บทที่ 658 ชุนหยางไม้ที่เหี่ยวเฉาในฤดูใบไม้ผลิแรก (1)
เผ่าชิงชิวกล้าหาญมากหรือ?
โถงตู้เซียน คำพูดเอียงอายของจิ้งจอกสาวทำให้เหล่าผู้อาวุโสในสำนักต่างร้องอุทานในใจ
ในทางกลับกันนั้น เวลานี้ เหล่าปรมาจารย์แห่งเผ่าชิงชิวหลายสิบคนต่างก็ยิ้มราวกับว่า…
พวกเขาภาคภูมิใจ?
บางที นั่นอาจเป็นพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์
ขณะนั้นหลิงเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเผยรอยยิ้มบาง และโค้งคำนับให้จิ้งจอกสาว
“ผู้อาวุโส โปรดนั่งกับผู้เยาว์เถิด…
ท่านอาจารย์ของข้ามุ่งเน้นไปที่การฝึกบำเพ็ญและไม่ค่อยเก่งกาจในเรื่องการจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้เท่าใดนัก
ข้ายังอยากขอให้ท่านผู้อาวุโสโปรดให้ความสำคัญกับชื่อเสียงที่สะอาดไร้มลทินของท่านอาจารย์ของข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
ขณะกล่าว หลิงเอ๋อร์ก็เผยสีหน้าเคร่งเครียดและนั่งลงที่เบาะหลังอย่างสงบ
บัดนี้ ระดับฐานพลังของนางอยู่ที่ขอบเขตเซียนเทียนแล้ว
และนางก็ยังเป็นคนที่ไปถึงขอบเขตนี้เร็วที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของสำนักตู้เซียน!
ในขณะนั้น นับประสาอะไรกับคำพูดที่ไม่รุนแรงเช่นนี้ เพราะต่อให้นางจะดุด่าเผ่าชิงชิว แต่สำนักตู้เซียนก็จะสนับสนุนนางอย่างแน่นอน
การกระทำของหลิงเอ๋อร์ไม่ได้เกิดขึ้นจากการใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่นางยังมีข้อควรพิจารณาหลายชั้นอยู่ภายในเช่นกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การใช้โอกาสนี้เพื่อเป็นการแสดงทัศนคติที่อาจารย์และศิษย์ของยอดเขาหยกน้อยมีต่อจิ้งจอกสาวโดยตรง
ทั้งนี้ มันจะช่วยให้คนระดับสูงของสำนักตู้เซียนมีความคิดที่ดีว่าควรทำอย่างไรและไม่กระทำการส่งเดชในการจัดเตรียมการแต่งงานให้กับปรมาจารย์ผู้นำยอดเขาของพวกเขา
ในยามนั้น หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ ในใจสองสามครั้งในขณะที่จิ้งจอกสาวเม้มปากเบาๆ และกล่าวขอบคุณหลิงเอ๋อร์
นางก้มศีรษะลงและนั่งลงในตำแหน่งที่นั่งเดิมของหลิงเอ๋อร์
จากนั้น จิ้งจอกสาวก็โน้มร่าง ขยับเข้าไปใกล้หลี่ฉางโซ่วอีกครั้ง และจ้องมองไปที่นักพรตเต๋าชราที่อยู่ข้างๆ นางด้วยสายตาที่ฉายแววเสน่หาอาลัยอาวรณ์
หลิงเอ๋อร์เม้มปากและพึมพำในใจว่า “เทพธิดาอวิ๋นเซียว มาดูสิ มีคนที่มีความคิดกล้าหาญกับศิษย์พี่ของข้า!”
“นักพรตเต๋า…”
จิ้งจอกสาวร้องเรียกเบาๆ อย่างลุ่มหลง ร่างของนางแทบจะเอียงล้มลงกับโต๊ะเตี้ยตัวนั้น
นางใช้มือเรียวเท้าคาง ประคองแก้มของนางเอาไว้ขณะมองไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษของหลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วตอบสนองด้วยวิถีทางตามลักษณะนิสัยที่อาจารย์ของเขามักจะทำ
ในตอนแรก เขาเผยรอยยิ้มฝืนๆ และเขินอายออกมา จากนั้น เขาก็มองออกไปข้างหน้าและตั้งใจฟังถ้อยสนทนาโอภาปราศรัยของผู้คนจากสำนักตู้เซียนและเผ่าชิงชิว
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ครึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะหลี่ฉางโซ่ว
ครั้งสุดท้ายที่หลี่ฉางโซ่วได้ตวาดด่าเหล่าปีศาจในสำนักตู้เซียน เขาก็ใช้เผ่าชิงชิวเป็นตัวอย่างโดยตรง
เขายังอธิบายถึงเผ่าชิงชิวว่า เป็นเผ่าพันธุ์ที่แสวงหาความรักและความเท่าเทียมเพื่อสนับสนุนมุมมองของเขา
เรื่องนี้ได้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางในโลกบรรพกาล ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิธียอดเยี่ยมสุดๆ ในการด่าปีศาจ!
แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่า เผ่าชิงชิวจะจริงจังกับเรื่องนี้…
เผ่าชิงชิวคิดจริงๆ ว่า เทพวารีแห่งศาลสวรรค์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ชื่นชมเผ่าชิงชิวของพวกเขาอย่างยิ่ง!
ครั้งนี้ พวกเขาจึงมาที่สำนักตู้เซียนเพื่อมอบของขวัญให้ โดยหลักแล้ว เป็นเพราะพวกเขาต้องการสร้างสัมพันธ์กับเทพวารีแห่งศาลสวรรค์
เวลาเดียวกันนั้น พวกเขาก็ต้องการสร้างรากฐานของสำนักให้แข็งแกร่ง มั่นคงและกว้างขวางเฉกเช่นสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…
ด้วยเหตุนี้ เผ่าชิงชิวจึงมีความคิดล้ำเลิศที่จะยิงนกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว
“เจ้าสำนักอู๋โหย่ว”
หญิงชราที่มีลมปราณแข็งแกร่งที่สุด ยิ้มและกล่าวว่า “ข้า เผ่าชิงชิว จะขอเกี่ยวดองกับสำนักตู้เซียนของท่าน แล้วท่านคิดเห็นเป็นเช่นไร?”
ทันใดนั้น จี้อู๋โหย่วที่กำลังจิบชา ก็อดจะกระแอมไอออกมาอีกครั้งไม่ได้
ปีศาจทุกตัวล้วนกล้าหาญและตรงไปตรงมาเช่นนี้หรือไม่?
หากหลิงเอ๋อร์เคยเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นมาก่อนหน้านี้ บางที เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วอาจจะพยักหน้าตอบรับจริงๆ
ทว่าตอนนี้…
“สหายเต๋า ท่านต้องล้อข้าเล่นแน่แล้ว”
จี้อู๋โหย่วยิ้มและกล่าวว่า “สำนักของข้าเป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญเหนือโลก[2] แล้วจะมีเรื่องการแต่งงานได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินยังยึดหลักการให้รักษาลักษณะนิสัยทั้งสี่ในการฝึกบำเพ็ญ ความสงบเงียบและนิ่งเฉย
เราย่อมไม่อาจบีบบังคับให้ผู้ฝึกบำเพ็ญของสำนักทำในสิ่งที่ขัดกับเจตนารมณ์เดิมที่แท้จริงของพวกเขาได้”
“เยี่ยงนี้จะถือว่าเป็นการบีบบังคับกันได้อย่างไร?
มันจะไปขัดแย้งกับเจตนารมณ์ที่แท้จริงของพวกเขาได้อย่างไร?”
ปีศาจเฒ่าที่ดูมั่งคั่งคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “ดูเสี่ยวหลานแห่งเผ่าชิงชิวของเราสิ นางได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ตั้งใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่แล้ว”
ในขณะนั้น หว่างฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองดูสถานการณ์และกล่าวอย่างสงบว่า “ทว่าศิษย์ของสำนักตู้เซียนของข้าไม่ได้คิดอะไรกับคนของเผ่าชิงชิวของท่าน”
ชายชรากล่าวว่า “นั่นเป็นเพียงเรื่องที่สามารถตกลงกันหลังจากรู้จักกันสักสิบวันหรือครึ่งเดือนได้ไม่ใช่หรือ!?!”
“ท่านไม่อาจกล่าวเช่นนั้นได้” ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักตู้เซียนกล่าวว่า “ศิษย์ของสำนักตู้เซียนฝึกฝนจิตใจและความคิดของพวกเขา ส่วนเรื่องความรักระหว่างชายหญิง…”
กล่าวจบ น้ำเสียงของผู้อาวุโสก็อ่อนลง
“พวกเขาทุกคนล้วนมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง”
หลี่ฉางโซ่วฟังอย่างสนุกขบขันเช่นกันเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ทว่าในเวลานี้ สีหน้าท่าทางของเขาก็ยังคงดูตึงเครียดเล็กน้อยและไม่เปิดเผยข้อบกพร่องใดๆ แม้แต่น้อย
หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มสงบลงและหยุดการตอบโต้ทางวาจากันอย่างรุนแรงในเรื่องนี้
ในขณะที่ปีศาจจิ้งจอกสาวเสี่ยวหลาน มองไปที่ใบหน้าด้านข้างของหลี่ฉางโซ่วอย่างตั้งใจ ราวกับว่าไร้ผู้คนอยู่รอบๆ ที่นั่น และบางครั้งคราว นางจะเผยรอยยิ้มอ่อนโยนสบายๆ ออกมา…
มันราวกับว่าช่วงเวลานั้นก็เพียงพอแล้ว
ข้าควรจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?
หลี่ฉางโซ่วใช้สัมผัสเซียนรับรู้เพื่อมองดูท่านอาจารย์ขี้เมาของเขา ซึ่งยังคงหลับสนิทอยู่บนยอดเขาหยกน้อยก่อนจะมองไปที่จิ้งจอกสาวผู้นี้อีกครั้ง
ในขณะนั้นท่านอาจารย์ก็อยู่ในช่วงเวลาปลอดความรัก[3]แล้ว ดังนั้นมันย่อมง่ายที่จิ้งจอกสาวผู้นี้จะฉวยประโยชน์จากช่วงเวลาปลอดความรักในตอนนี้…
………………………………………………………………..
[1] ชุนหยางหรือบุรุษผู้ครองหยางบริสุทธิ์
[2] คือสถานที่ฝึกบำเพ็ญเซียน
[3] ช่วงเวลาปลอดความรัก หมายถึง ช่วงเวลาของความรู้สึกว่างเปล่าในช่วงระหว่างจุดจบของความรักครั้งเก่าและจุดเริ่มต้นของความรักครั้งใหม่ หรือช่วงเวลาว่างงาน เดิมที่มาจากความหมายถึงช่วงเวลาที่ได้รับเชื้อจนถึงร่างกายแสดงอาการติดเชื้อ ต่อมาจึงนำเอาไปใช้กับเรื่องราวความรัก และขยายความไปใช้กับเรื่องการงาน (ช่วงว่างงาน) หรือช่วงเวลาที่หยุดไปทำอะไรบางอย่าง