตรูสองคน แต่ศิษย์น้องสามคนของข้าทยอยตายไปเพราะอุบายชั่วของปรมาจารย์ดาบโลหิต ส่วนผู้เล่นปฏิบัติภารกิจที่พวกเขาพามาด้วยก็ถูกนางปีศาจน้อยนั่นทำร้าย!”
ตัดสินจากสีหน้าและน้ำเสียงของฮวาเถี่ยกั้นตอนพูด ก็มองออกได้ไม่ยากว่าเขาถูกความร้ายกาจของปรมาจารย์ดาบโลหิตขู่ให้ขี้ขลาดหวาดกลัวแล้ว นอกเสียจากจะมีความมั่นใจเต็มร้อยและมีความสามารถที่ทำให้เขาเชื่อมั่นได้ มิเช่นนั้นหากต้องการให้เขาลงมือสู้กับปรมาจารย์ดาบโลหิต เกรงว่าคงยากเหมือนการขึ้นสวรรค์
ส่วนเรื่องที่น้องดาบขอให้ร่วมมือกัน เขาก็ยิ่งแสดงออกว่า “ก่อนหน้านี้ขนาดอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ นางยังยืนอยู่ฝั่งปรมาจารย์ดาบโลหิตแล้วสู้ตายกับพวกเราแปดคนได้เลย…
…ตอนนี้แม้พวกเราจะได้เปรียบเรื่องจำนวนคน แต่ก็ไม่ได้เปรียบด้านความสามารถอยู่ดี นางคงไม่ถึงขั้นทรยศปรมาจารย์ดาบโลหิตเพื่อปกป้องตัวเองกระมัง?”
“ที่นางทรยศปรมาจารย์ดาบโลหิต จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วถามคำถามที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “เป็นศิษย์ที่เจ้าสำนักภาคภูมิใจที่สุด จะน่าเกรงขามกว่าการที่ตัวเองเป็นเจ้าสำนักได้อย่างไร…
…ในเมื่อเป็นนางปีศาจน้อย ข้ารู้สึกว่าการที่นางตัดสินใจเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก”
“เอ่อ…” พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดจาสมเหตุสมผล ฮวาเถี่ยกั้นก็หาเหตุผลมาเถียงกลับไม่ได้จริงๆ แต่สติสัมปชัญญะที่ขี้ขลาดถึงขีดสุดยังบอกไม่ให้เขาไปเสี่ยงอันตรายง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด
แต่ปัญหาก็คือ เพื่อรักษามาดของผู้อาวุโสที่สูงส่งต่อหน้าคนนอก เขาไม่ต้องการให้เยี่ยเว่ยหมิงมองออกว่าเขาหวาดกลัว
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดฮวาเถี่ยกั้นถึงได้หาข้ออ้างได้ “เรื่องนี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเราเท่านั้น หากตกหลุมพรางอีกฝ่ายขึ้นมา ในยุทธภพเจียงหนานก็หาคนที่ควบคุมพระปีศาจนั่นได้ยากแล้ว…
…ดังนั้น ต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีสักหน่อย หรือไม่เจ้าก็คุยกับนาง บอกให้พรุ่งนี้นางมาอีกที แล้วพวกเราค่อยให้คำตอบนาง ดีไหม”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวข้าจะไปบอกนางเดี๋ยวนี้” เยี่ยเว่ยหมิงตอบ
พอเอ่ยรับแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ท่าร่างวิ่งไปข้างกายน้องดาบทันที “หลังจากกลับไปแล้ว ดำเนินการตามแผนเดิมของเจ้า สิ่งข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้ เจ้าจำได้หมดแล้วใช่ไหม”
“แน่นอนสิ!” น้องดาบยิ้ม “ข้าจำทุกประโยคได้ชัดเจน ภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตและอาชีพในเกมของข้ามาก จะปล่อยให้ผิดพลาดได้อย่างไร”
พอพูดจบ น้องดาบก็ใช้ท่าร่างวิ่งออกไป ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็กลับมาอีก แล้วบอกฮวาเถี่ยกั้นว่า “นางตอบตกลงแล้ว เพียงแต่ปรมาจารย์ดาบโลหิตนิสัยขี้ระแวง เพื่อลดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น นางหวังว่าพรุ่งนี้จะได้คำตอบที่แน่นอน นางไม่อยากมาอีกเป็นครั้งที่สามแล้ว”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ฮวาเถี่ยกั้นตอบทันที
…..
พอกลับมาถึงถ้ำที่พักอาศัยอยู่ชั่วคราวอีกครั้ง น้องดาบก็รู้สึกทันทีว่ามีสายตาสามคู่ที่สื่ออารมณ์ต่างกันกำลังจับจ้องมาบนตัวนาง
ปรมาจารย์ดาบโลหิตเผยรอยยิ้มครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังรอผลการเจรจาจากนาง
ในมุมที่อยู่ข้างในสุดของถ้ำ สุ่ยเซิงที่สวมชุดสีขาวทั้งตัวมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้น ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่นางที่ร่วมมือกับปรมาจารย์ดาบโลหิต ฆ่าคนที่มาช่วยชีวิตนางไปเยอะขนาดนั้น เกรงว่าบิดาของนางคงไม่ตายอนาถด้วยน้ำมือของปรมาจารย์ดาบโลหิต
อย่างน้อยสุ่ยเซิงก็คิดเช่นนี้
ส่วนอีกมุมหนึ่งของถ้ำ ตี๋อวิ๋นที่ปลอมตัวเป็นศิษย์สำนักดาบโลหิตกลับมองนางด้วยสายตาด้านชาไร้ความรู้สึก เหมือนไม่มีอารมณ์ใดเป็นพิเศษ
นางไม่สนใจตี๋อวิ๋นกับสุ่ยเซิง แต่พูดกับปรมาจารย์ดาบโลหิตโดยตรงว่า “อุบายของอาจารย์ไม่ผิดพลาดจริงๆ ด้วย เจ้ามือปราบหน้าเหม็นนั่นตอบรับข้อเสนอของข้าแล้ว…
…ไม่ใช่แค่นั้น กับดักที่เดิมทีเตรียมจะใช้กับท่าน เขาถึงขั้นเตรียมจะนำไปใช้กับฮวาเถี่ยกั้นก่อน”
“หืม?”
พอได้ยินคำว่ากับดัก ปรมาจารย์ดาบโลหิตก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “เป็นกับดักอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขามั่นใจว่าจะวางอุบายข้าได้”
น้องดาบยักไหล่ “เขาใช้เวลาทั้งครึ่งบ่าย ขุดหลุมใต้ดินนอกบ้านหิมะที่ใช้เก็บตัวก่อนหน้านี้ เป็นกับดักที่ใหญ่มาก…
…เพราะทางเข้ากับดักนี้ขุดไว้ในบ้านหิมะ มองจากด้านนอกจึงไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ถึงขั้นว่าหากระวังตัวนิดหน่อย ต่อให้ใช้วิชาตัวเบาเดินบนนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร…
…แต่หากบนนั้นมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด หรือออกแรงเหยียบมาก ก็จะสะเทือนชั้นหิมะด้านบน จากนั้นก็จะตกลงไป ถูกไม้ที่เหลาให้แหลมเสียบจนพรุนเป็นตะแกรง!”
พอได้ยินน้องดาบเล่า สุ่ยเซิงที่หลบอยู่ในมุมหนึ่งของถ้ำก็อดตัวสั่นเพราะความกลัวไม่ได้
กับดักที่น้องดาบเอ่ยถึง คล้ายกับที่ปรมาจารย์ดาบโลหิตใช้ทำร้ายบิดานางก่อนหน้านี้มาก
น้องดาบยิ้มบางๆ ก่อนเล่าต่อ “เพื่อแสดงความจริงใจ เขาบอกตำแหน่งของกับดักให้ข้ารู้อย่างละเอียดแล้ว…
…หลังจากเขาเลิกเก็บตัว ก็อารมณ์ดีปั้นตุ๊กตาหิมะสิงโตไว้สองตัวหน้าประตูบ้าน ซึ่งตำแหน่งของกับดักก็อยู่ภายในรัศมีครึ่งจั้งระหว่างสิงโตสองตัวนั้น หาง่ายมากเจ้าค่ะ!”
พอพูดถึงตรงนี้ น้องดาบก็อดกล่าวพร้อมรอยยิ้มไม่ได้ “ท่านอาจารย์ ฟังจากที่เจ้ามือปราบหน้าเหม็นนั่นบอก ตอนนี้ฮวาเถี่ยกั้นกลายเป็นคนขี้ขลาดเพราะท่านไปแล้ว กับดักทั่วไปทำอะไรเขาได้ยากมาก…
…แต่หากถึงตอนนั้น พวกเราก็ลงมือด้วยกันได้ ใช้วิธีการที่รวดเร็วฉับพลันโจมตีให้เขาเข้าไปในกับดัก ถึงตอนนั้น…”
พอพูดถึงตรงนี้ บนใบหน้าน้องดาบก็เผยรอยยิ้มชั่วร้าย
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าปรมาจารย์ดาบโลหิตได้ยินแล้วส่ายหน้าทันที “ความคิดของเจ้าเด็กนั่นก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาหลอกข้าหรือเปล่า”
น้องดาบได้ยินแล้วร้อนใจทันที “อาจารย์ ที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ เจ้ามือปราบหน้าเหม็นบอกข้าเองกับตัว ไม่โกหกแน่นอน!”
“เจ้ามันเป็นเด็กโง่เง่า!” ปรมาจารย์ดาบโลหิตกล่าวด้วยท่าทางจริงใจ “ข้าย่อมเชื่ออยู่แล้วว่าเจ้าไม่ได้หลอกข้า แล้วก็ไม่กล้าหลอกข้าด้วย แต่ข้าจะรับประกันได้อย่างไร ว่าเขาจะไม่หลอกเจ้า”
น้องดาบได้ยินแล้วตกใจทันที “อาจารย์ ท่านหมายความว่า…”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ พวกเราต้องป้องกันเจ้าเด็กนั่นไว้บ้าง แต่ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะสรุป” ปรมาจารย์ดาบโลหิตชูดาบโลหิตขึ้นมาระหว่างที่พูด พร้อมเดินออกไปนอกถ้ำ “เจ้าเฝ้านางหนูแซ่สุ่ยที่อยู่ในนี้ไว้ก่อน ข้าจะไปตรวจสอบกับดักที่เจ้าเด็กนั่นวางไว้ว่าเป็นอย่างที่เจ้าพูดหรือเปล่า”
……
อีกด้านหนึ่ง…
ทุกคนกลับมาที่บ้านไม้อีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงนำเนื้อย่างที่พกไว้ประจำออกมา ทำให้ฮวาเถี่ยกั้นที่กำลังหิวน้ำลายไหลทันที แม้จะไม่อยากสิ้นเปลืองฝีมือการทำอาหารให้ตาแก่ขี้ขลาดคนนี้กิน แต่เพื่อให้เแผนการราบรื่น เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังแบ่งให้เขาส่วนหนึ่งอย่างใจกว้าง
หลังจากกินอิ่มแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกับฉางซิงอวี่ก็ตัดสินใจร่วมมือกันสำรวจว่าในหุบเขาหิมะแห่งนี้ยังมีทางออกอื่นหรือไม่ แน่นอนว่าพวกเขาพูดสิ่งเหล่านี้ให้ฮวาเถี่ยกั้นฟัง
ผลปรากฏว่าทั้งสองยังเดินออกไปได้ไม่ไกล เยี่ยเว่ยหมิงก็พาฉางซิงอวี่เลี้ยวกลับมาแล้ว แล้วซ่อนตัวอยู่ตรงจุดที่ไม่ไกลจากบ้านไม้
ผ่านไปครู่เดียว ก็เห็นฮวาเถี่ยกั้นเดินลับๆ ล่อๆ ออกมาจากบ้านไม้ จากนั้นก็เดินเรื่อยๆ ไปตามทางที่เยี่ยเว่ยหมิงมา
ฉางซิงอวี่เห็นแล้วยกนิ้วให้เยี่ยเว่ยหมิง “ตอนนี้เขาน่าจะเป็นอย่างที่เจ้าบอก ไปตรวจดูสถานการณ์ที่บ้านหิมะกระมัง”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “เขามีท่าทีสงสัยเรื่องการปรากฏตัวของข้ามาตลอด ต้องถือโอกาสไปตรวจดูอยู่แล้วว่าบ้านหิมะที่ข้าพูดถึงก่อนหน้านี้มีอยู่จริงหรือเปล่า…
…ส่วนทางฝั่งน้องดาบ หากแผนการราบรื่น ปรมาจารย์ดาบโลหิตน่าจะมุ่งหน้าไปทางนั้นเช่นกัน”
ฉางซิงอวี่ได้ยินแล้วตาเป็นประกาย “หมายความว่า…”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “หุบตาข่ายกับดักได้แล้ว”