บทที่ 383 ที่ที่มีแต่เราสองคน
บทที่ 383 ที่ที่มีแต่เราสองคน
ได้ยินคำอวยพรของผู้เฒ่าจิงและผู้เฒ่าโม่ ทุกคนปรบมือออย่างพร้อมเพรียงก่อนจะยกแก้วขึ้นสูงเพื่อฉลองให้กับการหมั้นหมายของถังซวงและโม่เจ๋อหยวน
หลังจากดื่ม งานเลี้ยงจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนตัวเอกของงานในวันนี้ ทั้งสองคนติดตามผู้เฒ่าจิงและผู้เฒ่าโม่เดินไปร่วมดื่มอวยพรกับทุกโต๊ะ โดยเริ่มต้นที่โต๊ะของผู้อาวุโสจูก่อน ซึ่งทุกคนให้ความเคารพซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี
หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่าง โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง
“ซวงเอ๋อร์ กินอะไรสักหน่อยดีไหม?”
ตอนนี้เที่ยงแล้ว เธอน่าจะเริ่มหิว เพราะนี่ก็มันผ่านมื้อเช้ามาสักพักใหญ่แล้ว
“ค่ะ แต่พี่ต้องกินด้วยกันนะคะ”
เธอไม่ได้ดื่ม แต่โม่เจ๋อหยวนดื่มไปบ้าง ดังนั้นเขาจึงควรกินอะไรรองท้องสักหน่อย
“ครับ”
ทั้งสองหยิบตะเกียบก่อนจะทานอาหารด้วยกัน
เกอชิงเหม่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เด็กสองคนนี้นี่คงจะหิวสินะ เอาเถอะ นี่เป็นงานหมั้นของพวกเธอ ทานให้มาก ๆ นะจ๊ะ”
ขณะที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกำลังรับประทานอาหาร ก็เริ่มมีแขกเข้ามากล่าวอำลา
เฉินกวงหยาง เปาลี่ผิง และคนอื่น ๆ มาร่วมแสดงความยินดีกับถังซวงด้วยรอยยิ้ม “ซวงเอ๋อร์ ยินดีกับการหมั้นหมายด้วยนะ ตอนนี้งานเลี้ยงจบแล้ว พวกเราขอตัวกลับก่อน”
แต่เฮ่อหลานพูดขึ้นก่อน
“กวงหยาง ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยล่ะจ๊ะ?”
เธอยังจำได้ดีตอนที่ทั้งสามแม่ลูกได้พบกับเฉินกวงหยาง ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะรู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว
เฉินกวงหยางยิ้มกว้างก่อนจะตอบกลับว่า “ป้าหลาน ผมยังอยู่ในเมืองหลวงอีกสักพักครับ เดี๋ยวอีกวันสองวันผมจะไปเยี่ยมนะ”
เฮ่อหลานหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น “อย่างนั้นก็ตกลงจ้ะ”
ตอนที่พวกเขาเข้ามาในงาน เฉินกวงหยาง เปาลี่ผิง เฟ่ยไห่ชางและคนอื่น ๆ ยังไม่ได้มอบของขวัญแสดงความยินดี เพราะก่อนหน้านี้มีคนมากมายรอมอบของขวัญกันอยู่ เฉินกวงหยางจึงหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาแล้วมอบมันให้ถังซวง “ซวงเอ๋อร์ ผู้เฒ่าฉีไม่ได้มาที่นี่เพราะเขาแก่เกินกว่าจะเดินทาง แต่เขาก็คิดถึงเธอมาก นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาเตรียมไว้ให้”
“ขอบคุณค่ะพี่เฉิน ถ้าฉันว่างเมื่อไหร่ฉันจะไปเยี่ยมผู้เฒ่าฉีทันทีเลยค่ะ”
“อืม ถ้าผู้เฒ่าฉีรู้ว่าเธอจะไปหา คงมีความสุขมากแน่”
หลังจากพูดคุยกันสองสามคำ ทั้งหมดก็เดินออกไป
เมื่องานเลี้ยงเลิกรา ทุกคนรับประทานอาหารเสร็จสิ้นแล้ว เวลานี้ผู้อาวุโสจูกำลังจะกลับ ทุกคนจึงเดินออกไปส่งเขา
“เอาล่ะ ทุกคนกลับไปจัดการตัวเองเถอะ ส่งฉันแค่นี้พอแล้ว”
ผู้อาวุโสจูยิ้มก่อนจะโบกมือ เขาหันมองถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “ถ้าเธอสองคนว่าง แวะมาหาชายชราคนนี้ได้เสมอนะ”
“ค่ะผู้อาวุโสจู เดี๋ยวอีกวันสองวันเราจะเข้าไปพบนะคะ”
“ตกลง ๆ แล้วค่อยคุยกันนะ”
ผู้อาวุโสจูยกยิ้มก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเฉินซิ่งเหวินและคนอื่น ๆ
คนรอบข้างที่ยังไม่กลับออกไป เห็นว่าผู้อาวุโสจูเชิญถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเข้าพบเป็นการส่วนตัว ต่างรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็สงสัยว่าลูกสาวของจิงเจ้อหรงคนนี้ได้รับความสนใจจากผู้อาวุโสจูมากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
หลังจากที่ผู้อาวุโสจูกลับไปแล้ว คนอื่น ๆ ก็กลับไปเช่นกัน เวลานี้เหลือเพียงถังซวงและตระกูลโม่
“ผู้เฒ่าโม่ ถ้ามีเวลาว่าง เชิญมารับประทานอาหารที่บ้านนะครับ”
ได้ยินคำเชิญจากผู้เฒ่าจิง ผู้เฒ่าโม่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนครับ ตอนนี้ทั้งจงอี้กับผู้เฒ่าเฮ่อก็อยู่ที่นี่แล้ว พวกเราหาโอกาสดี ๆ ไปรับประทานอาหารกันดีกว่า”
“ครับ”
หลินเหม่ยเจินหันมองลูกชายของตนพร้อมกล่าวหยอกล้อ “เจ๋อหยวน ลูกจะกลับบ้านเราหรือจะกลับบ้านตระกูลจิงกับซวงเอ๋อร์จ๊ะ?”
โม่เจ๋อหยวนไม่ตอบ แต่หันไปหาถังซวง “ซวงเอ๋อร์ หลังจากนี้เราไปเที่ยวดีไหม?”
“อ้อ… ลูกวางแผนว่าจะอยู่กับเธอตามลำพังงั้นหรือ”
หลินเหม่ยเจินมองลูกชายอย่างขบขัน ดูเหมือนว่าเขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้อยู่กับคู่หมั้นตัวเองสองต่อสอง
ถังซวงก็เพิ่งได้ยินโม่เจ๋อหยวนพูดอะไรแบบนี้เช่นกัน และไม่รู้ว่าโม่เจ๋อหยวนจะพาตนไปที่ใด แต่ถ้าเขาพูดอย่างนั้นแล้ว ถังซวงไม่มีทางปฏิเสธเด็ดขาด “ค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนดีมากที่ถังซวงตอบตกลง และไม่ลืมที่จะหันไปขออนุญาตจากจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานด้วย
จิงเจ้อหรงชำเลืองมองโม่เจ๋อหยวนด้วยใบหน้าบึ้งตึง แต่ก็จนใจ “อืม ในเมื่อทั้งสองคนมีเรื่องต้องจัดการ ก็รีบไปได้แล้ว พวกเราจะกลับแล้วล่ะ”
“ลุงจิง ป้าหลาน ผมขอตัวก่อนนะครับ”
โม่เจ๋อหยวนหันกลับมาบอกลาจิงเจ้อหรงและคนอื่น ๆ ก่อนจะพาถังซวงออกไป
ตอนนี้ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเดินอยู่บนถนน หญิงสาวก็อดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “พี่โม่คะ เราจะไปไหนกันหรือ?”
“ไปบ้านของเราไง”
เมื่อได้ยินคำว่าบ้าน ใบหน้าของโม่เจ๋อหยวนเต็มไปด้วยความสุขและคาดหวัง “ฉันอยากใช้เวลาช่วงบ่ายอยู่กับเธอที่บ้านน่ะ”
“อ้อ พี่วางแผนทุกอย่างไว้แล้วนี่เอง แล้วทำไมไม่บอกฉันก่อนล่ะ?”
โม่เจ๋อหยวนยิ้มกว้าง “ฉันมีอะไรจะอวดเธอน่ะสิ”
ถังซวงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร แต่เมื่อเธอมาถึงสถานที่แห่งนี้ เธอยิ่งตกตะลึงเมื่อเห็นทะเลดอกไม้บานสะพรั่งตรงหน้า
“พี่โม่… พี่… พี่หาเวลามาเตรียมอะไรแบบนี้ตอนไหนเนี่ย?”
“ไม่กี่วันที่แล้วน่ะ”
โม่เจ๋อหยวนจับมือถังซวงเข้าไปในสวน “เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ทำได้แค่คุยกันผ่านจดหมายทุกวัน สองสามวันมานี้ฉันเลยยุ่งจนหัวหมุนนอกจากยุ่งเรื่องงานหมั้นแล้ว ยังต้องหาเวลามาตกแต่งบ้านด้วย คิดว่ามันน่าจะสะดวกถ้าเรามางีบหลับที่นี่ หรือพักผ่อนหลังจากเสร็จงานหมั้นแล้ว”
“แล้วพี่ก็เตรียมดอกไม้พวกนี้ด้วยหรือคะ? มันเยอะขนาดนี้พี่ไปหาจากที่ไหน?”
“ฉันสั่งมันมาจากเมืองใกล้ ๆ น่ะ”
ในเมืองหลวงมีดอกไม้ไม่มากนัก ดังนั้นเขาจึงออกไปค้นหาแถบชานเมือง และที่สำคัญดอกไม้จำนวนมากขนาดนี้ไม่ใช่ว่าจะขนส่งกันง่าย ๆ มันยากลำบากพอสมควร
แม้ถังซวงจะคิดว่ามันสิ้นเปลือง แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธความตั้งใจของชายหนุ่ม
มันสวยมากจริง ๆ และบรรยากาศตอนนี้อบอวลไปด้วยความอบอุ่น
“ขอบคุณนะคะ มันสวยมาก ฉันชอบมากเลยล่ะ”
พอเห็นถังซวงชอบมันมาก โม่เจ๋อหยวนเองก็มีความสุข และดึงเธอเข้าไปในบ้าน
โม่เจ๋อหยวนเตรียมของไว้มากมาย ทั้งอาหารว่าง ชา ผลไม้ เมล็ดแตงโม เวลานี้ทั้งสองคนนั่งพักผ่อนอย่างสบาย ๆ พร้อมเอนกายพิงกันและกัน
“ซวงเอ๋อร์ ฉันอยากจะอยู่กับเธอแบบนี้ตลอดไป เมื่อไหร่ที่ได้อยู่กับเธอ ฉันรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยมาก นี่คือวันที่ฉันรอคอยมาทั้งชีวิตเลยล่ะ”
ได้ยินโม่เจ๋อหยวนพูดอย่างนั้น ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “หลังจากเราแต่งงานกันแล้ว เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปค่ะ”
“อื้ม ฉันจะเฝ้ารอวันนั้น”
อาจเป็นเพราะเธอตื่นเช้าเกินไป จึงรู้สึกง่วง ตอนที่เธอนั่งพิงโม่เจ๋อหยวน เธอค่อย ๆ หลับตาลง
โม่เจ๋อหยวนหันมองถังซวงที่กำลังหลับใหลข้างกาย แววตาอ่อนโยนของเขายกยิ้มอย่างมีความสุข อดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะไปจูบหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา “ซวงเอ๋อร์ ฉันดีใจที่มีเธออยู่ข้าง ๆ นะ” หลังจากนั้นเขาก็เอนกายพิงถังซวงแล้วหลับไปด้วยเช่นกัน
ตอนที่ทั้งสองตื่นขึ้นมา พวกเขาเห็นว่ามันเริ่มเย็นแล้ว แต่ก็ทำเพียงมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา “ซวงเอ๋อร์ เดี๋ยวฉันหาอะไรให้กินนะ”