กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 269 ความกระหายและความปรารถนา

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 269 ความกระหายและความปรารถนา

บทที่ 269 ความกระหายและความปรารถนา

เติ้งซูอี้ถามอีกครั้งว่า “เธอเห็นไหมว่าใครใส่มันอยู่?”

“เรื่องนี้…” เซี่ยชิงหยวนกัดริมฝีปากของตนแสร้งทำเหมือนกับเป็นทุกข์ ราวกับพยายามฟื้นความจำ

ขณะเดียวกัน กงเหลียนซินและเติ้งซูอี้ต่างก็มองอย่างประหม่าโดยไม่มีเหตุผล

เซี่ยชิงหยวนตบศีรษะตัวเอง พลางกล่าวว่า “ดูความทรงจำของฉันสิ ผ่านไปไม่นานฉันกลับลืมซะแล้ว”

เธอหยุดชั่วคราว แล้วพูดต่อ “ฉันไม่รู้ว่าเห็นที่ตลาด หรือที่ศาลากลางตอนฉันไปส่งอาหารให้กับอี้โจวน่ะ”

เธอมองเติ้งซูอี้อย่างขอโทษ “ฉันขอโทษด้วยนะ ฉันจำไม่ได้จริง ๆ”

เมื่อได้ยินเซี่ยชิงหยวนพูดถึงศาลากลาง เติ้งซูอี้ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกโกหกขึ้นมา

บางทีผ้าพันคอนี้อาจไม่ใช่งานฝีมือที่มีอันเดียว เพียงแต่เหอเส้าหยวนโกหกเธอ

หากเป็นกรณีนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงคนอื่นจะมีผ้าพันคอสไตล์เดียวกัน

แต่ผู้หญิงเกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณที่ละเอียดอ่อนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

น่าจะเป็นไปได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเหอเส้าหยวน เพราะเคยมีเหตุการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นมาก่อน

จากนั้นเธอก็คิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องเก็บเอกสารนานแล้ว จึงไม่ได้รับข่าวสารที่ดีเท่าที่เคย และเธอก็อาจพลาดเรื่องอะไรบางอย่างไปก็ได้

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจของเติ้งซูอี้ก็ดิ่งลง

เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยถูกหว่านแล้ว มันจะหยั่งรากอย่างรวดเร็วและยากต่อการถอนออกมา

ใบหน้าของเติ้งซูอี้พลันเศร้าหมอง จนเธออยากกลับบ้าน

ผู้หญิงอีกคนก็รู้สึกกระอักกระอ่วน เธอทำเพียงยิ้มให้เซี่ยชิงหยวน แล้วกล่าวว่า “เธอก็เป็นแบบนี้ อย่าถือสาเลยนะ”

เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างเข้าใจมาก “ไม่หรอกค่ะ”

เซี่ยชิงหยวนมองดูผู้หญิงคนนั้นจากไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอพลางโบกมือ

เมื่อหันกลับมา เซี่ยชิงหยวนพูดกับกงเหลียนซินที่กำลังตกตะลึงกับการแสดงของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า “พี่สะใภ้ เราไปกันเถอะค่ะ”

กงเหลียนซินกลั้นคำพูดมากมายอยู่ในใจ และเธอก็ไม่กล้าถามเซี่ยชิงจนกระทั่งเข้าไปในบ้าน

เธอลดเสียงลง แล้วเอ่ยว่า “จางอวี้เอ๋อคนนั้น เธอ…เธอกำลังเป็นชู้กับคนอื่นเหรอ?”

กงเหลียนซินไม่ใช่คนโง่ เธอสงสัยตั้งแต่ที่เซี่ยชิงหยวนพูดที่ตลาดแล้ว

นอกจากนี้เธอยังเห็นผ้าพันคอของจางอวี้เอ๋ออีกด้วย

อันที่จริงมันก็เหมือนที่เซี่ยชิงหยวนพูด ผ้าพันคอที่อยู่กับเติ้งซูอี้นั้นแตกต่างกันเพียงสีเท่านั้น

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและพูดว่า “เป็นไปได้มากถึงแปดส่วนค่ะ”

ตอนนี้ปากของกงเหลียนซินอ้ากว้างมากจนสามารถบรรจุไข่ทั้งใบได้แล้ว

เธอยังพูดตะกุกตะกัก “เขา…แต่เขาแต่งงานแล้ว และยังเป็นชายมีอายุอีกด้วยเนี่ยนะ!”

เซี่ยชิงหยวนยักไหล่พลางเป่าผมบางเส้นที่อยู่บนหน้าผากให้กระพือ “แต่บางคนก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก”

กงเหลียนซินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อเพราะความประหลาดใจ เธอแค่ปิดปากด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเท่านั้น

จากนั้นเธอพูดว่า “ไม่ได้การแล้ว พี่ต้องการโทรกลับไปบอกจางอวี้เจียวสักหน่อยแล้วล่ะ”

“พี่สะใภ้คะ” เซี่ยชิงหยวนรั้งเธอไว้ “พี่คิดว่าพี่สะใภ้รองไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ น่ะเหรอ?”

กงเหลียนซินประหลาดใจอีกครั้ง “แต่จางอวี้เอ๋อเป็นน้องสาวของเธอ ทำไมเธอถึง…”

ยังพูดไม่ทันจบ เสียงของเธอก็เบาลงเรื่อย ๆ

ความสัมพันธ์แบบนี้ของจางอวี้เอ๋อ จางอวี้เจียวจะไม่รู้เกี่ยวกับมันอย่างชัดเจนได้ยังไง?

อาจเป็นไปได้ว่าสองพี่น้องกำลังพยายามวางแผนให้เหอเส้าหยวนหย่า

ไม่น่าแปลกใจเลยที่จู่ ๆ จางอวี้เจียวก็พูดพร่ำเหมือนคนบ้า เรื่องน้องสาวจะแต่งงานกับข้าราชการใหญ่ในช่วงเวลานี้

ปรากฏว่าจางอวี้เอ๋อลอบเป็นชู้กับชายที่แต่งงานแล้ว!

เมื่อดูอายุของเหอเส้าหยวน เขาเกือบจะเป็นพ่อของจางอวี้เอ๋อได้เลยนะ! บราวนี่ออนไลน์

พอเห็นใบหน้าของกงเหลียนซินแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าและซีดเซียว เซี่ยชิงหยวนก็ตบไหล่อีกฝ่ายแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้คะ ทุกคนต่างก็มีเส้นทางชีวิตของตัวเอง การพยายามคว้าสิ่งที่ต้องการไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเป็นการได้จากการทำร้ายผู้อื่นมันก็จะอยู่ได้ไม่นานนักหรอก”

จากนั้นเธอเดินเข้าไปในห้อง ถอดผ้าพันคอออกตรงหน้ากระจก พลางมองดูสาวสวยที่อยู่ในนั้น พลันยิ้มอย่างมีเสน่ห์เย้ายวน

จางอวี้เอ๋อที่อยู่ในศาลากลางก็เท่ากับระเบิดเวลา และหากจางอวี้เจียวยังทำตัวเหมือนเดิมด้วยอีก มันก็มีแต่ทำให้ครอบครัวและคนรอบข้างไม่สงบสุขก็เท่านั้น

เธอไม่ได้อยากจะรั้งตัวเองไม่ให้ทำอะไร แต่บางครั้งเธอแค่ห่วงพ่อแม่ และไม่อยากทำให้เกิดเหตุการณ์น่าเกลียดเกินไปขึ้น

มันเรียกว่าเชือดไก่ให้ลิงดู ถึงเวลาต้องดำเนินการบางอย่างแล้ว

ในช่วงเย็น ทุกคนอาบน้ำและกลับห้องของตน

โต๊ะอ่านหนังสือของเสิ่นอี้โจวถูกเปลี่ยนเป็นโต๊ะเครื่องแป้งของเซี่ยชิงหยวนชั่วคราว

วางผลิตภัณฑ์ดูแลผิวขวดเล็ก ๆ สองสามขวดเท่านั้น ส่วนของอย่างอื่นบนโต๊ะล้วนเกี่ยวกับงานของเสิ่นอี้โจว

เซี่ยชิงหยวนนั่งบนเตียง งอเข่าข้างหนึ่งตามธรรมชาติแล้วดูนิตยสารแฟชั่นที่เธอหยิบมาจากเหล่าไต้

เสิ่นอี้โจวนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งชั่วคราว พลางพลิกเอกสารในมือของเขา และใช้ปากเขียนคำอธิบายประกอบเป็นครั้งคราว

เขาเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “ตอนมื้อเย็น ผมเห็นพี่สะใภ้ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจนะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

ไม่ใช่ว่าเขากังวลเกี่ยวกับกงเหลียนซิน แต่เขากลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นระหว่างเซี่ยชิงหยวนกับพี่สะใภ้

เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นแล้วมองดูเขา “คุณสังเกตเห็นงั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินเซี่ยชิงหยวนพูดคำนี้ ก็ชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เสิ่นอี้โจววางเอกสารในมือลง แล้วหันหน้ามาหาเธอ “บอกผมหน่อยสิ”

เซี่ยชิงหยวนนั่งตัวตรงพลางหวีผมไปด้วย “ฉันสงสัยว่าจางอวี้เอ๋อกำลังเล่นชู้กับเหอเส้าหยวนอยู่น่ะ”

“หืม?” เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้วและเงียบไปครู่หนึ่ง

เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “ไม่เชื่อเหรอ?”

เสิ่นอี้โจวส่ายหัว “แค่แปลกใจนิดหน่อยน่ะ”

เขาทำงานอยู่ในศาลากลางมาพักใหญ่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนิสัยส่วนตัวบางอย่างของเหอเส้าหยวนมาบ้าง แต่เมื่อมันไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาก็ได้แต่หัวเราะ

โดยไม่ทันได้คาดคิด คราวนี้มีจางอวี้เอ๋อเข้ามาเกี่ยวข้อง

เซี่ยชิงหยวนเล่าสั้น ๆ กับเสิ่นอี้โจวว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานี้ ก่อนจะกล่าวว่า “ตอนนี้ความคิดของฉันคือรอให้เติ้งซูอี้กับจางอวี้เอ๋อกัดกันเอง และเมื่อไหร่ที่จางอวี้เจียวทนไม่ได้แล้วกระโดดออกมา ฉันจะร่วมด้วย ฉันจะเก็บกวาดพี่น้องคู่นี้พร้อมกันไปเลย”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นอี้โจวก็อดหัวเราะไม่ได้ “คำพูดใหญ่โตเชียวนะ”

เซี่ยชิงหยวนเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดเสียงดัง “ถูกต้อง! ดูด้วยว่านี่คนของใคร!”

เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อีกต่อไปแล้วที่จะยอมปล่อยให้พี่สะใภ้รองกลั่นแกล้งอย่างเดียว

ตอนนี้เธอพัฒนาขึ้นแล้ว และยังได้รับการสนับสนุนจากเสิ่นอี้โจว เพราะงั้นเธอจำเป็นต้องทนใครอีกหรือ?

เมื่อเห็นว่าเธอดูพอใจในตัวเอง เสิ่นอี้โจวรู้สึกมีความสุขมาก

เขาดึงเธอเข้ามากอด พลันจ้องตาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเมื่อถึงเวลาใช้ประโยชน์จากผม คุณจะขอบคุณผมยังไงเหรอ?”

เมื่อใดก็ตามที่เสิ่นอี้โจวมองเธอแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าเขาต้องการทำอะไรลามกแน่นอน

เธอยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ให้เขา “พรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณดีไหม?”

เสิ่นอี้โจวไม่ไหวติง “คุณคิดว่าผมเป็นคนชอบกินขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เซี่ยชิงหยวนอยากจะพูดว่า ‘คุณไม่ใช่คนชอบกิน แต่คุณมีทั้งความกระหายและความปรารถนาต่างหาก!’

แน่นอนว่าเธอไม่กล้าบอกเรื่องแบบนั้นกับเสิ่นอี้โจว เธอมองลงไปที่ปลายนิ้วขาวเรียวของตัวเอง แล้วเสียงของเธอก็ลดต่ำลง “แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ?”

———————

บทที่ 263 ชุดชั้นใน

บทที่ 263 ชุดชั้นใน

ครั้งก่อนที่เซี่ยชิงหยวนเห็นเติ้งซูอี้สวมผ้าพันคอ หญิงสาวก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวในเตียนเฉิงมีลมแรง ดังนั้นการสวมผ้าพันคอจึงเหมาะสมที่สุด

มีกางเกงชั้นในผู้หญิงด้วย เธอคิดว่าน่าจะเอามาขายบ้าง

เพราะทุกวันนี้ผู้หญิงจำนวนมากในเตียนเฉิงยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่าแฟชั่นชุดชั้นในเลย

เธอจำได้ว่าเมื่อพวกเยาวชนที่มีการศึกษาไปชนบท สาว ๆ ชนบททั้งหลายเพิ่งจะรู้ว่ามีชุดชั้นในที่หลากหลายแบบ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหญิงสาวจำนวนน้อยเท่านั้นที่กล้าลองและคนอื่น ๆ ที่เหลือค่อนข้างมีความขัดแย้งในใจ

เมื่อตอนที่เซี่ยชิงหยวนเข้ามัธยมต้น หน้าอกของเธอเริ่มใหญ่ขึ้น เธอจึงสวมเสื้อกั๊กแบบที่หวังผิงตัดเย็บให้ จนกระทั่งเธอออกมาทำงานข้างนอก จึงเปลี่ยนไปใส่ชุดชั้นในอย่างเงียบ ๆ

อาจกล่าวได้ว่าในตลาดชุดชั้นในสตรีของเมืองเตียนเฉิงที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่นั้นยังไม่ได้รับการบุกเบิก

เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอจึงขอให้เหล่าไต้พาไปดูว่ามีแหล่งขายผ้าพันคอและชุดชั้นในบ้างไหม

เหล่าไต้ยิ้มและพูดว่า “ฉันหาผ้าพันคอให้เธอได้นะ ส่วนชุดชั้นใน ฉันมีญาติเป็นคนทำ ครั้งล่าสุดที่เธอมา ฉันเองก็อยากจะแนะนำชุดชั้นในให้อยู่หรอก แต่ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยน่ะ สุดท้ายฉันเลยไม่ได้ถาม”

เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ในสายตาของฉัน สิ่งเหล่านี้คือสินค้าและไม่มีอะไรต้องอายหรอกค่ะ มันเป็นแค่สิ่งจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์เท่านั้นเอง”

เหล่าไต้กล่าวเสริม “ใช่ ใช่ ฉันคิดตื้นไปเองนั่นแหละ ญาติของฉันที่ขายชุดชั้นในก็อยู่ในตลาดนี้ด้วย ฉันจะพาเธอไปนะ”

แผงขายของญาติของเหล่าไต้อยู่ในตลาดค้าส่งนี้เหมือนกัน แต่อยู่ในส่วนที่ขายแต่พวกชุดชั้นใน

ที่นี่มีชุดชั้นในของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีทึบหรือสีเรียบ ๆ และมีไม่กี่แบบที่มีสีสันสดใสเหมือนชุดชั้นในยุคหลังจากนี้

ส่วนราคาก็ไม่แพงเกินไป ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างหนึ่งถึงหนึ่งหยวนห้าเหมา

อาเซียงเดินตามเซี่ยชิงหยวนพลางมองไปที่ชุดชั้นใน เธออดไม่ได้ที่จะกระชับคอเสื้อ

สิ่งที่เธอสวมอยู่ภายในเสื้อนอกถูกเย็บโดยแม่ของเธอเอง

นอกจากนี้ ชุดเหล่านี้ถ้าสวมใส่มันหน้าอกของเธอคงดูใหญ่ขึ้นแน่ ๆ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้อาเซียงก็พลันรู้สึกอายขึ้นมา

เธอมองอย่างเงียบ ๆ ไปที่เฮ่ออวี้เฟิงด้วยสายตา

เธอเห็นเขาเดินไปท่ามกลางกองชุดชั้นในโดยไม่เหล่ตามอง และไม่มีสีหน้าเลย

อาเซียงอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก

เมื่อไปถึงแผงขายของลูกพี่ลูกน้องเหล่าไต้ เหล่าไต้ก็ทักทายเธอและเอ่ยเรียก “ไงพี่!”

ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในวัยสามสิบปลาย รูปร่างปานกลาง ผมหยิกของเธอถูกมัดไว้ด้านหลังพร้อมด้วยกิ๊บดอกไม้สีแดงดอกใหญ่

เมื่อเห็นเหล่าไต้ เธอก็ยิ้มและร้องทักทาย “อ้าว มาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?”

ขณะที่พูด สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่เซี่ยชิงหยวน และพยักหน้าให้

เหล่าไต้แนะนำทั้งสอง “นี่คือคนที่ฉันบอกเธอก่อนหน้านี้น่ะ คุณเซี่ยจากมณฑลยูนนาน เธอต้องการดูสินค้าหน่อย”

จากนั้นเหล่าไต้ก็ชี้ไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนและพูดว่า “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง เธอเรียกว่าพี่สาวฟ่างก็ได้”

พี่สาวฟ่างทักทายเซี่ยชิงหยวนอย่างอบอุ่นขณะดูสินค้า “รูปแบบพื้นเรียบ ๆ กองอยู่บนพื้นหมด แต่ถ้าคุณต้องการดูสินค้าที่สวย ๆ ใหม่ ๆ ฉันมีอีกมากเลย อยู่ข้างหลังร้านของฉันนี่เอง”

เซี่ยชิงหยวนรีบกวาดสายตามองไปที่ของบนพื้นทันที

เธอพบว่าทั้งสีและรูปแบบของชุดชั้นในที่ขายที่นี่นั้นดีกว่าแผงขายคนอื่น แต่เนื้อผ้าดูธรรมดากว่า

ชุดชั้นในที่แนบชิดกับร่างกายควรเป็นมิตรกับผิวหนังที่สุด

เซี่ยชิงหยวนพูดอย่างสบาย ๆ “พี่สาวฟ่าง ขอแบบอื่นให้ฉันดูหน่อยได้ไหมคะ?”

แน่นอนว่าเซี่ยชิงหยวนก็เหมือนกับที่เหล่าไต้พูดไว้ก่อนหน้านี้ ตราบใดที่ของดีจริง ๆ เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา

พี่สาวฟ่างยิ้มและลากถุงกระสอบใบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง “ของในถุงกระสอบใบนี้เป็นของใหม่ที่ฉันได้มาเมื่อไม่นานมานี้ แต่ราคาค่อนข้างแพง โดยทั่วไปราคาสองหยวน รับประกันว่ามันดีกว่าที่ขายอยู่บนพื้นแน่นอน แต่ฉันคิดว่าถ้าต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก ๆ คุณควรเลือกของที่อยู่บนพื้นปนไปด้วยนะ”

เนื่องจากเซี่ยชิงหยวนเป็นเพื่อนของเหล่าไต้ พี่สาวฟ่างจึงไม่ปิดบังและบอกความจริง

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณพี่สาวฟ่างนะคะ”

หลังจากนั้นเซี่ยชิงหยวนหันกลับไปมองเฮ่ออวี้เฟิงที่ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับเม้มริมฝีปาก “พี่เฮ่อ เราคงต้องเลือกของกันสักระยะหนึ่ง พี่อยากจะไปนั่งรอข้าง ๆ ก่อนไหม?”

ให้ชายที่ดูดุดันอย่างเขามาคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ เธอก็เขินอายนิดหน่อย ดังนั้นเธอจึงกลัวว่าเขาจะอายด้วย

พี่สาวฟ่างหยิบเก้าอี้พับขนาดเล็กออกมาทันที “หนุ่มน้อย คุณนั่งที่นี่สิ”

เฮ่ออวี้เฟิงหยิบเก้าอี้และเอ่ยกลับ “ขอบคุณครับ”

จากนั้นเขาก็นั่งลงที่ด้านข้าง

เหล่าไต้ไม่สนใจเฮ่ออวี้เฟิงและเฝ้าดูของกับเซี่ยชิงหยวน

เซี่ยชิงหยวนเห็นอาเซียงพยายามหดตัวดูเขินอาย เธอจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเธอไม่มาเลือกข้าง ๆ พี่ พี่จะสอนวิธีเลือกให้เธอได้ยังไงเนี่ย”

อาเซียงหน้าแดงและเหลือบมองไปที่เฮ่ออวี้เฟิงโดยไม่รู้ตัว

เธอเห็นว่าเฮ่ออวี้เฟิงมองไปทางอื่น และดูเหมือนเขาไม่ได้ยิน

เมื่อเห็นแบบนั้น หญิงสาวจึงเดินไปยืนข้าง ๆ เซี่ยชิงหยวน

ชุดชั้นในในถุงกระสอบของพี่สาวฟ่างนั้นเป็นสไตล์แบบปกติและบรรจุอยู่ในห่อพลาสติกใส เมื่อเทียบกับสไตล์และสีของชุดชั้นในบนพื้นแล้ว พวกมันมีเกรดต่างกันและไม่ได้เปิดเผยจนเกินไป ซึ่งผู้คนจะยอมใส่ง่ายกว่า

เซี่ยชิงหยวนมองไปที่ชุดชั้นในเหล่านี้ และการแสดงความชื่นชมก็ฉายแววในดวงตาของเธอ

เธอวางแผนไว้ว่าจะเลือกแบบที่บางและเบา ระบายอากาศได้ดี และมีลูกเล่นเป็นโครงพลาสติก

เช่นเดียวกับที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เธอเลือกแบบชุด เธอต้องอธิบายให้อาเซียงฟังซึ่งทำให้พี่สาวฟ่างตะลึง

พี่สาวฟ่างส่งสายตาประหลาดใจไปที่เหล่าไต้ แต่เหล่าไต้เพียงแค่ยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาชินกับเซี่ยชิงหยวนที่เป็นแบบนี้

พี่สาวฟ่างรู้สึกตกใจ ขอบคุณฟ้าดินจริง ๆ ที่เธอไม่ได้เสนอราคาที่เกินเลยตามอำเภอใจในตอนแรก

อาเซียงเห็นกางเกงชั้นในสีม่วงอ่อนที่ก้นกระสอบ แล้วอยากจะหยิบออกมา แต่พบว่ากางเกงชั้นในที่เธออยากหยิบถูกชั้นในส่วนใหญ่กดทับไว้ เธอจึงใช้แรงดึงมันออกมา

โดยไม่คาดคิดว่า ด้วยแรงที่มากเกินไป ทำให้กางเกงในขาดออก และเธอก็หงายหลังอย่างควบคุมไม่ได้

เดิมทีเธออยู่ในท่านั่งยอง ๆ แต่ทันทีที่สูญเสียการควบคุม เธอก็นั่งจ้ำเบ้าลงบนพื้นและร่างกายท่อนบนของเธอก็หงายหลัง ส่วนหัวกำลังจะกระแทกพื้น

เซี่ยชิงหยวนรีบยื่นมือออกไปดึงเธอทันที

อาเซียงที่กำลังหงายหลังล้มกระแทกพื้น อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าเธอชนใครบางคนเข้า

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น คนที่มีจมูกเป็นมันกำลังมองเธออย่างไร้ความปรานี

เธอล้มหัวกระแทกน่องของชายคนนั้น

ในขณะที่อาเซียงกำลังงุนงงอยู่นั้น เซี่ยชิงหยวนก็ดึงเธอขึ้นมาทันทีและขอโทษชายคนนั้น “ขอโทษด้วยนะคะ เราไม่ได้ตั้งใจค่ะ”

ถัดมาอาเซียงจึงรู้ว่ามีคนสองคนอยู่ข้างหลังชายคนนั้น ดูจากหน้าตาแล้วไม่ใช่พวกคนดีเลย

เดิมทีชายคนนั้นอยากจะโกรธ แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วปากที่กำลังเคี้ยวหมากอยู่ก็หัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ เป็นสาวสวยนี่หว่า!”

กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ลอดออกมาจากฟันที่เหลืองเต็มปากนั้น แถมช่องว่างระหว่างฟันยังเต็มไปด้วยสีตกตะกอน ซึ่งน่าเกลียดมาก

เซี่ยชิงหยวนดึงอาเซียงถอยหลังหนึ่งก้าว พลางลดศีรษะลงและไม่พูดอะไร

ชายคนนั้นก้าวมาข้างหน้าอีกก้าว และเอื้อมมือพยายามมาแตะคางของเธอ เพื่อจะยกคางของหญิงสาวขึ้นเพื่อมองอีกครั้ง

“ไสหัวไปให้พ้น” ทันใดนั้นเสียงของชายที่เย็นชาก็ดังขึ้น และวินาทีต่อมาเฮ่ออวี้เฟิงก็มายืนคั่นระหว่างพวกเขา

เฮ่ออวี้เฟิงแยกเซี่ยชิงหยวนออกจากชายคนนั้น และใช้ไหล่ของเขาบังสายตาที่น่ารังเกียจของอีกฝ่าย

เดิมทีชายคนนั้นต้องการสอนบทเรียนเฮ่ออวี้เฟิง แต่เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเฮ่ออวี้เฟิงที่มายืนคั่น เขาก็เย้ยหยันและวางมือบนไหล่ของเฮ่ออวี้เฟิง “อ้าวเฮ่ออวี้เฟิง นายกลับมาตอนไหนเนี่ย ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย?”

———————

บทที่ 257 ในที่สุดก็ได้ชีวิตใหม่

บทที่ 257 ในที่สุดก็ได้ชีวิตใหม่

ติงเหม่ยเซียนตกใจมากกับคำพูดของเจียงเพ่ยหลานที่บอกว่าจะไปสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะเพื่อหาพยาน เพียงเท่านั้นหญิงชราก็ปิดปากเงียบทันที

ย้อนกลับไปตอนที่เธอไปยังสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะ เนื่องจาก เจียงเพ่ยหลานมีรายงานการบาดเจ็บและเซี่ยชิงหยวนช่วยเป็นพยาน เธอกับหลินจื้อเฉียงจึงต้องทำงานหนักก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัว

พอนึกถึงตอนนี้แล้วก็ยังกลัวอยู่เลย

เมื่อทุกคนเห็นการแสดงออกของติงเหม่ยเซียน พวกเขาก็รู้ทันทีว่าเจียงเพ่ยหลานไม่ได้โกหกและทุกคนก็มองอย่างดูถูกไปที่หญิงชรา

ลูกค้าขาประจำบ่นทันที “คุณปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างเลวร้าย แต่คุณยังกล้าขอให้เขาไปดูแลลูกชายของคุณอีกเนี่ยนะ คุณหน้าด้านขนาดนี้ได้ยังไง?”

“ลูกชายคุณมีน้ำใจต่อครอบครัวลูกสาวคุณไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ไปขอให้ลูกสาวของคุณดูแลเขาแทนล่ะ?”

“นี่แหละมันคือเวรกรรมตามทัน!”

ติงเม่ยเซียนเดิมทีต้องการใช้ความเห็นอกเห็นใจของทุกคนเพื่อบีบบังคับให้เจียงเพ่ยหลานดูแลหลินจื้อเฉียง และจะดีมากถ้าทั้งสองสามารถแต่งงานใหม่ได้

แต่เธอจะรู้ได้ยังไงว่าในชั่วพริบตาเดียว ตัวเองจะกลายเป็นหนูท่อที่ทุกคนตะโกนใส่และไล่ทุบตีแทน?

เธอมองไปยังเซี่ยชิงหยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางไม่แยแส จากนั้นมองไปที่เจียงเพ่ยหลาน ซึ่งกำลังแสดงออกค่อนข้างคล้ายกับเซี่ยชิงหยวน และทันใดเธอนั้นก็เข้าใจ

ทั้งหมดนี้เกิดจากเซี่ยชิงหยวน

เซี่ยชิงหยวนเป็นคนที่สนับสนุนให้เจียงเพ่ยหลานหย่าร้าง และเป็นคนที่สนับสนุนให้เจียงเพ่ยหลานต่อต้านเธอต่อหน้าผู้คนมากมาย

หญิงชราต้องการที่จะรีบลุกขึ้นและตะโกนใส่เซี่ยชิงหยวนเหมือนที่ทำกับเจียงเพ่ยหลาน แต่เมื่อเธอมองเข้าไปในดวงตาของเซี่ยชิงหยวน หญิงชราพลันรู้สึกได้ถึงความกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้

ก่อนมาที่นี่ หลินจื้อเฉียงเตือนเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าอย่าขัดแย้งกับเซี่ยชิงหยวน

เพราะตอนนี้เซี่ยชิงหยวนกลายเป็นตัวตนที่แตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ใบหน้าของติงเหม่ยเซียนเปลี่ยนเป็นมืดหม่น และมือของเธอที่จับเจียงเพ่ยหลานไว้ก็คลายออก

อาเซียงฉวยโอกาสดึงเจียงเพ่ยหลานออกมาทันที

เจียงเพ่ยหลานกล่าวว่า “ไปซะเถอะ ย้อนกลับไปตอนนั้น อี้ตั่วกับฉันก็สามารถผ่านความยากลำบากมาได้ และฉันก็เชื่อว่าพวกคุณก็สามารถทำได้เช่นกัน”

ติงเหม่ยเซียนรู้สึกไม่เต็มใจ

เธอมองเจียงเพ่ยหลานอย่างลึกซึ้งและยิ้มอย่างมีความหมาย “เพ่ยหลาน ตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ”

เธอจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก

หากเจียงเพ่ยหลานไม่กลับไป มันจะเป็นเธอที่ต้องทนทุกข์ทรมาน

หลังจากพูดจบ หญิงชราก็ลุกขึ้นจากพื้น ฝ่าฝูงชนและจากไป

เมื่อติงเหม่ยเซียนจากไป ฝูงชนก็เริ่มแยกย้ายกันไปเช่นกัน

บางคนก้าวเข้ามาเพื่อปลอบใจเจียงเพ่ยหลาน

เจียงเพ่ยหลานขอบคุณพวกเขาด้วยรอยยิ้ม ดวงตาที่โกรธและรู้สึกอยุติธรรมจางหายไป ตอนนี้มันดูเหมือนเธอได้เกิดใหม่หลังจากหายนะ

เธอเงยหน้าขึ้นและพยักหน้าให้กับเซี่ยชิงหยวนที่ยืนมองเธออยู่ ดวงตาของเธอร้อนผ่าวและร้องตะโกนว่า “ชิงหยวน”

เซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามาและกุมมือที่สั่นเทาของเจีงเพ่ยหลาน

“ขอแสดงความยินดีด้วยนะ เมื่อกี้เธอยอดเยี่ยมมากเลย”

นี่คือคำยืนยันของเจียงเพ่ยหลาน

สุดท้ายเธอก็ได้ชีวิตใหม่สักที

การหย่าร้างเป็นขั้นตอนแรก และการต่อต้านติงเหม่ยเซียนกับหลินจื้อเฉียงด้วยกำลังของตัวเองเป็นขั้นตอนที่สอง ซึ่งมันสำคัญที่สุด

เจียงเพ่ยหลานที่เคยขี้ขลาด ไม่ขี้ขลาดอีกต่อไปแล้ว เธอรู้สึกโล่งใจมาก

น้ำตาขนาดเท่าเม็ดถั่วไหลออกมาจากตาของเจียงเพ่ยหลาน

ปรากฏว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังรอให้เธอหลุดออกจากดักแด้และกลายเป็นผีเสื้อ

เธอสะอื้นไห้และพูดว่า “ชิงหยวน ขอบคุณนะ”

มุมปากของเซี่ยชิงหยวนโค้งขึ้น และเธอกะพริบตาให้เจียงเพ่ยหลาน “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”

ถัดมาภายในร้าน อาเซียงกับเจียงเพ่ยหลานหยิบเอาสมุดบัญชีออกมาและรายงานรายได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาให้เซี่ยชิงหยวนทราบ

ในขณะที่ฟัง เซี่ยชิงหยวนก็เล่นลูกคิดของเธอไปด้วยราวกับว่าเรื่องตลกเหตุการณ์ในตอนเช้าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเธอแต่อย่างใด

ในไม่ช้า เซี่ยชิงหยวนก็ทำบัญชีเสร็จ

อย่างแรกคือขายเสื้อผ้า

ครั้งล่าสุดที่เธอไปกว่างโจวเพื่อซื้อสินค้า ยังมีสินค้าเหลืออยู่มากกว่าแปดร้อยชิ้น และเธอมีรายได้มากกว่าสี่พันหยวนในเวลาเพียงเดือนเดียว

กำไรครั้งนี้สูงมาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะราคาซื้อเสื้อผ้าชุดนี้ต่ำ

แต่เสื้อผ้าที่ซื้อมารอบนี้มันเป็นการโละขายของโรงงาน ดังนั้นเธออาจจะไม่สามารถได้ราคาถูกแบบนี้ตลอดไป

อันที่จริง นี่เป็นเพราะสภาพอากาศของมณฑลยูนนานด้วย

เมืองส่วนใหญ่ทั่วประเทศได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นแบบฤดูใบไม้ร่วง ผู้คนในมณฑลยูนนานยังคงสวมเสื้อผ้าแขนสั้นในตอนกลางวัน แต่อุณหภูมิจะเย็นลงในเวลากลางคืน

ปกติแล้วเวลาอยู่บ้านในตอนกลางคืน ใครจะสนว่าการแต่งตัวกัน?

ดังนั้นเสื้อผ้าฤดูร้อนที่เอาไว้สวมใส่ระหว่างวันจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

เซี่ยชิงหยวนคำนวณอย่างคร่าว ๆ และในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ขายเสื้อผ้า เธอมีรายได้รวมมากกว่าเก้าพันหยวน

และนี่เป็นยอดขายที่ตัวเธอมักจะไม่ได้อยู่ขายด้วย

ส่วนร้านตรอกเก่าก็มีเงินมากกว่าสามพันหยวนเข้ามาในบัญชี

ทั้งสองธุรกิจได้เงินรวมกันมากกว่าหนึ่งหมื่นสามพันหยวน!

เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถระงับรอยยิ้มที่มุมปากของเธอได้เลย

ตอนนี้เธอเป็นเศรษฐีแล้ว!

ด้วยเงินมากกว่าหมื่นหยวน เธอใกล้จะเข้าสู่โลกของหยกแล้ว!

ตอนนี้เธอจึงเรียกหาเจียงเพ่ยหลานให้มาหา

เซี่ยชิงหยวนนับเงินจำนวนหกสิบหยวน และมอบให้เจียงเพ่ยหลาน “เพ่ยหลาน นี่คือเงินเดือนของเธอสำหรับเดือนที่แล้วนะ”

เจียงเพ่ยหลานเห็นว่ามันมีมากกว่าเดือนที่ผ่านมาประมาณสิบหยวน และเธอก็ไม่ยอมรับ

เซี่ยชิงหยวนยืนกราน “เธอสมควรได้รับมันแล้ว มีช่วงหนึ่งที่แม่กับฉันไม่ได้อยู่ที่นี่และร้านตรอกเก่าก็ได้รับการดูแลจากเธอโดยตรง ถ้าเธอยังปฏิเสธอีก ฉันจะถือว่าเธอไม่รักษาน้ำใจฉันแล้วนะ”

เจียงเพ่ยหลานได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกตื้นตัน เธอรับเงินก่อนจะพยักหน้า “ขอบคุณนะ ชิงหยวน”

เซี่ยชิงหยวนเรียกให้อาเซียงและอาจ้วงเข้ามาอีกครั้ง “นี่คือเงินเดือนของเธอสองคนในช่วงเวลาที่ผ่านมานะ”

เมื่ออาเซียงเห็นว่าอาจ้วงได้รับเงินเช่นกัน เธอก็รีบดึงมือน้องชายออกทันที “พี่สาวเซี่ย อาจ้วงมาที่นี่เพื่อช่วยฉันเท่านั้น จะต้องเงินให้ทำไมล่ะคะ?”

เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ถ้าไม่มีอาจ้วงที่ร้านตรอกเก่านี้ เธอกับเพ่ยหลานสองคนจะทำกันไหวได้ยังไง?”

เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำเป็นโกรธ “ถ้าเธอไม่ให้อาจ้วงรับไว้ ในอนาคตพี่จะไม่ขอความช่วยเหลืออะไรจากพวกเธออีกแล้วนะ”

เมื่อเห็นแบบนี้ อาจ้วงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับเงิน และโค้งขอบคุณเซี่ยชิงหยวน

“ขอบคุณ พี่สาวเซี่ย!”

สองพี่น้องนับเงินแล้วกลายเป็นว่าพวกเขาคนหนึ่งได้หกสิบหยวน และอีกคนได้สามสิบหยวน ทั้งสองตกใจมากจนพวกเขาต้องการคืนเงินอีกครั้ง

เซี่ยชิงหยวนหาวและโบกมือให้พวกเขาออกไป และเธอก็เตรียมตัวที่จะออกไปซื้อของชำ

เซี่ยชิงหยวนออกไปซื้อผักและวัตถุดิบในตลาด แล้วกลับมาช่วยงานที่ร้านอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดสั่งเจียงเพ่ยหลานและคนอื่น ๆ ไว้แล้วกลับบ้าน

โดยไม่คาดคิด เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็พบทั้งหลิงเยี่ยและฉู่ซิงอวี่อยู่ในบ้านด้วย

พวกเขานั่งอยู่บนโซฟา หันหน้าไปทางเสิ่นอี้โจวและพูดถึงบางสิ่งด้วยเสียงเบา

แต่ถึงอย่างนั้น คำว่า ‘เมืองหลวง’ และ ‘เมืองหลวงของมณฑล’ ก็เข้าหูของเซี่ยชิงหยวนโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อได้ยินเสียงเธอเดินเข้ามา พวกเขาทั้งหมดหันศีรษะและมองเซี่ยชิงหยวนด้วยความประหลาดใจทันที

มุมปากของเสิ่นอี้โจวโค้งขึ้น คิ้วและดวงตาของเขาพลันอ่อนลง “กลับมาแล้วเหรอ?”

หลิงเยี่ยรู้สึกตัวเช่นกัน

เขาลุกขึ้นยืนและพยักหน้าให้เซี่ยชิงหยวน “สวัสดีครับคุณนาย”

นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองพบกัน นับตั้งแต่ที่พวกเขาพูดอย่างชัดเจนในครั้งนั้น

เซี่ยชิงหยวนสงบลง และทักทายอย่างใจเย็น “สวัสดีค่ะ”

ฉู่ซิงอวี่ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และเอ่ยทักออกไปเช่นกัน “สวัสดีครับคุณนาย”

เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “พวกคุณคุยกันต่อไปเถอะ ฉันจะไปทำอาหารในครัวค่ะ”

จากนั้นเธอพูดกับทั้งสองอีกครั้งว่า “นี่ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ทำไมพวกคุณไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันล่ะ”

แววตาของเธอจริงใจและใจกว้าง หญิงสาวไม่หลบสายตาเลยแม้จะมีเรื่องบางอย่างก่อนหน้านี้

หลิงเยี่ยสังเกตเห็นว่าฉู่ซิงอวี่มองเซี่ยชิงหยวนในแบบที่แตกต่างออกไป จากนั้นจึงจำได้ถึงเรื่องที่พวกเขาเคยระบายแก่กันตอนกินเหล้า และเขาก็เข้าใจทุกอย่างได้ในที่สุด

เขายืนนิ่ง ๆ พลางกระแอมในลำคอ “เราคงไม่รบกวนคุณนายหรอกครับ เรากำลังจะไปแล้วน่ะครับ”

ฉู่ซิงอวี่กล่าวต่อ “ใช่ครับคุณนาย เดี๋ยวเราก็กลับกันแล้วครับ”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท