เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 1170 ฉืออี้หย่วนกลับมาแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 1170 ฉืออี้หย่วนกลับมาแล้ว

บทที่ 1170 ฉืออี้หย่วนกลับมาแล้ว

เมื่อถึงเวลาที่ซูเสี่ยวซื่อจะกลับมาจากต่างประเทศอย่างมีชัย ซูเสี่ยวเถียนก็ตกแต่งตึกธุรกิจแห่งใหม่ของครอบครัวเกือบเสร็จแล้ว

เขาดีใจมากที่เห็นน้องเก่งเอา ๆ และจัดการทุกอย่างได้ภายในเวลาอันสั้น

ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงรับผิดชอบแค่เรื่องซื้อสินค้าและเปิดธุรกิจ

แต่ก่อนหน้านั้นก็มีข่าวที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่า คือน้องสาวกำหนดวันเวลาในการเปิดทำการด้วย

เขาแทบร้องไห้เมื่อเห็นว่ามันคืออีกหนึ่งเดือนต่อมา

“น้องเล็ก ไม่ได้ดูก่อนเลยหรือว่ากว่าสินค้ามันจะมาส่งคือเมื่อไรน่ะ?”

เขาถามด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย แต่เหมือนน้องจะไม่ได้สนใจฟังเลย

ทำไมน่ะหรือ?

เพราะเขากลับมาพร้อมกับฉืออี้หย่วน

ตอนนี้เธอเห็นแต่ฉืออี้หย่วนเท่านั้น ซูเสี่ยวซื่อจะไปอยู่ในสายตาได้ยังไง?

เด็กสาวมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรัก

ตอนนี้เขาผอมลงเยอะมาก เธอร้อนผ่าวที่ตาจนอยากร้องไห้

ก่อนหน้านี้เคยเจอมาแล้วก็จริง แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกแบบนี้มาก่อนนะ?

ฉืออี้หย่วนมองน้องที่สวยวันสวยคืน แล้วอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มด้วยความเอ็นดู

“แก้มหายไปไหนหมดแล้ว กินข้าวไม่อร่อยหรือ?”

น้ำตาคนโดนบีบแก้มแทบเหือดหายไปในทันที

“ผอมเพรียวต่างหากค่ะ ไม่ใช่กินข้าวไม่อร่อยสักหน่อย” เธอแสร้งเป็นโกรธ

เมื่อได้ยินน้ำเสียงคุ้นหูเธอก็แทบอยากดึงเข้ามากอดใจแทบขาด แต่ไม่กล้าทำ

คุณย่าซูเดินมาพร้อมกับของว่างและผลไม้

“เสี่ยวหย่วน กลับมาทั้งทีทำไมไม่บอกกันบ้างเลยเล่า?” ท่านวางของในมือแล้วพร่ำบ่น

ฉืออี้หย่วนยิ้ม “คุณย่าสบายดีนะครับ?”

“สบายดี ดูหลานก่อนเถอะ ผอมเชียว กลับมาทั้งทีเดี๋ยวย่าทำของอร่อย ๆ ให้ จะได้กินบำรุงร่างกายนะ”

ฉืออี้หย่วนโดนโจมตีเข้าอย่างจัง

ตอนที่อยู่เยอรมนี ไม่มีใครสนใจเขาด้วยซ้ำว่ามีเสื้อผ้าใส่ไหม มีข้าวกินหรือเปล่า อ้วนขึ้นหรือผอมลง

เป็นญาติแค่ในนามจริง ๆ

ญาติที่ไม่เคยแสดงความรักความห่วงใย

อย่าได้ถามเลยว่าชีวิตที่นั่นเป็นยังไงบ้าง

ฉืออี้หย่วนนึกถึงสภาพตัวเองในช่วงเวลานั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกอ่อนแอจนร้องไห้ออกมา

คุณย่าซูง่วนกับการต้อนรับชายหนุ่มจึงไม่ทันได้มอง

แต่ซูเสี่ยวเถียนที่อยู่ข้าง ๆ เห็นทุกอย่าง

หัวใจพลันปวดแปลบขึ้นมา

ช่วงเวลาเหล่านั้นพี่อี้หย่วนลำบากมากเลยสินะ

ชายหนุ่มแสร้งก้มหน้าแล้วเช็ดน้ำตา

เหตุการณ์ต่าง ๆ หลั่งไหลเข้ามาในหัว

นับตั้งแต่เดินทางไปถึงเยอรมนี มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีวันลืมเลือนได้เลย

และที่มันทำให้เขาปล่อยวางไม่ได้ก็เพราะคนพวกนั้นเอาแต่ทับถมมันเรื่อย ๆ

ต่อให้ผ่านมานานแล้วเขาก็ยังคิดไม่ตกว่าทำไมพ่อแม่ถึงทำแบบนั้น

ขายลูกเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเองหรือ ชื่อเสียงและความมั่งคั่งมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง?

ถ้าเป็นพ่อแม่บุญธรรมก็เข้าใจได้

ชายหนุ่มยังนึกสงสัยหรือตนเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยงจริง ๆ

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาคือลูกชายทางสายเลือดโดยแท้

หรือเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก สายเลือดและความผูกพันเลยหายไป?

คลอดเขาออกมาแล้วทำไมถึงไม่รับผิดชอบกันเลย?

เป็นฝ่ายทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กแท้ ๆ ทำไมเป็นเราที่ต้องรับผลแทนล่ะ?

โชคดีที่มีญาติที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันอยู่ด้วยอีกหลายคน

คุณปู่คุณย่าซูและคนอื่น ๆ ในตระกูลซูใจดีกับเขามาก

ขนาดคุณปู่คุณย่าตู้ยังรักเขาเหมือนหลานชายแท้ ๆ เลย

ฉืออี้หย่วนถือซาลาเปาเนื้อลูกใหญ่พลางยกยิ้ม “ผมแข็งแรงดีครับคุณย่า ถึงน้ำหนักจะลด แต่มีกล้ามเนื้อนะครับ”

เขาเหวี่ยงแขนให้ดู

จากเด็กชายผู้อ่อนแอแปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่ง

ออร่าต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง จึงทำให้หญิงชราโล่งใจมาก

ซูเสี่ยวซื่อเริ่มหดหู่กว่าเดิม อะไรกันเนี่ย?

นี่บ้านเขานะ คนตรงหน้าก็ย่าเขาด้วย

แล้วทำไมต้องห่วงไอ้ฉืออี้หย่วนมันขนาดนี้?

ย่ารู้ไหมว่าเจ้านี่มันหมายตาหลานรักย่ามาตั้งแต่ยังเด็กน่ะ?

“ย่า ผมอยากกินซาลาเปาด้วย!” สุดท้ายเสี่ยวซื่อก็อดร้องเรียกไม่ได้

หญิงชราจ้องเขม็ง “หยิบกินเองไม่เป็นหรือไง? แกอายุเท่าไรแล้ว?”

ถึงจะบ่นแต่ก็หยิบมาให้หลานชายอยู่ดี

และคนโดนบ่นเอง พอได้ของกินมาก็อารมณ์ดีทันที

“ย่าไม่รู้หรือว่าอาหารที่ต่างประเทศไม่อร่อยเลย แรก ๆ ก็ดีนะ แต่ผ่านไปสามวันผมกินไม่ลงแล้ว ย่าดูสิ ผมผอมลงเลยนะ!”

ได้ยินเช่นนั้นหญิงชราพลันตระหนักได้

“ไม่แปลกใจเลยที่อี้หย่วนผอมลง ที่แท้อาหารก็ไม่อร่อยสินะ!”

“ถึงว่าเวลาคริสติน่ามาหาจะต้องขอกินของอร่อยตลอดเลย น่าสงสารจริง ๆ!”

ซูเสี่ยวซื่อ “…”

ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปเสียล่ะ?

เขาหมายถึงตัวเองต่างหาก แล้วทำไมไปเรื่องฉืออี้หย่วน เรื่อยไปถึงคริสติน่าได้เล่า?

ซูเสี่ยวเถียนหัวเราะ

คุณย่าหาคนไปรับฉือเก๋อด้วย และง่วนทำอาหารให้สองหนุ่มไปด้วย

พอโดนขัดจังหวะ ซูเสี่ยวเถียนจึงไม่ได้ร้องไห้ออกมา

อารมณ์ค่อย ๆ สงบลงจนมีเวลาให้บอกเล่าเรื่องราวเก่า ๆ

ซูเสี่ยวซื่อยังคุยเรื่องเจาะตลาดในต่างประเทศ รวมถึงเรื่องเตรียมเปิดกิจการด้วย

“พี่สี่ซื้อของก็พอ อย่างอื่นหนูทำไปหมดแล้ว เริ่มตั้งแต่วันนี้เลย หนังสือพิมพ์ชื่อดังหลายเจ้าในเมืองหลวงกำลังโฆษณารับสมัครงานค่ะ หนูเลยวานคนไปสัมภาษณ์มา จะได้หาคนเหมาะ ๆ มาทำหน้าที่ตรงนี้”

“แล้วก็ร้านหม้อไฟกับปิ้งย่างชั้นสองเสร็จหมดแล้ว ถ้าเปิดขายต้องได้รับความนิยมแน่ ๆ พอรับสมัครคนเข้ามาก็ฝึกอบรมง่าย ๆ ไปก่อน”

เมื่อซูเสี่ยวเถียนบอกรายละเอียดให้ฟัง ชายหนุ่มก็ทอดถอนหายใจ น้องเล็กทำได้สมบูรณ์แบบมาก

ไม่มีอะไรให้ห่วงเลย

ส่วนเรื่องซื้อของเขาไม่ได้ใส่ใจสักนิด

ก่อนหน้านี้ก็เคยซื้อของจากเยอรมนีส่งมาแล้ว ใช้เวลานานสุดคือหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทางมาถึงเรา

ส่วนสินค้าอื่น ๆ เขามีซัพพลายเออร์ประจำอยู่แล้ว จึงไม่ต้องห่วงส่วนนี้เลย

ชั้นสี่ห้าโซนเสื้อผ้าน่าจะได้รับความนิยมมากที่สุด

ตามแบบแผนคือชั้นสี่เป็นเสื้อผ้าผู้หญิง แล้วก็มีเคาน์เตอร์จำหน่ายเครื่องประดับและเครื่องสำอาง

ไม่ว่าผู้หญิงจะรักสวยรักงามมากน้อยแค่ไหน ขอแค่ขึ้นไปชั้นสี่ย่อมช้อปปิ้งแบบครบวงจรได้แน่

ส่วนชั้นห้าเป็นโซนเสื้อผ้าผู้ชาย โซนเด็ก โซนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ มีโซนรองเท้าและหมวกด้วย

ของพวกนี้ต้องใช้ความตั้งใจพอสมควร หลังจากซูเสี่ยวซื่อรู้รายละเอียดก็เดินทางไปหรงเฉิงทันที

จบธุระส่วนนี้ ซูเสี่ยวเถียนก็ถามถึงสถานการณ์ฝั่งเยอรมนี

ซูเสี่ยวซื่อบอกคร่าว ๆ

เพื่อไม่ให้น้องเป็นกังวลเลยไม่ได้เล่าความลำบากในช่วงแรก ๆ ให้ฟัง แค่บอกว่าชาวเยอรมันชอบอาหารตุ๋นและทิ้งความหอมกรุ่นไว้ในปากหลังกินมาก

สรุปแล้วพี่ชายบ้านนี้เวลาอยู่ต่อหน้าน้องสาวจะพูดแต่เรื่องดี ๆ เท่านั้น ไม่เว้นแม้แต่ซูเสี่ยวซื่อ

ระหว่างนั้นคนสองสามีภรรยาตู้ก็เดินทางมาถึง

พวกเขารั้งคุยกับฉืออี้หย่วนอยู่พักหนึ่ง

จากนั้นก็เป็นสองสามีภรรยาเสิ่น

ตอนที่รับโทรศัพท์มีรถอยู่พอดีก็เลยแวะรับมาด้วย

ซูเสี่ยวเถียนเห็นคนมามากเข้า ๆ ก็ช่วยย่าทำงานทันที

เป็นอีกวันที่ตระกูลซูคึกคักมาก มีแต่บ้านซูโส่วเวินไปหาพ่อแม่ และซูโส่วเวินทำวิจัยอยู่นอกเมือง ทุกคนในตระกูลซูต่างมากันครบ

คืนนั้นหลายคนดื่มจนเมา แม้แต่ฉือเก๋อที่ไม่ได้ดื่มมาหลายปียังดื่มเช่นกัน

หากซูเสี่ยวเถียนไม่โน้มน้าวเอาไว้คงเมาไปแล้ว

เด็กสาวจึงเตรียมซุปแก้เมาค้างให้เขา

สุขภาพชายชราไม่ค่อยดี ไม่ได้อยู่กับหลานชายด้วยเลยซึมเศร้าทำให้อาการแย่ลงไปอีก

หากไม่ได้เตรียมอาหารบำรุงเอาไว้คงไปนานแล้วละ

ฉือเก๋อดื่มไปด้วยคุยไปด้วย

แต่จากคำพูด เขาไม่พอใจลูก ๆ ที่อยู่ต่างประเทศ

นอกจากบ้านฉือเนี่ยนตงแล้ว คนอื่น ๆ ไม่เคยกลับมาหาเขาเลยทำชายชราเสียใจมาก

แต่เขาไม่ได้บอกให้ใครรู้ ไม่ว่ายังไงก็ทำได้แต่อดทนเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ ร่างกายจึงย่ำแย่ลง

ฉืออี้หย่วนเสียใจมากตอนที่ได้ยิน

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคุณปู่คิดถึงลูกหลานแค่ไหน

ตอนไปเยอรมนีก็เคยคุยกับพวกอาแล้ว บอกให้มาเยี่ยมปู่บ้าง

แต่ทุกคนล้วนปฏิเสธ ทั้งยังบอกว่าหากเดินทางมาจีนจะทำให้การงานล่าช้า เสียเงินเยอะอีก

ทำให้ฉืออี้หย่วนผิดหวังเหลือเกิน แต่แสดงออกมาไม่ได้

ถ้าเผลอนิดเดียวต้องสะกิดต่อมปู่แน่ ๆ

ช่วงที่ฉือเก๋อเมามายก็ได้เหลียงซิ่วและซูเสี่ยวจิ่วคอยช่วยไว้ ทำให้ซูเสี่ยวเถียนป้อนซุปให้ท่านได้ก่อนพาไปพักผ่อน

ตอนนี้ทุกคนเมากันหมด

โชคดีที่บ้านเราไม่ได้เล็ก มีกันหลายห้อง ส่วนบ้านตู้ก็ไม่ได้ไกลจากกันนัก เป็นเรือนใหญ่ด้วย

ส่วนครอบครัวเสิ่นจื่อเจินไม่ได้กลับ พักค้างคืนต่อ

คืนนี้ผ่านไปอย่างสงบสุข

เช้าวันต่อมา เมื่อเห็นฉือเก๋ออีกครั้งเขาดูสงบนิ่งมาก

ราวกับทุกอย่างกำลังจะผ่านไป

ซูเสี่ยวเถียนทอดถอนใจขณะมองไปที่เขา

หวังว่าหลังจากฉืออี้หย่วนกลับมา จะทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น

คืนนี้ผ่านไปอย่างสงบสุข

เช้าวันต่อมา เมื่อเห็นฉือเก๋ออีกครั้งเขาดูสงบนิ่งมาก

ราวกับทุกอย่างกำลังจะผ่านไป

ซูเสี่ยวเถียนทอดถอนใจขณะมองไปที่เขา

หวังว่าหลังจากฉืออี้หย่วนกลับมา จะทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น

ในวันต่อมาทุกคนยุ่งกันมาก

ทรัพย์สินอันน้อยนิดในสมัยนั้นของฉืออี้หย่วนแทบไม่มีค่าอะไร

แต่โชคดีที่เจ้าตัวเก่ง ระหว่างอยู่ต่างประเทศก็หาเงินมาตลอด ตอนนี้ก็กำลังลงทุน

ซูเสี่ยวเถียนไม่ใคร่สงสัยความสำเร็จในอนาคตของเขาเลย

ระหว่างที่ชายชรากำลังผิดหวังกับลูกหลาน เขาก็ได้มอบสิ่งสุดท้ายที่มีให้กับหลานชาย

“นี่เป็นทรัพย์สินอย่างสุดท้ายของบ้านเรานะ ปู่ฝากไว้ด้วย หลังจากนี้ต้องพึ่งพาหลานแล้วละ!”

ฉืออี้หย่วนไม่ได้ปฏิเสธแล้วรับมา

ปู่คงตั้งใจจะให้ลูกหลาน แต่พวกเขาไม่ใส่ใจผู้เป็นพ่อกันเลย

บางทีคงคิดว่าหลังจากประสบภัยในครั้งนั้น ความมั่งคั่งทั้งหมดของตระกูลฉือคงไม่เหลือแล้ว

บางทีอาจจะคิดว่าพ่อแก่ ๆ ที่อยู่ในประเทศจีนคงเป็นภาระสินะ?

“ผมจะกตัญญูต่อปู่ให้ถึงที่สุดครับ จะทำให้ปู่มีความสุขด้วย!” ฉืออี้หย่วนให้คำมั่นสัญญา

มุมปากชายชรามีรอยยิ้มจาง ๆ

นอกจากความโล่งใจแล้วก็มีร่องรอยความเศร้าสร้อย

ฉืออี้หย่วนไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเขาเอาเงินที่ปู่ให้มารวมกับเงินที่หามาได้เริ่มลงทุนในประเทศ

ฝั่งซูเสี่ยวเถียนได้เริ่มงานรับรองแขกต่างชาติรอบใหม่แล้ว

คราวนี้ยังคงเป็นคณะผู้แทนจากประเทศ Y มาเยือน พวกเขามาเพื่อหารือเรื่องธุรกิจ ฝ่ายเบื้องบนให้ความสนใจมากจึงจัดหน้าที่ให้กับซูเสี่ยวเถียนเป็นพิเศษ

แม้จะไม่ได้บอกว่าตนเป็นหลักของกระทรวงต่างประเทศ แต่เป็นบุคคลที่ขาดไม่ได้ไปจริง ๆ

ถึงจะเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน แต่งานที่ทำไม่ใช่สิ่งที่นักศึกษาจะทำได้เลย

ที่จริงก็ไม่อยากทำงานจนหัวหมุนหรอก ฉืออี้หย่วนอุตส่าห์กลับมาทั้งทีก็อยากใช้เวลาด้วย

แต่มันช่วยไม่ได้ ฝ่ายนั้นก็ยุ่งไม่ต่างกันเลย

เธอละอายใจเกินกว่าจะรบกวนเขา

เลยตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี

——————————————

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท