บทที่ 213 จัดการเรียบร้อยแล้ว?
จะรู้ได้ไงว่ามึงกำลังจะทำอะไร
โอหยางจงเฉิงคิดในใจแต่ไม่กล้าแสดงออกมา
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ โอหยางจงเฉิงคงถ่มน้ำลายใส่คนถามไปนานแล้ว
แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ณ ตอนนี้เขาเป็นได้แค่ลูกไก่ในกำมือของหลี่โม่ ต้องเชื่อฟังทุกคำสั่งของเขา
“คุณชายหลี่เป็นผู้สูงส่ง พวกเราที่เป็นคนโง่เขลาไม่มีทางเดาความคิดของคุณได้หรอกครับ คุณชายช่วยบอกพวกเราทีเถอะครับ”
ใบหน้าที่เปื้อนด้วยคลาบเลือดของโอหยางจงเฉิงแสดงรอยยิ้มที่น่าสงสารออกมา
“คนไอคิวต่ำอย่างคุณยังมีชีวิตรอดถึงทุกวันนี้ถือว่าโชคดีจริงๆ เลยนะ”
หลี่โม่พูดอย่างประชดประชัน
โอหยางจงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่นและไม่รู้จะตอบอย่างไร
คุณเฉียนที่มีไหวพริบดีก็พูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “คุณชายหลี่จะสั่งสอนพวกเราใช่ไหมครับ? พวกเราเป็นคนไม่รู้ฟ้าจริงๆ เลยครับ คุณชายช่วยสั่งสอนพวกเราทีนะครับ ต่อไปเราจะไม่กล้าทำอีกแล้วครับ”
“เหอะๆ”
หลี่โม่ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “สั่งสอนพวกคุณงั้นเหรอ? พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์ผมสินะ แต่ขอโทษนะ ผมไม่มีลูกศิษย์อย่างพวกคุณ”
“ครับคุณชาย พวกเราไอคิวต่ำเองครับ ต้องรบกวนคุณชายแล้วนะครับ คุณชายอยากสั่งสอนพวกเรายังไงก็ได้ครับ พวกเราจะพยายามอดทนครับ”
เมื่อเห็นหลี่โม่หยิบบุหรี่ออกมา โอหยางจงเฉิงก็รีบหยิบไฟแช็กออกมาเพื่อจะจุดบุหรี่ให้กับหลี่โม่
แต่หลี่โม่กลับเตะโอหยางจงเฉิงจนกระเด็นออกไป “ใครให้คุณจุดบุหรี่? รู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหนแล้วใช่ไหม?”
“ผม ผมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเองครับ ผมไม่ควรพูดจาไม่ดีกับคุณชายหลี่เลยครับ ผมตาบอดเอง สมองผมมีปัญหาเองครับ ผมผิด ผมผิดเองครับ”
หลี่โม่มองไปที่โอหยางจงเฉิงอย่างไร้คำบรรยาย จนกระทั่งตอนนี้แล้วเขายังไม่รู้ตัวว่าทำผิดอะไรต่อหลี่โม่ ช่างโง่เขลาจริงๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่โม่เริ่มไม่ดี โอหยางจงเฉิงก็เริ่มรู้ตัวว่าเขาทำผิดพลาดจุดไหนแล้ว จากนั้นเขาพลิกผันอย่างรวดเร็วแล้วมีคำตอบในใจอย่างกะทันหัน
“พวกเราควรฟังคำตักเตือนของคุณชายหลี่ครับ พวกเราไม่กล้าคิดร้ายกับกู้หยุนหลันแล้วก็ตระกูลอีกแล้วครับ คุณชายโปรดไว้ใจพวกเรานะครับ ต่อไปพวกเรา……พวกเราจะสนับสนุนตระกูลกู้อย่างเต็มที่ครับ”
โอหยางจงเฉิงคิดว่าเขาเริ่มมาถูกทางแล้ว บางทีการตอบสนองเช่นนี้อาจทำให้หลี่โม่พอใจก็ได้
“ยังไม่พอ” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา
“รบกวนคุณชายช่วยบอกผมทีครับ คุณชายจะให้ผมทำอย่างไร ผมก็จะทำอย่างนั้นครับ”
โอหยางจงเฉิงพูดอย่างมั่นใจ
ในเวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเอาตัวรอดแล้ว ขอเพียงรักษาธุรกิจและความมั่งคั่งไว้ได้ หลี่โม่จะสั่งให้ทำอะไรพวกเขาก็จะยอม จะให้พวกเขาไปขายตัวตอนนี้เลยก็ได้
“ไปขอขมาที่บ้านตระกูลกู้ด้วย”
โอหยางจงเฉิงและเพื่อนๆ รู้สึกโล่งอกทันที การขอขมาไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาเลย ต่อให้ต้องคุกเข่ากราบไหว้ร้องขอพวกเขาก็ทำได้เช่นกัน ขอเพียงสามารถรักษาสถานะความมั่งคั่งของตัวเองไว้ได้ก็พอ ส่วนเรื่องศักดิ์ศรีเอาไว้ทีหลัง!
ในอดีตเมื่อโอหยางจงเฉิงเริ่มต้นจากศูนย์ เขาไม่เคยเห็นแก่ศักดิ์ศรีอยู่แล้ว เพราะถ้าเห็นแก่ศักดิ์ศรีเขาไม่มีทางไต่เต้ามาถึงจุดนี้ได้
“คุณชายไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องนี้พวกเราทำได้ครับ พวกเราจะทำอย่างจริงใจที่สุดเลยครับ”
โอหยางจงเฉิงตบหน้าอกของเขาแล้วพูดอย่างมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของพวกคุณแล้วล่ะนะ ถ้ายังคงทำให้ผมไม่พอใจ พวกคุณก็เตรียมไปเป็นคนพิการนั่งขอทานที่ข้างถนนได้เลย”
หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา จากนั้นลุกขึ้นและออกจากห้องไป
โอหยางจงเฉิงที่เห็นหลี่โม่เดินจากไป พวกเขาทั้งหมดก็ทรุดตัวลงบนพื้นเหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลมออกไป
“ให้ตายเหอะ จบจนได้ หลี่โม่คนนี้คือใครกันแน่ ทำไมถึงมีอำนาจขนาดนี้ ถ้าเป็นคนธรรมดาทำไม่ได้อย่างแน่นอน”
โอหยางจงเฉิงถามอย่างสงสัย
“เขาต้องเป็นลูกมหาเศรษฐีอย่างแน่นอน แต่ถ้าใช่แล้วทำไมเขายังต้องทนอยู่ที่บ้านตระกูลกู้ด้วย แถมยังถูกคนตระกูลกู้คอยดูถูกเหยียดหยามด้วยแบบนี้ ด้วยความสามารถของเขาแล้ว……ควรทำให้คนตระกูลกู้เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือมากกว่านะ”
คุณหลินกุมหน้าผากที่เปื้อนเลือดและพูดว่า “จะสงสัยอะไรมากมาย รีบไปหาหมอกันเถอะ หน้าผากผมคงเละหมดแล้ว เรายังไม่ถือว่าสอบผ่านนะ พรุ่งนี้ยังต้องไปขอขมาที่บ้านเขาด้วย”
“เรื่องขอขมาเป็นเรื่องใหญ่นะ เราต้องทำให้พวกเขาพอใจให้ได้ แต่ไม่รู้ว่าคุณชายหลี่ชอบยังไงสินะ ถ้าทำไม่ถูกใจก็คงต้องลำบากอีก”
โอหยางจงเฉิงและเพื่อนๆ เริ่มกังวลอีกครั้ง เพราะเรื่องไปขอขมาที่บ้านตระกูลกู้ในวันพรุ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าทำไม่สำเร็จพวกเขาคงต้องซวยอย่างแน่นอน
……
หลี่โม่ออกจากร้านอาหารแล้วขึ้นรถแท็กซี่กลับไป ทันทีที่เดินเข้าไปในบ้านเขาก็ได้ยินเสียงดุด่าของหวังฟาง “ไอ้คนไร้ประโยชน์ ฉันบอกให้นายไปตายข้างนอกไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลับมาทำไม!”
หลี่โม่ได้แต่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านเงียบๆ
“ยืนทื่ออยู่ทำไม เพราะนายคนเดียวเรื่องถึงแย่ขนาดนี้! ยังกล้าพูดจากโอ้อวดต่อหน้าฉันอีก ถามจริงไม่อายบ้างเหรอ เรื่องที่ไม่มีใครจัดการได้ แต่ไอ้คนไร้ประโยชน์อย่างนายกลับรับปากจะจัดการให้ จัดการบ้าบออะไรของนาย!”
“ถ้าคุณโอหยางเขาไม่ไว้หน้าเราจะทำยังไง! ธุรกิจครอบครัวของเราต้องล้มละลายจะทำยังไง! ไอ้คนซื่อบื้ออย่างนายก่อนจะทำอะไรทำไมไม่คิดให้ดีก่อน! ฉันล่ะปวดหัวกับนายจริงๆ!”
กู้หยุนหลันได้ยินเสียงดุด่าของหวังฟางก็รีบออกมาจากห้องนอนทันที
เมื่อกู้หยุนหลันเห็นหวังฟางที่นั่งอยู่บนโซฟาก็รีบเดินเข้าไปหาหลี่โม่และจุงมือเขาไว้ “กลับห้องกันเถอะ”
“หยุนหลัน ปล่อยมือมัน คนไร้ประโยชน์อย่างนี้จะเก็บไว้ที่บ้านทำไม มีแต่จะสร้างปัญหาให้พวกเรา ครั้งนี้ก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ยังไม่รีบไล่มันออกจากบ้านอีก! ถ้าตระกูลกู้ของเราล้มละลายจริงๆ เธอจะได้รีบหาคนใหม่ที่พึ่งพาได้สักที!”
“ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว ทั้งครอบครัวของเรา พ่อของเธอ แม่ ซีซี ทุกคนจะได้มีคนที่พึ่งพาได้ เธอดูสภาพของหลี่โม่สิ ไม่มีเงิน ไม่มีภูมิหลัง ไม่มีอะไรที่จะพึ่งพาได้เลย!”
หวังฟางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเสียดสีความรู้สึก
เพราะเธอรอคอยที่จะให้กู้หยุนหลันหย่ากับหลี่โม่ ไม่ว่าจะไปแต่งงานใหม่กับฮั่วเจี้ยนเฟิงหรือว่าใครคนอื่นก็จะดีกว่าหลี่โม่
“แม่คะ แม่อย่าด่าเขาเลย ต่อให้ธุรกิจครอบครัวเราจะล้มละลาย แต่พวกเราก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้ แม่ไม่ต้องกังวงหรอกนะ อีกอย่าง อีกอย่างหนูเชื่อในตัวของหลี่โม่” กู้หยุนหลันจุงมือหลี่โม่แล้วเดินกลับไป
หวังฟางตะโกนพูดต่อ “เธอเชื่ออะไรในตัวมัน? เธอกินยาอะไรเข้าไปถึงมองไม่ออกว่ามันคือพวกไร้ประโยชน์! พวกเราทุกคนต่างก็รู้กันหมด!”
แต่เสียงที่ตอบรับหวังฟางคือเสียงปิดประตูที่ดังสนั่น จึงทำให้หวังฟางโกรธจนทุบที่โซฟาด้วยความแรงและเธอทำเหมือนโซฟาที่นั่งอยู่นั้นก็คือหลี่โม่
“คุณไปทำอะไรมา ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
กู้หยุนหลันถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงผมหรอก เรื่องของคุณโอหยางผมจัดการเรียบร้อยแล้ว รอพรุ่งนี้นะ”
หลี่โม่จับมือขาวเนียนของกู้หยุนหลันแล้วพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวล