ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 213 มาถึงบ้าน (2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 213 มาถึงบ้าน (2)

ตอนที่ 213 มาถึงบ้าน (2)

หลังจากพวกเขาพูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ เจี่ยงสือเหิงก็บอกให้พวกเขาไปพักผ่อนเสียก่อน

เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนี้ก็รีบพยักหน้าและเอ่ย “ใช่ รีบให้ฉินมู่หลานไปพักผ่อน นั่งบนรถไฟนานขนาดนั้นหล่อนจะต้องเหนื่อยแน่”

หลังจากเจี่ยงสือเหิงรู้ว่าพวกเขานั่งรถไฟกันมา เขารู้สึกแย่ต่อฉินมู่หลานเป็นอย่างมากและรีบให้ลุงเจี่ยงไปจัดห้องนอน

ครั้นฉินมู่หลานไปนอนพักผ่อน หวังหู่พาโหยวหย่งและกลุ่มคนเข้ามา

เจี่ยงสือเหิงรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในหมู่บ้านชิงซานแล้ว ย่อมรู้ว่าหงเทียนเอินคือคนที่พวกเขาจับตัวมา ขณะมองเห็นหงเทียนเอิน สีหน้าของเขาก็เยือกเย็นมาก สั่งให้คนตรวจสอบหงเทียนเอินคนนี้อย่างละเอียด

โหยวหย่งเองก็คิดเช่นนี้

เขารู้จักผู้คนภายในเมืองหลวงมากขึ้น ทำให้สะดวกต่อการสืบหาข้อมูลบางอย่างมากขึ้น จึงหาคนมาตรวจสอบหงเทียนเอินได้เช่นกัน

เจี่ยงสือเหิงสังเกตเห็นโหยวหย่งและคนอื่นแล้ว ในใจก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คนเหล่านี้ดูเหี้ยมโหดเป็นอย่างมาก มองก็รู้ว่ามือเปื้อนเลือดคนมาไม่มากก็น้อย ไม่รู้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ค้นหากำลังคนแบบนี้มาจากที่ใด

อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ปกป้องลูกสาวของตนและพวกเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นเจี่ยงสือเหิงจึงมีท่าทางกระตือรือร้นต่อโหยวหย่งเป็นอย่างมาก

โหยวหย่งยิ้มและเอ่ย “เจ้าบ้านเจี่ยงเกรงใจแล้ว เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่ผมควรทำครับ”

กระนั้นภายในใจของเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงเลยว่าฉินมู่หลานจะมีพ่อบุญธรรมเช่นนี้

เขาย่อมรู้ว่าตระกูลเจี่ยงเป็นหนึ่งในตระกูลชั้นยอดแห่งเมืองหลวง เจ้าบ้านในปัจจุบันนี้กลายเป็นเจี่ยงสือเหิงที่ไม่มีลูกสาวและลูกชาย จนเขาสงสัยเล็กน้อยว่าหลังจากนี้ตระกูลเจี่ยงจะตกอยู่ภายในกำมือของฉินมู่หลานหรือไม่ ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของเขา หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็ไม่ได้คิดอะไรอีก

“เจ้าบ้านเจี่ยง งั้นผมขอตัวพาหงเทียนเอินไปยังห้องรับแขกก่อนนะครับ”

“ตกลง”

อีกด้านหนึ่งที่บ้านตระกูลเหยา

นายท่านเหยาย่อมไม่รู้เรื่องที่ฉินมู่หลานและพวกเขามายังเมืองหลวงแล้ว ขณะนี้เขากำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการคัดลายมือ

เมื่อเหยาจิ้งถงเข้ามา หล่อนก็ยิ้มและพูดคุยกับนายท่านเหยาอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “พ่อคะ ไม่รู้ว่าพี่สาวและพวกเขากลับไปแล้วจะสบายดีหรือเปล่า”

“พวกเขาไปอยู่กับอาหลี่ จะต้องสบายดีอย่างแน่นอน”

“พ่อคะ ช่วงนี้พี่สาวติดต่อพ่อมาบ้างไหมคะ?”

นายท่านเหยาส่ายศีรษะและเอ่ย “ไม่เลย”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สายตาของเหยาจิ้งถงก็ส่องประกายและเจือแววกังวล ตอนนี้หล่อนอยากรู้สถานการณ์ทางด้านเหยาจิ้งจือเป็นอย่างมาก ทว่าแม่จะคอยกีดกันไม่ให้ตนเองรับรู้อยู่เสมอ ทำให้หล่อนไม่ได้รับข่าวคราวของเหยาจิ้งจือมานานแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหยาจิ้งถงก็รู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย ทำไมแม่ถึงไม่ยอมให้หล่อนรับรู้เรื่องราวให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย

ส่วนยินอวี่โหรวในขณะนี้กลับรู้สึกไม่สบอารมณ์ นางจ้องมองชายผมขาวตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ น้องชายของคุณยังไม่กลับจากซานตงอีกเหรอ?”

หงเทียนซื่อส่ายศีรษะและเอ่ย “เทียนเอินยังไม่กลับมาครับ”

“ทำไมประสิทธิภาพการทำงานของหงเทียนเอินถึงย่ำแย่ขนาดนี้ สามสิบปีก่อนเขาทำผิดพลาดแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้คงไม่ทำผิดพลาดอีกใช่ไหม คุณไม่ควรส่งเขาไปที่นั่นตั้งแต่แรกเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหงเทียนซื่อพลันเย็นเยียบลง

“เทียนเอินเป็นน้องชายของผม เรื่องนี้ปล่อยให้เขาออกโรงจัดการดีกว่า พวกเราถึงจะสบายใจได้ หรือว่าคุณอยากให้คนรู้มากกว่านี้ว่าคุณต้องการทำร้ายหลานสาวของตนเอง”

“คุณ……”

ยินอวี่โหรวจ้องมองหงเทียนซื่อด้วยสีหน้าโกรธเคือง สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงกล่าวประโยคหนึ่ง “หากสองวันนี้ยังไม่มีข่าวคราวใดกลับมา คุณค่อยส่งคนไปดูสถานการณ์ในซานตง”

“ตกลง ผมเข้าใจแล้ว”

หงเทียนซื่อไม่ได้ท้วงติง เพราะเขาเองก็อยากรู้ข่าวคราวของน้องชาย สุดท้ายทั้งสองคนก็พูดคุยกันอยู่พักใหญ่ จนท้ายที่สุดหงเทียนซื่อได้ลุกขึ้นและเอ่ย “ผมขอตัวกลับก่อน”

“ตกลง คุณรีบกลับไปเถอะ”

หลังจากหงเทียนซื่อจากไป สีหน้าของยินอวี่โหรวพลันมืดมน

ทางด้านฉินมู่หลานกลับพักผ่อนอย่างสบาย หลังจากลุกขึ้นก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก ขณะเดียวกันก็รู้ว่าโหยวหย่งและเจี่ยงสือเหิงส่งคนไปตรวจสอบเรื่องของหงเทียนเอินแล้ว

“พ่อบุญธรรม พวกคุณระวังหน่อยนะคะ ฉันยังไม่อยากให้นายท่านเหยารู้ว่าพวกเรามาเมืองหลวงแล้ว”

“มู่หลานสบายใจได้เลย ลุงเจี่ยงตรวจสอบด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่มีทางทำให้คนอื่นค้นพบอย่างแน่นอน”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นพลันยิ้มและเอ่ย “พ่อบุญธรรมคะ ลำบากพวกคุณแล้ว”

“ลำบากอะไรกัน ระหว่าพวกเราพ่อลูกไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก”

หลังจากสองพ่อลูกพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไปกินข้าวที่ห้องอาหารด้วยกัน

กระทั่งวันถัดมา ทางด้านโหยวหย่งพบรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับหงเทียนเอินแล้ว หงเทียนเอินยังมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อว่าหงเทียนซื่อ ซึ่งหงเทียนซื่อนั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับยินอวี่โหรว

“เห็นอย่างนี้แล้ว แสดงว่าหงเทียนซื่อผู้นั้นจะต้องรู้เรื่องมากกว่า”

โหยวหย่วได้ยินคำพูดนี้และกล่าว “พวกเราไปลักพาตัวหงเทียนซื่อมาเถอะครับ เมื่อถึงเวลานั้นก็พาพวกเขาสองพี่น้องไปยังบ้านตระกูลเหยา”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาก็ส่องประกาย “ความคิดนี้ใช้ได้”

“พี่สะใภ้ งั้นตกลงตามนี้”

โหยวหย่งกล่าวเช่นนี้ก็ออกไปทันที เขารู้จักผู้คนทางด้านเมืองหลวงเยอะขึ้นและมีผู้ช่วยมากขึ้น การลักพาตัวหงเทียนซื่อเพียงคนเดียวย่อมไม่ใช่ปัญหา ดังนั้นคนผู้นั้นจึงถูกลักพาตัวมาในช่วงบ่ายของวันนั้น

“พวกนายเป็นใครกันแน่ รีบปล่อยฉันซะ”

ขณะนี้หงเทียนซื่อไม่รู้ว่าใครเป็นคนลักพาตัวเขา แต่เมื่อเขาเห็นหงเทียนเอินน้องชายของตน หัวใจพลันกระตุกอย่างอดไม่ได้ และเริ่มมีการคาดเดาในใจ “เป็นพวกคุณหนูใหญ่ที่ตระกูลเหยาตามหาจนพบสินะ”

เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย เขาจ้องมองหงเทียนเอินและเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “นายมันไอ้ขยะ ไม่เพียงแต่จะล้มเหลวต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย นายยังถูกจับกุมตัวอีกด้วย”

หงเทียนเอินเห็นพี่ใหญ่ของตนเองถูกจับ ใบหน้าพลันหดหู่

“พี่ใหญ่ พวกเราประมาทศัตรู ยิ่งกว่านั้น……”

เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย เขามองฉินมู่หลานด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยและกล่าว “ผู้หญิงคนนี้มีปัญหา หล่อนไม่ใช่คน ที่แผนการทั้งหมดไม่สำเร็จก็เป็นเพราะหล่อน”

หงเทียนซื่อไม่เชื่อคำพูดของหงเทียนเอิน แค่รู้สึกว่าเขากำลังหลบเลี่ยงความรับผิดชอบ อย่างไรเสียฉินมู่หลานดูเหมือนหญิงตั้งครรภ์ที่กำลังอ่อนแอ หล่อนจะสามารถทำอะไรได้

หงเทียนเอินเห็นว่าพี่ใหญ่ไม่เชื่อตนเอง จากนั้นเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “พี่ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้มีปัญหาเป็นอย่างมากจริงๆ หล่อน……”

โดยไม่รอให้เอ่ยคำพูดนี้จบก็ถูกฉินมู่หลานขัดบทสนทนา เธอไม่อยากฟังคำพูดพรรณนาของสองพี่น้องคู่นี้ ดังนั้นเธอมองหงเทียนซื่อและเอ่ย “คุณคือชายชู้ของยินอวี่โหรวใช่ไหม คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเฒ่าชราน้อย”

“นังเด็กคนนี้พูดพล่ามอะไร เฒ่าชราน้อยอะไรกัน”

อย่างไรก็ตามเมื่อเอ่ยคำพูดนี้ออกไป หงเทียนซื่อถูกโหยวหย่งตบตี

“เคารพพี่สะใภ้ของพวกเราด้วย”

“นาย……พวกนาย……”

เขาไม่ได้ถูกตบตีแบบนี้มาเนิ่นนานมากแล้ว ขณะนี้เขารู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก “พวกนายรอฉันก่อนเถอะ ฉันไม่ปล่อยพวกนายแน่”

เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหงเทียนซื่อ ฉินมู่หลานมองโหยวหย่งอย่างอดไม่ได้และเอ่ย “ป้อนยาให้กับเขา ดูเหมือนว่าคนแบบนี้คงจะทนไม่ได้”

“รับทราบครับพี่สะใภ้”

สุดท้ายแล้วเป็นไปตามที่พวกเขาคาดเอาไว้ หงเทียนซื่อกลายเป็นคนไม่รักศักดิ์ศรี เมื่อป้อนยาเม็ดหนึ่งก็อธิบายทุกอย่างออกมา

หลังจากได้ยินคำพูดของหงเทียนซื่อ ฉินมู่หลานจ้องมองเหยาจิ้งจือและกล่าว “แม่คะ ตอนนี้ฉันคิดว่าพวกเราพาพี่น้องคู่นี้ไปยังบ้านตระกูลเหยาได้แล้ว”

“ตกลง”

หลังจากนั้นคนกลุ่มหนึ่งมายังบ้านตระกูลเหยา นายท่านเหยาเห็นพวกเขาแล้วประหลาดใจมาก “จิ้งจือ พวกลูกมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไรกัน แล้ว……พวกเขาคือใคร?” พวกเขาคือหงเทียนซื่อและหงเทียนเอินที่ถูกควบคุมตัว

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ฝั่งมู่หลานเก็บหมากเบี้ยหมดแล้ว ตัวขุนจะหาทางหนียังไง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท