ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 420 ผมเชื่อคุณ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 420 ผมเชื่อคุณ

ตอนที่ 420 ผมเชื่อคุณ

ก่อนที่เธอจะออกไปจัดการความงี่เง่านั้น ซูเถาก็ได้ติดต่อเหลยสิงอย่างเร่งด่วนและบอกให้พวกเขาออกจากฐานโส่วอันโดยเร็วที่สุด

เมื่อเหลยสิงรับสาย ในตอนแรกเขารู้สึกประหลาดใจ แต่ต่อมาก็ต้องขมวดคิ้วหลังจากได้ยินพวกเขายอมรับภารกิจในโส่วอันตามสัญญา หากพวกเขายกเลิกภารกิจนั้นกลางคัน พวกเขาจะต้องชดเชยเป็นสิบเท่าของค่าจ้าง

เหลยสิงคำนวณอย่างรวดเร็วในใจ หากพวกเขาละเมิดสัญญาพวกเขาจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 30 ล้านเหลียนปัง บวกกับผลึกนิวเคลียส 1,500 อัน

ราคาสูงเสียดฟ้า…

แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มเป้าถูจะสะสมความมั่งคั่งไว้มากมาย แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะจ่ายค่าผิดสัญญาดังกล่าวได้ มันเทียบเท่ากับว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาทำงานโดยเสียแรงไปฟรี ๆ

เหตุผลที่ค่าผิดสัญญาของเป้าถูสูงมาก เพราะเป็นค่าประกันชีวิตของนายจ้าง

เพราะว่านายจ้างเป็นกังวลในความปลอยภัยของชีวิต หากว่าผู้รับจ้างนั้นเกิดผิดสัญญาไปรับงานอื่นที่ได้ค่าตอบแทนสูงกว่า แล้วเขาต้องมาตายเพราะเหตุนี้ เขาจะไปเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากใคร

ดังนั้น ค่าผิดสัญญาเลยสูง นายจ้างจะได้ไม่ต้องมากังวลว่าผู้รับจ้างจะผิดสัญญา

เพราะคงไม่มีใครจ่ายไหว

ดังนั้น การที่กลุ่มเป้าถูยอมรับในข้อตกลงการจ่ายค่าละเมิดสัญญาสูงลิ่วขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะความล้มเหลวทางภารกิจของพวกเขานับเป็นศูนย์ กลุ่มเป้าถูมีชัยชนะมาโดยตลอด ชื่อเสียงในด้านนี้ของพวกเขาไม่เป็นรองใคร

ตอนนี้การโทรมาของซูเถาจะทำให้พวกเขาเผชิญกับสถานการณ์ของการละเมิดสัญญาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่ม เหลยสิงพยายามทบทวนอย่างถี่ถ้วนและถามออกไปว่า

“มีอันตรายอะไรที่จะเกิดขึ้นกับการทำภารกิจครั้งนี้ของพวกเราหรือเปล่า”

“ฉันเดาว่ามีซอมบี้กลายพันธุ์ในฐานโส่วอัน และพวกมันมีเจตนาชั่วร้าย ฉันกังวลว่าเมืองจะถูกทำลาย” ซูเถาบอกความจริง

เหลยสิงเงียบไปครู่หนึ่ง

“คุณแน่ใจแค่ไหนในการคาดเดานี้”

ซูเถาพิจารณาอีกครั้งก่อนที่จะตอบว่า “แปดสิบเปอร์เซนต์”

การทำนายที่เกิดขึ้นจากความฝันเป็นครั้งคราวของเธอยังคงแม่นยำมาก แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจ 100% ก่อนที่จะได้สัมผัสคำทำนายนั้นจริง ๆ

เหลยสิงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ผ่านทางเครื่องสื่อสาร หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “ตกลง ผมเชื่อคุณ”

ซูเถาไม่รู้ว่าเขากำลังเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากแบบไหน แต่เธอก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากวางสาย

เธอไม่สนใจชีวิตและความตายของผู้คนในโส่วอัน แต่ห้ามเกิดเรื่องกับเหลยสิงและพวกในโส่วอันเด็ดขาด

เธอยังเชื่อในตัวเหลยสิงเมื่อเขาตอบตกลง เขาจะพาทีมออกจากโส่วอันโดยเร็วที่สุดอย่างแน่นอน

แต่ในฝั่งของเหลยสิงกำลังวุ่นวาย

เมื่อทุกคนได้ยินว่าภารกิจจะถูกยกเลิกและพวกเขาต้องยกเลิกสัญญา ทุกคนก็ลุกฮือ

“เหล่าต้า แบบนี้ไม่ได้นะ เราต้องผิดสัญญาเพียงเพราะการคาดเดาเหรอ?”

“ใช่ เหล่าต้า ค่าละเมิดสัญญานั้นสูงเสียดฟ้า เสียทรัพย์สินเงินทองยังพอว่า แต่ว่าชื่อเสียงที่เราสั่งสมมาล่ะ การรับงานในอนาคตของพวกเรานายจ้างจะเชื่อถือได้ยังไง”

แม้แต่หั่วเสอก็นิ่งเงียบและส่ายศีรษะให้กับการตัดสินใจของเหลยสิง

หั่วเสอรู้สึกว่าเหล่าต้าของเขาบ้าไปแล้ว

ในอดีตพวกเขาไม่เคยมีข้อพิพาทใด ๆ หากเหล่าต้าจะเชื่อฟังคำแนะนำของเถ้าแก่ซู ตราบใดที่ทีมโดยรวมไม่ได้รับผลกระทบ แต่ในกรณีนี้เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเหล่าต้า

ในบรรดาผู้คนทั้งหมด มีเพียงเฉินหยางเท่านั้นที่เงยหน้าขึ้นและพูดอย่างหนักแน่นว่า

“พี่ใหญ่เหลย ผมจะไปกับพี่! ผมเชื่อในตัวพี่เถาจื่อเช่นกัน!”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปมองพี่ใหญ่คนอื่น ๆ และพูดอย่างหนักแน่นว่า

“พี่เถาจื่อของผมไม่เคยพูดอะไรที่เธอไม่แน่ใจ หากพวกพี่ไม่เชื่อ พวกพี่จะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!”

คนในทีมเริ่มกระซิบกระซาบปรึกษากัน

เหมือนเหลยสิงได้ยินคำพูดประชดประชันของพวกเขา ใบหน้าของเหลยสิงก็บึ้งตึงและตวาดด้วยความโกรธ

“จำเป็นต้องไป อย่ามัวมาพูดจาไร้สาระอยู่ รีบไปเก็บข้าวเก็บของซะ แล้วเจอกันในอีกหนึ่งชั่วโมง และใครที่ไม่เต็มใจจะไปก็ให้ออกไปจากกลุ่มเป้าถูไปซะ”

เมื่อซูเถาบอกว่าเธอมั่นใจถึง 80% เขาก็เชื่ออย่างสนิทใจ หากมีซอมบี้กลายพันธุ์อยู่ในโส่วอันด้วยเจตนาชั่วร้าย พวกเขาต้องสิ้นชื่อในโส่วอันแน่

พวกสัตว์ประหลาดที่ไร้มนุษยธรรมเหล่านั้นโหดร้ายต่อมนุษย์ และวิธีการปกติคือการสังหารหมู่และฆ่ามนุษย์ตามอำเภอใจ

เงินทอง ชื่อเสียง ลาภยศอะไร ถ้าไม่มีชีวิตมันก็แค่นั้น

ทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนก็เงียบลง

พวกที่เชื่อฟังหันกลับไปเก็บข้าวของทันที

หากมีความคิดที่ไม่เห็นด้วยก็ทำได้แค่ระงับเอาไว้ในใจ และทำได้แค่สบถในอากาศแค่นั้น

ในหมู่พวกเขา เหลยสิงถือว่ามีชื่อเสียงบารมีเป็นอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มทางเป้าถูคงไม่มีวันนี้หากไม่มีเขา หนึ่งชั่วโมงต่อมา ทุกคนในเป้าถูออกจากโส่วอันอย่างราบรื่นและมุ่งหน้าไปยังเถาหยาง

เมื่อซูเถารู้ว่าพวกเขาออกจากโส่วอันมาแล้วก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น ในขณะเดียวกันเธอก็เก็บข้าวของและเตรียมเดินทางไปโส่วอันโดยเร็วที่สุดเช่นเดียวกัน

เนื่องจากอันตรายในครั้งนี้ ซูเถาจึงพาเจียงอวี่ไปกับเธอเท่านั้น

หากมีอะไรเกิดขึ้นในเวลานั้น เธอสามารถใช้ฟังก์ชันเคลื่อนย้ายในระบบเทเลพอร์ตกลับมาที่เถาหยางได้ทันที

เจียงอวี่สามารถซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและไม่มีสิ่งใดสามารถตรวจจับได้

ในขณะที่จวงหว่านเป็นกังวลและจับมือซูเถาเพื่อขอร้องให้เธอพาคนไปเพิ่ม

ความรู้สึกนี้เหมือนย้อนกลับไปตอนที่ซูเถายืนยันที่จะไปภูเขาผานหลิวกับกองทัพผู้บุกเบิก ซึ่งทำให้เธอนอนไม่หลับและเป็นกังวลตลอดทั้งคืน

ซูเถาคือกระดูกสันหลังของเถาหยางและเป็นที่ยึดเหนี่ยวของทุกคน

จวงหว่านไม่แน่ใจด้วยซ้ำ หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้านายของเธอ เธอจะสามารถดูแลจัดการเถาหยางได้อย่างมั่นคงหรือเปล่า

“พี่จวงหว่าน พี่เป็นคู่หูคนแรกของฉัน ฉันเชื่อว่าหากพี่อยู่ในเถาหยาง ฉันจะสามารถวางใจได้เมื่อฉันไม่อยู่ พี่เชื่อใจฉันนะ ฉันจะรักษาชีวิตของตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ยอมเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยง” ซูเถาพูดอย่างเคร่งขรึม

อารมณ์ของจวงหว่านสงบลงทันที แต่กระนั้นก็อดห่วงซูเถาไม่ได้และยังจับมือของซูเถาเอาไว้แน่น

“ฉันจะรอให้คุณกลับมาอย่างปลอดภัย”

ซูเถาพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น

เธอไม่ได้บอกใครว่าเธอจะออกนอกเถาหยาง เธอเตรียมทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ และกำลังจะออกเดินทาง แต่จู่ ๆ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากกู้หมิงฉือ

ซูเถาตกใจคิดว่าอดีตโจรอย่างกู้หมิงฉือรู้การเคลื่อนไหวของเธออีกครั้ง

เธอจึงลังเลที่จะรับสายนั้น

แต่เสียงเรียกเข้านั้นก็ดังต่อเนื่อง เธอไม่รับสาย เขาก็ยังคงโทรมาอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุดเธอก็ยอมรับ แล้วอีกฝ่ายก็เอ่ยถามทันทีว่า

“ทำไมคุณรับสายผมช้าจัง”

เธอเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ไม่รับสายเลยก็รับสายช้า

รู้จักกันมาก็นาน แต่เธอก็ไม่เคยที่จะรับโทรศัพท์และพูดคุยกับเขาตามปกติ

ซูเถาลืมตาขึ้นและพูดโกหกออกมา “ฉันเพิ่งตื่นนอน คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

กู้หมิงฉือพูดเสียงดังว่า “ข่าวดี ขบวนชายฝั่งกลับมาแล้ว และจะมาถึงเถาหยางในอีกหนึ่งชั่วโมง คุณเตรียมรับได้เลย ในทีมนั้นมีผู้มีพลังด้านมิติอยู่ คุณไปหาเขานะผลึกนิวเคลียสทั้งหมดอยู่ที่เขา”

“เร็วจัง ตกลง แล้วขบวนในครั้งนี้ได้รายได้มาเยอะไหม?” ซูเถาส่งเสียงดีใจ

กู้หมิงฉือกระซิบเบา ๆ “ก็เพียงพอแล้วสำหรับคุณที่จะเข้าควบรวมเขตตะวันออกทั้งหมด”

เขาแอบคิดในใจ รายได้ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพียงพอสำหรับเธอที่จะเข้าควบรวมเขตตะวันออก แต่มันยังเหลืออีกเป็นจำนวนมากอีกด้วย!

หัวใจของซูเถาเต้นแรงขึ้นในทันที มันมากกว่าที่เธอคาดไว้

การเดินทางครั้งนี้ได้รับผลึกนิวเคลียสอย่างน้อย 5-6 พันอัน

“เมื่อก่อนคาดการณ์ไว้ว่าจะได้ผลึกนิวเคลียสมาประมาณ 5,000 อันไม่ใช่เหรอ?”

กู้หมิงฉือกล่าวว่า “นั่นคือราคาของมโนธรรม แต่นี่คือราคาของความใจดำ”

“…” ซูเถา

บังอาจถือโอกาสจุดไฟปล้นคนชายฝั่งด้วยการขึ้นราคาอย่างนั้นเหรอ

ครั้งนี้ผลึกนิวเคลียสที่ได้มาต้องไม่ใช่แค่ 6,000 อันแน่ ๆ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท