กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 241 ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไป

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 241 ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไป

บทที่ 241 ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไป

หมอหมิ่นเดินมาเร็วมาก

และยังมีหมอที่มีอายุมากกว่าหลายคนมากับเขาด้วย

หลังจากยืนยันกับเซี่ยชิงหยวนแล้ว หมอหลายคนก็กลับเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง และปรึกษาหารือกันนานกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะออกมา

หมอหมิ่นบอกว่า “พรุ่งนี้เราจะผ่าตัดเขาตอนเก้าโมงเช้า จากนี้ไปจนกว่าจะให้เขาผ่าตัด เราจะฉีดสารอาหารให้เขาเท่านั้น ไม่ให้กินอาหารเหลวอีกแล้ว ถ้าริมฝีปากแห้ง สามารถใช้สำลีชุบน้ำเช็ดริมฝีปากของผู้ป่วยได้ นอกจากนี้คืนนี้คุณสามารถเช็ดตัวให้ผู้ป่วยได้ครับ”

เซี่ยชิงหยวนฟังอย่างตั้งใจ “ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากค่ะหมอหมิ่น”

หมอหมิ่นเลิกคิ้วเมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนสงบมาก

เขาถอนหายใจในใจ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมากและจากนั้นเขาก็จากไปกับทีมแพทย์อีกครั้ง

เซี่ยชิงหยวนหันไปหาฉู่ซิงอวี่และพูดว่า “ขอบคุณสำหรับวันนี้มากนะคะ วันนี้คุณคงเหนื่อยมากแล้ว ควรไปพักผ่อนเสียแต่เนิ่น ๆ ดีกว่าค่ะ”

ดวงตาของฉู่ซิงอวี่แดงก่ำ

เขาพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ นี่คือสิ่งที่ผมควรทำ ผมจะอยู่เฝ้าที่นี่กับเสี่ยวหลิว คุณนายกับคุณป้าไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ”

สภาพของเซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วตอนนี้ดูอิดโรยมากราวกับแค่ลมกระโชกแรงก็สามารถพัดพาพวกเธอไปได้แล้ว

เสี่ยวหลิวยังกล่าวอีกว่า “คุณนายครับ เราสามารถอยู่ที่นี่ได้ใช่ไหมครับ?”

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและส่ายหัวของเธอ “ทำได้สิ แต่คืนนี้พวกคุณควรไปพักผ่อนก่อนแล้วค่อยกลับมาเปลี่ยนกะในเช้าวันพรุ่งนี้นะ”

พรุ่งนี้เช้าเป็นเวลาผ่าตัดของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนจะไม่อยู่ระหว่างการผ่าตัดได้ยังไง?

เขารู้ว่านี่เป็นเพียงข้อแก้ตัวที่เธอกำลังมองหาก็เท่านั้น

ฉู่ซิงอวี่ไม่ยืนกรานอีกต่อไป และไปพักในโรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ กับเสี่ยวหลิว

เมื่อมองดูฉู่ซิงอวี่และเสี่ยวหลิวจากไป เซี่ยชิงหยวนไม่ได้บังคับให้หลินตงซิ่วไปพักผ่อนด้วย

ในฐานะคนเป็นแม่ ลูกชายจะขึ้นเตียงผ่าตัดในวันพรุ่งนี้แล้ว ดังนั้นเธอจึงสามารถมองได้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เซี่ยชิงหยวนมองไปที่หลินตงซิ่ว ซึ่งเฝ้าเตียงของเสิ่นอี้โจวและพูดว่า “แม่คะ หนูจะไปเอาน้ำมาให้นะคะ”

หลินตงซิ่วตอบเพียง ‘อืม’ และหันกลับไปจ้องมองที่ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวอีกครั้ง

บนใบหน้าและร่างกายของเสิ่นอี้โจวยังคงมีขี้เถ้าสีดำหลงเหลือจากการต่อสู้กับไฟอยู่

หลินตงซิ่วยื่นมือออกไป แต่ไม่กล้าแตะต้อง

ลมหายใจของลูกชายเธออ่อนแรงจนเธอกลัวว่าหากสัมผัส เขาจะจากไป

หลินตงซิ่วถอนมือกลับอีกครั้ง หันศีรษะไปด้านหนึ่งและร้องไห้อย่างเงียบ ๆ

ตั้งแต่เขายังเด็ก เสิ่นอี้โจวเกลียดการร้องไห้ของเธอมากที่สุด

ทุกครั้งที่เธอถูกตระกูลเสิ่นรังแกและร้องไห้ เสิ่นอี้โจวจะเช็ดน้ำตาของเธอด้วยมือเล็ก ๆ ของเขาและพูดว่า “แม่ อย่าร้องไห้ ผมจะโดดเด่นในอนาคตและจะไม่มีใครกล้ารังแกแม่อีก”

