“เผ่าต่างแดนที่ร่างกายครึ่งหนึ่งมีปีกโปร่งแสงและมีผิวหนังสีเขียวเข้ม?” หานลี่หรี่ตาถาม
“เอ๋ ผู้อาวุโสรู้ได้อย่างไร” จูกั่วเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“เนื่องจากมีเผ่าต่างแดนนั่นจำนวนไม่น้อยเลยที่กำลังมาหาพวกเราที่นี่ ดูเหมือนว่าการเข้ามายังโลกนี้ของเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกจะผันผวนมากเกินไป และทำให้เผ่าวิญญาณเขียวสังเกตเห็น” หานลี่ตอบเบาๆ
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสโปรดระวัง ในฐานะที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดในเสี่ยวหลิงเทียน แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าสู่ระดับมหาเมธีได้เนื่องจากพลังวิญญาณของแดนนี้ แต่สามารถสื่อสารกับวิญญาณบรรพบุรุษต้นไม้โบราณที่คล้ายกับวิญญาณที่แท้จริง พลังของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่ามหาเมธีทั่วไปเลย” จูกั่วเอ๋อร์รีบเตือน
“วิญญาณบรรพบุรุษต้นไม้โบราณอาจจะฟังดูน่าสนใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพัวพันกับพวกเขา หากพวกเขาอยู่เป็น ข้าก็คร้านจะใส่ใจ แต่หากพวกเขาไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงธาตุแท้ให้พวกเขาได้เห็น ทางออกนี้ห้ามให้ผู้อื่นรับรู้โดยเด็ดขาด ข้าจะกางเขตต้องห้ามครอบคลุมที่นี่ไว้” หานลี่พยักหน้า ประกายความเย็นชาในดวงตาของเขาขณะที่เขาพูด
เขายกแขนเสื้อขึ้น ธงอาคมมากมายพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากเปลี่ยนเป็นแสงวูบวาบหลากสี พวกมันก็หายวับไปในความว่างเปล่าที่อยู่ใกล้เคียง
หานลี่ร่ายคาถาด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วชี้ไปที่แสงวูบวาบหลากสีนั้น
ทันใดนั้น อักษรรูนห้าสีก็ปรากฏขึ้น หลังจากผสานรวมกันและกะพริบ มันก็กลายเป็นม่านแสงจางๆ ซึ่งปกคลุมรัศมีเจ็ดสีอย่างเลือนราง
เสียง “ปึง” ดังขึ้น
หลังจากที่รัศมีเจ็ดสีพร่าเลือนไปครู่หนึ่ง มันก็หายไปพร้อมกับม่านแสงจางๆ
ความผันผวนของมิติเล็กน้อยที่ยังสัมผัสได้ไม่ชัดเจนถูกแยกออกทันที
จากนั้นหานลี่ร่ายคาถาอาคม รูปแบบมือของเขาแปรเปลี่ยนไป สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งไปด้านหน้าอีกครั้ง
รัศมีแสงสีเขียวม้วนตัวออกมาจากแขนเสื้อของเขา กลายเป็นอักษรรูนขนาดใหญ่ที่สั่นคลอน และระเบิดออกเสียงดังอุดอู้
ไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายและมีภาพที่น่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้น
ต้นสนยักษ์สีเขียวที่หักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลับกลายเป็นเหมือนอย่างเดิมด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแม้แต่หลุมดินบนพื้นดินก็ยังถูกเติมเต็มกลับมาราบเรียบทีละน้อย
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ร่องรอยทั้งหมดรอบๆ ต้นสนยักษ์และหลุมดินก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
หานลี่ใช้จิตสัมผัสกวาดดูโดยรอบอีกครั้ง เมื่อพบว่าไม่มีอะไรหายไปจึงแสดงท่าทีพึงพอใจ ทว่ามือข้างหนึ่งสะบัดไปทางอากาศที่ไกลออกไป
มีเสียง “บูม” ที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วผืนปฐพี
ภูเขาลูกเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปกว่าสิบลี้ถูกกดให้แบนลงโดยแรงมหาศาล
และบนพื้นผิวของเขาลูกเล็กที่เป็นใจกลาง มีรอยผ่ามือขนาดใหญ่ประทับอยู่ลึกลงไปในผิวกว่าสิบจั้ง แม้แต่ทุกพื้นที่ก็ยังมองเห็นได้ชัดเจน
“ไปกันเถิด” หานลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ดังนั้นเรือขนาดยักษ์จึงคำรามและออกเดินทางไปยังทิศหนึ่ง หลังจากสั่นคลอนเล็กน้อย ก็หายลับไปในขอบฟ้า
เวลาผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร ที่ขอบฟ้าอีกทางหนึ่งมีแสงวิญญาณสว่างขึ้น ลำแสงพร่างพราวหลายสายพุ่งมา หลังจากวนเวียนอยู่บริเวณใกล้เคียง ก็หยุดลงตรงที่ราบที่แต่เดิมเคยเป็นภูเขามาก่อน ลำแสงรวมกันเป็นหนึ่ง เงาคนสามสายที่ด้านหลังมีปีกจักจั่นโปร่งแสงพลันโผล่ออกมา
สามคนนี้ทั้งสูงและผอม เส้นผมและผิวหนังล้วนแต่เป็นสีเขียวซีด และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นหญิงสาวหนึ่งคนและชายหนุ่มสองคน
ทั้งสามคนมองไปที่รอยฝ่ามือขนาดใหญ่ด้านล่าง และสีหน้าใบหน้าของพวกเขาดูเคร่งขรึมผิดปกติ
“ชู่อิ่ง เจ้าคิดเห็นเช่นไร” ชายหนุ่มเผ่าวิญญาณเขียวที่ร่างกายสูงใหญ่กว่าคนอื่นเล็กน้อยหันไปถามหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง
“แข็งแกร่งมาก พวกเราสามคนไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน” หญิงสาวเผ่าวิญญาณเขียวที่เห็นได้ชัดว่าหน้าตาสวยงามกว่าอีกสองคน ตอบด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น
“หึ ทำไม่ได้อย่างแน่นอน ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้เกรงว่าจะมากกว่าพวกเราสามคนเสียอีก” ชายหนุ่มอีกคนที่ใบหน้ายาวเล็กน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ดูจากรูปร่างของรอยประทับฝ่ามือนี้ เห็นได้ชัดว่าเผ่ามนุษย์ยังมีผู้แข็งแกร่งหลงเหลืออยู่ ทว่าเผ่ามนุษย์มีคนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้อยู่หรือ” ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสงสัย
“ก่อนหน้านี้ไม่มี เผ่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดมีเพียงเถี่ยเตี้ยวผู้สันโดษแห่งเขาประตูสวรรค์เท่านั้น แต่พลังยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งกว่าเราเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งคนใหม่ของเผ่ามนุษย์!” ชายรูปร่างสูงใหญ่ตอบกลับหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
“เสี่ยวหลิงเทียนกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ หากมีผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ปรากฏขึ้นมาจริงๆ เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย แต่ที่น่าแปลกคือ ไม่ว่าคนผู้นี้จะมีที่มาอย่างไร เหตุใดจึงมาปรากฏตัวขึ้นที่ใจกลางทะเลเขียว” ชายร่างผอมหน้าเรียวเอ่ยอย่างเย็นชา
“จุดนี้น่าแปลกใจจริงๆ เกรงว่าจะเหลือแค่ต้องถามไถ่จากเจ้าของฝ่ามือนี่แล้วล่ะ จึงจะได้รู้ความจริง” หญิงสาวตอบด้วยแววตามุ่งมั่น
“ถามเขา? พวกเจ้าคิดว่าคนผู้นี้ทิ้งรอยฝ่ามือนี่ไว้เพราะอะไรกัน” ชายร่างกำยำลูบคางแล้วถามกลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“จะเป็นอะไรไปได้ล่ะนอกจากต้องการข่มขู่พวกเราเพื่อให้พวกเราล่าถอยไป แต่เขาต้องการทำให้ทะเลสีเขียวเป็นสถานที่แบบใด แม้คนผู้นี้จะเป็นระดับมหาเมธีจากเผ่ามนุษย์จริงๆ ก็ควรที่จะทิ้งร่อยรอยไว้ให้พวกเราบ้าง” ชายร่างผอมหน้าเรียวกล่าวด้วยรอยยิ้มดุร้าย
“นี่เป็นเรื่องปกติ หากว่าวันนึงเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เผ่าอื่นๆ จะไม่ถือว่าทะเลสีเขียวเป็นสวนบ้านของพวกเขาหรอกหรือ แต่เกิดอะไรขึ้นกับความผันผวนของมิติที่เกิดขึ้นในตอนแรก หรือว่าคนผู้นี้จะใช้เคล็ดวิชาลับมิติ จึงสามารถเพิกเฉยต่อเขตต้องห้ามได้ และปรากฏขึ้นที่นี่โดยตรง” หญิงสาวถามอีกครั้ง
“ข้าก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของมิติเช่นกัน ทว่าหลังจากตรวจสอบดูเมื่อครู่ ก็ไม่พบร่องรอยของมิติเหลืออยู่ใกล้ๆ เลย ดูเหมือนว่าจะถูกปกปิดไว้โดยมนุษย์ผู้แข็งแกร่งนั่น”ชายหน้าเรียวเอ่ยโดยไม่ต้องคิด
“ไม่ว่ามนุษย์ผู้นี้จะเข้ามายังที่แห่งนี้ได้อย่างไร เพียงแค่จับเขาได้ในเร็วๆ นี้ก็น่าจะประจักษ์ ฮ่าๆ ในครั้งนี้ที่เขาเข้ามายังฐานที่มั่นของเผ่าวิญญาณสีเขียวถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเรา มิเช่นนั้น หากเผชิญหน้ากับเขาที่ด้านนอกล่ะก็ การเรียกใช้วิญญาณบรรพบุรุษต้นไม้โบราณอาจจะไม่สามารถเรียกใช้อย่างราบรื่นได้” ชายร่างกำยำเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะยังมัวรออะไร ยังไม่รีบไปไล่ตามเขาอีก ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของคู่ต่อสู้ แม้ว่าเผ่าอื่นๆ จะหยิบยืมพลังของทะเลสีเขียว ก็เกรงว่าไม่อาจรั้งเขาไว้ได้นาน” หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย
ชายหนุ่มสองคนที่เหลือย่อมไม่คัดค้าน
ทั้งสามคนกลายเป็นลำแสงแหวกอากาศออกไปอีกครั้ง ไล่ตามไปยังทิศที่เรือยักษ์เหาะหายไป
…
อีกด้านหนึ่ง เรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึกยังคงขับเคลื่อนต่อไป
แต่ในบริเวณใกล้เคียง เผ่าวิญญาณเขียวหลายพันคนที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อใด ต่างใช้ศาสตรายุทธ์ต่างๆ เพื่อโจมตีจากระยะไกล
หุ่นเชิดผลึกมารเดินเรียงแถวออกมาจากเรือขนาดยักษ์ ต่างก็ปล่อยลำแสงขนาดใหญ่และเพลิงอัสนีโต้ตอบคนเผ่าวิญญาณเขียวกลับไปอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ระดับพลังยุทธ์สูงสุดของเผ่าวิญญาณเขียวนี้อยู่เพียงแค่หลอมสุญตาเท่านั้น ทันทีที่โจมตีออกมาถูกเรือยักษ์ ก็ถูกม่านแสงสีดำดูดซับหายไปโดยสมบูรณ์
ทันทีที่การโจมตีของหุ่นเชิดเข้าใกล้กลุ่มวิญญาณสีเขียวเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็ถูกสะกัดไว้ภายใต้ร่มเงาของใบไม้สีเขียวที่โผล่มาจากความว่างเปล่า
ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะโต้ตอบกันอย่างหนัก ทว่ากลับมีผู้ล้มตายไม่มากนัก แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการเดินหน้าต่อไปของเรือยักษ์
ทันใดนั้น วิญญาณสีเขียวเกือบครึ่งก็รวมตัวกัน กลายเป็นเขตอาคมรูปร่างแปลกๆ พวกเขาร่ายคาถาด้วยมือเดียวและพึมพำคาถาเดียวกัน
บูม!
รัศมีแสงสีเขียวส่องประกายใต้ต้นไม้ใหญ่นับไม่ถ้วนเบื้องล่าง ต่างก็มีเงาของใบไม้สีเขียวโผล่ออกมาจากแต่ละต้นและรวมตัวกันอย่างรวดเร็วเหนือเผ่าวิญาณเขียวร้อยกว่าคน รวมตัวกันเป็นใบไม้ขนาดใหญ่หลายหมู่ หลังจากกะพริบ พลันมาปรากฏขึ้นที่เหนือเรือยักษ์ แล้วสาดแสงส่องลงไป
ดูราวกับต้องการจะม้วนเรือยักษ์ไว้ภายใน
ในขณะนี้ เกิดการผันผวนเหนือเรือยักษ์ มือสีเขียวเข้มยื่นออกไป นิ้วทั้งห้าส่งพลังสายหนึ่งออกไปราวกับสายฟ้าฟาด
เสียงดังกึกก้อง
หลังจากที่เงาใบไม้ขนาดใหญ่สั่นคลอน ก็ถูกจับไว้โดยมือขนาดใหญ่สีเขียว ดิ้นรนอย่างสิ้นหวังราวกับสิ่งมีชีวิต
แต่นิ้วทั้งห้าของมือยักษ์ก็ราวกับตะขอ จับเงาใบไม้นั้นไว้อย่างแน่นหนา ไม่ยอมให้มีโอกาสหนีแม้แต่น้อย
เผ่าวิญญาณเขียวตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ ปากก็รีบบริกรรมคาถาต่อไปไม่หยุด ถ่ายเทพลังทั้งหมดไปที่ใบไม้เหนือเรือยักษ์
เงาใบไม้ขนาดใหญ่ที่เดิมทีไม่คลุมเครือ แสงสีเขียวสว่างขึ้น ครู่หนึ่งก็มีรูปร่างชัดเจนขึ้นมาหลายส่วน ในเวลาเดียวกัน ทันทีที่ปล่อยกลิ่นอายอันแรงกล้าออกมาจากเบื้องบน มันก็กำลังจะต่อสู้กับมือยักษ์อีกครั้ง
“วิชาแมลงกู่”
เสียงของชายดังออกมาจากเรือลำใหญ่เบาๆนิ้วทั้งห้าของมือสีเขียวใหญ่ก็ออกแรงอย่างฉับพลัน และพลังศักดิ์สิทธิ์อันเหลือเชื่อก็ไหลออกมาจากปลายนิ้วทันที
เสียง “ปึง” ดังขึ้น
ใบไม้สีเขียวยักษ์ถูกมือสีฟ้าตัวใหญ่บีบแตกออก
เผ่าวิญญาณหลายร้อยคนถูกพลังของพวกเขาสะท้อนกลับ สีหน้าเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ ต่างก็กระอักเลือดออกมา
บางคนที่มีพลังอาคมอ่อนแอต่างก็ร่วงหล่นลงมากจากท้องฟ้า
ในเวลานี้ เงาที่ด้านหน้าเรือยักษ์ก็สั่นไหว หานลี่ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบงัน
หลังจากที่เขาเหลือบมองไปยังเผ่าวิญญาณเขียวรอบๆ เขาก็พูดกับตัวเองอย่างเฉยชา
“ตอนแรกข้าอยากจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่ในเมื่อไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีถึงเพียงนี้ เช่นนั้นคงต้องส่งพวกเจ้าสู่ความตายเสียแล้ว”
ทันทีที่เขาพูดจบ หานลี่ประกบมือเข้าด้วยกัน เสียงดังกึกก้องขึ้น ลูกบอลสายฟ้าสีทองกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาจากอากาศ ในขณะที่มันเพิ่มขนาดขึ้นไม่หยุด มันก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
แสงสีทองพร่างพราย ฟ้าผ่าสะเทือนฟ้าดิน!
ในชั่วพริบตา ลูกบอลสายฟ้าก็มีขนาดเท่ากับซุ้มประตู พื้นผิวเป็นสีทองอร่าม ประจุไฟฟ้าหมุนวนอยู่ภายในนับไม่ถ้วน พร้อมปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวราวกับจะทำลายทุกอย่างให้ราบ
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เผ่าวิญญาณสีเขียวที่อยู่ใกล้เคียงก็หน้าซีดด้วยความตกใจ มีคนผู้หนึ่งตะโกน “ถอยออกไป” โดยไม่ลังเล และเผ่าวิญญาณสีเขียวทั้งหมดหันหลังกลับและหลบหนีไปไกล
แต่ในเมื่อหานลี่ปลดปล่อยพลังของเขาแล้ว จะยอมปล่อยให้พวกเขาหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร หลังจากที่มีประกายเย็นชาแวบผ่านแววตา สะบัดนิ้วหนึ่งเบาๆ พลังอาคมสายหนึ่งหลั่งไหลเข้าไปในลูกบาลสายฟ้าขนาดยักษ์
วินาทีถัดมา ลูกบอลสายฟ้าก็ระเบิดออก สายฟ้าฟาดฟันทั่วท้องฟ้า ประจุสายฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง