บทที่ 183 ถีบ
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ คุณชายซู เหอปินและกู้ซิงเว๋ยต่างพากันหัวเราะออกมา
ไม่มีใครเชื่อคำเตือนของหลี่โม่ ถึงแม้หลี่โม่จะเป็นคุณชายมีฐานะแห่งเมืองฮ่าน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของคุณชายซู
อีกอย่างตอนนี้เมืองฮ่านก็เป็นแค่เมืองธรรมดาเมืองหนึ่ง ถึงคนในเมืองจะเจ๋งแค่ไหนพอไปที่เมืองเอกก็แค่คนระดับกลางเท่านั้น
และตระกูลของคุณชายซูก็เป็นตระกูลฐานะดีแห่งเมืองเอก สามารถจัดการคนในเมืองฮ่านได้อย่างแน่นอน
“ให้ตายเหอะ! แกนี่มันอวดเก่งเหลือเกินนะหลี่โม่ ด่าฉันยังพอเข้าใจ แต่นี่แกกล้าไม่ให้ความเคารพคุณชายซูเหรอ แค่คุณชายซูเอ่ยปากก็สามารถทำให้แกตายได้แล้ว!”
กู้ซิงเว๋ยพูดใส่ไฟอยู่ข้างๆ เขาอยากให้คุณชายซูจัดการหลี่โม่จนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เขาจะได้มีโอกาสเตะไอ้หลี่โม่ด้วย
เหอปินเอียงคอมองหลี่โม่ แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ฉันเพิ่งเคยเจอคนที่ไม่รู้ที่ตายอย่างแกเป็นครั้งแรก เจอคุณชายซูแล้วยังกล้าพูดต่อล้อต่อเถียงกับเขา ถ้าเป็นลูกหลานของคนในเมืองเอก คงจะคุกเข่าให้คุณชายซูไปแล้ว”
คุณชายซูยิ้มอย่างร้ายกาจ เขาไม่สนใจหลี่โม่ สายตาของเขามองไปที่กู้หยุนหลัน
สำหรับคุณชายซูแล้ว หลี่โม่ไม่ได้มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย สิ่งสำคัญก็คือกู้หยุนหลันต้องเป็นของเขา
“คนสวย สามีของคุณนี่ช่างเป็นตัวของตัวเอง ผมล่ะไม่ชอบเสียงเห่าของมันเลย ทางที่ดีถ้าคุณไม่อยากเห็นมันโดนหักแขนหักขา ก็ยอมไปกับผมอย่างว่าง่าย นี่ผมพูดอย่างเมตตาแล้วนะ อย่าคิดว่าสวยแล้วจะได้รับความชื่นชมจากทุกคน”
สีหน้าของกู้หยุนหลันเย็นชา เธอพูดออกมาอย่างแน่วแน่ว่า “เชิญคุณออกไป ไม่งั้นฉันจะเรียกพนักงานมา”
“ฮ่า ฮ่า เรียกพนักงานงั้นเหรอ คนสวยกำลังพูดเรื่องตลกอะไรอยู่ ถึงวันนี้คุณจะเชิญเทวดามาก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าคุณไม่ยอมไปกับผม คุณก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา”
คุณชายซูยิ้มอย่างอวดดี กู้ซิงเว๋ยปิดประตูห้องอาหาร เขาลูบหมัดเตรียมที่จะแก้แค้น
“คุณชายจะไปพูดไร้สาระกับคนต่ำตมทำไม ทำเป็นเสแสร้งว่าตัวเองเป็นนางฟ้า แต่ความเป็นจริงกลับทำเรื่องที่ไม่สามารถบอกใครได้ไว้ไม่น้อยเลย” กู้ซิงเว๋ยแสยะยิ้ม
หลี่โม่ยืนขึ้น เขามองทั้งสามคนด้วยแววตาที่ไร้อารมณ์
เหอปินขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าแววตาของหลี่โม่น่ากลัว จึงแอบก้าวถอยหลังไป
คุณชายซูจ้องหลี่โม่แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “จ้องฉันทำไมไอ้สวะ อย่าบอกนะว่าแกจะต่อยฉัน”
“ในเมื่อไม่ให้เกียรติกู้หยุนหลัน ก็ต้องโดน” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“โอ๊ย แกบ้าไปแล้วเหรอหลี่โม่ นี่คือคุณชายซูแห่งเมืองเอกเชียวนะ แกได้ยินไม่ชัดเหรอ ถึงยังกล้าหาเรื่องเขา ฉันเตือนแกว่าอย่าผลีผลาม ไม่งั้นใครก็ช่วยแกไม่ได้หรอก!”
กู้ซิงเว๋ยพูดเสียงดังพลางถอยกรูดไปข้างหลัง เขากลัวว่าหลี่โม่จะไม่กล้าทำร้ายคุณชายซู แล้วหันมาทำร้ายเขาแทน
คุณชายซูปรายตามองหลี่โม่อย่างดูถูก “มีปัญญาก็เข้ามาสิ ถ้าแกไม่กล้าทำร้ายฉัน แกมันก็แค่ไอ้แมงดา”
หลี่โม่แสยะยิ้มจากนั้นก็ยกขาขึ้นถีบคุณชายซู
คุณชายซูตกใจเป็นอย่างมาก เขากะว่าจะหลบแต่มันก็สายไปเสียแล้ว
ขาของหลี่โม่ถีบลงไปที่ท้องของคุณชายซู จนตัวของคุณชายซูกระเด็นไปข้างหลังและกระแทกเข้ากับประตูของห้องอาหาร
ปัง!
เสียงจากแรงกระแทกทำให้เกิดเสียงดังขึ้น ประตูห้องอาหารสั่นอยู่สองสามครั้ง เหมือนมันจะพังลงมาอย่างไรอย่างนั้น
เหอปินกับกู้ซิงเว๋ยมองหลี่โม่อย่างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลี่โม่จะกล้าทำร้ายคุณชายซู แถมยังลงมืออย่างไร้ความเมตตาอีกด้วย
“คะ..คุณชายซู ไอ้หลี่โม่ ไอ้เวร แกกล้าทำร้ายคุณชายซู แกตายแน่ แกต้องตายแน่!” กู้ซิงเว๋ยพูดเสียงดัง เขาพูดเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนความกลัวภายในใจ
เหอปินกลืนน้ำลายลงคอ แล้วรีบพุ่งเข้าไปดูคุณชายซู เขาเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณชายซูไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ รู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า”
คุณชายซูรู้สึกเจ็บราวกับกระดูกทั้งตัวได้หักไปหมดแล้ว
“ให้ตายเหอะ ฉันไม่เคยเจอเรื่องน่าอับอายแบบนี้มาก่อน กล้าทำร้ายฉันแบบนี้ ฉันจะฆ่ามันทั้งครอบครัว!”
แกรก
ประตูห้องอาหารถูกเปิดออก ผู้จัดการกับรปภ.มาเพราะเสียงดังโหวกเหวก
ผู้จัดการเห็นสภาพอันน่าสังเวชของคุณชายซู เขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเฮือก
“คุณหลี่ พวกคุณไม่ได้โดนรบกวนอะไรใช่ไหมคะ”
ผู้จัดการมองไปยังหลี่โม่แล้วโค้งตัวสอบถามอย่างนอบน้อม
“เขารบกวนผม ช่วยโยนพวกเขาออกไปด้วย” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ได้ครับคุณหลี่”
ผู้จัดการไม่กล้าชักช้า เขากวักมือเรียกรปภ. ให้มาจับทั้งสามคนเอาไว้
“ให้ตายเหอะ แกไม่อยากเป็นผู้จัดการแล้วใช่ไหม แกรู้ไหมว่าพวกเราเป็นใคร เมื่อกี้คุณชายซูแห่งเมืองเอกโดนหลี่โม่ทำร้าย พวกแกควรจะไปจับหลี่โม่นู่น!” กู้ซิงเว๋ยตะโกนออกมา
“คุณชายซู คุณชายหลิวอะไรกัน พวกเราไม่รู้จักหรอก พวกเรารู้แค่ว่าคุณหลี่เป็นลูกค้าของเรา พวกเราต้องบริการเขาอย่างเต็มที่ พาพวกนั้นออกไป อย่าให้เข้ามาเหยียบที่นี่อีก!”
รปภ.รีบลากทั้งสามคนออกไป คุณชายซูเจ็บจนหน้าแดงไปหมด เขากัดฟันพูดออกมาว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะพวกแกทั้งสองคน!”
“กล้าเหิมเกริมกับคุณชายซู กู้หยุนหลัน หลี่โม่พวกแกรอความตายได้เลย!”
เสียงตะโกนของทั้งสามคนค่อยๆ ไกลออกไป หลังจากที่โดนรปภ.ลากมาหน้าประตู รปภ.ก็จัดการถีบทั้งสามคนลงจากบันได ทั้งสามกลิ้งหลุนๆ จากบันไดลงไปนอนกองอยู่บนถนน แล้วร้องครวญครางไม่หยุด
“ถุย ! ขยะอย่างพวกแก กล้ามาหาเรื่องแขกวีไอพีตอนทานข้าว ถ้ามันกล้ามารบกวนคุณหลี่อีก ก็ฆ่ามันซะ” ผู้จัดการพูดเสียงดังกำชับรปภ.ที่อยู่หน้าประตู
“รับทราบครับ ผมจะไม่ให้มันไปรบกวนเวลาทานข้าวของแขกวีไอพีอีก” รปภ.ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
ภายในห้องอาหาร กู้หยุนหลันมองหลี่โม่อย่างเป็นกังวล
“ทำไมคุณถึงผลีผลามแบบนั้น ฟังจากที่กู้ซิงเว๋ยพูด คุณชายซูอะไรนั่นน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา การที่คุณทำแบบนี้จะไม่เป็นการล่วงเกินเขาเหรอ”
“ล่วงเกินก็ล่วงเกินสิ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ก็พวกเขามารบกวนเวลาดินเนอร์ของพวกเรานิ ผมแทบอยากจะฆ่าพวกเขา” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วยิ้มมุมปาก
กู้หยุนหลันกลอกตามองบนใส่หลี่โม่ จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณเก่งแล้วนิ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นคุณโมโหแบบนี้”
“ก็เพราะพวกเขามายั่วโมโหผม ผมไม่เคยโมโหใส่ใครก่อน ถ้าพวกเขาทำให้ผมอดไม่อยู่จริงๆ” หลี่โม่พูด
“อดไม่ไหวก็ไม่ต้องทน แต่ก็ต้องระวังหน่อย ไปยั่วโมโหคนพวกนั้นมันก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัว”
กู้หยุนหลันยังคงหวาดระแวง ก่อนหน้านี้เฮียหู่ก็เอาแต่มาหาเรื่อง ทำให้กู้หยุนหลันรู้สึกว่าอย่าไปล่วงเกินใครเสียจะดีกว่า
หลี่โม่เห็นกู้หยุนหลันเป็นกังวล จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องไปกังวลเรื่องคนพวกนั้นหรอก คุณชายซูอะไร ทำเป็นอวดดีก็เท่านั้น คุณชายที่ไหนจะทำตัวต่ำแบบนั้น อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีบุคลิกแบบผม”
“คุณอย่ามาหลงตัวเองไปหน่อยเลย” กู้หยุนหลันพูดเสียงหวาน