ตอนนี้ลูกชายของเธอทำสำเร็จแล้ว

แต่เพียงแค่ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล และเรียกแม่ไม่ได้…

ณ ห้องน้ำในโรงพยาบาล ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานที่รับน้ำ

ขณะที่เซี่ยชิงหยวนกำลังตักน้ำอยู่นั้น ก็มีหญิงชราสองคนกำลังคุยกันอยู่

ทุกคนในครอบครัวป่วย ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

หญิงชราคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่าถ้าคนเราปรารถนาสิ่งใดก็จงไปแสวงบุญที่ทิเบต ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ใกล้พระพุทธเจ้ามากที่สุด ถ้าอธิษฐานด้วยความมุ่งมั่นพระพุทธเจ้าจะได้ยินด้วยนะ”

หญิงชราอีกคนทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “จริงเหรอ?”

หญิงชราคนแรกพูดต่อ “บางคนเคยทำแล้ว และหลังจากกลับมา ความเจ็บป่วยของพวกเขาก็หายไป จะจริงหรือไม่ฉันก็ไม่รู้หรอก แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่ใช่ทุกคนสามารถแสวงบุญได้สำเร็จ”

ทั้งสองคุยกันและเดินออกไปอย่างช้า ๆ เซี่ยชิงหยวนรู้สึกตกตะลึงกับเรื่องนี้ ไม่มีใครสนใจและมือของเธอก็ถูกรดด้วยน้ำเดือดที่ล้นออกมา ซึ่งทำให้เธอเจ็บมากจนเกือบจะโยนกาน้ำในมือทิ้ง

ทิเบต สถานที่ที่เธอเสียชีวิตในชาติที่แล้ว เธอไปทิเบตกับอาจารย์ของเธอทุกปี อยู่ที่นั่นสองหรือสามเดือนแล้วจากไป

เธอยังได้เห็นผู้แสวงบุญที่เคร่งศาสนาจำนวนมากที่เดินทางหลายพันกิโลเมตร โขกหัวตัวเองทุกสามก้าวและวัดระยะห่างระหว่างตนเองกับพระพุทธเจ้าด้วยร่างกาย

การเดินธุดงค์อันยาวไกลและความอุตสาหะเช่นนี้ล้วนมีแรงศรัทธาสนับสนุน

เธอจำได้ว่าครั้งหนึ่งตัวเองเคยถามอาจารย์ว่า “อาจารย์คะ บอกหนูทีว่าพระพุทธเจ้าจะได้ยินความปรารถนาของพวกเขาจริง ๆ เหรอ?”

ในเวลานั้นเป็นปลายทศวรรษที่ 1980 และทัศนคติของประเทศต่อความเชื่อทางศาสนาแบบที่ยังอยู่ในช่วงเฟื่องฟูแบบช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

อาจารย์ของเธอดื่มเหล้าของเขา แต่ไม่ได้ตอบโดยตรง “ด้วยความเชื่อแรงกล้าในจิตใจ บางสิ่งอาจเป็นจริงก็ได้ใครจะรู้?”

เขาหัวเราะและพูดว่า “ยังไงฉันก็เป็นคนแก่ที่แย่มาก ฉันไม่สามารถทำได้แบบนั้นหรอก”

เซี่ยชิงหยวนลังเล

หากมีเทพเจ้าจริง ๆ และพวกเขาได้ยินด้วยวิธีนี้ เธอจะทำโดยไม่ลังเล

หญิงสาวกลับไปที่วอร์ดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง และเห็นหลินตงซิ่วนั่งเช็ดน้ำตาอยู่หน้าเตียงในโรงพยาบาลอย่างเงียบ ๆ

เธอเดินเข้าไปและเรียก “แม่คะ”

เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามา หลินตงซิ่วเช็ดน้ำตาจากมุมตาของเธอและพูดว่า “นี่เอาไว้เพื่อขัดถูร่างกายของอี้โจวใช่ไหม?”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

หลินตงซิ่วกล่าวว่า “ตกลง งั้นแม่จะออกไปก่อนนะ แต่ถ้าลูกต้องการความช่วยเหลือเพียงเรียกหาแม่ก็พอ”

เธอยืนขึ้นและเดินไปที่กระเป๋าสัมภาระที่นำมาด้วย “แม่เอาเสื้อผ้าทั้งหมดมาแล้ว”

ฟางเยว่คนนั้นบอกให้เธอพยายามหาสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ ให้เสิ่นอี้โจวเปลี่ยนใส่ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากในตอนนั้น

เมื่อเห็นเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ก้าวไปข้างหน้าและจับไหล่ของเธอ

ภายในวันเดียว ร่างกายของหลินตงซิ่วที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอย่างยากลำบากในเมืองเตียนเฉิงตอนนี้ก็ลดฮวบลงอีกครั้ง

เซี่ยชิงหยวนระงับความเศร้าในใจของเธอและปลอบโยนแม่สามี “แม่คะ อี้โจวจะไม่เป็นไรค่ะ”

หลินตงซิ่วตบมือของลูกสะใภ้พลางพยักหน้า กัดริมฝีปากของเธอและไม่พูดอะไร

หลังจากที่หลินตงซิ่วไปอาบน้ำแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็ปิดประตู เทน้ำร้อนและเช็ดตัวของเสิ่นอี้โจว

พยาบาลได้อธิบายว่าสถานที่ใดบ้างที่สามารถจับย้ายได้และจุดใดที่ควรให้ความสนใจ

เธอบิดน้ำออกจากผ้าขนหนูแล้วค่อย ๆ เช็ดหน้าให้เขา

เมื่อมีการเคลื่อนไหวของผ้าขนหนู ดวงตาของเธอก็สบเข้ากับคิ้วและใบหน้าที่ยังคงหล่อเหลาของเขา

สายตาละโมบจับจ้องราวกับว่านี่คือครั้งสุดท้าย

เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “คุณเคยพูดว่าอย่าทิ้งคุณไป แต่คุณกลับโกหกแบบนี้และคุณไม่คุยกับฉัน คุณลืมสิ่งที่สัญญากับฉันแล้วเหรอเสิ่นอี้โจว?”

นิ้วของเธอปลดชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลของเขา เผยให้เห็นซี่โครงและหน้าอกที่เคยแข็งแรง ปลายจมูกของเธอก็กลับมาเจ็บอีกครั้ง

“ดูคุณสิ คุณยุ่งจนลืมกินเลยใช่ไหม แค่ไม่กี่วันคุณผอมลงขนาดนี้เลยเหรอ?”

ผ้าขนหนูเช็ดท้องของเขาด้วยมือของเธอ “เมื่อคุณตื่นขึ้นฉันต้องลงโทษคุณ ทำไมคุณถึงไม่ฟังฉันแบบนี้?”

ในขณะที่พูด เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถกลั้นได้อีกต่อไป น้ำตาก็ไหลออกมา

เธอจับมือที่เย็นเฉียบของเขา ยกขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันไม่สามารถรักใครได้อีกนอกจากคุณ อย่าคิดไปเองว่าจะผลักไสฉันไปหาคนอื่นที่ดีกว่าได้นะ”

เธอเอามือตบแก้มเขาเบาๆ “คุณยอดเยี่ยมขนาดนี้ ฉันจะรักใครได้อีกนอกจากคุณ?”

ใครจะยอมและทนรักฉันได้แบบคุณ?

เมื่อก่อนเซี่ยชิงหยวนมักคิดว่าถ้าคนใดคนหนึ่งตายจากไปก่อน คนคนนั้นต้องเป็นเธอ

เพราะถ้าไม่มีเขา เธออยู่ไม่ได้แม้แต่วันเดียว เธอไม่สามารถทนความเจ็บปวดที่สูญเสียเขาไปได้

เซี่ยชิงหยวนล้มตัวลงนอนข้างเตียงของเขาด้วยน้ำตาที่ไหลริน “เสิ่นอี้โจว ฉันขอร้องอย่าทิ้งฉันไปเลยได้ไหม?”

———————

บทที่ 234 ผมอยากให้คุณนอนกับผมสักพัก

บทที่ 234 ผมอยากให้คุณนอนกับผมสักพัก

เซี่ยชิงหยวนบิดที่จับประตู พลางผลักประตูให้เปิดออกแล้วเดินเข้าไป

ตอนนี้ฉู่ซิงอวี่กำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะของเสิ่นอี้โจว เพื่อรอให้เขาลงนามในเอกสาร

เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน ฉู่ซิงอวี่ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ฟื้นตสติอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวทักทายว่า “คุณนาย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารและมองไปที่เซี่ยชิงหยวน

ความตื่นตระหนกฉายวาบในดวงตาของเขา “คุณมาที่นี่ทำไม?”

เขายืนขึ้น “ไม่สิ ผมหมายถึงว่า ทำไมคุณไม่โทรมาหาก่อนที่คุณจะมาผมจะได้เรียกให้เสี่ยวหลิวไปรับคุณ”

เมื่อเห็นใบหน้าของเสิ่นอี้โจวที่ดูเหนื่อยล้า มุมริมฝีปากของเซี่ยชิงหยวนก็พลันกระตุกขึ้น “ฉันเกรงว่าคุณจะยังไม่ได้กินข้าว ฉันเลยมาที่นี่น่ะ”

ขณะที่พูด เธอก็ยกกล่องอาหารในมือขึ้น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉู่ซิงอวี่กล่าวว่า “เลขาธิการครับ งั้นผมขอตัวก่อนแล้วเดี๋ยวจะกลับมาหลังพักเที่ยงนะครับ”

เสิ่นอี้โจวลูบคิ้วแล้วพูดว่า “ไปเถอะ”

ทันทีที่ประตูสำนักงานปิดลง บรรยากาศความเข้มงวดรอบ ๆ เสิ่นอี้โจวก็สลายหายไป ขณะที่เดินเข้าหาเซี่ยชิงหยวน เขาเดินไปที่ด้านข้างของเธอด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้า

เขาหยิบกล่องอาหารในมือของภรรยา แล้วดึงเธอให้นั่งลงบนโซฟา “คุณเหนื่อยไหม?”

เขาพูดพลางหยิบกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่งออกมาจากโต๊ะ แล้วเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน

ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิจะลดลงเมื่อเทียบกับฤดูร้อน ทว่าเนื่องจากภัยแล้ง อุณหภูมิจึงขยับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

เซี่ยชิงหยวนขี่จักรยานสามล้อมาตลอดทาง จึงมีเหงื่อออกทั่วร่างกายและพวงแก้มของเธอก็แดงเรื่อเช่นกัน

หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันเหนื่อยแค่ไหน ก็ไม่เหนื่อยเท่าคุณหรอก”

จากนั้นเธอก็เปิดกล่องอาหาร กล่องหนึ่งเต็มไปด้วยโจ๊ก ส่วนอีกกล่องหนึ่งเป็นไข่กวนมะเขือเทศและฟักทองนึ่ง

เธอเอ่ยว่า “ยำค่อนข้างมีรสจัด ฉันเลยไม่ได้เอามาให้คุณ”

พอได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มและพูดว่า “เท่านี้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว”

เห็นได้ว่าทุกจานที่ภรรยาของเขาทำถูกจัดมาให้เข้ากันอย่างลงตัว

เซี่ยชิงหยวนหยิบตะเกียบคู่หนึ่งออกมา แล้วเดินไปที่อ่างล้างหน้าด้านข้างเพื่อล้างทำความสะอาด และพูดว่า “ยังไงก็ตาม ฉันไม่สนใจว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน ขอแค่คุณต้องกินให้ดีเมื่อถึงเวลา”

เสิ่นอี้โจวก็เดินตามเธอไปด้วย พร้อมกับล้างมือของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ตกลงครับ”

เมื่อเช้าเขากินอาหารเช้าแบบง่าย ๆ จากนั้นก็ไปประชุม และก็ยุ่งกับงานต่าง ๆ มากมายจนถึงตอนนี้

เดิมทีเขาวางแผนที่จะขอให้ฉู่ซิงอวี่ไปเอาอาหารจากโรงอาหารมาให้เขา แต่สุดท้ายเซี่ยชิงหยวนก็มาถึงเสียก่อน

เธอยื่นตะเกียบให้ผู้เป็นสามี “กินสิ”

เสิ่นอี้โจวยิ้มและพยักหน้า “ตกลง ผมเชื่อฟังคุณอยู่แล้ว”

สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนปรุงมาคือโจ๊กที่มีซี่โครงตุ๋นนุ่ม ๆ อยู่ข้างใน และมันเทศที่ละลายแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่กินได้คล่องคอมาก

เซี่ยชิงหยวนยืนดูเสิ่นอี้โจวกินจนเสร็จ

เธอจึงเก็บกล่องอาหารกลางวันแล้วพูดว่า “ไปเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารกันเถอะ แล้วก็พักผ่อนนะ”บราวนี่ออนไลน์

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นอี้โจวก็เปิดปากปฏิเสธทันที “ชิงหยวน ผม…”

เซี่ยชิงหยวนขัดจังหวะเขาทันที “นี่คุณ หลายวันที่ผ่านมานี้เวลาพักเฉลี่ยของคุณมีแค่กี่ชั่วโมง? คุณไม่ได้ทำจากเหล็ก คุณทำงานโดยไม่พักได้เหรอ? หลังจากพักผ่อนคุณจะยิ่งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอีกต่างหาก และอีกอย่างทั้งศาลากลางไม่สามารถเดินหน้าต่อได้หากไม่มีคุณรึไง?”

ตอนนี้ดวงตาของเสิ่นอี้โจวแดงก่ำแล้ว

มันแสดงให้เห็นว่าเขาอดนอนมามาก

สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนพูดนั้นมีเหตุผล เสิ่นอี้โจวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้ายินยอม

แต่เธอพูดผิดไปอย่างหนึ่ง ตอนนี้ทั้งศาลากลางถ้าไม่มีเขาแล้วก็แทบจะเดินหน้าต่อไม่ได้เลยจริง ๆ

ถือเป็นครั้งแรกที่เหล่าข้าราชการระดับสูงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้นับตั้งแต่พวกเขาเข้ามามีอำนาจ

พวกเขาพบว่าทุกคำแนะนำของเสิ่นอี้โจวนั้นตรงประเด็นและมีประสิทธิภาพมาก

โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ทั้งทีมข้าราชการระดับสูงของศาลากลางทั้งหมดได้ยึดตามความเห็นของเสิ่นอี้โจวเป็นความเห็นชี้นำหลัก

เขาดึงเธอเข้ามาและเกลี้ยกล่อมเบา ๆ “ได้ ๆ ผมจะนอนนะ”

หลังจากเพียงครู่หนึ่ง เซี่ยชิงหยวนก็ลากเขาไปเดินย่อยที่ทางเดินและค่อยกลับเข้ามาในห้องสำนักงานของเขาอีกรอบ

เซี่ยชิงหยวนปิดประตู ดึงผ้าม่านมาปิดแล้วพูดว่า “เอาล่ะ คุณนอนพักสักครึ่งชั่วโมงแล้วฉันจะปลุกเองเมื่อถึงเวลา”

เสิ่นอี้โจวไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกอึดอัดใจกับพฤติกรรมกึ่งก้าวร้าวบงการของเธอ กลับกันในใจของเขาอบอวลไปด้วยความอบอุ่น

เธอใช้วิธีนี้ดูแลเขาและสนับสนุนเขา

ทันทีที่แขนยาว ๆ ของเขาเหยียดออก เขาก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนให้นั่งบนร่างกายของเขา

เขากอดเธอและพูดว่า “นอนกับผมสักพักได้ไหม?”

หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จเมื่อคืน เธอก็หลับไปอีกแล้ว

เขาไม่กล้าปลุกเธอเลย ทำเพียงนอนข้าง ๆ เธออย่างเงียบ ๆ เท่านั้น

หลังจากนอนไปสี่หรือห้าชั่วโมง เขาก็ตื่นและไปทำงานอีกครั้ง

เซี่ยชิงหยวนผงะกับการกระทำของเขา

ในช่วงที่เขางานยุ่งมากแบบนี้ เธอไม่กังวลว่าเสิ่นอี้โจวจะทำอะไร

แต่นี่เป็นที่สำนักงาน ถ้ามีคนเข้ามามองหาเขาและเห็นพวกเขาสองคนบนเตียงมันจะดูแย่เอานะ

เสิ่นอี้โจวซบศีรษะลงตรงคอเรียวยาวของเธอ สูดกลิ่นหอมของภรรยาเข้าลึก ๆ แล้วพึมพำ “นอนกับผมนะ ทุกวันนี้ผมนอนหลับไม่สนิทเลยเวลาคุณไม่อยู่บ้าน”

เสียงของเขาที่มักจะเย็นชา ดื้อรั้น และไร้ความรู้สึก ตอนนี้มันคล้ายกับเขากำลังกึ่งพูดคำอธิษฐาน ทำให้เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเป็นทุกข์มาก

เธอยื่นมือออกไปและโอบกอดศีรษะของชายตรงหน้าไว้ “ตกลงค่ะ…”

มุมปากของเสิ่นอี้โจวยกขึ้น เขาเอ่ยว่า “ภรรยาของผมดีที่สุด”

มีหมอนเพียงใบเดียวบนเตียงของเขาและเสิ่นอี้โจวนอนตะแคงข้าง มือข้างหนึ่งวางบนศีรษะ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ยื่นไปหาเธอ

ในดวงตาของเขามีร่องรอยของน้ำใส ๆ ราวกับว่าต้องแสง

ไม่ชัดเจน แต่มีเสน่ห์เพียงพอ

เซี่ยชิงหยวนยื่นมือของเธอไปหาเขาและวางมือเล็ก ๆ ไว้ในฝ่ามือของผู้เป็นสามี

ขณะที่ฝ่ามือถูกเขากุมด้วยความอ่อนโยน ตัวเธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นสามี

เขาหันกลับมาและจูบริมฝีปากของเธอเบา ๆ “ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาผมอยากจะนอนกอดคุณเหลือเกิน”

เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเขาร้อนแรงเกินไป ขนตาของเธอสั่นโดยไม่คาดคิด และไม่กล้ามองนานนัก

เธอสะดุดและพูดว่า “ที่นี่คือสำนักงานของคุณนะ อย่าทำอะไรรุ่มร่ามสิ”

เมื่อเธอเพิ่งเข้ามา เธอพบว่าห้องของเลขานุการอยู่ตรงประตูสำนักงานของเสิ่นอี้โจวและคนข้างนอกสามารถได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้หากเธอตะโกนครวญคราง

เมื่อได้ยินเช่นนี้เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มกริ่ม

หน้าอกของเขาสั่นไหว พลางขยับเข้าใกล้แนบลำตัวเข้ากับเธอ “ผมแค่อยากให้คุณนอนกับผม คุณคิดไปถึงไหนเนี่ย”

เซี่ยชิงหยวนคิดเพียงว่าเขาล้อเล่นตามปกติ เธอจะรู้ได้ยังไงว่าการได้พบเขาอีกครั้งเรื่องมันจะเป็นแบบนี้?

บทที่ 227 ไม่คาดหวังกับสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง

บทที่ 227 ไม่คาดหวังกับสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง

แน่นอนว่าชายชราปลายสายรู้สึกหงุดหงิดทันทีกับคำพูดของโจวจิ่นจือ ดังนั้นเขาจึงหยุดพูดไปดื้อ ๆ

เหลือแต่เสียงรบกวนของสัญญาณโทรศัพท์ทางไกลเบา ๆ

ผ่านไปพักหนึ่ง ในที่สุดชายชราคนนั้นก็ถอนหายใจ ราวกับจะประนีประนอม “ช่างเถอะ พ่อรู้ว่าแกยังโกรธพ่ออยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อ แกกับแม่ของแก…”

“คุณคิดว่าคุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงแม่ของผม!” เมื่อชายชราคนนั้นพูดอีกครั้ง ทันใดนั้นโจวจิ่นจือก็พูดแทรกขัดจังหวะขึ้นมาทันที

โจวจิ่นจือเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ และดวงตาที่เศร้าหมองก็เย็นชา

เขาพ่นลมหายใจเย้ยหยันอย่างเยือกเย็น และด้วยความบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ในดวงตาของเขา “เมื่อคุณปิดบังสถานะการแต่งงานของคุณ ล่อลวงเธอแล้วทิ้งเธอ คุณคงไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์ที่จะย้อนเข้าตัวเองในวันนี้ใช่ไหม? ลูกคนที่ภาคภูมิใจที่สุดตายไป และลูกที่ไม่เคยจะเหลียวแลกลายเป็นกุ๊ยต่อต้านตัวเอง นี่แหละคือผลกรรมที่ย้อนเข้าหาตัวคุณ!”

“คนอย่างคุณควรได้รับผลกรรมทั้งหมด และจะไม่มีวันสงบสุขไปตลอดชีวิต!”

หลังจากพูดจบ โจวจิ่นจือก็วางสายอย่างแรง

หน้าอกของเขากระเพื่อมและบรรยากาศเกลียดชังรอบ ๆ ตัวเขาก็หนาแน่นขึ้น แสดงถึงความโกรธของเขาอย่างชัดเจน

รองผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะประจำเมืองกว่างโจวที่ได้ยินการสนทนาของพวกเขา ก็ก้มศีรษะลงและไม่กล้าเงยขึ้นเป็นเวลานาน

การที่เขาได้ยินความลับที่น่าตกใจนี้ เขาจะถูกฆ่าเพื่อปิดปากหรือไม่?

โชคดีที่โจวจิ่นจือเดินผ่านเขาไปโดยไม่พูดอะไร

รองผู้อำนวยการถอนหายใจราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่หลังจากภัยพิบัติ

ดวงตาของโจวจิ่นจือค่อย ๆ ถอนออกจากความทรงจำ และดวงตาของเขาก็ชัดเจน

เขาหยิบบุหรี่จากฟู่ชุนไจ่ใส่เข้าไปในปากตัวเอง และฟู่ชุนไจ่ก็จุดบุหรี่ให้เขา

สายตาของเขามองไปยังสถานที่ที่เซี่ยชิงหยวนและเฮ่ออวี้เฟิงจากไป พลางพ่นควันออกเป็นวงกลม เหล่ตาของเขาแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”

บางคนเกิดมาในโคลนและความมืด ไม่เคยรู้จักว่าแสงสว่างและความอบอุ่นว่ามันเป็นยังไง

หากวันหนึ่งลำแสงส่องเข้ามาในชีวิตของเขา ถ้าเขาไม่ทำลายลำแสงนั้นเขาก็จะยึดมันไว้ให้แน่นที่สุด แม้ว่าราคาของการยึดลำแสงนั้นจะเผาผลาญชีวิตของเขา เขาก็จะไม่มีวันปล่อยมันไป

คนสะอาดอย่างเธอคือคนที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ตั้งแต่แรกพบเธอไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับเขา

เขาไม่เคยคาดหวังบางสิ่งที่ไม่ใช่ของเขา และผู้คนก็เช่นเดียวกัน

ถ้าสุดท้ายจะต้องสูญเสียไป เขาก็ไม่อยากได้มันมาแต่แรก

เฮ่ออวี้เฟิงพาเซี่ยชิงหยวนไปที่ทำการไปรษณีย์เพื่อส่งเสื้อผ้ากลับไปที่เตียนเฉิง

เซี่ยชิงหยวนทำการคำนวณ และมันน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการขนส่งด้วยความเร็วปกติ

สินค้าที่เหลืออยู่ที่บ้านเหลือพอขายได้แค่สี่หรือห้าวัน บวกกับของที่เธอได้มาเพิ่มจากเหล่าไต้ในตอนหลัง ของเหล่านั้นก็พอขายได้อีกสองสามวัน รวมได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์พอดี

เซี่ยชิงหยวนพูดกับเฮ่ออวี้เฟิง “สองวันมานี้ทำให้คุณลำบากใจและเสียเวลาไปมากเลย พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปที่เมืองเตียนเฉิงแล้ว ดังนั้นฉันขอเลี้ยงอาหารค่ำคุณเมื่อฉันมาครั้งหน้านะคะ”

เธอโทรกลับบ้านเมื่อคืนนี้ ในเวลานั้นเสิ่นอี้หลินกล่าวว่าเสิ่นอี้โจวดูเหมือนจะทำงานล่วงเวลาในสองวันมานี้ และกลับมาช้ามาก

เมื่อนึกถึงร่างกายของเขาและสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องความแห้งแล้งของมณฑลยูนนาน เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ

นอกเหนือจากการพบกับฟู่ชุนไจ่และโจวจิ่นจืออีกครั้งแล้ว เธอแค่ต้องการกลับไปโดยเร็วที่สุด

คิ้วและดวงตาของเฮ่ออวี้เฟิงสงบ “ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมไม่กินข้าวคนเดียวกับผู้หญิงของเพื่อนผม”

เซี่ยชิงหยวนนิ่งอึ้งไป “…”

เธอหยุดชั่วคราวและพูดว่า “งั้นครั้งหน้าก็เรียกเหล่าไต้มาด้วย แล้วเราจะได้กินข้าวด้วยกัน แบบนี้แล้วกัน”

เฮ่ออวี้เฟิงพูดเสริม “เหล่าไต้ก็เป็นผู้ชายด้วย และคุณเป็นผู้หญิง”

ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันมาสองวันแล้ว และรู้ว่าเฮ่ออวี้เฟิงเป็นคนแบบนี้ เธอก็คงไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาเท่าไหร่

ไม่อย่างนั้นคนฟังคงสำลักตายกันพอดี

เมื่อเห็นหางตาของเซี่ยชิงหยวนกระตุก เฮ่ออวี้เฟิงกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเสิ่นอี้โจว ผมเป็นหนี้เขา คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกว่าความหนักใจที่มีต่ออีกฝ่ายลดลง

ยังไงก็ตาม ทั้งสองคนจะคุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร เธอไม่เคยชอบเป็นหนี้คนอื่นโดยเปล่าประโยชน์ หญิงสาวพยักหน้า “ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว ฉันขอให้คุณกับอี้โจว…มีมิตรภาพที่ยืนยาวนะ”

เฮ่ออวี้เฟิง “ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”

เซี่ยชิงหยวนกำลังบ้าตาย

เธอแทบจะทึ้งหัวตัวเอง “งั้นคุณจะทำอะไรก็ทำแล้วกันตามใจคุณเลย”

ไม่สำคัญแล้วว่าชายคนนี้จะไปทางเหนือหรือใต้ เธอไม่สนใจอีกแล้ว

หลังจากกลับมาที่โรงแรมและส่งเสื้อผ้าไปทางไปรษณีย์แล้ว เหล่าไต้ก็มาหาเธอพร้อมกับรถสามล้อที่ไม่รู้ว่าไปยืมใครมา และมาพร้อมกับเสื้อผ้าอีกเพียบ

เซี่ยชิงหยวนย่อตัวลงเพื่อเลือกเสื้อผ้า และเลือกมาเกือบสี่ร้อยตัวอีกครั้ง

เธอหยุดมือของตัวเอง ขณะที่มือก็ยังอยู่ในกองเสื้อผ้า “ฉันเอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน ฉันต้องขนกลับไปคนเดียว ถ้ามากกว่านี้คงขนไม่ไหวแล้วล่ะ”

เหล่าไต้ช่วยเธอมัดถุงให้แน่น “ตกลง งั้นรอจนกว่าเธอจะมาอีกในครั้งต่อไปแล้วกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เหล่าไต้ คราวหน้าฉันอาจจะไม่มารับสินค้าด้วยตัวเองแล้วนะ ถึงตอนนั้นฉันน่าจะให้สาวน้อยที่เคยอยู่กับฉันคราวที่แล้วจะมาแทน หรือไม่ฉันก็อยากรบกวนให้คุณส่งไปแทน”

เหล่าไต้เดาว่าเซี่ยชิงหยวนอาจกังวลเกี่ยวกับบางสิ่ง แต่ในเมื่อเซี่ยชิงหยวนไม่ต้องการพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ

เขาพยักหน้า “ได้ ๆ ยังไงถ้าตอนนั้นเธอต้องการอะไรเป็นพิเศษ เราจะโทรศัพท์หากันนะ”

ครั้งที่แล้วเวลากระชั้นชิดไปหน่อยที่เซี่ยชิงหยวนขอให้เขาช่วยเลือก ครั้งนี้เขาพาเธอไปที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋า และเธอยังคงซื้อจากเขาอีก การที่เธอเลือกเสื้อผ้าจากเขาด้วยแบบนี้ มันแสดงให้เห็นว่าเซี่ยชิงหยวนไว้ใจเขามากแค่ไหน

ในตอนแรกเขาก็กังวลเช่นกัน เซี่ยชิงหยวนได้ลิ้มรสความหวานของการไปโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋าด้วยตัวเธอเองแล้ว เธออาจมีความคิดอื่นอยู่ในใจ

ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาได้เห็นเธออย่างชัดเจนแล้ว

เซี่ยชิงหยวนมีความคิดของเธอเอง

เธอรู้ดีเช่นกันว่าถ้าซื้อสินค้าโดยตรงจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋า ราคาย่อมถูกกว่าเป็นธรรมดา

แต่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋าขายสินค้าเน้นปริมาณมากเป็นหลัก และมีหลายสไตล์คละกันไป ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเหมาะกับฐานลูกค้าของเมืองเตียนเฉิง ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนจำเป็นต้องมีใครบางคนที่คัดกรองสินค้าให้ด้วย

ในกรณีที่เธอและอาเซียงไม่สามารถมาได้เพราะบางสิ่ง พวกเธอจะต้องเผชิญกับการขาดสินค้าขายในท้ายที่สุด

และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเหล่าไต้ เซี่ยชิงหยวนชื่นชมวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับเสื้อผ้า

หากสิ่งที่เธอคิดไว้ในใจสามารถทำได้ เหล่าไต้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก

เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว การซื้อสินค้าจากเหล่าไต้ก็ไม่ขาดทุน

รวมทั้งเมื่อวานนี้ เธอหยิบเสื้อผ้าจากเหล่าไต้ไปทั้งหมดหนึ่งพันชิ้นใน ราคาเจ็ดร้อยหกสิบหยวนพอดี

เมื่อเช้าเธอซื้อเสื้อผ้าราคาเกือบสามร้อยหยวนจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋า และเธอก็ใช้เงินบางส่วนไปกับการส่งเสื้อผ้า เซี่ยชิงหยวนยังคงต้องประหยัดเงินสำหรับการเดินทางไว้อีก

เธอนับเงินหกร้อยหยวนให้กับเหล่าไต้ “ฉันจะให้ส่วนที่เหลือกับคุณเมื่อกลับไปนะคะ”

เหล่าไต้ยิ้มและรับเงินมา “ไม่ต้องรีบๆ ค่อยให้ฉันเมื่อเธอว่างก็ได้”

เซี่ยชิงหยวนกลับไปที่ห้อง เธอเก็บข้าวของและในขณะที่กำลังจะลงไปข้างล่างเพื่อดื่มยา เธอก็โทรหาที่บ้าน

เสิ่นอี้หลินเป็นคนรับโทรศัพท์อีกครั้ง “สวัสดีครับ นั่นพี่สะใภ้หรือเปล่า?”

เขาเพิ่งเห็นหมายเลขโทรศัพท์เมื่อคืนนี้เพียงครั้งเดียว และเขาก็จำมันได้แล้ว

หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทายกันแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็ถามขึ้นว่า “‘พี่ชายของนายกลับมาแล้วรึยัง?””

เสิ่นอี้หลินหยุดชั่วคราวและลดเสียงลง “วันนี้พี่ใหญ่จะกลับมาช้าครับ ผมไม่รู้เวลาที่แน่นอน แต่เขาก็ไม่อยู่บ้านตอนที่ผมเข้านอน และเขาไม่อยู่บ้านตอนที่ผมตื่นนอนตอนเช้าเหมือนกัน”

ท้ายที่สุด เสิ่นอี้หลินก็พูดราวกับว่าเขากำลังขอผลงาน “พี่ชายบอกว่า อย่าให้ผมบอกเรื่องนี้กับพี่สะใภ้ด้วยแหละ”

ยังไงซะเขาไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติ เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพี่ชายถึงย้ำกับตัวเขาไม่ให้บอกเรื่องนี้กับพี่สะใภ้

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ่งกังวลมากขึ้น

เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองวางสายกับเสิ่นอี้หลินไปแบบไหนในตอนท้าย

เธอจำได้ว่าเมื่อกลับมาจากเมืองหลวงของมณฑล เธอขอรายงานผลการตรวจของเสิ่นอี้โจวและเขาบอกว่ามันถูกน้ำกระเซ็นใส่จนขาดวิ่น

ต้องใช้น้ำเท่าไหร่กันในการทำให้กระดาษขาดจนต้องทิ้ง?

ยิ่งกว่านั้น ต่อให้น้ำหกใส่ ถ้าเช็ดได้ทันอย่างรวดเร็วกระดาษก็คงไม่พังขนาดต้องทิ้งซะหน่อย

สิ่งสำคัญที่สุดคือเสิ่นอี้โจวไม่ใช่คนประมาทด้วย!

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท