กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 284 ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 284 ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ

บทที่ 284 ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ

เมื่อเห็นคนจำนวนมากเร่งรีบเข้ามา ตระกูลจางก็ตื่นตระหนกทันที

พี่ใหญ่ตระกูลจางยืนอยู่ข้างหน้า มองเซี่ยจิ่งเฉินด้วยความเดือดดาล “ฉันก็เอะใจอยู่ ว่าทำไมวันนี้นายหยิ่งผยองมากขนาดนี้! ปรากฏว่านายเรียกพรรคพวกมาช่วยเหลือนี่เอง!”

จากนั้นเขาชี้ไปที่กลุ่มเพื่อนของเซี่ยจิ่งเฉิน “สิ่งที่เราโต้เถียงกับนายคือเรื่องในครอบครัวของเรา แต่นายกลับเรียกคนนอกเข้ามาแทรกแซง เพราะคิดจะทุบตีเราให้ตายงั้นเหรอ? คิดว่าบ้านเมืองไม่มีกฎหมายรึไง!”

เซี่ยจิ่งเฉินพูดพร้อมกับเยาะเย้ย “คุณเลอะเลือนแล้วรึไง เป็นพวกคุณเองที่บุกเข้ามาในบ้านของผมแล้วสร้างความวุ่นวาย ดังนั้นถ้าจะพูดถึงเรื่องของกฎหมาย มันก็พวกคุณเองนั่นแหละที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย!”

หนึ่งในเพื่อนของเซี่ยจิ่งเฉินก้าวมาข้างหน้าแล้วพูด “ทำไมนายยังเสียเวลาพูดไร้สาระมากมายกับคนพวกนี้อยู่อีก? พวกเขากล้ามาที่นี่แล้วลงมือทำเรื่องบ้าบอ พวกเขาคิดว่าหมู่บ้านซิ่งฮวาไม่มีใครอยู่อีกแล้วรึไง!”

จากนั้นเขาก็หันศีรษะแล้วพูดกับเซี่ยโยว่หมิงกับคนอื่น ๆ “ลุงเซี่ย ป้าหวัง และพี่สะใภ้ พวกคุณหลบไปอยู่ข้าง ๆ เถอะ จะได้ไม่โดนลูกหลง”

หลังจากพูดแล้วเขาก็โบกมือ “เฮ้ ยืนงงอะไรกัน ลุยกันเลยพวก!”

หลังจากสิ้นเสียงตะโกน กลุ่มเพื่อนของเซี่ยจิ่งเฉินก็บุกตะลุยกันทันที

เหตุการณ์ตรงหน้าเป็นการทดสอบจิตใจของคนเราได้ดีมาก หวังผิงและกงเหลียนซินพยายามปกป้องลูกหลานของพวกเธอ แต่แม่เฒ่าจางนั้นกลับทำสิ่งที่ไม่มีสามัญสำนึกอย่างมาก

เธอคว้าเซี่ยซือถงขึ้นมาบังเป็นโล่แล้วใช้ชนกับคนอื่น ๆ

แม่เฒ่าจางยังสาปแช่งและพูดว่า “แน่จริงก็เข้ามาทุบตีฉันสิ! ลูกเขยชักชวนให้คนอื่นทุบตีแม่ยายของเขา ยกโทษให้ไม่ได้!!”

เซี่ยซือถงถูกแม่เฒ่าจางจับไว้และชนเข้ากับผู้คนไม่หยุด ทั้งร่างของเด็กหญิงเจ็บปวดมาก และเธอก็กลัวมากจนร้องไห้เสียงดังลั่น

กังจือ ผู้นำกลุ่มเพื่อนของเซี่ยจิ่งเฉิน เมื่อเห็นแม่เฒ่าจางใช้เด็กเป็นอาวุธทำร้ายเขาแบบนี้ ชายหนุ่มก็โกรธอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยซือถงก็เป็นหลานสาวของหญิงชราเช่นกัน แต่กลับเหวี่ยงเด็กไปมาแทนอาวุธแบบนี้ได้ยังไง!

เซี่ยจิ่งเฉินกำลังต่อสู้กับพี่ใหญ่ตระกูลจาง หางตาของเขาเหลือบไปที่จางอวี้เจียว

เธอยืนอยู่ข้าง ๆ อุ้มเซี่ยซือเหยียนไว้และทำทีเมินเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเซี่ยซือถง

ทั้งยังเหมือนเธอจะได้รับอิทธิพลจากแม่ของตัวเอง จึงยกเซี่ยซือเหยียนให้สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อกังวลว่าจะมีไม้จากฝั่งตรงข้ามตีเข้าใส่ตน

เซี่ยซือเหยียนร้องไห้จนแทบจะหมดแรงแล้วในตอนนี้ ดังนั้นเด็กหญิงจึงทำได้แต่สะอึกสะอื้น มองดูเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยตาโตที่โง่งมและหวาดกลัว

ดวงตาของเซี่ยจิ่งเฉินกลายเป็นสีแดงจัด

ในที่สุดเยื่อใยสุดท้ายที่มีให้ภรรยาของเขาก็หมดลง

เขายกกำปั้นขึ้นแล้วชกไปยังใบหน้ามันเยิ้มของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

พี่ใหญ่ตระกูลจางไม่มีเวลาแม้แต่จะร้องโอดครวญ หัวของเขาสะบัดไปตามแรงกระแทกและเขาก็ล้มลงกับพื้น

ตอนนี้รูปร่างอ้วน ๆ ทำให้มือและเท้าพันกันจนสูญเสียการทรงตัวไป

พี่ใหญ่ตระกูลจางล้มลงกับพื้นพร้อมกับกลิ่นคาวเต็มปาก เขาถ่มน้ำลายออกมาเป็นเลือด และฟันซี่หนึ่งก็หลุดออกมาด้วย

พี่ใหญ่ตระกูลจางเช็ดริมฝีปาก ใบหน้าของเขาโกรธจัด “ให้ตายเถอะ!”

ขณะที่ตะโกน เขาพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้น และรีบพุ่งเข้าใส่เซี่ยจิ่งเฉินอีกครั้ง

เมื่อจางอวี้เจียวเห็นฟันที่พี่ชายของเธอพ่นออกมา หญิงสาวก็ตะโกนลั่นว่า “เซี่ยจิ่งเฉิน! นายกล้าทำร้ายพี่ชายของฉัน!!”

เธอกรีดร้อง ต่อยเซี่ยจิ่งเฉินทั้งที่ยังอุ้มเด็กไว้

ขณะที่ทนรับการทุบตีของจางอวี้เจียว สุดท้ายเซี่ยจิ่งเฉินก็จับมือของเธอไว้ได้ และพยายามแย่งเด็กกลับมาจากมือของเธอ

จางอวี้เจียวกลายเป็นเหมือนหมาบ้า และกัดแขนที่เหยียดออกมาของเซี่ยจิ่งเฉิน

เมื่อเห็นสิ่งนี้ พี่ใหญ่ตระกูลจางก็พุ่งเข้าไปกอดเอวของเซี่ยจิ่งเฉินไว้ พยายามดันให้เขาไปชนกำแพง

เมื่อได้เห็นฉากนี้ กังจือที่กำลังต่อสู้กับพี่น้องอีกคนของตระกูลจางก็ผละตัวออกมา เงื้อไม้เล็งไปที่ด้านหลังของพี่ใหญ่ตระกูลจาง และทุบลงไปสองสามครั้ง

เมื่อเห็นว่าลูกชายคนโตกำลังเสียเปรียบ แม่เฒ่าจางก็กรีดร้อง และรีบวิ่งไปข้างหน้า

เมื่อเห็นเช่นนั้น กงเหลียนซินก็รู้สึกกระวนกระวายใจอยากจะเข้าไปช่วย

ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น

“พวกคุณกำลังทำอะไรกัน!” ในขณะนี้มีเสียงตะโกนดังมาจากประตู มันเป็นเสียงจากกลุ่มเจ้าหน้าที่หมู่บ้านพวกเขายืนอยู่ที่ประตู มองดูเหตุการณ์ที่เกิดด้วยใบหน้าขุ่นเคือง

เขายกนิ้วขึ้นแล้วชี้ไปที่ตระกูลจางด้วยความโกรธ “จางเจียไจ๋ เป็นบ้าอะไรห้ะ? กล้าดียังไงมาต่อสู้กับคนอื่นที่นี่!”

วันนี้เขามีเวรปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นเซี่ยจิ่งเฉินจึงไม่ได้เรียกเขามาร่วมต่อสู้ในครั้งนี้

เขาเห็นตั้งแต่ตอนที่คนจากตระกูลจางมาถึงแล้ว

หญิงชราตระกูลจางนั่งอยู่บนรถเข็น และดูเหมือนว่าตรงที่หญิงชรานั่งอยู่จะมีบางอย่างซ่อนเอาไว้

ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลยที่จะค้นดูสิ่งของที่หญิงชรานั่งทับอยู่

หญิงชราจางทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าเขาจะไม่ชอบสมาชิกตระกูลจาง แต่เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้ และต้องปล่อยผ่านไปเพราะไม่มีเหตุผลเพียงพอ

แต่ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้ว ตระกูลจางซ่อนคนไว้ใต้รถเข็นนี่เอง!

เมื่อเจ้าหน้าที่หมู่บ้านตะโกน ทุกคนก็หยุดลง

แม่เฒ่าจางอ้าปากกว้าง และกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง “ให้ตาย…!”

“จะตะโกนทำไม!” เจ้าหน้าที่หมู่บ้านชี้ไปที่แม่เฒ่าจาง “ลูกสาวของคุณโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วน! รีบไปรับโทรศัพท์กับผมซะ และสำหรับพวกคุณที่เหลือ ควรหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่ผมไว้ในภายหลังดีกว่า ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจ!”

ความเย่อหยิ่งของตระกูลจางดับลงทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรเลย

แม่เฒ่าจางไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่ลูกสาวของฉันจะโทรหาฉันในเวลานี้!”

มีการตกลงกันไว้ว่าเมื่อพวกเขาจัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อย พวกเขาจะกลับไปประกาศข่าวดีให้เธอรู้

เจ้าหน้าที่คนนี้ต้องหลอกพวกเขาแน่!

เจ้าหน้าที่หมู่บ้านไม่อดทน “ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งนักก็ไม่ต้องไป ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวของคุณร้องไห้อย่างน่าสมเพชทางโทรศัพท์บอกว่าเกี่ยวกับเรื่องความเป็นความตาย ผมจะไม่มีทางสนใจเรื่องครอบครัวของคุณหรอก!”

จากนั้นเขาก็หันหลังและจากไป

เมื่อแม่เฒ่าจางได้ยินดังนั้น เธอก็ตกใจมากวิ่งตามเขาไปทันที “อย่า อย่า ฉันจะไป ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”

เจ้าหน้าที่หมู่บ้านหยุดกะทันหัน “ถ้าอย่างนั้นก็มาเร็ว ๆ ซะ น้ำเสียงของลูกคุณในโทรศัพท์เหมือนกับจะตายให้ได้เลย!”

หลังจากพูดจบ เขาก็กะพริบตามองไปที่เซี่ยจิ่งเฉิน และพาแม่เฒ่าจางออกไป

กังจือกระซิบข้างหูของเซี่ยจิ่งเฉิน “ป่าใหญ่แห่งนี้มีหนทางจริง ๆ”

เซี่ยจิ่งเฉินไม่คิดอย่างนั้น

ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับจางอวี้เอ๋อที่โทรหาแม่เฒ่าจางอย่างเร่งรีบแน่

ทันใดนั้นเขาก็จำสิ่งที่เสิ่นอี้โจวพูดกับเขาเมื่อเช้านี้ขึ้นมาได้

“ทันทีที่พี่รองกลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวาตอนเที่ยง เรียกเพื่อนของพี่รองที่เคยคบหากันมาก่อน เพื่อให้พวกเขาช่วยทำลายศักดิ์ศรีของตระกูลจาง ตราบใดที่ในเรื่องนี้พี่รองคิดอย่างชัดเจนแล้ว สิ่งต่อไปก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรแล้ว”

เสิ่นอี้โจวพูดอย่างมั่นใจมาก ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุมแน่นอน

ดังนั้นบางทีการโทรครั้งนี้ อาจจะมีเสิ่นอี้โจวหรือไม่ก็เซี่ยชิงหยวนเป็นสาเหตุ

แม่เฒ่าจางวิ่งไปที่สำนักงานคณะกรรมการหมู่บ้านจนหายใจหอบ ถือโทรศัพท์และพูดทัก

“แม่! แม่ต้องกลับบ้านทันทีและขอให้พี่สาวของหนูหย่ากับเซี่ยจิ่งเฉินซะ!” เสียงตะโกนอันแหลมคมของจางอวี้เอ๋อดังมาจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ทันที

แม่เฒ่าจางไม่เข้าใจ จึงดุว่า “บอกฉันช้า ๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

เมื่อคืนลูกสาวของเธอเองแท้ ๆ ที่ขอให้พวกเขามาสร้างปัญหาในวันนี้!

มันไม่บ้าไปหน่อยรึไงที่จะขอให้พวกเขากลับไป และปล่อยให้ลูกสาวคนโตหย่าร้าง?

จางอวี้เอ๋อยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเมื่อเธอถูกแม่ของตัวเองตะโกนใส่

เธอร้องไห้ “แม่! เซี่ยชิงหยวนรู้เรื่องตระกูลหนี่!”

แม่เฒ่าจางพูดไม่ออกเป็นเวลานาน “แกพูดอะไรนะ?”

จางอวี้เอ๋อป้องปากด้วยมือหนึ่งเพื่อไม่ให้ผู้คุมใกล้ ๆ ได้ยิน ในใจของเธอกำลังจะแตกสลาย “เซี่ยชิงหยวนรู้เกี่ยวกับตระกูลหนี่! เธอขู่หนูว่าถ้าพี่และเซี่ยจิ่งเฉินไม่หย่าร้างกัน เธอจะบอกเรื่องทั้งหมดให้ตำรวจรู้!”

เธอกำโทรศัพท์แน่น น้ำตาและน้ำมูกไหลอาบหน้า ไม่สนใจพี่สาวของตัวเองอีกแล้ว “แม่ อย่าให้คนอื่นรู้เรื่องตระกูลหนี่นะ ไม่งั้นหนูตายแน่!”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท