บทที่ 777 ฝนตกแล้ว ฝนตกห่าใหญ่แล้ว
บทที่ 777 ฝนตกแล้ว ฝนตกห่าใหญ่แล้ว
เม็ดฝนตกลงมากระทบกับแก้มของมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่แบฝ่ามือออก เห็นเพียงหยดน้ำปรากฏบนฝ่ามือนาง
“ฝนตกแล้ว” เจ๋อหลานเอ่ย “ฮูหยิน ฝนนี้มาได้ถูกเวลายิ่งนัก เป็นไปไม่ได้ที่กบฏเหล่านั้นจะมาโจมตีเมืองท่ามกลางฝนที่กำลังตกหนัก พวกเราถ่วงเวลาออกไปได้อีกระยะหนึ่งแล้ว”
“ใช่แล้ว! ฝนนี้มาได้ทันเวลาพอดี” มู่ซืออวี่เอ่ย “บอกทุกคนให้ดูแลผู้บาดเจ็บและ… เก็บกวาดสนามรบ”
นอกกำแพงเมืองกลายเป็นภูเขาซากศพ โชคดีที่ตอนนี้อากาศเย็น หากเป็นฤดูร้อน เกรงว่าพวกกบฏคงไม่จำเป็นต้องโจมตี เพราะเพียงแค่กลิ่นเน่าเหม็นจากศพนอกเมืองก็ทำให้คนเมืองฮั่วอวี๋สูดอากาศพิษตายได้
เพียงแต่ เวลานี้พวกเขาไม่มีเวลาจัดการกับศพข้างนอกจึงทำได้เพียงจัดการกับศพภายในเมืองเสียก่อน
คนเหล่านั้นคือนักรบและวีรบุรุษผู้ที่สละชีวิตปกป้องเมืองฮู่เป่ย พวกเขาทุกคนควรได้รับการบันทึกไว้ เมื่อสงครามสิ้นสุดลง นางต้องสลักชื่อพวกเขาไว้ในอนุสรณ์สถานให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึง
ชาวบ้านมองดูทหารที่บาดเจ็บล้มตาย จากนั้นจึงเป็นฝ่ายอาสาดูแลพวกเขา
นี่คงเป็นยามที่เมืองฮู่เป่ยเป็นปึกแผ่นและสมัครสมานที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้านี้หรือในภายภาคหน้า เกรงว่าคงหาความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นนี้ได้ยาก
ถนนเมืองฮู่เป่ยเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บ อย่างไรเสียก็ไม่มีที่ใดรองรับคนมากเพียงนี้ได้ จึงทำได้เพียงดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิดเท่านั้น อย่างไรก็ตามฝนตกลงมาแล้ว ไม่เหมาะที่จะใช้ถนนอีกต่อไปจึงต้องอาศัยบ้านของชาวบ้าน
“ฝนตกหนักแล้ว!”
“จะทำอย่างไรดี?”
“พาผู้บาดเจ็บเข้าไปในบ้านก่อนเถอะ!”
ระยะนี้ถงซื่อและท่านหมอจูยุ่งเป็นอย่างยิ่ง
ท่านหมอจูในฐานะหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองฮู่เป่ยเป็นผู้นำของหมอคนอื่น ๆ ระยะนี้เขาจึงเรียกตัวท่านหมอคนอื่น ๆ มาทำการรักษาทหารเหล่านี้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
แน่นอนว่านอกเหนือจากเคารพในฝีมือการรักษาของท่านหมอจูแล้ว เหตุผลหลักเป็นเพราะเขามีความสัมพันธ์กับมู่ซืออวี่ หากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์นี้ ท่านหมอทุกท่านคงไม่ได้เห็นแก่หน้าเขาเพียงนั้น
นอกจากสามีภรรยาคู่นี้ เจิ้งซูอวี้และฉินเหวินหานเองก็มีส่วนช่วยเหลือไม่น้อยเช่นกัน
เดิมทีจวนเดิมของสกุลฉินไม่ได้อยู่ที่เมืองฮู่เป่ย เพื่อเจิ้งซูอวี้แล้ว ฉินเหวินหานจึงซื้อจวนหลังใหญ่อยู่ที่เมืองฮู่เป่ย ตอนนี้กิจการแทบทั้งหมดจึงอยู่ที่นี่
ในตอนนี้เอง ฉินเหวินหานเดินออกมาจากร้านที่ทำหน้าที่กระจายข่าวสาร ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้
“ท่านจะไปที่ใดหรือ?” เจิ้งซูอวี้กำลังหาเขาอยู่พอดี
“ข้ามีข่าวสำคัญจะแจ้งฮูหยินลู่” ฉินเหวินหานยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับเจิ้งซูอวี้ “พอดีเลย ด้วยความสัมพันธ์ของเจ้ากับฮูหยิน เจ้าไปหานางย่อมสะดวกกว่า จากข่าวที่พวกเราได้รับมา ทัพหนุนที่ราชสำนักส่งมาอยู่ห่างจากเราเพียงสิบลี้ ภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็จะมาถึงที่นี่แล้ว”
“ข่าวสำคัญเพียงนี้ เหตุใดเพิ่งได้รับเล่า?”
“เมื่อกบฏเหล่านั้นไปที่ใดแม้กระทั่งหญ้ายังไม่งอก ข่าวนี้มาถึงเมืองฮู่เป่ยได้ก็ดีมากแล้ว ตามที่ลูกน้องข้ารายงาน พิราบส่งสารเหลือเพียงหนึ่งถึงสองตัวจากสิบแล้ว เจ้าว่าข่าวเหล่านั้นจะส่งมาถึงพวกเราอย่างรวดเร็วได้อย่างไร?”
“ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้”
“ฝนตกแล้ว นำอุปกรณ์กันฝนไปด้วย”
มู่ซืออวี่กำลังรอข่าวอยู่ที่กำแพงเมือง ถึงแม้ฝนจะตกลงมาอย่างหนัก นางก็ไม่ยอมไปจากที่นี่
เจ๋อหลานและชิงไต้ไม่เข้าใจว่านางกำลังรออะไร
เวลานี้เอง ซางจือได้นำเจิ้งซูอวี้มาหา
“เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่?” เจิ้งซูอวี้เอ่ย “คงไม่ได้รอให้คนพวกนั้นหวนกลับคืนมากระมัง?”
“พวกเขาจะไม่มีโอกาสนั้น”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสนั้น? หรือเจ้ารู้ว่าทัพหนุนใกล้เข้ามาถึงสิบลี้แล้ว” เจิ้งซูอวี้รู้สึกประหลาดใจ
“ฮูหยินฉิน ทัพหนุนมาถึงแล้วหรือเจ้าคะ?” ซางจือเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
เจิ้งซูอวี้พยักหน้าพร้อมกับส่งข้อความที่ได้รับมาให้มู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่รับมันมาด้วยสีหน้าที่ฉายชัดว่าประหลาดใจเช่นกัน
เจิ้งซูอวี้เห็นสีหน้าของนางจึงเอ่ยว่า “เจ้าไม่รู้หรือ? เช่นนั้น เหตุใดเจ้ารู้ว่าพวกเขาไม่มีโอกาสนี้แล้วเล่า?”
“เพราะข้าเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งไว้ให้พวกเขา” มู่ซืออวี่เอ่ย “ฝนที่มาในครั้งนี้ ประจวบเหมาะที่จะมอบขวัญชิ้นใหญ่ให้พอดี ไม่รู้ว่าพวกกบฏเหล่านั้นได้รับแล้วจะประหลาดใจจนคาดไม่ถึงหรือไม่”
เซียวหลีนำทหารที่เหลือไล่ล่าสังหารผู้ที่ปิดล้อมปราบปรามค่ายทหาร
พวกเขาไล่ตามออกไปไกล
เซียวหลีสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาส่งสัญญาณมือให้หยุดฝีเท้า แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง
ทหารถือธงชูธงขึ้น ส่งสัญญาณให้เหล่าทหารหยุดฝีเท้า
ผู้คนหลายหมื่นหยุดอออยู่ตรงนั้นอย่างหนาแน่น
“นายท่าน ฝนตกแล้ว”
เซียวหลีเช็ดฝนออกจากใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยความโมโห “ตามต่อไม่ได้แล้ว ระวังเป็นกับดัก กลับค่ายประเดี๋ยวนี้!”
“นายท่าน พี่น้องทั้งหลายข่มโทสะไว้มากพอแล้ว หากเรากลับไป เกรงว่าผองพี่น้องจะไม่มั่นใจว่าจะชนะศึกครานี้แล้ว คนพวกนั้นอยู่เพียงข้างหน้านี่เอง หากเราไล่ตามไปอีกสักพักย่อมจับลู่อี้ได้อย่างแน่นอน” โจวเสียงเฟยไม่เต็มใจกลับไปมือเปล่าเช่นนี้
เขาอยากจับอัครมหาเสนาบดีลู่ที่เลื่องลือนักหนาผู้นั้น จะดีที่สุดหากได้ทรมานบุรุษผู้สูงส่งให้อยู่ไม่สู้ตาย จากนั้นก็ส่งเขาไปเบื้องหน้าภรรยา เพื่อให้ฮูหยินลู่ดูให้เต็มตา จะได้ปลดปล่อยโทสะที่อัดแน่นอยู่ภายในใจเขาหลายวันนี้ออกมาได้
“ข้าบอกให้ถอยกลับค่าย เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าหรือ?!” เซียวหลีชักกระบี่ออกมาจากเอว
โจวเสียงเฟยกล้าโกรธทว่าไม่กล้าเอ่ยปากจึงประกบมือรับคำ
“นายท่าน ท่านได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหรือไม่?” ทหารที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น
เซียวหลีมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นน้ำหลากที่พุ่งเข้ามาราวกับมังกรส่งเสียงคำราม สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนฉับพลัน
“รีบออกไปจากที่นี่!”
เมื่อครู่นี้เขาไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้ถึงได้พบว่าที่นี่มีแม่น้ำสายหนึ่งอยู่จริง ๆ
มันเป็นเพียงแม่น้ำธรรมดาสายหนึ่ง ทว่าแท้จริงแล้วอันตรายยิ่ง น้ำขึ้นทุกปี พืชผลจมน้ำไปจำนวนมาก ทั้งยังท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านไปไม่น้อย
ในอดีตว่ากันว่าเหตุที่เมืองฮู่เป่ยแห้งแล้ง แม่น้ำสายนี้นับได้ว่า ‘มีความดีความชอบ’ ครึ่งหนึ่ง
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เซียวหลีสนใจ
เซียวหลีเพียงแค่รู้ว่าตนถูกหลอกแล้ว
“รีบหนี!”
เหล่าทหารเองก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทหารม้ายังดี เพราะควบขี่ม้าจึงหนีได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทหารราบไม่ได้โชคดีเช่นนั้น
พวกเขาวิ่งสุดกำลังด้วยสองขาที่มีแต่ก็ยังหนีไม่พ้นจาก ‘สัตว์ร้าย’ ที่ถาโถมเข้ามา
กระแสน้ำนั้นราวกับสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่ง มันกลืนกินพวกเขาไปในพริบตา คนที่ยังไม่ถูกกลืนกินก็โดนมันไล่ล่าต่อไปไม่รู้จบสิ้น
“วิ่งไปทางต้นน้ำ… วิ่งไปทางต้นน้ำ…”
ทัพกบฏไม่เคยขาดแคลนคนฉลาด พวกเขาอาศัยประสบการณ์หลายปีตัดสินใจได้อย่างฉับไวและถูกต้อง ทว่าคนที่กำลังตื่นตระหนกจะยังรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลได้หรือ? แน่นอนว่าไม่ ดังนั้นผู้คนที่ถูกกลืนหายไปจึงยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลี่กู่หยวนและทหารใต้บังคับบัญชาของเขายืนอยู่บนที่สูงมองฉากตรงหน้า
“นายท่านหลี่ สำเร็จแล้ว” ทหารใบหน้าเปื้อนโคลนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พวกเราทำงานอยู่ที่นี่ทั้งวันทั้งคืนมาเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดก็ทำภารกิจที่ฮูหยินมอบหมายให้สำเร็จ!”
“วางใจเถิด ข้าไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน” หลี่กู่หยวนเอ่ย “เจ้าสุนัขพวกนี้คิดจะฮุบเมืองฮู่เป่ย หากพวกเราจัดการเขาไม่ได้ เช่นนั้นก็ปล่อยให้ ‘สวรรค์’ จัดการ”
ภารกิจที่มู่ซืออวี่มอบหมายให้หลี่กู่หยวนคือสร้างทำนบกั้นน้ำ เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึงก็ให้ล่อกลุ่มกบฏไปที่นั่น จากนั้นค่อยรื้อทำนบเพื่อระบายน้ำออก
เป็นไปตามคาด ฝนตกลงมาในเวลาที่เหมาะเจาะพอดี หลี่กู่หยวนจึงได้มอบไม้ตายให้กับพวกกบฏ!
————————