บทที่156 ถ้างั้นจะตีให้น้ำตาไหลไปเลย
“โอ้โห จะสั่งสอนพวกเรางั้นหรือ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คุณเป็นแค่เศษสวะและราชาแห่งการเกาะกินของตระกูลกู้ ตลกชะมัดเลย”
“คุณแค่โชคดีเท่านั้น ที่ได้ขึ้นเตียงของประธานกู้ไม่อย่างนั้นคุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเรามากนัก ยังจะกล้ามาโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีก”
“ไอ้เศษสวะนี้เพียงแค่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่ง เลียแข้งเลียขาเจ้านาย เพื่อที่จะได้กระดูกมากินมากกว่าเดิม”
คนงานหลายคนนี้ต่างมองไปที่หลี่โม่ด้วยความเยาะเย้ย เรื่องความไร้ประโยชน์ต่างของหลี่โม่ มักเป็นเรื่องเล่าซุบซิบประจำของพนักงานโรงงานอยู่แล้ว
กู้หยุนหลันเท้ากระทืบพื้นหลายทีด้วยความโกรธ“ใครก็ตามที่พูดเรื่องไร้สาระอีก ถ้าถูกไล่ออกอย่ามาโทษฉันนะ!”
“โอ้โห ผมกลัวจังเลยครับ ตราบใดที่โรงงานไม่กลับมาเริ่มงานต่อ ผมกลัวว่าตำแหน่งของประธานกู้ก็จะไม่มั่นคงเหมือนเคย ยังมาขู่ว่าจะไล่พวกผมออกอีก ตลกชะมัด ผมกลัวว่าสุดท้ายคนที่จะตกงานเป็นประธานกู้มากกว่า”
คนของกู้เผิงเฟยเหล่านี้ เพราะได้ยินข่าวบางอย่างมาบ้าง เวลานี้พวกเขาถึงกล้าพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร
หลี่โม่หรี่ตา แต่มีไฟลุกโชนอยู่ในใจเขา เขาไม่ได้โกรธเพราะโดนดูถูกเหยียบย้ำ แต่สิ่งที่ลุกโชนในใจเป็นเลือดที่ลุกโชนขึ้นเพื่อปกป้องกู้หยุนหลัน
หมัดของหลี่โม่ชกออกไปอย่างเด็ดขาด และฟาดฟันคนงานที่นำอย่างไม่ยั้งมือ
เมื่อเห็นการกระทำของหลี่โม่ คนงานที่นำหน้าก็ชักประแจจากด้านหลังของเขาและทุบลงมัดของหลี่โม่:”แม่ง ยังกล้าลงไม้ลงมือจริงด้วย วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนที่ดีให้กับไอ้เศษสวะอย่างแก … โอ้ย!”
มือของหลี่โม่คว้าข้อมือคนงานได้พอดี เขาล็อคมือคู่ต่อสู้ และกระชากแขนเขาจนไหล่หลุด
ภายใต้ความเจ็บปวด คนงานที่นำหน้าไม่สามารถถือประแจไว้ในมือได้อีกต่อไปและประแจขนาดใหญ่ก็ตกลงที่พื้นพร้อมกับเสียงดังปั้ง
“ไอ้สาระเลว มึงเอาจริงหรอ พวกเราไปซ้อมมันให้ตายเลย!”
คนงานที่เหลือ ทยอยหยิบอาวุธของตัวเองออกมา เป็นพวกค้อนต่างนานาๆ จากนั้นทั้งหมดพุ่งเข้าโจมตีหลี่โม่ในเวลาเดียว
“ระวัง!”
กู้หยุนหลันกรีดร้องแล้วตะโกน:“พวกนายหยุดทั้งหมดเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความแล้วนะ!”
แต่ไม่มีใครฟังกู้หยุนหลันเลย และสถานการณ์ตอนนี้กำลังบ่งบอกว่า พวกเขาจะหยุดก็ต่อเมื่อรู้ว่าใครแพ้ใครชนะ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลี่โม่ ดวงตาของเขาดูเหมือนเสือชีต้าจ้องมองคนงานที่พุ่งเข้ามา
ทันใดนั้นหลี่โม่ก็กระโดดออกมา!
ในจังหวะที่คนงานที่อยู่ตรงหน้าสุดยกค้อนขึ้น เขาก็ทุบไปที่หัวใจของคนงานด้วยหมัดหนัก ๆ
คนงานคนนั้นหงายหลังล้มลงบนพื้น ดวงตาของเขาไร้ชีวิตชีวา ปากก็มีโฟมขาวไหลออกมา! โจมตีครั้งเดียวก็เอาเขาอยู่เรียบร้อย!
หลี่โม่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มองหาข้อบกพร่องของบุคคลที่สอง และเอาชนะศัตรูด้วยมัดที่หนักหน่วง
เพียงแค่พริบตาหลี่โม่ก็ล้มคนงานหลายคนลงกับพื้นแล้ว บางคนหมดสติบางคนร่ำไห้ ไม่มีใครสามารถลุกขึ้นยืนได้
“ไม่รู้จักเจียมตัว”
หลี่โม่ปัดมือด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็หันหน้ามาและพูดว่า:“เมียจ๋า คุณคิดว่าผมเป็นผู้ชายที่แมนสุดๆไปเลยหรือไม่”
“อย่ามัวแต่หลงตัวเองหน่อยเลย พวกเขาจะไม่อันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?”
กู้หยุนหลันมองไปที่สถานการณ์ที่น่าสังเวชของคนงาน และรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าหากหลี่โม่ลงมือหนักเกิน และทำให้มีคนเสียชีวิตต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่
“จะไม่มีอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน และผมก็ไม่ใช่แชมป์มวยสักหน่อย ยังไม่สามารถทำให้คนตายด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียวได้”
หลี่โม่กล่าวอย่างถ่อมตัว
กู้หยุนหลันทำสายตาหมั่นไส้ใส่หลี่โม่ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“รีบตามฉันไปที่โรงงาน วันนี้ที่พาคุณมานี่ยังถือว่ามีประโยชน์หน่อย”
กู้หยุนหลันยังคงมีความประหลาดใจอยู่ในใจของเธอ
ยังไงก็ตามได้พบจุดที่ส่องแสงของหลี่โม่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงประกายเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้กู้หยุนหลันประหลาดใจได้
ท้ายที่สุดแล้วหลี่โม่ไม่ได้เป็นคนไร้ประโยชน์อีกต่อไป และเพื่อที่จะปกป้องเธอ กล้าที่จะต่อสู้กับคนอื่น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกหวานชื่นในใจเล็กน้อย
หลี่โม่และกู้หยุนหลันเดินไปที่บริเวณโรงงาน ในห้องรักษาความปลอดภัยที่อยู่ไม่ไกลนัก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนเริ่มหายใจเข้าลึกๆด้วยความวิตกแล้ว
“เหตุใดไอ้เศษสวะนี้ถึงดูรายได้ขนาดนี้ เอาชนะพวกกระจอกอย่างเฮียหู่ได้ไม่ว่า ทำไมถึงเอาชนะแม้กระทั่งคนอย่างเหล่าหวางได้”
“ถ้ามันเป็นขยะจริงๆ กู้หยุนหลันจะปรารถนาเขาหรือ? ต้องเป็นเพราะปกติเขาแค่ไม่แสดงออกมาแน่เลย รีบโทรแจ้งหัวหน้างานเดี๋ยวนี้”
เจ้าหน้าที่โทรหากู้เผิงเฟย และแจ้งให้เขาทราบสถานการณ์ตอนนี้ ทันใดนั้นกู้เผิงเฟยหงุดหงิดจนสีหน้าเปลี่ยนไป
“ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก เก่งแต่ปากเท่านั้น เป็นขี้หมาทั้งนั้น ไหนบอกว่าเป็นหมัดเหล็กและขาเหล็กที่สู้ไม่แพ้ไง เวลามีปัญหาต้องหาฉันไปแก้ไขอยู่ดี!”
กู้เผิงเฟยวางสายโทรศัพท์ และยืนอยู่หน้าห้องโรงงานด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ราวกับว่าเขากลายเป็นเทพประจำประตูที่คอยดูแลโรงงานไปแล้ว
ผู้อำนวยการการห้องประชุมโรงงานของโรงงานวัตถุดิบกล่าวด้วยความกังวล“หัวหน้างานครับมันจะไม่ดีสำหรับเราหากประธานกู้เอาเรื่องเราจริงๆ”
“เอาเรื่องบ้าอะไร ถ้าพวกแกช่วยกูจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย รับรองว่าทุกคนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิตของตัวเอง!”
พอเห็นกู้เผิงเฟยที่ยึดมั่นขนาดนี้ ผู้อำนวยการก็ก้มหัวลงและไม่พูดอะไรอีกเลย
กู้หยุนหลันและหลี่โม่รีบเดินไปที่ประตูโรงงาน และมองไปที่กู้เผิงเฟยที่ขวางประตูห้องอยู่ หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา “สุนัขที่ดีจะไม่ยืนขวางทาง”
“คิดว่ามึงเป็นใคร คนเศษสวะไม่สมควรมาพูดตรงนี้ ประธานกู้คุณควรดูคนไร้ประโยชน์ของคุณให้ดี ปล่อยให้มาพูดจามั่วซั่วแบบนี้จะถูกตีเอาได้”
กู้เผิงเฟยกล่าวด้วยความไร้ปรานี
กู้เผิงเฟยกฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณต้องหยุดก้านฉัน แต่ฉันอยากจะบอกคุณว่าการกระทำของคุณตอนนี้มันไม่ถูกต้อง และฉันต้องเขาไปในโรงงานเดี๋ยวนี้เพื่อตรวจสอบทันที!”
กู้หยุนหลันกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก
“ไม่ได้ ตรงนี่ไม่ใช่ที่ที่ใครอยากจะเข้าก็เข้าได้ง่ายๆ หากต้องการตรวจสอบจริงก็ตรวจสอบภายนอกโรงงานแล้วกัน”
กู้เผิงเฟยเพียงใช้ไม้แข็งก้านไว้เท่านั้น แทบไม่หาเหตุผลมาอ้างอิงเลย และสายตาบ่งบอกว่าถ้าจะเข้าไปก็ข้ามศพฉันไปก่อน
“ดูเหมือนว่าคุณอยากเจ็บตัว”
มือทั้งสองข้างของหลี่โม่กำแน่นเป็นหมัด
“ฮ่าๆๆ ไอ้ขยะอย่าคิดว่าแกตีคนงานสองสามคนมาแล้ว ก็พองขึ้นบนฟ้าได้ ถ้าแกกล้าตีฉันแม้แต่ครั้งเดียว ฉันจะไปฟ้องคุณปู่กู้ทันที ถึงตอนนั้นไอ้ขยะอย่างแกจะต้องร้องไห้เสียน้ำตาแน่!”
กู้เผิงเฟยรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับกู้หยุนหลัน แต่กับหลี่โม่เขาไม่มีภาระทางจิตใจใดๆทั้งสิ้น และกู้เผิงเฟยมั่นใจว่าลี่โม่ไม่กล้าลงไม้ลงมือบักตัวเองแน่นอน
แม้ว่ากู้เผิงเฟยจะเป็นเพียงญาติห่างๆของตระกูลกู้ก็ตาม แต่ญาติก็คือญาติ!
กู้เผิงเฟยเชื่อว่าเขามีสถานะที่สูงกว่าในใจของคุณปู่กู้เสียยิ่งกว่าคนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่อยู่แล้ว!
“งั้นคุณร้องไห้ก่อนแล้วกัน”
หลี่โม่พุ่งไปข้างหน้า และหมัดขวาของเขาก็พุ่งเข้าใส่จมูกของกู้เผิงเฟยโดยตรง
กู้เผิงเฟยยังไม่ทันทำอะไรสักอย่าง ก็ถูกหลี่โม่ชกจนเลือดกำเดาไหลซะแล้ว!
หลังจากนั้นทันทีหลี่โม่ชกเบ้าตาทั้งสองข้างของกู้เผิงเฟยพร้อมกันสองครั้งอย่างรวดเร็ว น้ำตาของกู่เผิงเฟยก็ไหลลงมา
“แกกล้าลงมือกับฉันจริงหรือ ใครก็ได้เข้าไปตีมัน ไปตีมัน!”
หลี่โม่จับคอกู้เผิงเฟยและบีบลงอย่างแน่น
ทันใดนั้นกู้เผิงเฟยรู้สึกหายใจไม่ออก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างรวดเร็ว นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่าร่างกายกำลังขาดออกซิเจน
กู้เผิงเฟยที่รู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก็พยายามดิ้นรนและพูดว่า“ฉันจะไม่ไหวแล้ว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”