สายตาของกู้จือเหาจับจ้องที่เวินอี๋ตลอดเวลา เวินอี๋เหมือนมีออร่าที่คอยดึงดูดเขา นั่งมองดูเธอกินอาหาร มองดูเธอยิ้ม มองดูเธอพูด ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขามีความสุขแบบนี้มาก่อน แน่นอนเหลิ่งรั่วปิงถือเป็นข้อยกเว้น
ถึงแม้ไซ่หย่าเซวียนจะขี้เล่น แต่เธอไม่ใช่คนโง่ ดวงตากลมโตกลอกไปมา เธอเข้าใจทุกอย่างทันที กู้จือเหาชอบเวินอี๋ ถ้าเป็นกู้จือเหาคนเดิม ไซ่หย่าเซวียนต้องบอกให้เวินอี๋คอยระวังแล้วอยู่ห่างผู้ชายคนนี้ รวมถึงสั่งสอนกู้จือเหาให้เข็ด แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าเวินอี๋กับกู้จือเหาลองคบกันดูก็ดีเหมือนกัน เรื่องที่เวินอี๋ถูกมู่เฉิงซีทิ้ง ฉู่เทียนรุ่ยเล่าให้เธอฟังแล้ว เธอรู้สึกโมโหมาก อยากจะหาผู้ชายดีๆ สักคนให้เวินอี๋
ดังนั้น ตอนที่เวินอี๋ไปเข้าห้องน้ำ ไซ่หย่าเซวียนจึงขยับเข้าไปใกล้กู้จือเหา ”นี่ กู้จือเหา นายชอบเวินอี๋เหรอ”
“อื้ม” กู้จือเหาพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง
ไซ่หย่าเซวียนพูดด้วยความจริงจัง ”เฮ้อ เวินอี๋เป็นผู้หญิงที่ดี ถ้านายคิดจะตามจีบเธอ นายตัดสินใจเรื่องระหว่างนายกับเธอได้ใช่ไหม”
“ไม่มีปัญหา” กู้จือเหาพูดด้วยความหนักแน่น ”ตั้งแต่จบเรื่องของฉู่หนิงซยา พ่อกับแม่รวมถึงพี่ชายของผมก็ไม่มียุ่งเกี่ยวเรื่องงานแต่งงานของผมแล้ว”
“นายจริงจังกับเธอจริงๆ ใช่ไหม”
“จริงจังมาก” กู้จือเหามองไซ่หย่าเซวียนด้วยความจริงใจ ”ไม่กลัวว่าคุณจะหัวเราะเยาะผม ตอนนั้นผมรู้สึกกับฉู่หนิงซยา ไม่สิ เหลิ่งรั่วปิง ผมตกหลุมรักเหลิ่งรั่วปิงจิงๆ แต่คว้าเธอไว้ไม่ได้ ตอนนี้ตามจีบน้องสาวของเธอ ผมก็รู้สึกว่าชีวิตนี้สมบูรณ์แบบแล้ว”
“ฮ่าๆๆ…” ไซ่หย่าเซวียนหัวเราะ ”หึ นายเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ ตอนนั้นแขนของนายหักได้ยังไง”
หลังจากกู้จือเหาแขนหัก ทุกครั้งที่เจอเหลิ่งรั่วปิงเขาก็รีบวิ่งหนีทันที ไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเธอ ไซ่หย่าเซวียนคิดว่าต้องเกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิงแน่
กู้จือเหาถอนหายใจอย่างเสียหน้า ”โดนหนานกงเยี่ยหัก เขามาเตือนผมไม่ให้ยุ่งกับเหลิ่งรั่วปิง”
ไซ่หย่าเซวียนเบ้ปาก ”ให้ตายสิ คุณหนานกงเยี่ยโหดเหี้ยมเหมือนอย่างที่คนอื่นพูดกันจริงๆ คิดอยากจะหักมือคนก็หัก”
กู้จือเหายิ้ม ”แต่ผมต้องขอบคุณเขานะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาทำกับผมแบบนี้ ผมคงไม่เปลี่ยนตัวเอง แขนหักครั้งนั้น ทำให้ผมเข้าใจชีวิตทันที ถือเป็นเรื่องที่ดี”
ไซ่หย่าเซวียนพูดชมกู้จือเหา ”ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว นายกลายเป็นคนดีแล้วจริงๆ”
กู้จือเหายิ้มร่าราวกับพระจันทร์เสี้ยว ”คุณช่วยเป็นแม่สื่อให้ผมหน่อยสิ ผมจริงจังกับเวินอี๋จริงๆ ครั้งแรกที่ผมเห็นเธอก็ตกหลุมรักเธอแล้ว”
ไซ่หย่าเซวียนครุ่นคิด ”นายรู้ไหมว่าเวินอี๋ผ่านอะไรมาบ้าง”
กู้จือเหาพูดอย่างไม่ใส่ใจ ”เวินอี๋บอกว่าเพิ่งเลิกกับแฟน ตอนนี้โสด ทำไมเหรอครับ”
ไซ่หย่าเซวียนถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ”นายรู้ไหมว่าแฟนเก่าของเธอคือใคร เขาคือมู่เฉิงซีตำรวจชั้นสูงในเมืองหลง
“อะไรนะ” กู้จือเหาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ ”เมื่อสองสามวันก่อนมู่เฉิงซีเพิ่งแต่งงานไม่ใช่เหรอครับ”
“ถูกต้อง” ไซ่หย่าเซวียนพยักหน้า ”มู่เฉิงซีคนนั้นหน้าด้านมาก ตอนนั้นตามจีบเวินอี๋แทบตาย แล้วยังคุกเข่าขอเธอแต่งงาน แต่สุดท้ายกลับทนแรงกดดันจากครอบครัวไม่ได้ ทิ้งเวินอี๋แล้วไปแต่งงานกับคุณหนูตระกูลซย่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเวินอี๋มาก ดังนั้นรั่วปิงก็เลยส่งเวินอี๋มาเรียนที่ประเทศเอ้าตู”
กู้จือเหามองไปทางห้องน้ำด้วยความปวดใจ ”หย่าเซวียน ผมจริงจังมากนะครับ ถ้าเวินอี๋ยอมคบกับผม ผมจะรับผิดชอบเธอแน่นอน”
ไซ่หย่าเซวียนยิ้มแล้วพยักหน้า ”พอได้แล้ว นายลองจีบดูสิ ดูว่าเวินอี๋จะชอบนายไหม แต่ฉันขอเตือนนะ นายห้ามเล่นกับความรู้สึกของเวินอี๋เด็ดขาด ไม่ใช่แค่ฉันที่ไม่มีวันยกโทษให้นาย เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนยังไงนายรู้ดีที่สุด ถ้านายกล้ารังแกน้องสาวของรั่วปิง รั่วปิงต้องหักคอนายแน่ๆ”
“ฮ่าๆๆ…” กู้จือเหาก้มหน้าลงแล้วหัวเราะ นึกถึงหน้าเหลิ่งรั่วปิง อดไม่ได้ที่จะเศร้า เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก เขาไม่คู่ควรกับเธอ หวังว่าเธอจะยอมให้เขาดูแลน้องสาวของเธอ
ตอนที่เวินอี๋กลับมาที่โต๊ะ บนโต๊ะมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือฉู่เทียนรุ่ย ฉู่เทียนรุ่ยนั่งข้างไซ่หย่าเซวียน ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงไปนั่งข้างๆ กู้จือเหา เธอเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูออกว่ากู้จือเหาชอบเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกประหม่ามาก
แววตาของกู้จือเหา ราวกับน้ำพุที่อ่อนโยน ไหลเวียนรอบตัวเวินอี๋ ”กินเยอะๆ นะครับ” ขณะพูด เขาก็ตักหูฉลามให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” เวินอี๋เกร็งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองฉู่เทียนรุ่ยด้วยความกระอักกระอ่วน ”คุณฉู่มาได้ยังไงคะ”
ฉู่เทียนรุ่ยยังคงเป็นคนตลก ”แฟนเรียกตัวมา จะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง”
“ฮ่าๆๆ…” ไซ่หย่าเซวียนหัวเราะแล้วซบแขนฉู่เทียนรุ่ยอย่างมีความสุข เมื่อก่อนเธอไม่กล้าคิดฝันว่าฉู่เทียนรุ่ยจะรักและตามใจเธอมากขนาดนี้ ความรักในวันนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าสิบปีที่ผ่านมาคุ้มค่ามาก
กู้จือเหาพูดหยอกล้อ ”หย่าเซวียน ความพยายามของคุณในที่สุดก็สำเร็จ สุดท้ายคุณก็จีบพี่เทียนรุ่ยติด”
ไซ่หย่าเซวียนไม่รู้สึกเขินอาย เรื่องที่เธอตามจีบฉู่เทียนรุ่ยรู้กันทั้งเมือง เธอไม่กลัวว่าคนอื่นจับมานินทาหรอก ”สิ่งนี้เรียกว่าสวรรค์ไม่ใจร้ายกับคนที่มีความพยายาม”
ฉู่เทียนลูบจมูกไซ่หย่าเซวียนด้วยความมันเขี้ยว ”ไม่อายเลยนะครับ”
ไซ่หย่าเซวียนกัดนิ้วของฉู่เทียนรุ่ยเบาๆ ”หึ ถ้าอายแล้วจะจีบพี่ติดเหรอคะ”
“ฮ่าๆๆ…” ทุกคนบนโต๊ะอาหารหัวเราะกับความน่ารักของไซ่หย่าเซวียน
เป็นเรื่องที่บังเอิญมาก เวลานี้ไซ่ตี้จวิ้นเดินออกมาจากห้องอาหารกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เมื่อเห็นพวกไซ่หย่าเซวียน จึงบอกลาเพื่อนอย่างมีมารยาท จากนั้นเดินเข้าไปหาน้องสาว ”บังเอิญจัง อยู่ด้วยกันได้?”
ไซ่ตี้จวิ้นยังคงเป็นผู้ชายอ่อนโยน ทุกท่วงท่าของเขามีความเป็นสุภาพบุรุษ เพียงแต่ถ้ามองอย่างละเอียด คุณจะเห็นบางอย่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย คนที่สูญเสียผู้หญิงที่รักสุดหัวใจ มักจะให้ความรู้สึกบางอย่าง
เวินอี๋ยิ้มด้วยความอ่อนโยน ”คุณไซ่ คุณเองก็มากินอาหารที่นี่เหรอคะ”
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มแล้วพยักหน้า ”ครับ ผมมาคุยธุรกิจกับเพื่อนนิดหน่อย” ตามด้วยเลิกคิ้วขึ้นมองไปทางกู้จือเหา ”จือเหา ตอนนี้นายดูดีมากเลย ได้ยินว่าทำผลงานออกมาได้ดีด้วย ท่านกู้คงดีใจมาก”
กู้จือเหาพยักหน้าด้วยความเขินอาย ”นิดหน่อยเท่านั้นครับ”
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มราวกับพี่ชายคนโต ”เยี่ยมมาก คนเรากลับตัวกลับใจได้ พี่ดีใจกับนายจริงๆ”
แววตาอ่อนโยนของกู้จือเหามองไปที่เวินอี๋ พูดเสียงเศร้า ”เมื่อก่อนผมเด็กมาก ทำตัวให้คนเกลียด หวังว่าผมในตอนนี้ จะเป็นที่รักของทุกคนนะครับ”
ไซ่ตี้จวิ้นที่ฉลาดหลักแหลมเพียงแค่มองก็รู้แล้วว่ากู้จือเหาต้องการอะไร อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีเลศนัย กู้จือเหาในตอนนี้ถือเป็นคนที่มีความสุข ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะคิดว่าเหลิ่งรั่วปิงคือฉู่หนิงซยา แต่เขาก็ตกหลุมรักเธอแล้วจริงๆ ซึ่งนั่นคงเป็นเพราะบุคลิกของเหลิ่งรั่วปิง อีกทั้งเวินอี๋เองก็มีส่วนคล้ายเหลิ่งรั่วปิง เช่นนั้นการที่กู้จือเหาตกหลุมรักเวินอี๋ก็ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ว่าเวินอี๋คือคนที่เหลิ่งรั่วปิงให้ความสำคัญมาก เธอจึงเป็นคนที่ไซ่ตี้จวิ้นให้ความสำคัญเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเตือนกู้จือเหา
ดังนั้น ไซ๋ตี้จวิ้นจึงมองเวินอี๋ราวกับเป็นพี่ชาย ”จือเหา เวินอี๋เป็นน้องสาวของรั่วปิง นายรู้แล้วใช่ไหม”
กู้จือเหาเข้าใจความหมายของไซ่ตี้จวิ้น ”ครับ รู้แล้วครับ เมื่อกี้หย่าเซวียนบอกกับผมแล้ว”
ไซ่หย่าเซวียนเป็นคนฉลาดรู้ทันคน เธอคือพยาธิในท้องของพี่ชาย จึงยิ้มแล้วรีบพูด ”รู้แล้วค่ะๆ พี่” มองไปทางไซ่ตี้จวิ้นแล้วขยิบตา สื่อในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ ซึ่งก็คือกู้จือเหารู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเวินอี๋แล้ว ไม่ถือสาใดๆ
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้ม แล้วไปที่เวินอี๋ ”เวินอี๋ เคยคิดไหมว่าอยากจะพัฒนาไปทิศทางไหน”
เวินอี๋เรียนศิลปศาสตร์ แต่ศิลปะแบ่งเป็นหลายอย่าง เธอชอบด้านดีไซน์ออกแบบ ถึงแม้เธอจะเกิดที่บ้านตระกูลเจียง มีความรู้ด้านสิ่งก่อสร้างมากมาย แต่นิสัยของเธอกับเหลิ่งรั่วปิงไม่เหมือนกัน เธอไม่ชอบออกแบบอาคารขนาดใหญ่แบบนั้น รักที่จะอยู่ในโลกใบเล็กๆ ของหญิงสาว อย่างเช่นการออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับเป็นต้น
ตั้งแต่เวินอี๋มาประเทศเอ้าตู ไซ่ตี้จวิ้นเป็นคนดูแลเธอมาตลอด ดังนั้นจึงไว้ใจเขามาก ”คุณไซ่คะ ฉันชอบการออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับค่ะ”
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มพร้อมกับพยักหน้า ”อื้ม ดีมาก งานแบบนี้เหมาะกับผู้หญิง” แล้วพูดด้วยความจริงใจ ”ตอนนี้เธอฝึกประสบการณ์ในบริษัทของพี่ ซึ่งไม่ตรงสายเท่าไหร่ พี่แนะนำเธอไปทำงานที่บริษัทของจือเหาดีกว่านะ ตอนนี้เขาเป็นคนรับผิดชอบบริษัทแฟชั่นซึ่งอยู่ภายใต้ชื่อของบริษิทกู้ซื่อ ตรงสายมากกว่า”
กู้จือเหาเข้าใจทันที ไซ่ตี้จวิ้นอยากสนับสนุนเรื่องของเขากับเวินอี๋ เขารู้สึกขอบคุณมาก แต่ก็แสดงออกมาโจ่งแจ้งไม่ได้ กลัวจะทำให้เวินอี๋ตกใจ ดังนั้นจึงยิ้มแล้วหันไปมองเวินอี๋ ”ผมได้ยินหย่าเซวียนบอกว่า ก่อนหน้านี้คุณเคยจัดงานนิทรรศการ ซึ่งส่วนมากเป็นด้านแฟชั่น ผมเห็นภาพบางส่วนแล้ว เยี่ยมาก ผมอยากจะเชิญคุณมาทำงานที่บริษัทอยู่พอดี แต่ไม่รู้ว่าคุณจะให้เกียรติมาไหม”
เวินอี๋เขินอาย แก้มของเธอแดงระเรื่อ ”คุณกู้คะ ความรู้ของฉันยังน้อย กลัวว่าจะไม่มีความสามารถมากพอในการทำงาน”
“นี่ เวินอี่” ไซ่หย่าเซวียนรีบพูด ”ไปที่บริษัทของจือเหาไม่ได้ไปทำงานสักหน่อย ไปเรียนรู้งาน จะกลัวอะไรล่ะ ถ้าเขากล้ารังแกเธอ ฉันจัดการให้เอง”
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มด้วยความอ่อนโยน เขาเหมือนรับบทพี่ชายคนโตตลอดเวลา ”ใช่ เวินอี๋ ถือว่าไปฝึกประสบการณ์ พี่รู้จักจือเหามานานแล้ว ไม่ใช่เรื่องแย่แน่นอน”
ความคิดของไซ่ตี้จวิ้นเรียบง่ายมาก เขาอยากให้เวินอี๋เดินออกมาจากความรักครั้งเก่าให้เร็วที่สุด ถ้าเวินอี๋มีความสุข เหลิ่งรั่วปิงถึงจะมีความสุข การที่เขาช่วยเวินอี๋คือการรักและปกป้องเหลิ่งรั่วปิงรูปแบบหนึ่ง
กู้จือเหาคนนี้ ถึงแม้เมื่อก่อนจะเคยเป็นคนไม่ดี แต่เขาเป็นคนฉลาด ไม่อย่างนั้นหลังจากทำงานในบริษัทระยะเวลาสั้นๆ ก็คงแสดงผลงานไม่ได้ วันนี้เขากลับตัวกลับใจแล้ว ทำงานเก่งและมั่นคง รู้ว่าควรวางตัวอย่างไร ”ถ้าอย่างนั้นแบบนี้ เวินอี๋ เดี๋ยวผมพาคุณไปเดินดูบริษัท ดูว่าคุณชอบสิ่งแวดล้อมที่นั่นหรือเปล่า”
ไซ่ตี้จวิ้นยังคงยิ้มอ่อนโยน เสียงของเขาหวานใส ”แบบนั้นก็ดี เวินอี๋ เธอลองไปเดินดูบริษัท ถ้าไม่ชอบพี่ค่อยหาบริษัทอื่นที่ตรงสายในการฝึกงาน” เงยหน้าขึ้นมองกู้จือเหา ”จือเหา เวินอี๋เป็นน้องสาวของรั่วปิง เท่ากับว่าเป็นน้องสาวของฉัน นายต้องดูแลเธอให้ดี”
กู้จือเหารีบพยักหน้า ”วางใจเถอะครับพี่ตี้จวิ้น”
ไซ่ตี้จวิ้นพยักหน้า ”ฉันมีธุระนิดหน่อย ขอตัวก่อน”
พูดจบ ไซ่ตี้จวิ้นลุกขึ้นแล้วเดินออกไป