บทที่ 251 น่าเกลียดก็ยังรัก
บทที่ 251 น่าเกลียดก็ยังรัก
ใบหน้าของเซี่ยจื่ออี้พลันซีดลง
เธอมองไปที่เซี่ยชิงหยวน
แล้วเห็นเซี่ยชิงหยวนมองตัวเธอด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเพิ่งพูดออกมาจากใจจริง
เซี่ยจื่ออี้รู้สึกว่าเธอเห็นคำใบ้ของการเสียดสีจากใบหน้ากระดำกระด่างของเซี่ยชิงหยวน
เมื่อเธอมองอย่างตั้งใจอีกครั้ง เซี่ยชิงหยวนก็เบนสายตาไปทางอื่นแล้ว
ทุกอย่างคือภาพลวงตาเหรอ?
เซี่ยจื่ออี้ยังยิ้มไปตามน้ำ “งั้นในอนาคตฉันก็ขอเรียกคุณว่าชิงหยวนก็แล้วกัน จากนี้ครอบครัวของเราทั้งสองคงจะได้ติดต่อกันบ่อย ๆ ฉันพอจะคุ้นเคยกับเลขาธิการเสิ่นพอสมควรแล้ว ดังนั้นฉันจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคุณด้วยแน่นอนค่ะ”
ขั้นแรกคือการลดสถานะตัวเองแล้วจากนั้นพูดคำที่ถูกใจ คนส่วนใหญ่จะรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ยิน
เช่นเดียวกับเซี่ยเจิ้งและหยวนหงหลี่ พวกเขาต่างมองเซี่ยจื่ออี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
เซี่ยชิงหยวนไม่สนใจ ยังไงซะพวกเขาก็ไม่ใช่พ่อหรือคนใกล้ชิดของเธอ
หญิงสาวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “คุณเซี่ยสุภาพเกินไปแล้วค่ะ”
วินาทีที่แล้วเธอยังขอให้เซี่ยจื่ออี้เรียกชื่อตัวเอง แต่ในขณะนี้เธอเรียก เซี่ยจื่ออี้ว่า ‘คุณเซี่ย’ ซึ่งเซี่ยชิงหยวนแสดงอย่างชัดเจนว่าเธอไม่ต้องการเชื่อมสัมพันธ์กับอีกฝ่าย
เสิ่นอี้โจวยังพูดเสริมในเวลาที่เหมาะสม “คุณบอกว่าต้องการซื้อของกลับบ้านด้วยไม่ใช่เหรอ? เสี่ยวหลิวมาถึงแล้ว คุณกับแม่ขอให้เขาพาพวกคุณไปเดินเล่นได้นะ”
หลังจากที่เสิ่นอี้โจวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เสี่ยวหลิวก็อยู่เฝ้าได้แค่สองสามวัน เพราะต้องทำงานและกลับไปที่เตียนเฉิง
แต่ตอนนี้เสิ่นอี้โจวออกจากโรงพยาบาลแล้ว เสี่ยวหลิวจึงมารับพวกเขาอีกครั้งตามปกติ
แน่นอนว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ได้อยากจะซื้ออะไรจริง ๆ
หลังจากออกโรงพยาบาล เธอก็แค่อยากกลับไปนอนพักผ่อนให้สบายเท่านั้น
เธอรู้ว่าเสิ่นอี้โจวกำลังแก้ตัวให้เธอปลีกตัวออกไปได้ หญิงสาวจึงพยักหน้าและพูดว่า “ผู้อำนวยการเซี่ย เลขาธิการหยวน ฉันมีบางอย่างต้องทำ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ขณะที่เธอพูด ดวงตาของเธอส่งสัญญาณให้หลินตงซิ่วออกไปด้วยกัน
หลินตงซิ่วเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นตั้งแต่แรกแล้ว นอกจากต้องยืนอยู่ที่นี่กับเธอด้วย
หลังจากได้รับการส่งสัญญาณจากเซี่ยชิงหยวน หลินตงซิ่วก็รีบตามไปเช่นกัน
หยวนหงหลี่มองไปที่เซี่ยชิงหยวน ซึ่งกำลังก้าวเดินออกไป และชมเชย “ภรรยาของเลขาธิการเสิ่นนี่ดูไม่เหมือนคนที่มาจากชนบทเลยนะ”
มุมปากของเสิ่นอี้โจวโค้งขึ้นเล็กน้อย เขาดูภาคภูมิใจมาก “เธอคุ้นเคยกับการถูกผมเอาอกเอาใจแล้ว ดังนั้นได้โปรดอย่าถือสาเลยนะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเจิ้งก็หัวเราะออกมาดัง ๆ
ในปีนี้เขาอายุ 50 ปี มีผิวขาวและสง่างามแบบชายวัยกลางคน เมื่อดูจากลักษณะใบหน้าของเซี่ยจื่ออี้แล้วก็ดูคล้ายกับเขามาก
เขาพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่านายรักภรรยามากมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริงสินะ!”
อันที่จริงเขาเคยได้ยินว่าเสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนมีความสัมพันธ์ที่แย่มากและมีทัศนคติไม่ตรงกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เลย
แม้ว่าลูกสาวของเขาจะได้เปรียบในเรื่องรูปลักษณ์ แต่เมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวของนัยน์ตาของเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนแล้ว ใครจะสามารถไปแทรกแซงได้อีก?
เสิ่นอี้โจวตอบอย่างใจเย็น “เธอสมควรได้รับความรักจากผมอย่างเต็มเปี่ยมเลยครับ”บราวนี่ออนไลน์
เซี่ยเจิ้งและหยวนหงหลี่เพียงชมเซี่ยชิงหยวนอย่างเป็นมารยาทเท่านั้น แต่เสิ่นอี้โจวกลับป้อนอาหารสุนัขให้พวกเขากินเต็มคำ…
เซี่ยจื่ออี้หัวเราะอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “แน่นอนว่าทุกคนชอบภรรยาของเลขาธิการเสิ่นค่ะ และฉันก็เห็นว่าเธอกับซิงอวี่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกันด้วยนะคะ”
“โอ้ จริงเหรอ?” เซี่ยเจิ้งหัวเราะ “แต่ซิงอวี่ เด็กคนนั้นชอบดูแลคนอื่นตั้งแต่เด็กอยู่แล้วนี่”
เซี่ยเจิ้งไม่ได้คิดอะไรมากเกินไป
ในฐานะเลขานุการของเสิ่นอี้โจวเป็นเรื่องปกติที่ฉู่ซิงอวี่จะติดต่อกับเซี่ยชิงหยวน
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวแข็งค้างชั่วขณะ เขาเลิกคิ้วและมองไปที่เซี่ยจื่ออี้ ซึ่งเธอกำลังยิ้มและไม่พูดอะไร
หลังจากที่เซี่ยเจิ้งและหยวนหงหลี่ส่งมอบงานให้เสิ่นอี้โจวแล้ว พวกเขาก็จากไป
เซี่ยจื่ออี้ยังกล่าวอีกว่า “เราจะรอการมาถึงของเลขาธิการเสิ่นในอวิ๋นเฉิงนะคะ”
เธอส่งดวงตาที่ยิ้มแย้มให้กับเสิ่นอี้โจวอีกครั้งแล้วก็หันกลับไป
เมื่อประตูรถปิดลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจวก็หุบทันทีและปากของเขาก็เม้มแน่น
บนรถกลับไปที่เมืองเตียนเฉิง หลังจากฟังคำพูดของเสี่ยวหลิวแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็รู้ว่าการกระทำของเสิ่นอี้โจวในฝูเถียนได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองเตียนเฉิง แม้แต่ผู้นำของเมืองหลวงก็ยกย่องเขาเป็นพิเศษ
ในขณะที่ให้ความสนใจกับสภาพถนน เสี่ยวหลิวกล่าวว่า “ผู้คนจำนวนมากในฝูเถียนมาที่หน่วยเพื่อส่งป้ายผ้าไหมขอบคุณเลขาธิการเสิ่นด้วยครับ นอกจากนี้ผมยังได้ยินคนพูดว่าสถานีโทรทัศน์กำลังจะมาสัมภาษณ์เลขาธิการเสิ่นจากการกระทำของเขาในครั้งนี้ด้วย”
ดังนั้นประการแรก การเลื่อนขั้นของเสิ่นอี้โจวอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว
หลินตงซิ่วกำลังฟังและมีความสุขมาก
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าการสร้างฝนเทียมให้ตกลงมาเพื่อดับไฟครั้งนี้จะดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
เมื่อเทียบกับเสี่ยวหลิวและหลินตงซิ่วแล้ว เสิ่นอี้โจวสงบกว่ามาก
เขาเอนหลังพิงเบาะนั่ง หลับตาและไม่พูดอะไร
แต่เหมือนรู้สึกว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังมองมาที่เขา เสิ่นอี้โจวจึงลืมตาขึ้น
นัยน์ตาฟีนิกซ์เย็นชาของเขาสบตากับเธอทันทีที่ลืมขึ้นมา
เซี่ยชิงหยวนถามเขาว่า “คุณไม่มีความสุขเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวไม่ตอบ แต่ถามกลับแทน “คุณมีความสุขไหม?”
เซี่ยชิงหยวนตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “แน่นอนฉันมีสิ”
เสิ่นอี้โจวกุมมือเธอไว้ “ถ้าคุณมีความสุข ผมก็มีความสุขเช่นกัน”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้พูดอะไร “…”
มีแบบนี้ด้วยเหรอ?
นี่มันเรื่องของเขาไม่ใช่เหรอ?
แต่ยังไงก็ตาม ในไม่ช้าเซี่ยชิงหยวนก็เริ่มไม่มีความสุข
ทันทีที่รถขับเข้าสู่อาณาเขตของเตียนเฉิงก็มีผู้คนมาเฝ้าดูอยู่เรื่อย ๆ
พวกเขาตะโกนว่า ‘เลขาธิการเสิ่น’ ที่นอกหน้าต่างรถ
เมื่อเข้าใกล้ใจกลางเมืองเตียนเฉิง ผู้คนจำนวนมากก็ขึ้นล้อมรอบถนน
พวกเขายังชูป้ายที่มีข้อความว่า ‘ยินดีต้อนรับเลขาธิการเสิ่นที่ฟื้นตัวและกลับสู่บ้านเกิดของเขา’
‘เลขาธิการเสิ่นเป็นเจ้าหน้าที่ของประชาชน’
เสิ่นอี้โจวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดหน้าต่างรถ และโบกมือให้ทุกคนด้วยความกระตือรือร้น
โดยไม่คาดคิดว่า เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวเปิดหน้าต่าง ผู้คนบนถนนก็ยิ่งคลั่งไคล้และเร่งเสียงตะโกนขึ้นทีละคน
ในมือของหลายคนมีผัก ไก่ ปลา หรือแม้แต่ผ้าพับ พวกเขาอยากจะยัดมันเข้าไปในกระจกรถเหลือเกิน
พอมีคนล้อมมากขึ้น รถข้างหลังก็ขยับไม่ได้
ในเวลานี้ตำรวจจราจรและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสาธารณะออกมาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และคนของศาลากลางก็มาด้วย
เซี่ยชิงหยวนเห็นหลิงเยี่ยอยู่ในฝูงชน เขาเดินไปด้านหน้าของกลุ่มเจ้าหน้าที่แล้วออกคำสั่ง หลังจากที่เห็นรถของเสิ่นอี้โจว เขาก็ก้าวมาข้างหน้าและยืนอยู่หน้ากระจกรถ ผงกหัวและพูดเสียงดัง “เลขาธิการเสิ่น”
เขาเห็นเซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่ข้าง ๆ เสิ่นอี้โจวเช่นกัน
มีความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาหันกลับไปและสั่งการต่อไป
เนื่องจากรถขับช้า คนจำนวนมากจึงเห็นเหตุการณ์ภายในรถ ใบหน้ากระดำกระด่างของเซี่ยชิงหยวนก็ดึงดูดสายตาของผู้คนเช่นกัน
สายตาของทุกคนกวาดไปมาอย่างรวดเร็วระหว่างใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจว จากนั้นจึงพยักหน้าเป็นเอกฉันท์
อืม เลขาธิการเสิ่นไม่รังเกียจที่ภรรยาหน้าตาไม่ดี เขาเป็นสามีที่ดีและเป็นผู้นำที่ดีจริง ๆ!
ข่าวลือที่ว่าเลขาธิการเสิ่นแห่งศาลากลางแต่งงานกับภรรยาที่น่าเกลียดแพร่กระจายไปทั่วถนนและตรอกซอกซอยในทันที
เซี่ยชิงหยวนถามเสิ่นอี้โจวด้วยเสียงเบา “คุณเห็นที่ทุกคนมองมาที่ฉันไหม?”
เสิ่นอี้โจวยังคงยิ้มและไม่หันกลับ “ผมเข้าใจ”
เซี่ยชิงหยวนเริ่มร้องไห้ “พวกเขาต้องคิดว่าฉันน่าเกลียดมากแน่ ๆ”
เสิ่นอี้โจวตอบกลับ “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ต่อให้คุณน่าเกลียดผมก็ยังรัก”
เซี่ยชิงหยวน “…”
บทที่ 238 ฉันจะไปหาเขา
บทที่ 238 ฉันจะไปหาเขา
หลิงเยี่ยไม่เคยคิดว่าเขาจะได้เจอเซี่ยชิงหยวนอีกครั้งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
ใบหน้าของเธอเปื้อนน้ำตา ดวงตาของหญิงสาวหมองหม่นและเธอเกือบสะดุดเมื่อเดินผ่านประตูห้องผู้ป่วยหนัก
สายตาของเธอมองไปในห้อง เดินผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วและจับจ้องไปที่ฉู่ซิงอวี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เธอวิ่งไปด้วยความตื่นตระหนกที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “เขาอยู่ที่ไหน?”
สีหน้าของฉู่ซิงอวี่ก็มืดหม่นเช่นกัน
เขาก้มศีรษะลงแววตาเจือรู้สึกขอโทษ “เลขาธิการ… เขายังคงอยู่ข้างใน…”
เหมือนมีเสียงระเบิดดังในหัว เซี่ยชิงหยวนรู้สึกหูอื้อและเกือบจะยืนไม่ได้
“ระวัง!”
“ระวัง!”
หลิงเยี่ยตอบสนองเร็วกว่าสมองของเขา ทั้งเขาและฉู่ซิงอวี่ต่างก็รีบประคองเซี่ยชิงหยวนด้วยกัน
เขาเข้าใจทุกอย่างในทันที
ร่างกายของเซี่ยชิงหยวนอ่อนปวกเปียกราวกับว่าเธอสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว
เมื่อเขาสัมผัสแขนของเธอ เขารู้ว่าร่างกายของเธอกำลังสั่นระริก
เซี่ยชิงหยวนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้ร่างกายของเธอมั่นคง และบอกตัวเองว่าเธอต้องสงบสติอารมณ์
เธอเอนหลังพิงกำแพงและไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน
เมื่อเธอได้ยินว่าเสิ่นอี้โจวถูกส่งมาโรงพยาบาล แค่นั้นหญิงสาวก็มีความรู้สึกที่ไม่ดีแล้ว
หน่วยงานขอให้เสี่ยวหลิวมารับเธอเป็นพิเศษ
ภายใต้คำถามของเธอ เสี่ยวหลิวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “ผมได้ยินจากผู้คนในที่เกิดเหตุว่าเลขาธิการดูเหมือนจะอาเจียนเป็นเลือดน่ะครับ”
เมื่อเขาเห็นใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนซีดลงอย่างทันที เขาก็รีบปลอบโยนเธอ “บางทีเลขาธิการอาจแค่เหนื่อยเกินไปก็ได้ครับ คุณนายอย่าได้เอาคำพูดไร้สาระของคนอื่นมาคิดเป็นจริงเป็นจังเลย”
ว่าแล้วก็เหยียบคันเร่งให้แรงขึ้น
ระหว่างทางมาที่นี่ เซี่ยชิงหยวนได้คาดการณ์ไว้มากมาย เมื่อเธอเห็นคำว่า ‘แผนกผู้ป่วยหนักศัลยกรรม’ หัวใจของเธอก็จมลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สถานการณ์ของเสิ่นอี้โจวต้องแย่มาก
แผ่นหลังของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น และร่างกายของเธอเย็นเฉียบ
เมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หยางฉุนอี้และหนิงเซี่ยวเฉิงก็รีบเข้ามา
เซี่ยชิงหยวนรีบวิ่งไปเช่นกัน “คุณหมอ สามีของฉันเป็นยังไงบ้างคะ!?”
หมอรู้ว่าเสิ่นอี้โจวคือเลขาธิการเสิ่นที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมฝนและดับไฟ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกหวาดกลัวอยู่แล้ว
ต่อมาเมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนอายุยังน้อย เขาก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้
เขากล่าวว่า “อาการของผู้ป่วยไม่ดีเลยครับ”
ในประโยคเดียว ทุกคนตกใจและหยุดอยู่กับที่
หยางฉุนอี้ฟื้นสติได้ก่อนและถามว่า “หมอพูดให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมครับ ไม่ดียังไง?”
อาจารย์ของหมอคนนี้ยังคงทำหน้าที่ผ่าตัดขั้นสุดท้ายอยู่ภายในห้องผ่าตัด และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าคำพูดต่อไปนี้หนักมาก “เดิมทีคนไข้มีอาการป่วยหนักอยู่แล้ว ท้องไส้ปั่นป่วน ช่วงนี้โหมงานหนักไม่ได้สนใจเรื่องอาหาร อาการจึงแย่ลง ตอนนี้มีโอกาสมากที่จะกลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารครับ”
มะเร็งกระเพาะอาหารกระทบแก้วหูของเซี่ยชิงหยวนอย่างหนัก
เธอไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าหมอพูดอะไรในภายหลัง
อาการหูอื้อเมื่อกี้ก็กลับมาอีกครั้ง
ราวกับว่าหัวใจของเธอถูกใครบางคนจับไว้แน่นแล้วบีบอย่างแรง
สมองขาดออกซิเจน และหัวใจก็เจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
เป็นไปได้ยังไง!
ร่างกายของเธอแข็งทื่อไปหมด เธอเอื้อมมือไปจับหมอ “หมอคะ ช่วยเขาด้วย… ได้โปรดช่วยเขาด้วย!”
ทำไม?
มันไม่ใช่แค่ปัญหากระเพาะอาหารปกติเหรอ?
จู่ ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ยังไง?
เธอโทษตัวเองในฐานะภรรยาของเขา เธอไม่รู้ว่าสุขภาพของเขาแย่แค่ไหนได้ยังไง เขายังอายุน้อยและมีอนาคตที่สดใส มันไม่ควรเป็นแบบนี้…
หัวของเซี่ยชิงหยวนเจ็บปวดอย่างกะทันหัน ในที่สุดเธอก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ดวงตาของเธอมืดลงและสลบไป
เมื่อเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอที่สุดคือขวดน้ำเกลือที่แขวนอยู่ข้างเตียง และฟางเยว่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นในที่สุด ฟางเยว่ยิ้มอย่างคลายกังวลและพูดว่า “เธอตื่นแล้วเหรอ?”
ขณะที่พูด เธอช่วยเซี่ยชิงหยวนลุกขึ้น
เซี่ยชิงหยวนตระหนักได้ในทันทีว่าทำไมเธอถึงมานอนที่นี่
เมื่อเธออ้าปาก แต่คอของเธอก็แห้งและเจ็บ “แล้วเขาล่ะ?”
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนเป็นเช่นนี้ ฟางเยว่อดไม่ได้ที่จะตาแดง
เธอพยุงเซี่ยชิงหยวนและวางหมอนไว้ให้หนุนหลัง “เลขาธิการเสิ่น เขายังอยู่ในหอผู้ป่วยหนักอยู่น่ะ”
ฟางเยว่ถูกเรียกมาโดยหนิงเซี่ยวเฉิงให้ดูแลเซี่ยชิงหยวน เมื่อเข้ามาครั้งแรกเธอแทบจะจำเซี่ยชิงหยวนไม่ได้เลย
ในเวลาเพียงไม่กี่วันเซี่ยชิงหยวนก็ผอมแห้งจนจำแทบไม่ได้
ต้องเป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับเสิ่นอี้โจวในทุกวันจนสภาพถึงได้กลายเป็นแบบนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารทั้งคู่
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคู่ที่สร้างมาจากสวรรค์ พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานกับสิ่งนี้ได้ยังไง?
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ดึงเข็มน้ำเกลือที่เสียบตรงข้อมือของเธอออก “ฉันจะไปหาเขา”
เธอเคลื่อนตัวเร็วเกินไปและเมื่อเข็มบาง ๆ ถูกดึงออกอย่างกะทันหัน เลือดสองสามหยดก็กระเซ็นออกมา และเซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้แม้แต่จะสังเกตเห็นมัน
เธอลุกจากเตียงและกำลังจะไปหาเสิ่นอี้โจว
สิ่งนี้ทำให้ฟางเยว่ตกใจอย่างมาก
เธอรีบหยุดเซี่ยชิงหยวน “นี่เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาเองนะ เธอไม่สนใจเกี่ยวกับร่างกายของเธอเองเลยเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนโอบกอดฟางเยว่ไว้ครึ่งหนึ่ง และในวินาทีถัดมาเธอก็หลั่งน้ำตา
เธอยังคงพูดว่า “ฉันต้องการพบเขา!”
เมื่อนึกถึงเสิ่นอี้โจวที่นอนอยู่ที่นั่นคนเดียว เซี่ยชิงหยวนรู้สึกราวกับว่าเธอถูกเข็มแทงใจ
เมื่อเห็นเธอเช่นนี้ ฟางเยว่ก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
เธอกระทืบเท้า “ได้สิ ฉันจะไปกับเธอด้วย”
เมื่อฟางเยว่มาพร้อมกับเซี่ยชิงหยวนไปที่ห้องของเสิ่นอี้โจว ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยก็ยังอยู่ที่นั่นเช่นกัน
หยางฉุนอี้และหนิงเซี่ยวเฉิงรีบมา และหลังจากจัดการเรื่องต่าง ๆ พวกเขาไปที่ฝูเถียนเพื่อจัดการกับผลที่ตามมา
ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน
ทั้งสองคนไม่ใช่คนโง่ ตั้งแต่ตอนที่พวกเขามาถึงเตียนเฉิงจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง ทุกอย่างเข้าใจได้เมื่อพวกเขาเชื่อมโยงเรื่องเข้าด้วยกัน
สำหรับเหตุใดความสัมพันธ์ระหว่างเสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนจึงดีขึ้นในภายหลังนั้นก็ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
พวกเขาเข้าใจสิ่งหนึ่งในเวลาเดียวกัน เสิ่นอี้โจวต้องการหาคู่หูที่ดีสำหรับเซี่ยชิงหยวนไม่ใช่เพราะเขาไม่รักเธอ แต่เป็นเพราะเขารักเธอมากเกินไป
เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว พวกเขาไม่มีความคิดอื่นนอกจากตกใจอย่างมาก
ผ่านกระจกด้านนอก เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เสิ่นอี้โจวที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมด้วยการที่มีท่อสอดเข้าไปในร่างกายของเขา เธอรู้สึกเศร้าอีกครั้ง
เขาเคยเป็นคนที่แข็งแรงมาก แต่ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแบบนี้ซะแล้ว
เธอกำมือแน่นเพื่อไม่ให้ร้องไห้
เธอสะอื้นและถามว่า “เขาเป็นยังไงบ้าง?”
หลิงเยี่ยเป็นผู้นำและพูดว่า “หมอบอกว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจาย แนะนำให้เข้าสู่กระบวนการรักษาทันที แต่เป็นเพียงว่าสภาพร่างกายของเลขาธิการในปัจจุบันไม่ค่อยดีนัก และจะมีอันตรายมากขึ้นหากทำการผ่าตัดครับ”
ในที่สุดผลลัพธ์ก็เป็นแบบนี้
เซี่ยชิงหยวนทำให้ความคิดของเธอมั่นคงและถามต่อไป “ทางหมอมีวิธีอื่นสำหรับเรื่องนี้อีกไหมคะ?”
ฉู่ซิงอวี่เข้าร่วมการสนทนา “ผมโทรหาหมอหมิ่นแล้ว เขาบอกว่าถ้าส่งคนไข้ไปหาอาจเป็นไปได้ แต่ความหวังก็ริบหรี่ครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันที “งั้นไปที่เมืองหลวงของมณฑลกันเถอะ!”
———————