ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 235 กระจ่างแจ้ง(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 235 กระจ่างแจ้ง(2)

ตอนที่ 235 กระจ่างแจ้ง(2)

หลังจากฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้ฉินเจี้ยนเซ่อแล้ว ก็ดึงมือกลับพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น “พ่ออาการดีขึ้นมาก แล้วก็ไม่มีผลข้างเคียงอะไรหลงเหลือด้วยค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว ซูหว่านอี๋ก็ดีใจพลางเอ่ยถาม “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นพ่อของลูกจะเป็นเหมือนเดิมได้ไหม แบบทำอะไรก็ได้ที่ต้องการน่ะ?”

ฉินเจี้ยนเซ่อก็หันมองฉินมู่หลานด้วยสายตาคาดหวังเช่นกัน

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ค่ะ พ่ออยากจะทำอะไรก็ทำได้ ไม่ต้องกังวลค่ะ”

“ดีมากเลย”

ฉินเจี้ยนเซ่อเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ในที่สุดพ่อก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกแล้ว”

แม้แต่ซูหว่านอี๋ก็รู้สึกดีใจมาก

แต่ฉินมู่หลานพบว่าฉินเคอวั่งไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยกัน จึงอดถามเสียไม่ได้ “พ่อคะแม่คะ เคอวั่งล่ะ?”

“เขาขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ถ้ารู้ว่าลูกจะมาที่บ้านคงลงมาก่อนหน้านี้แล้ว”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องกำลังไปเก็บสมุนไพรสินะคะ ถ้าอย่างนั้นหนูกับอาหลี่จะไปหาคุณลุงกับป้าใหญ่ก่อน พี่สะใภ้คนโตกับคนรองคลอดลูกกันเรียบร้อยแล้ว หนูก็จะได้ไปดูด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็พยักหน้าแล้วพูด “ใช่ ลูกควรไปดูหน่อย”

แต่หล่อนก็ยังพูดขึ้นอีกครั้ง “ไม่นานมานี้พี่สะใภ้รองของลูกอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ลูกควรจะใส่ใจเป็นพิเศษหน่อย ถ้าพูดคุยด้วยไม่ได้ ลูกก็รีบออกมา ไม่จำเป็นต้องไปฟังคำบ่นของพี่สะใภ้รองอะไรทั้งนั้น”

“ได้ค่ะแม่ หนูจะจำใส่ใจไว้”

เมื่อฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไปที่บ้านใหญ่ ทั้งสองก็ไปหาหวังจาวตี้ก่อน

หวังจาวตี้เห็นพวกฉินมู่หลานมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่พวกเขาต้องไปหาฝั่งผู้อาวุโสก่อน จึงไม่คิดว่าทั้งสองจะมาหาตนเร็วขนาดนี้ เมื่อเห็นฉินมู่หลานก็รู้สึกดีใจมาก “มู่หลาน เธอมาแล้วเหรอ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

เพียงแต่หลังจากหวังจาวตี้เห็นรูปร่างของฉินมู่หลานในตอนนี้แล้ว ก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับมีสีหน้าอิจฉา “มู่หลาน ฉันเห็นเธอดูไม่อ้วนเลย แล้วเธอดูฉันสิอ้วนมาก”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ก็ยกยิ้มแล้วพูด “อีกสักพักน้ำหนักก็จะลดลงค่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไป นอกจากนี้การที่น้ำหนักเพิ่มถือเป็นเรื่องดีนะคะ หมายความว่าพี่กินดีอยู่ดี”

หวังจาวตี้ชอบมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้ พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “ใช่จ้ะ ช่วงนี้แม่สามีต้มไข่ให้ฉันกินทุกวัน ฉันไม่เคยรู้สึกอู้ฟู่ขนาดนี้มาก่อนเลย”

แต่หลังจากที่บอกกล่าวแล้ว หล่อนก็อดจะเบ้ปากเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน อย่าให้อวี้เฟิ่งได้ยินเรื่องนี้นะ ไม่อย่างนั้นหล่อนจะโกรธเอาได้ เป็นเพราะว่าได้ลูกสาว แม่สามีก็เลยไม่ค่อยเอ็นดูอวี้เฟิ่งสักเท่าไหร่”

“ได้ค่ะพี่สะใภ้ ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปหาพี่สะใภ้รองด้วยค่ะ”

ในการมาครั้งนี้ พวกเขาได้นำของขวัญมาให้ตระกูลฉินด้วย โดยเฉพาะหวังจาวตี้กับซ่งอวี้เฟิ่งที่เพิ่งคลอดลูก ฉินมู่หลานเตรียมสิ่งของให้เหมือนกัน แล้วนำมาส่งให้ที่นี่เรียบร้อย เพระฉะนั้นจะต้องเอาไปให้ซ่งอวี้เฟิ่งด้วย

เมื่อฉินมู่หลานเห็นซ่งอวี้เฟิ่งก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะร่างกายหล่อนซูบผอมลงกว่าตอนที่เคยเจอมาก นอกจากนี้ยังมีสีหน้าอึมครึมตลอดเวลาดูไม่ค่อยดีนัก

ซ่งอวี้เฟิ่งเห็นฉินมู่หลานมา ก็ต้อนรับขับสู้อย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าใด พลางพูดขึ้น “มู่หลาน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เข้ามานั่งก่อนสิ”

“พี่สะใภ้รอง พวกเราเพิ่งมาถึงค่ะ อันนี้เอามาให้พี่เพื่อบำรุงร่างกายค่ะ”

หลังจากวางของขวัญลงแล้ว ฉินมู่หลานก็มองซ่งอวี้เฟิ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “พี่สะใภ้รองคะ ฉันดูแล้วสภาพร่างกายพี่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พี่ควรเข้านอนแต่หัวค่ำนะคะ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานเป็นห่วงเป็นใยตนเช่นนี้ ซ่งอวี้เฟิ่งก็อดหน้าแดงก่ำเสียไม่ได้ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวต่อ “มู่หลานไม่ต้องห่วง ฉันต้องพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงแต่ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะพี่สะใภ้รอง จำเอาไว้นะคะ ร่างกายของตัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พี่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ถึงตอนนั้นก็จะสามารถเลี้ยงดูลูกได้ดีด้วยค่ะ”

เมื่อสักครู่ฉินมู่หลานได้เจอลูกชายของหวังจาวตี้ไปแล้ว จึงอยากมาเจอลูกสาวของซ่งอวี้เฟิ่งด้วย เมื่อเห็นตุ๊กตาผิวขาวอมชมพูผ่องราวกับหยกแกะสลัก ฉินมู่หลานก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า ซ่งอวี้เฟิ่งได้ลูกสาว ป้าใหญ่จึงปฏิบัติต่อหล่อนอย่างเย็นชา ไม่คิดเลยว่าลูกสาวของซ่งอวี้เฟิ่งจะได้รับการเลี้ยงดูดีขนาดนี้ มองดูแล้วน่ารักมาก

“พี่สะใภ้รองคะ ยัยหนูหน้าตาดีมากเลย รวมเครื่องหน้าดี ๆ ของพี่กับพี่รองเอาไว้หมดเลย โตไปจะต้องสวยมากแน่นอนค่ะ”

ตั้งแต่คลอดลูกสาวมา แม่สามีเย็นชาใส่ตนเองอย่างมาก ถึงแม้ว่าแม่สามีจะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม แต่หล่อนก็เห็นได้ชัดว่าสามีรู้สึกอิจฉาพี่ชายคนโตที่ได้ลูกชาย สภาพจิตใจของหล่อนในช่วงนี้จึงแย่มาก หลังจากที่คลอดลูกสาว นี่เป็นคนแรกที่มีคนพูดจาเยินยอลูกสาวอย่างจริงใจ หล่อนจึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก

“มู่หลาน ขอบใจเธอมากนะ ยัยหนูนี่โตขึ้นต้องสวยเหมือนเธอแน่นอน”

“ใช่แล้วค่ะพี่สะใภ้รอง เพราะฉะนั้นต้องเลี้ยงยัยหนูให้ดี เหมือนโบราณกล่าวว่า เลี้ยงลูกให้พร้อมรับวัยชรา ตอนนี้ผู้หญิงก็เป็นใหญ่เป็นโตได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ จะชายหรือหญิงต่างก็เหมือนกัน พี่ลองดูฉันสิ ถึงฉันจะเป็นลูกสาว แต่พอที่บ้านมีปัญหา ฉันก็รีบตั้งหน้าตั้งตามาหาทันทีเลยใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะได้ลูกชายหรือลูกสาวต่างก็เหมือนกันทั้งนั้น”

ซ่งอวี้เฟิ่งได้ยินสิ่งนี้ ก็รีบพยักหน้าทันทีแล้วกล่าวตาม “ใช่แล้ว ลูกชายลูกสาวล้วนเหมือนกัน”

สุดท้ายก็เป็นลูกสาวที่คลอดมาเอง หล่อนจึงต้องรักอยู่แล้ว น่าเสียดายที่คุณย่าของลูกสาวไม่ชอบ พ่อไม่รัก หล่อนจึงมักบ่นแม่สามีกับสามีตัวเอง เพียงแต่วันนี้ที่ฉินมู่หลานมา มันทำให้หล่อนรู้สึกเป็นคนมีค่าน่าจดจำขึ้นมา อารมณ์ของหล่อนจึงดีขึ้นอยู่ไม่น้อย

เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของซ่งอวี้เฟิ่ง ฉินมู่หลานก็เอ่ยต่อ “พี่สะใภ้รองคะ พี่คิดถูกต้องแล้วค่ะ”

เมื่อเห็นว่าสายแล้ว ฉินมู่หลานก็คิดจะกลับบ้าน “พี่สะใภ้รองคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอกลับก่อนนะคะ”

“ได้สิ”

ระหว่างทางกลับ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รู้สึกประทับใจนิดหน่อย

“ไม่คิดเลยว่าครอบครัวของคุณจะให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว”

แต่หลังจากพูด เขาก็เอ่ยให้ความมั่นใจทันที “มู่หลาน ลูกชายหรือลูกสาวผมก็ชอบหมด เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยนะ”

ฉินมู่หลานเหลือบมองเขาหลังจากได้ยินแบบนี้ ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันรู้อยู่แล้วค่ะ โชคดีที่คุณไม่ได้ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว ไม่อย่างนั้นฉันจะพาพวกลูก ๆ หนี”

“มู่หลาน คุณอย่าทำให้ผมกลัวสิ จะเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ครอบครัวพวกเราน่าจะชอบชิงชิงมากกว่าด้วยซ้ำ”

เมื่อมองดูท่าทางหวาดกลัวของเซี่ยเจ๋อหลี่ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วพูดทันที “ฉันรู้ค่ะ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวล แต่ว่าคุณพูดผิดไปนะ ไม่ใช่ว่าครอบครัวของฉันจะชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวกันทุกคนเสียหน่อย มีแค่ป้าใหญ่กับพี่รองที่ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว”

“จริงสิ ผมไม่เคยเห็นใครเป็นแบบนี้เลย”

เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าทันที

และตอนนี้ เซี่ยเหวินปิงก็กำลังเกณฑ์คนและเลือกฤกษ์งามยามดี เพื่อให้ช่วยกันวางแผนจัดงานฉลองครบรอบเดือนของเด็กทั้งสองในวันที่สาม

เมื่อถึงวันฉลองครบรอบเดือน หมู่บ้านชิงซานก็เต็มไปด้วยความคึกครื้น ตอนรับประทานอาหารก็เหมือนการรวมตัวของคนจากทั้งหมู่บ้าน

ด้วยความกลัวว่าฝาแฝดจะวุ่นวาย เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋จึงคอยช่วยดูแลเด็ก ๆ ในบ้าน เมื่อถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยง ก็พาออกมาให้ผู้คนได้เชยชมอยู่สักครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็รีบพาเด็ก ๆ กลับเข้าห้องทันที

ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอ แต่ก็ทราบดีว่ามันดีต่อเด็ก ๆ จึงไม่อยากปล่อยให้เด็กเล็กต้องมาอยู๋ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดัง

โชคดีที่ตระกูลเซี่ยใจดี อาหารวันงานฉลองจัดได้ว่าเลิศรส ทุกคนจึงได้กินกันอย่างมีความสุขมาก ต้องขอบคุณตระกูลเซี่ยมากสำหรับน้ำใจอันแสนยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

หลังจากฉลองครบรอบเดือนที่หมู่บ้านให้เด็กแฝดทั้งสองคน ฉินมู่หลานกับคนอื่นก็กำลังเตรียมตัวไปเมืองหลวง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ลูกสาวไม่ดีตรงไหน เนี่ยดูบ้านมู่หลานสิ ถึงกับจัดฉลองทั้งหมู่บ้านเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท