ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 286 เปลี่ยนงาน(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 286 เปลี่ยนงาน(1)

ตอนที่ 286 เปลี่ยนงาน(1)

หลังจากสิงเจิ้งหาวพาหมอมาแล้ว ฉินมู่หลานก็บอกความประสงค์ของตน

แต่ถึงอย่างไร หมอคนนั้นก็มองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “คุณเป็นหมอจากโรงพยาบาลไหนครับ?”

“ฉันไม่ได้ทำงานในโรงพยาบาลค่ะ”

ได้ยินเช่นนี้ หมอคนนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที ก่อนจะพูดขึ้น “คุณไม่ได้ทำงานในโรงพยาบาล แสดงว่าไม่ใช่หมอน่ะสิ แล้วคุณจะมาผ่าตัดให้คนไข้ได้ยังไง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คุณจะรับผิดชอบหรือทางโรงพยาบาลเราจะต้องรับผิดชอบ”

ฉินมู่หลานยังไม่ทันจะได้เปิดปากอธิบาย สิงเจิ้งหาวที่อยู่ด้านข้างก็เปิดปากขึ้นก่อนแล้ว “หมอเฉา นี่คือภรรยาของคนไข้ เพราะฉะนั้นเธอไม่ประสงค์ร้ายกับคนไข้หรอก แล้วพี่สะใภ้ก็มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”

“เหอะ…นั่นก็ไม่ได้อยู่ดี การผ่าตัดของเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วครับ แค่รอจนถึงพรุ่งนี้เช้า ผมเข้าใจว่าครอบครัวคุณกังวลมาก แต่จริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก วันนี้พักผ่อนให้เพียงพอ การผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ก็จะผ่านไปด้วยดี”

ฉินมู่หลานก็ทราบดีว่าหมอคงไม่มีปัญหาในเรื่องเตรียมการอะไร แต่ปัญหามันอยู่ที่อาการบาดเจ็บของเซี่ยเจ๋อหลี่ “แต่ถ้าไม่รีบรักษาขาขวาของเขาโดยเร็ว หลังจากนี้อาจจะมีผลข้างเคียงหลงเหลืออยู่ก็ได้นะคะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมอเฉาก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ถึงแม้ว่าจะผ่าตัดเอาตอนนี้ก็สายไปแล้วครับ ขาของเขาเคยได้รับการบาดเจ็บมาก่อนหน้า ครั้งนี้ก็มาเจ็บที่ข้างขวาอีก เพราะฉะนั้นจะทิ้งผลข้างเคียงเอาไว้แน่นอนครับ”

“หมอเฉา ก่อนหน้านี้คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าหากผ่าตัดก็มีโอกาสที่จะเหลือผลข้างเคียงเอาไว้?” สิงเจิ้งหาวมองหน้าหมอเฉาด้วยสีหน้ายอมรับไม่ได้ ได้แต่รู้ว่าตอนนี้ความคิดในสมองตีกันวุ่นวายไปหมด หากขาขวาของเซี่ยเจ๋อหลี่พิการขึ้นมาจริง เช่นนั้นอนาคตของเขาคงพังทลาย

หมอเฉาทราบแล้วว่าฉินมู่หลานต้องรู้ทักษะทางการแพทย์อยู่บ้าง เขาจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ขาขวาของคนไข้จะมีผลข้างเคียงหลงเหลือ เพียงแต่อาจจะไม่ได้หนักมาก ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ และการพักฟื้นตัวต่อไปในอนาคตด้วย”

“นี่…”

สิงเจิ้งหาวรู้สึกว่ามันยากที่จะยอมรับได้ เป็นเพราะภารกิจในครั้งนี้ตอนแรกเซี่ยเจ๋อหลี่หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้ แต่เขาทำในฐานะผู้นำ เพื่อพวกเขา ถึงกับยอมให้ตัวเองบาดเจ็บ

หลังจากฉินมู่หลานได้ยินคำพูดของหมอเฉาแล้ว ก็ได้แต่มองตรงไปแล้วพูดขึ้น “ฉันมาที่นี่เพื่อจะผ่าตัดให้สามีของฉัน จะได้ลดผลข้างเคียงที่ตามมาได้”

หมอเฉาไม่เชื่อเลยสักนิด

ในตอนนี้เอง สิงเจิ้งหาวกลับครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะมองหมอเฉาแล้วพูดขึ้น “ขาขวาของผู้กองเซี่ยของพวกเราเคยบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้ ก็ได้พี่สะใภ้ของเราเป็นคนช่วยผ่าตัดให้ ผมได้ยินมาว่าตอนนั้นที่โรงพยาบาลทหารก็บอกว่าขาขวาของผู้กองเซี่ยอาจมีผลข้างเคียงตามมา แต่พอพี่สะใภ้ของเราผ่าตัดให้ ก็ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเหลืออยู่เลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมอเฉาก็หันมองฉินมู่หลานด้วยความสงสัย

แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้พูดอะไร พยาบาลก็ผลักประตูเข้ามา “หมอเฉา หมอหลี่มาขอพบคุณค่ะ”

“เขามาทำไมกัน”

หมอเฉาลังเลกับคำพูดของสิงเจิ้งหาว ไม่ทันคิดว่าจะมีคนมาขอพบตัวเขา ดังนั้นเขาจึงเลิกสนใจ และยังไม่อนุญาตให้ฉินมู่หลานทำการผ่าตัดเซี่ยเจ๋อหลี่

“เรื่องการผ่าตัด ทางโรงพยาบาลจะเป็นคนเตรียมการเอง คนในครอบครัวอย่างพวกคุณไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอก ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อนครับ”

“หมอเฉา เดี๋ยวก่อน…”

สีหน้าของฉินมู่หลานมืดมนลง ก่อนจะคิดตามตื๊อถึงขั้นสุด

“หมอเฉา นายกำลังยุ่งอยู่เหรอ”

หลี่ปิ่งฉวนเห็นว่าเพื่อนสนิทยังไม่กลับไปที่ห้องทำงาน จึงมาตามหา เมื่อเห็นฉินมู่หลาน สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ “หมอฉิน คุณก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ?”

เมื่อฉินมู่หลานได้พบหลี่ปิ่งฉวน แววตาก็เป็นประกาย เธอจ้องมองอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยตามตรง “หมอหลี่คะ ฉันอยากผ่าตัดให้สามีของฉันค่ะ ช่วยติดต่อกับทางโรงพยาบาลให้หน่อยได้ไหมคะ?”

“อะไรนะ…”

หลี่ปิ่งฉวนได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ก่อนจะเอ่ยถาม “นี่คือสามีของคุณเหรอครับ?”

“ค่ะ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานพยักหน้า หลี่ปิ่งฉวนก็หันไปพูดกับเฉาเจิ้งเฟิงทันที “เจิ้งเฟิง เตรียมห้องผ่าตัด ให้หมอฉินเข้าผ่าตัดให้สามีหล่อนซะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉาเจิ้งเฟิงก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย

“หมอฉิน…หล่อนเป็นหมอจริงเหรอ แต่หล่อนไม่เคยทำงานในโรงพยาบาลมาก่อนเลยนะ”

เมื่อเห็นเฉาเจิ้งเฟิงยังมีท่าทางสงสัย หลี่ปิ่งฉวนจึงเอ่ยบอกอย่างช่วยไม่ได้ “เจิ้งเฟิง หล่อนคือหมอฉินมู่หลาน คนที่พัฒนายาพิเศษออกมาหลายอย่าง โรงพยาบาลอื่นก็ใช้ยาของหล่อนกันทั้งนั้น โรงพยาบาลของพวกนายก็ใช้ยาของหล่อนด้วย นี่นายไม่เชื่อมั่นในตัวหล่อนเหรอ”

“อะไรนะ…”

เฉาเจิ้งเฟิงหันมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าตะลึงงัน ได้แต่รู้สึกไม่อยากเชื่อ ผู้หญิงตรงหน้ายังดูสาวเกินไป

ฉินมู่หลานรู้สึกกังวลมาก จึงให้รีบเตรียมห้องผ่าตัด

หลังจากเฉาเจิ้งเฟิงทราบวีรกรรมของฉินมู่หลานแล้ว จึงให้คนไปเตรียมห้องผ่าตัดให้ทันที

ฉินมู่หลานกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเจี่ยงสือเหิงก่อนเข้าทำการผ่าตัด หลังจากนั้นก้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉู่เทียนหลินฟัง จากนั้นก็กลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเซี่ยเจ๋อหลี่อีกครั้ง ตอนนี้เฉาเจิ้งเฟิงได้เตรียมห้องผ่าตัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากได้ชมการผ่าตัด เฉาเจิ้งเฟิงก็ชื่นชมในตัวฉินมู่หลานมากยิ่งขึ้น แต่เขาก้ยังร็สึกสงสัยอยู่นิดหน่อย “หมอฉินครับ ขาของคนไข้จะไม่ทิ้งผลข้างเคียงอะไรเอาไว้จริงเหรอครับ?”

ฉินมู่หลานไม่สามารถรับประกันได้เต็มร้อย “ฉันจะพยายามทุกทางให้เขาฟื้นตัวอย่างเต็มที่ค่ะ จะพยายามอย่างหนักไม่ให้ขาขวาของเขามีผลข้างเคียงตามมา”

หลี่ปิ่งฉวนเชื่อมั่นในตัวฉินมู่หลานมาก จึงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “หมอฉิน คุณลงมือเองก้หายห่วงได้เลยครับ ตอนนี้พวกเราพาสามีคุณกลับห้องพักผู้ป่วยกันก่อนเถอะ”

“ค่ะ”

หลังจากฉินมู่หลานพยักหน้า หลายคนก็ส่งตัวเซี่ยเจ๋อหลี่กลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย

ในตอนนี้ ฟู่ซวี่ตงก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว เมื่อเขาเห็นฉินมู่หลาน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พี่สะใภ้ อาหลี่ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมครับ?”

เขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นจากสิงเจิ้งหาวทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ก็ทราบด้วยว่าฉินมู่หลานได้ผ่าตัดให้เซี่ยเจ๋อหลี่

“ขึ้นอยู่กับการพักฟื้นของเขาด้วยค่ะ หากไม่ค่อยดี ก็อาจจะมีผลข้างเคียงหลงเหลือได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่ซวี่ตงก็เริ่มกังวลขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ต้องดูแลให้อาหลี่ฟื้นตัวได้ดี”

สิงเจิ้งหาวก็พยักหน้าเช่นกัน

วันนี้ฉินมู่หลานมีเรื่องให้เป็นกังวลเต็มไปหมด ตอนนี้จึงรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย แต่เธอก็ยังต้องไปดูเจี่ยงสือเหิง ดังนั้นจึงหันไปพูดกับฟู่ซวี่ตง “ฉันไปอีกห้องหนึ่งก่อนนะ ถ้าอาหลี่ตื่นแล้ว ช่วยเรียกฉันด้วย”

“พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วง รีบไปทำธุระเถอะครับ”

หลังจากนั้นฉินมู่หลานก็รีบไปที่ห้องผู้ป่วยของเจี่ยงสือเหิง และพบว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหาแล้วเอ่ยถาม “พ่อคะ ฟื้นแล้วเหรอ ตอนนี้พ่อรู้สึกยังไงบ้างคะ?”

“พ่อยังสบาย มู่หลาน ลูกไปดูอาหลี่เถอะ เขาน่าจะถูกส่งตัวมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หลานก็ตกใจ ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่สองคนนี้มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อบุญธรรมเอ่ย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ “พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันเพิ่งไปผ่าตัดให้อาหลี่มา เพราะฉะนั้นพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ตกใจ เขาไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะว่องไวขนาดนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ผ่อนคลายลง แล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ขอบคุณหมอหลี่ค่ะที่มาช่วยพูดจนกระทั่งได้ผ่า ไม่งั้นขาพี่หลี่พิการแน่

มันคือภารกิจอะไรกันนะที่ทำให้อาหลี่กับพ่อบุญธรรมอยู่ด้วยกัน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท